ของมันต้องมี ต้อนรับปี2019 มีอะไรเด็ดๆบ้าง มาดูกัน!!

15 1

สวัสดีค่ะสาวๆ กลับมาเจอกันอีกแล้วกับกระทู้รวมของเด็ดของดีที่เราใช้แล้วชอบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รวมเด็ดกันมาเลยจ้า  คัดสรรกันมาแล้ว มีทั้งของที่ออกมานานแล้วแล้วทางเราเพิ่งเคยใช้ และของออกใหม่ที่ได้มาก็รีบลองเลย เอาเป็นว่าเราจะไม่เกริ่นเยอะ ไปดูกันเลยดีกว่าค่า (ขอเตือนก่อนว่า กระทู้นี้ ยาวมาก อ่านกันไปแบบจุกๆเลยจ้า!!! ) 




1. TSUBAKI NATURAL LINE ( 329 บาท )

มาเริ่มต้นกันที่เส้นผมกันก่อนเลยจ้า ในที่สุด TSUBAKI NATURAL LINE ก็เข้าไทยแล้วจ้า TSUBAKI นี่คือเราเคยใช้สูตรเก่าอยู่แล้ว เป็น Haircare ที่ยอดนิยมมากๆ ในญี่ปุ่น นอกจากหอมแล้ว ยังบำรุงผมดีมากๆ ออกสูตรใหม่มาแบบนี้ ก็เริ่มค่ะ เริ่มใช้แล้วรีวิวได้ !!

สูตรใหม่นี้ เค้าเป็นแชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 5 ชนิดเลย เค้าเคลมว่ามี

- รอยัล เจลลี่ 

-   โปรตีนถั่วเหลือง 

- สารสกัดจากพฤกษา 

- น้ำมันสกัดจาดเมล็ดซึบากิ

 – เลมอน ซิตรัส 


นอกจากนี้แล้วเค้ามีกลิ่นหอมมากจ้า 

หอมกลิ่นแบบดอกไม้ๆ ปนๆผลไม้ ได้กลิ่นแล้วสดชื่น


จริงๆ เค้ามี 3 สูตรนะคะ แต่ที่เราเลือกมาเป็นสูตร Volume ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ผมเส้นเล็ก ลีบแบน ใครที่มีผมแบบเดียวกับเรา ก็เลือกสูตรนี้นะคะ ^^

มาดูลักษณะขวดเค้ากันบ้าง จะเป็นขวดใหญ่ฝาปั๊มแบบนี้เลย ซึ่งทางเราชอบนะ ใช้สะดวกดีค่ะ ในส่วนของเนื้อเค้า แชมพู จะเป็นเนื้อเจลใสค่ะ ใช้แล้วมีฟองฟูระดับนึงเลยน้า สระสะอาดค่ะ ส่วนครีมนวด จะเป็นสีครีมอ่อนๆ ทั้งคู่มีกลิ่นหอมทั้งคู่เลยยยย ใช้แล้วฟินสุด  

สำหรับเรา เราคิดว่าเป็นแชมพูออกใหม่ที่อยากแนะนำเลย คือใช้เสร็จแล้ว ผมนิ่ม มีวอลลุ่มขึ้น ไม่ดูลีบแบน และดูเงางามอย่างเห็นได้ชัด สระแล้วรู้สึกเบาสบายหัวนะคะ ไม่รู้สึกหนักหรือเหนอะใดๆ ใช้ติดต่อกันมารู้สึกผมดูสุขภาพดีขึ้นเลย ที่สำคัญ กลิ่นติดผมมากๆ วันไหนสระผมคืออยากสะบัดผมทั้งวัน 55555

ให้คะแนนความชอบ 4/5 ไปเลยค่ะ (หักคะแนนนิดหน่อยตรงที่ยังไม่มีขวดพกพา อยากพกไปไหนก็ไม่ได้ ต้องแบ่งใส่ขวดเล็กไปค่า




