รีวิว Dr. Barbara Sturm Discovery Drops แพงแล้วปังจริงไหม กับ moisturizer ที่ใช้ประจำๆจ้า

20 7
สวัสดีค่ะ ห่างหายจากการรีวิวไปนาน มีสกินแคร์ตัวใหม่ๆเพิ่มเข้ามาบ้างประปราย วันนี้เลยจะมาอัพเดทให้ฟังค่ะ เริ่มต้นด้วยรูปหมู่ก่อน อยากให้รีวิวตัวไหนพิมพ์ทิ้งไว้ได้นะคะ อาจจะขอเวลาลองใช้สักพักแล้วจะมาอัพเดทอีกทีค่า
วันนี้ตั้งใจจะมารีวิว Sturm Discovery Drops เพราะว่า ตอนก่อนซื้อรีวิวคนไทยหาไม่ค่อยได้ ที่มีก็เป็นจาก blogger ฝรั่ง ซึ่งเราว่าสภาพผิวและสภาพอากาศมีส่วนมาก ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ ปัง หรือ พัง มาดูกันเลยค่า
พี่เค้ามากันสามคนในกล่องแบบนี้ ราคา BFF ขายอยู่ 4,950 บาท ซึ่ง ในขนาดมินิเพียง 10ml ถือว่าราคาแรงแซงทางโค้ง หากซื้อในเวปที่เมืองนอก ก็ 145 USD ก็เท่ากัน หรืออาจจะแพงกว่าซะด้วยซ้ำ ๖ซื้อ BFF มีบัตรสมาชิก บัตรพารากอนอะไรลดไปอีก 10%)  สามตัวนี้จริงๆยังไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุดของป้าบาบาร่า เป็นเพียงน้ำจิ้มสำหรับคนที่เพิ่งเข้าวงการเท่านั้น ถ้าจะให้พูดถึงทีละตัว ขอทำความเข้าใจสภาพพื้นฐานก่อนว่า เราเป็นคนผิวผสม อุดตันมีนิดหน่อย ไม่ได้ผิวดีเหมือนผิวเด็กแบบนั้น เข้าใจกันแล้วก็มาเข้าตัวแรกเลย

Glow Drops > เรามีความเห็นว่าถ้าผิวไม่ได้สวยแบบ สวยมากๆ สวยแบบผิวอั้ม สวยแบบผิวดูแพงมาแต่ไกล ตัวนี้จะไม่ช่วยอะไรเลย ทาแล้วจะหายหมดจมเข้าไปในหน้า ออร่านั้นมันช่างเลือนราง ไม่แนะนำให้ลงทุนค่ะ

Anti Pollution Drops > อันนี้บอกเลยว่าผ่าน ได้ใจ และจะไปซื้อไซส์จริงมาใช้ มีความเกลี่ยง่าย ซึมไวมากๆ ปกป้องผิว ใช้แล้วรู้สึกว่า เวลาออกไปข้างนอกกลับมาผดน้อยลง เลิฟ รัก ได้ไปต่อ

Sun Drops > เหนียวหนืด แนะนำให้ใช้ Anessa สีทองกันต่อไป การปกป้องน่าจะใกล้เคียงแต่ Anessa ราคาน่ารักและเหนียวน้อยกว่า และไม่เหลือง คือ Sun Drops จะมีความเหลืองนิดๆ ลองดูภาพประกอบนะคะ อันล่างคือ Anessa จะมีความน้ำนมกว่านิดนึง เหลวกว่า ไม่เหนียวเท่า ซึ่งเรา พรีเฟอร์
ขอต่ออีกนิด เป็นหมวด moisturizer แล้วกันนะคะ เพราะว่ามีไม่เยอะ ส่วนตัวเป็นคนที่ใช้ moisturizer เบสิกมาก เพราะโบกขั้นตอนอื่นมาแพงมากแล้ว 555 ขั้นตอนนี้เลยขอเป็นอะไรที่สบายผิว ไม่หนักหน้า ล็อคขั้นตอนทั้งหมดที่ทำไปก่อนหน้า ลงก่อนกันแดด

เริ่มที่รูปหมู่กันก่อน มีน้อยมากจริงๆ แต่ทุกตัวคือใช้ซ้ำๆ ถ้าดูข้างหลังคือมีสตอคอยู่อีกจ้า คนบ้าที่แท้ทรู
ขอเริ่มจาก 3 ตัวที่เป็นครีม (รูปด้านล่างเรียงซ้ายไปขวา)

