Evil Child Murderers

Jasmine Richardson

ข้อหา ฆ่ายกครัว พ่อแม่และน้องชาย

คุณทราบไหมว่า  ที่ประเทศแคนาดา  ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมที่เด็กที่สุดมีอายุเท่าไร ?


คำตอบคือ 12 ปี  

เธอคือเด็กวัยกระเตาะที่เพิ่งพ้นวัยประถมแต่เบื้องลึกของจิตใจนั้นมืดมิดถึงขั้นลงมือเชือดคอน้องชายตัวเล็กๆ และปล่อยให้แฟนหนุ่มแทงพ่อแม่จนขาดใจตายคาบ้านของตัวเอง Jasmine Richardson
ครอบครัว Richardson ในสายตาเพื่อนบ้านในชุมชนชนชั้นกลางชานเมืองดูรักใครกลมเกลียว  จนกระทั่งลูกสาวคนโตเริ่มโตเป็นสาว บุคลิคที่สดใสร่าเริงของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ได้พบ Jeremy Steinke หนุ่มวัย 23 บนในงานแสดงดนตรีพังค์ร็อค เธอหลงไหลในแฟชั่นแบบ goth ตามแฟนหนุ่มและเริ่มแสดงบุคลิคที่ชวนหวาดผวาจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มเพื่อน
จะมีพ่อแม่ที่ไหนที่ปลาบปลื้มยินดีเมื่อลูกสาวที่เพิ่งเข้าวัยพรีทีนริมีความสัมพันธ์กับผู้ชายวัยกลัดมัน  มันผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงซะด้วยซ้ำ ไหนจะพื้นเพครอบครัวของ Jeremy ที่เหมือนมาจากอีกโลก เขามีแม่ที่ติดเหล้าและถูกแฟนแม่ทำร้ายร่างกาย เติบโตมาพร้อมกับการถูก bully และเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว ความเปลี่ยนแปลงสุดขั้วของ Jasmine ทำให้พ่อแม่ผิดสังเกต เมื่อค้นพบว่าแฟนหนุ่มที่เข้ามาทำให้เธอเปลี่ยนแปลงไปมีอายุมากกว่าถึง 11 ปี  พวกเค้าจึงห้ามให้ Jasmin เลิกคบ Jeremy อย่างเด็ดขาด

หายนะมาเยี่ยมเยือนเมื่อเด็กสาวที่เคยไร้เดียงสาวางแผนกับแฟนหนุ่มผ่านอีเมลว่า " ชั้นจะฆ่าพวกเค้าแล้วเราก็จะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน" ส่วนหนุ่มอำมหิตก็ขานรับว่า
"ผมชอบไอเดียของคุณนะ แต่เราต้องเตรียมอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ว่าจะทำกันยังไงบ้าง"


พ่อแม่ของเธอถูกพบเป็นศพถูกแทงหลายแผล  ส่วนน้องชายวัย 8 ขวบ ถูกเชือดคอเลือดกระจายทั่วห้องนอน Jasmine หายไปตัวไปจากบ้านพร้อมกับความเป็นห่วงจากหลายฝ่ายว่าเธอคือเหยื่ออีกคนของการฆ่าล้างครัวสุดสะเทือนใจ


*เพื่อนของ Jeremy ให้การว่า Jasmine เป็นคนเชือดคอน้องเอง แต่เธอยืนยันว่า Jeremy เป็นคนลงมือ แม้ว่าน้องจะร้องขอชีวิต ส่วนเธอเป็นคนจับตัวน้องไว้

แต่คู่รักต่างวัยถูกพบตัวห่างจากที่เกิดเหตุไปประมาณ 100 ไมล์ ตำรวจมีเบาะแสหลายอย่างที่ชี้มาที่เด็กวัย 12 ที่แต่งหน้าจนดูโตกว่าอายุที่แท้จริง ทั้งหลักฐานในห้องของเธอ page ที่ MySpace และปากคำจากเพื่อนที่ได้ยินบทสนทนาเรื่องการวางแผนฆ่าพ่อแม่แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะโหดเหี้ยมจะทำลงไปจริงๆ ก่อนถูกจับมีคนพบเห็นพวกเค้าหัวเราะและกอดจูบกันอย่างรักใคร่โดยไม่มีทีท่าหวั่นเกรงต่อเรื่องที่ทำลงไป


ในที่สุด Jasmine ก็สารภาพว่า เธอปล่อยให้แฟนแทงแม่ 12 ครั้ง และพ่ออีก 24 ครั้งจนตายอย่างทรมานและช่วยจับน้องชายให้เขาปาดคอตั้งแต่หูข้างหนึ่งยาวไปถึงอีกข้างก็เพราะหวังว่ามันจะทำให้พวกเค้าผูกพันกันมากยิ่งขึ้น  