2. SENKA Perfect Whip Collagen in ( 189 บาท )

มาต่อกันที่โฟมล้างหน้ากันบ้างจ้า SENKA วิปโฟมเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่เคยรีวิว มีอีกสูตรด้วยจ้า หลอดสีชมพู ฟองยังนุ่มแน่น ละเอียด ทำความสะอาดได้ดีเหมือนเดิม แต่ความแตกต่างในครั้งนี้คือมีส่วนผสมของคอลลาเจน ช่วยให้ผิวดูกระชับเรียบเนียน สีหลอดน่ารักมากเลยลองใช้ดู อ่ะ ไม่ผิดหวังจริงๆ ยี่ห้อนี้ 5555

เรามาดูสรรพคุณเค้ากันหน่อยดีกว่า รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่มีสารสกัดจากไวท์โคคูนและดับเบิ้ลไฮยาลูรอนิค 

ที่ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื่นสู่ผิวเหมือนเช่นรุ่นอื่นๆ ที่แตกต่างก็คือเค้ามีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบนั่นเอง ซึ่งคอลลาเจนก็เป็นที่ทราบกันว่าจะช่วยให้ผิวของเรามีความยืดหยุ่น ช่วยให้ผิวดูกระชับนั่นเองค่ะ

มาดูที่ฟองโฟมกันบ้าง ขาดไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับการรีวิวโฟมล้างหน้าเซนกะ สูตรคอลลาเจนนี่ก็เหมือนกับสูตรอื่นๆของเซนกะค่ะ ฟองโฟมยังคงแน่นเหมือนเดิม มีความยืดหยุ่นดี คุณสมบัติหรือว่าการทำงานของวิปโฟมเค้าก็คล้ายๆ กับเป็นเกราะป้องกันผิวไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่นขณะล้างหน้า เหมือนกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวตอนที่เราล้างหน้า ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังล้างฟองละเอียดแบบนี้ยังช่วยให้ทำความสะอาดได้หมดจดด้วย แถมเป็นการลดการเสียดสีระหว่างมือและผิวหน้า

และช่วยขจัดสิ่งสกปรกอุดตันได้ดีมากๆ เลยทีเดียว

วิธีการตีฟองโฟมให้ฟู เราแนะนำให้บีบโฟมออกมาซักประมาณ 1-2 เซนติเมตรนะคะ จริงๆจะค่อยๆดีกับมือไม่ใช้ตาข่ายตีฟองก็ได้ แต่ก็จะได้ฟองที่ไม่ค่อยฟูมากนัก เนื้อจะค่อนข้างแน่นเลย พอตีฟองโฟมได้ฟูแล้ว ก็ทำความสะอาดหน้าได้ตามปกติเลยค่ะ แนะนำให้ตีฟองโฟมฟูๆ เวลาเราช้างหน้าจะช่วยลดการเสียดสีของผิวหน้าได้ดีเลยค่ะ หน้าเราก็จะไม่เหี่ยว

มาให้คะแนนกัน อันนี้เราให้ 4.5/5 เลยจ้า ส่วนตัวชอบมาตั้งแต่ยังไม่เข้าไทย (แต่ตอนนี้มีขายที่ไทยแล้วนะจ๊ะ ราคาไม่ค่อยต่างกับญี่ปุ่น ไม่ต้องไปหิ้วให้เสียเวลา) แล้วก็ชอบมาเรื่อยๆ 5555 เราชอบที่ถ้าเทียบราคากับความคุ้มค่า คือใช้ได้นานมากเวอร์ เวลาล้างหน้าคือรู้สึกหน้าสะอาดมาก ไม่แห้งตึง แล้วสูตรนี้คือใครที่กำลังกังวลเรื่องริ้วรอยหรือผิวไม่กระชับ แนะนำเลย เหมือนรุ่นนี้หลังล้างหน้าจะมีความรู้สึกหน้านุ่มๆ มากกว่ารุ่นอื่นด้วย ไม่รู้คิดไปเองมั้ย 555 แต่ที่หักคะแนนออกนิดนึง คือมีส่วนผสมของน้ำหอม จริงๆ ส่วนตัวไม่มีปัญหา แต่สำหรับคนที่หน้าแพ้ง่ายมากๆก็ลองอ่านส่วนผสมหรือเทสดูก่อนเน้อ 