1. Simple Light Moisturizer > เนื้อครีมเบา เกลี่ยง่ายไม่มีกลิ่น ราคาถูกมากแล้วคือขวดใหญ่โบ้ม เลยใช้ทาตัวทาคอทาแขนด้วย เพราะมันไม่เหนอะหนะดี เรียกว่าของกันตาย ใช้ได้ครอบจักรวาลประมานนั้น เพียง 199 บาท ถ้าจำไม่ผิด มือทาบอกแล้วโบกแขน โบกคอต่อไป แอบเม้าท์ว่าเวลาไปนั่งสมาธิ เราจะเอาอันนี้ไปอันเดียว เพราะไม่มีน้ำหอม ไม่ผิดศีล แล้วทาได้ทั้งตัว หน้ายันเท้า

2. Charlotte Tilbury Magic Cream > ใช้แล้วคือหน้าฟู หน้าดี อันนี้ไซส์พก ไซส์จริงหมดยังไม่ได้ซื้อให้ ซื้อที่อังกฤษถูกหน่อย ประมาณ 2,500 บาท ราคาขายที่ไทยแอบล้ม แพงเกินไปปป กลิ่นออกมะลิๆ เนื้อข้นๆหน่อย

3. Embryolisse > ตัวนี้ blogger เกาหลี และฝอ ใช้กันเยอะมาก เราพบว่ามันกลิ่นคล้าย Charlotte ในวันที่เราอยากได้อะไรเหลวๆนิดนึง และในราคาที่ย่อมกว่ากันมาก เหมือนป้าชาลอตเอาอันนี้ไปพัฒนาสูตรให้ดีขึ้นแล้วมาใส่กระปุกขายเลยเอาจริงๆ อันนี้ก็รัก รักมาก ราคาถ้าจำไม่ผิด 600 บาท ค่ะ ถ้าจำผิดขออภัย แต่จำได้ว่าหลักร้อยน่ะ แล้วใช้ได้นานเว่อร์ๆ
สุดท้าย สายงานเนื้อเหลว กึ่งเจลกึ่งน้ำ
1. Dr.Alkaitis > ตัวนี้คือปลอบประโลมผิวเวลาหน้าพังด้วยสิวแล้วเราโบกพวก Toner Essence ที่ช่วยเรื่องสิวมากๆแล้วรู้สึกว่าผิวต้องต่อสู้กับสารเคมีมากเหลือเกินนวล ก็ให้ธรรมชาติดูแลหัวใจ กลิ่นดีมากกกก ดีต่อผิว สดชื่นต่อใจ แถมขวดใหญ่ เมื่อไหร่จะหมดดด ในความเหลวนี้คือใช้ได้นาน ราคาพันกว่า จำไม่ได้จริงๆซื้อ BFF จ้า

2. Simple hydrating booster > หลอดจิ๋วมากแต่ก็ใช้ได้นานอยู่ นึกว่าเนื้อจะออกซิลิโคน เพราะเห็นแบรนด์เคลมว่าเป็นไพรม์เมอร์ได้อะไรต่างๆ แต่จริงๆค่อนข้างเหลว ไม่มีกลิ่นตามสไตล์ ตบๆไปสบายหน้า ในวันที่เรารีบมากแล้วชั้นก่อนหน้านั้นที่ลงคือ น้ำตบ 111Skin หรือ Lamer ที่เราอยากเก็บกลิ่นสุดพรีเมียมไว้สูดนานๆ เราก็ตบท้ายด้วยความชุ่มชื้นนี้ ที่ไม่มีสีและกลิ่นและลงบางๆ แต่ชุ่มชื้นดีทีเดียว หลอดเล็กแต่ใช้ได้นานอยู่ เมืองไทยเดี๋ยวคงมี เพราะที่อังกฤษก็เพิ่งออกได้ไม่นานเท่าไหร่จ้า
จบแล้วจ้า ขอบคุณที่ติดตามอ่าน อยากให้รีวิวตัวไหนอีก พิมพ์ทิ้งไว้ได้เลยค่าา


charliecaesar

charliecaesar

FULL PROFILE