คืนก่อนที่ลงมือ พวกเขาหาแรงใจเพื่อฆ่าด้วยการดูหนัง Natural Born Killers ที่ว่าด้วยคู่รักบ้าระห่ำที่ไล่ฆ่าคนด้วยความสนุกสนาน  Jeremy พูดกับตำรวจว่า "คุณเคยดูหนังเรื่องนี้รึเปล่า  ผมว่ามันเป็นหนังรักที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลเลยล่ะ"


ระหว่างสู้คดี Jasmine ยืนยันไม่ยอมรับผิด โดยโยนความผิดไปที่แฟนหนุ่มและแสดงภาพว่าตัวเองเป็นเหยื่อที่ถูกบีบบังคับ แต่ด้วยหลักฐานที่แน่นหนา ลูกขุนให้คำตัดสินว่าจำเลยมีความผิดจริง โทษของผู้เยาว์ที่อายุต่ำกว่า 14 คือการคุมขังไม่เกิน 10 ปี และเธอได้รับโทษสูงสุดนั้นด้วยการถูกส่งไปอยู่ในสถาบันจิตเวชและคุมตัวภายใต้ community supervision ส่วน Jeremy ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต

Jasmine ถูกปล่อยตัวเข้าสู่สังคมเมื่อ 2 ปีก่อนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่วนจะเป็นที่ไหนนั่นยังถูกรักษาเป็นความลับ





Seito Sakakibara  (นามแฝง)

ข้อหา  ฆาตกรต่อเนื่องเมืองโกเบ

คุณอาจจะเคยชมซีรีย์อาชญากรรมของญี่ปุ่นแล้วต้องสะพรึงกับกับความเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ของฆาตกรมาแล้ว แต่ในชีวิตจริง เรื่องราวที่สยองจนอาจจะทำให้คุณไม่กล้าวางใจคนอื่นนั้นได้เกิดขึ้นเมื่อ 21 ปีก่อน ฆาตกรจงใจสังหารเหยื่ออย่างเลือดเย็นและยังสร้างจุดสนใจไปทั่วด้วยการติดต่อกับสื่อ เมื่อตำรวจรวบรวมหลักฐานเอาผิดคนร้ายได้ก็ยิ่งทำให้ญี่ปุ่นต้องช็อกกันทั้งประเทศ  


เพราะฆาตกรมีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น!
ไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มชื่นบานของเด็กชาย Hase Junวัย 11 อีก หลังจากที่ถูกฆ่า ฆาตกรบั่นหัวเขาออกจากร่าง ดวงตาของเหยื่อถูกควักออก มุมปากถูกกรีดให้เหมือนกับกำลังแสยะยิ้มและนำชิ้นส่วนหัวไปวางหน้าโรงเรียนอย่างอุกอาจ ในปากของเหยื่อมีจดหมายเย้ยหยันตำรวจถูกยัดไว้

"นี่เป็นการเริ่มต้นของเกมเท่านั้น หยุดชั้นให้ได้สิเจ้าตำรวจงี่เง่า ชั้นอยากจะเห็นคนตายจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว การฆ่าทำให้ชั้นรู้สึกดีจริงๆ คำพิพากษาเลือดนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเวลาหลายปีที่ชั้นต้องทุกข์ระทมอย่างสาหัส"



หลังเหตุฆาตกรรมสยดสยอง  ตำรวจจำนวน 500 นายได้ลาดตระเวณในชุมชนอย่างเข้มงวด อาสาสมัครร่วมช่วยกันดูแลเด็กนักเรียนจากฆาตกรเลือดเย็น  แต่จดหมายอีกฉบับก็ถูกส่งถึงสื่อ มันเป็นจดหมายยืดยาวที่เขียนด้วยหมึกแดงท้าให้ตำรวจมาจับ พร้อมกับบรรยายว่ามีแต่การฆ่าเท่านั้นที่จะช่วยให้เขาปลดปล่อยตัวเองจากความเกลียดชัง การมอบความเจ็บปวดทุกข์ทรมานให้กับคนอื่นทำให้ความเจ็บปวดของเขาบรรเทาลง เมื่อสื่อญี่ปุ่นนำเสนอนามแฝงของเขาผิดไปจากความตั้งใจ  เขาก็ขู่ว่าจะลงมือฆ่าเหยื่อรายต่อไป