3. d program Urban Damage Care Concentrate  (1,090 บาท)

มาต่อกันที่สกินแคร์กันบ้าง สายสกินแคร์อย่างเรา พลาดไม่ได้ที่จะหยิบมารีวิว อย่างที่รู้กันว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่ PM2.5 แรงมากๆ คนหน้าแพ้ง่ายแบบทางเรา ก็ยับไปจ้า ทั้งผอด ทั้งผื่น ทั้งอุดตัน มาหมดเลยจ้า ดูรีวิวจากบล้อคเกอร์ต่างๆ ว่าเค้าใช้อะไรกัน ก็ค้นพบว่า d program มาแรงมากจ้า จากที่ไปหาข้อมูลมาเพิ่มจากรีวิวหลายๆคน ก็เลยสอยรุ่น Urban Damage Care Concentrate มา เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ก็ประทับใจมาก ขอมาเล่าให้ฟังในนี้เลยดีกว่า

รุ่นนี้เป็นอิมัลชั่นนะคะ เนื้อจะเป็นเจลใสๆ ไม่ได้เหลวขนาดน้ำ แต่ก็ไม่ข้นจนเหนียว เป็นแบบ Mild milky ซึมเร็วมาก
รุ่นนี้เค้าจะเหมาะกับผิวที่ระคายเคืองง่าย ไวต่อการแพ้ง่าย ฟื้นฟูผิวที่มีอาการแพ้ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น เนียนขึ้น และยังช่วยให้กระจ่างใสด้วยค่ะ
เค้ามีเทคโนโลยี Aller Defense Technology ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวเราจากมลภาวะขนาดเล็กๆได้ แม้กระทั่งระดับ PM2.5 ไมครอนก็สามารถปกป้องผิวได้ค่า  

มาให้คะแนนกันจ้า เราขอยกความดีความชอบให้ไปเลยเต็มๆ 5/5 คะแนนค่ะ คือดีย์มาก เราหน้าเป็นผื่น เป็นปื้นแดงๆในช่วงที่ฝุ่น PM2.5 กำลังพีคเลย พอใช้ตัวนี้คือเค้าช่วยปลอบประโลมผิวได้ดีมาก หน้าค่อยๆดีขึ้น ปื้นแดงค่อยๆหายไป จนตอนนี้หน้าโอเคแล้ว ไม่กล้าหยุดใช้เลยจ้า จะเป็นตัวยืนพื้นเราเลยตอนนี้เวลาหน้าแพ้ต่างๆมา รู้สึกว่าผิวดูแข็งแรงขึ้นด้วยอ่ะ ชอบมากๆ ถ้าใช้หมดก็คงจะซื้อต่อแน่นอน 




4. Za true white ex essence lotion n (420 บาท)

มาต่อกันที่สกินแคร์อีกตัวที่เข้าวินมาจ้า อันนี้ซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีกให้คุณแม่ใช้ด้วย ส่วนตัวเองเพิ่งได้กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง เพราะมาสังเกตได้ว่า ทำไมเดี๋ยวนี้แม่หน้าใสกว่าเรา 555555

ที่สุดของ 3-in-1 เอสเซ้นส์โลชั่นที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสที่ดด่งดังมานานตัวนี้ มีดีอะไรไหนเรามาดูกันค่ะ


มาทำความรู้จักเค้ากันก่อน

เค้าเป็นโลชั่นกึ่งเอสเซ้นส์ ที่เป็นได้ทั้งโลชั่น-เอสเซ้นส์-อิมัลชั่น เ 

สาระสำคัญของเค้าก็คือ 

- ส่วนผสมไวท์เทนนิ่งทรงประสิทธิภาพ 4MSK ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและสีผิวให้ดูสม่ำเสมอยิ่งขึ้นค่ะ

- Olive Leaf Extract ช่วยปกป้องผิวจากการโดนทำร้ายจากแสงแดด และมลภาวะต่างๆ แล้วก็ยังช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใสจากภายในผิวอีกด้วย

- ส่วนผสม SPA ingredients จากอิตาลี ช่วยเพิ่มและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวยาวนานนั่นเองค่า

วิธีการใช้ก็เหมือนกับ d program ด้านบนเลยค่ะ หยดเอสเซนส์ลงบนฝ่ามือประมาณนึง จากนั้นก็นวดๆวอร์มเนื้อเค้าให้อุ่นๆบนมือ จากนั้นค่อยๆกดๆตบๆให้ทั่วใบหน้า ขอแถมนิดนึง เราจะชอบให้นิ้วดีดๆกดๆวนบนให้ทั่วหน้าตามภาพเลย เพื่อให้เนื้อสกินแคร์ทั้งหมดซึมเข้าผิวได้เร็วขึ้น เหมือนไปกระตุ้นให้ผิวเรารับรู้ว่า นี่ๆ เตรียมรับครีมบำรุงนะ แบบนี้ 5555

มาให้คะแนนกันค่ะ ตัวนี้ก็ให้ไปที่ 4/5 กันเลยค่ะ ที่ตัดคะแนนออกนิดนึงเพราะเค้าน่าจะมีส่วนผสมของน้ำหอมนะ มีกลิ่นหอมๆ เพราะฉะนั้นคนที่ผิวแพ้ง่าย อยากให้ลองเทสก่อนค่ะ แต่ส่วนตัวเราไม่แพ้ค่ะ ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากเวอร์ ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ก็เป็นไปอย่างช้าๆนะ ไม่ได้คืนเดียว ปั๊วะ เห็นความต่าง อะไรแบบนี้  มาสังเกตตัวเองอีกทีก็รู้สึกว่าหน้าใสขึ้น เนียนขึ้น ราคาก็ไม่แพง แถมวัตสัน เจ๊เล๊งงี้ ก็ชอบมีลดราคาอยู่บ่อยๆด้วยค่า ควรค่าแก่การไปตุนสุดๆ




 5. BIOTHERM LIFE PLANKTON  EYE (1,900 บาท )

มาในส่วนของอายครีมกันบ้างจ้า จริงๆเรามีอายครีมเยอะมากนะ ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง เห็นผลบ้างไม่เห็นผลบ้าง และตัว BIOTHERM LIFE PLANKTON  EYE นี่ก็เป็นตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งคลอดออกมาเมื่อต้นปีเลย ทางเรามีโอกาสได้ทดลองใช้ ตอนแรกเอาจริงๆ คือเฉยๆมากนะ เพราะว่าไม่คิดว่ามันจะดีอะไรมากมาย กลายเป็นว่า เออ พอมาลองใช้เข้าจริงๆ เอ้อ มันดีจริงๆแหะ กลายเปนว่าตอนนี้หยิบใช้ตัวนี้บ่อยสุดแล้ว

มารู้จักกับเค้ากันก่อน เค้าเป็นอายครีมที่มาในเนื้อสัมผัสบางเบาแบบเจลเลยค่ะ  และมีส่วนผสม LIFE PLANKTON™ 5% เลยทีเดียว 

ซึ่งคุณสมบัติของเค้าก็ตามคำเคลมเลยจริงๆ


- ช่วยปกป้องผิวให้ผิวดูกระชับ และสุขภาพดี 

- ฟื้นบำรุง ปลอบประโลมผิวรอบดวงตา ลดเลือนริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา 

- ผิวรอบดวงตาที่หมองคล้ำ แลดูเปล่งปลั่ง ริ้วรอยและจุดบกพร่องต่างๆ แลดูลดเลือนลง 

- ฟื้นบำรุงผิวชั้นต่อชั้น เพื่อลดเลือนริ้วรอยลึก ความหย่อนคล้อยของผิวรอบดวงตา ให้ได้รับการฟื้นบำรุงให้กลับมาดูกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์

คะแนนตัวนี้ให้ไปเลยที่ 4/5 ค่ะ หักคะแนนที่ว่ามันแพง 5555555 แต่ในเรื่องผลลัพธ์ จริงเราเริ่มเห็นผลที่ 2 สัปดาห์หลังใช้นะ เค้าไม่ได้ทำให้ริ้วรอยหายไปแบบว๊าว แต่เหมือนใต้ตาดูชุ่มชื้นขึ้น ไม่แห้งผาก สังเกตได้จากเวลานอนน้อยมากๆ หรือติดกันหลายๆวัน คอนซีลเลอร์ใต้ตาเราจะตกร่องมาก อันนี้ไม่ตกร่องแล้ว ไม่รู้ว่าอาจจะเป็นเพราะร่องตื้นขึ้นด้วยรึเปล่า แต่ก็ใช้ติดต่อกันมาเรื่อยๆ  ส่วนเรื่องความคล้ำ ถ้ายังนอนดึกมากๆอยู่ เค้าก็ไม่ค่อยช่วยนะคะ หลักๆเน้นเรื่องความชุ่มชื้นใต้ตา ไม่ให้เหี่ยวมากกว่า 




6. ANESSA Perfect UV Sunscreen Skincare Milk SPF50+ PA++++ ( 460 บาท)

มาต่อที่ขั้นตอนการบำรุงผิวหน้าที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือครีมกันแดดนั่นเองจ้า ANESSA ก็เข้าวินกลับมาใช้อีกรอบ แล้วก็ยังเลิฟเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่รอบนี้ขอสอยขวดเล็กมาก่อน เนื่องจากงบหมด 5555 ตัวนี้เป็น ANESSA Perfect UV Sunscreen Skincare Milk SPF50+ PA++++ หรือกันแดดสีทองตัวดังที่คุ้นกันดีนั่นเอง จริงๆเค้ามีหลายสูตรหลายสีมากนะ แต่ทางเรารักสีทองที่สุด  เป็นสูตรขายดีที่สุดเลยก็ว่าได้ 


มาทำความรู้จักเค้ากันแบบเต็มๆกันหน่อย ตัวนี้เค้ามีเทคโนโลยี Aqua Booster EX ซึ่งจะช่วยเพิ่มเกราะปกป้องผิวจากแสงแดดเมื่อเจอเหงื่อ หรือน้ำ และยังมีคุณสมบัติ Friction Resistant ด้วย ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ติดทนนานยิ่งขึ้น ทำให้ปกป้องผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ 


นอกจากช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีแล้ว เค้ายังมีสารบำรุงผิวมากถึง 50% อีกด้วย ได้ทั้งบำรุงและกันแดดไปในตัว ทางเราปลื้มมาก อ้อๆ! และที่สำคัญ เค้ากันน้ำดีมากด้วยนะจ๊ะ  

เนื้อเค้าจะเป็นเนื้อน้ำนม เบาผิวมาก เกลี่ยง่ายสบายผิว แล้วก็กลืนไปกับผิวเลย ไม่ทิ้งความวอกขาวเอาไว้เลย เพราะฉะนั้น คนที่ผิวสองสีแบบเรา ไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะลอยค่ะ ใช้ได้เด้อ!!!!

วิธีใช้ก็แล้วแต่เลยค่ะ ใช้จะบีบลงบนฝ่ามือก่อนก็ได้ หรือจะแต้ง 5 จุดบนหน้าแบบเราก็ได้ แต่ขอเน้นว่าอย่าเขียมนะ ใช้เยอะๆจ้า ประมาณ 1 เหรียญสิบบาท เพื่อให้เค้าปกป้องผิวเราได้อย่างสูงสุดและเพียงพอนั่นเอง เราจะทาทิ้งไว้บนหน้าแปปนึง ทิ้งให้แห้ง แล้วก็แต่งหน้าต่อได้เลยจ้า ไม่เหนียวเหนอะหน้า แต่งหน้าต่อง่ายดายจ้า

ให้คะแนนไปที่ 4.5/5 หักออกที่ราคาสูงนิดนึง แต่ยังรักเหมือนเดิม 5555 เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปฝากหิ้วที่ญี่ปุ่นแล้วค่า ในไทยก็ราคาใกล้เคียงกับญี่ปุ่นเลย ในวัตสัน อีฟแอนด์บอย หรือแม้กระทั่งร้านญี่ปุ่นทั้งหลาย มีขายหมด หาซื้อง่ายมากก เราชอบมากๆตรงที่เราเคยพกไปใช้ที่ทะเลด้วย หน้าไม่ดำ ไม่แหกกลับมา เนี้ยแหล่ะ พิสูจน์ได้ว่า เค้ากันแดดได้ดีมากจริงๆจ้า




 7. Smooth E Skin Therapie ( 390 บาท )

หน้าสวยไปแล้วตัวก็ต้องสวยด้วยจ้า มาดูที่โลชั่นบำรุงผิวที่กลับมาใช้กันบ้าง จริงๆเป็นรุ่นที่เค้าออกมานานมากแล้ว แต่เพิ่งกลับมาใช้ เนื่องจากว่าช่วงนี้ซุ่มซ่าม ขาแขนเป็นรอยขีดข่วนเต็มไปหมด เลยได้เวลาบำรุงและดูแลกันบ้าง
โลชั่นของสมูธอีเค้าเป็นเวชสำอางค่ะ ช่วยดูแลผิวเราในเรื่องของ
- ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น เนียนนุ่มขึ้น แถมยังช่วยให้ผิวกระชับได้ด้วย
-นอกจากนี้แล้ว จุดเด้นของเค้าเลยคือช่วยให้ผิวปราศจากริ้วรอยต่างๆ เช่น รอยแตกลาย หรือรอยแผลเป็น  

เนื้อครีมชุ่มชื้นมากกกก แอบเหนียวเหนอะนิดนึงค่ะ เวลาเกลี่ยต้องค่อยๆนวดวนไปเรื่อยๆ ให้เค้าค่อยๆซึมเข้าสู่ผิวไป กลิ่นหอมตามสไตล์ของสมูธอีเลย  

โดยรวมเราใช้แล้วค่อนข้างเห็นผลในเรื่องรอยแผลเป็นแบบพวกรอยข่วน รอยยุงกัดอะไรแบบนี้ จะให้ผลที่ดีมาก ผิวเนียนขึ้น รอยหายไปเร็ว ตอนนี้กำลังเล็งๆเรื่องช่วยลดรอยแตกลายอยู่ แต่ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่นัก โดยรวมเรื่องลดรอยแผลเป็นถือว่าทำได้ดีเลยค่ะ แนะนำเลย

ขอให้คะแนนที่ 3.5/5 ที่คะแนนร่วงลงมาขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดีนะคะ เค้าดีแหล่ะ เราชอบ แต่เราไม่อินกับความเหนียวของเค้านั้นเอง ต้องค่อยๆนวดวนไปกว่าจะซึม แล้วก็ขอหักคะแนนเรื่องแพงค่ะ ถ้าเทียบกับโลชั่นบำรุงผิวกายแบรนด์อื่นๆถือว่าค่อนข้างแพง แต่ผลลัพธ์เค้าก็คุ้มราคานั่นแหล่ะ



เย้ๆๆ จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มีใครอ่านมาถึงตรงนี้บ้าง ขอก้มลงกราบงามๆเลย ขอบคุณมากๆที่อ่านกันมาจนจบค่ะ

รีวิวกันแบบจุกไปเลย และก็หวังว่าเพื่อนๆจะชอบกระทู้นี้ และกระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ



อยากให้ปรับปรุงเรื่องอะไรคอมเม้นต์ไว้ได้เลยค่า

สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน สวัสดีค่ะ


AadiiwAiew

AadiiwAiew

สวัสดีค่ะ อิ๋วเอง
♥เป็นผู้หญิงผิวสองสี
♥รักการแต่งหน้า
♥ชอบบอกต่อผลิตภัณฑ์ดีๆ

FULL PROFILE