 "พวกแกคิดว่าชั้นฆ่าแต่เด็กอย่างนั้นรึ"  มือสังหารลึกลับได้สร้างความหวาดผวาให้เพิ่มขึ้นไปอีก    
1 เดือนหลังจากที่พบหัวเด็กชาย Hase Jun  ตำรวจก็ได้เข้าจับคุมผู้ต้องสงสัย เด็กชาย A ที่ต้องปกปิดชื่อจริงตามข้อกฎหมายคุ้มครองเด็ก เขาเป็นเด็กวัยแค่ 14 ปี แล้วยังยอมรับด้วยว่าก่อนหน้านี้ได้ฆ่าเด็กหญิง Ayaka Yamashita  แล้วบันทึกความรู้สึกที่แสนตื่นเต้นตอนที่เอาฆ้อนทุบหัวเธอไว้ในไดอะรี่ เขายังกล่าวว่าเป็นผู้ทำร้ายเด็กคนอื่นๆ ในวันเดียวกันรวมถึงเด็กผู้หญิงที่ถูกแทงที่ท้อง


*หนู Ayaka ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแล้วเสียชีวิตในสัปดาห์ต่อมา เด็กชาย A ได้บันทึกไว้ว่า แม่ของเขาแสดงความเศร้าใจต่อการตายของเด็กหญิง โดยไร้วี่แววใดๆ ว่าจะมีใครสงสัยในตัวของเขา

เมื่อผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญเป็นเด็ก  สังคมก็เกิดข้อโต้แย้งขึ้นทันที

นักการเมืองบางคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าฆาตกรรมอำมหิตจากน้ำมือเด็กชายเกิดขึ้นจากการเสพสื่อรุนแรง  บางคนโทษการเลี้ยงดูที่ปล่อยปละละเลยของครอบครัว แน่นอนว่าครอบครัวของเหยื่อโกรธแค้นต่อฆาตกรเพราะพวกเค้ารู้ดีว่า การเอาผิดอาชญากรวัยเยาว์นั้นจะไม่ "สาสม" หรือ "เป็นธรรม" ในความรู้สึกของพวกเค้า

แม้จะมีการปิดบังที่อยู่และชื่อจริงของฆาตกรและครอบครัวอย่างเข้มงวด แต่ก็มีคนสามารถปะติดปะต่อเหตุการณ์และค้นหาตัวตนของ Seito Sakakibara จนเจอ     หลักฐานต่างๆ เช่น ไดอะรีและอาวุธที่ใช้ลงมือนั้นชี้ว่าเด็กชาย A คือผู้กระทำผิด แต่ก็ยังมีทนายและคนจำนวนหนึ่งเชื่อว่าตำรวจญี่ปุ่นต้องการสร้างผลงานด้วยการจับแพะ แต่หลายปีต่อมาหลังจากที่เด็กชาย A ถูกคุมขัง แม่ของเขาได้เดินทางไปเยี่ยมและคาดคั้นเอาความจริงจากปากลูกชาย  และเขาก็ยอมรับฆ่าเด็กที่น่าสงสารทั้งสองลงจริงๆ
หลังจากที่ถูกคุมขังในทัณฑสถานเด็กประมาณ 7 ปี จนบรรลุนิติภาวะ Seito Sakakibara ถูกปล่อยตัวกลับสู่สังคมท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของประชาชนที่หวาดผวาต่อเหตุที่อาจจะเกิดซ้ำในวัย 32 เขาตัดสินใจเขียนหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองที่รวมถึง detail การฆ่าเหยื่ออย่างไร้ผิดชอบชั่วดี ครอบครัวของน้อง Jum ประท้วงไม่ให้มีการตีพิมพ์แต่มันกลายเป็นหนังสื่อขายดีที่ทำรายได้เป็นล้านให้กับอดีตฆาตกร 

ความโกรธแค้นของผู้คนนั้นเป็นช่องทางให้แทบลอยด์ญี่ปุ่นฝ่าฝืนกฎด้วยการเปิดโปงตัวตนโดยระบุชื่อจริงของ Seito Sakakibara และยืนยันว่าเขาได้อาศัยที่ไซตามะไม่ได้ห่างจากเมืองหลวง  

หลายคนอาจจะคิดว่า ชีวิตของอดีตอาชญากรวัยเยาว์ช่างราบรื่นดีแท้ พรากชีวิตที่สดใสของเด็กไร้เดียงสาไป 2 คน และทิ้งความทรงจำอันเลวร้ายไว้เบื้อหลัง  แต่ถูกคุมขังเพียง 7 ปี และยังหารายได้จากการกระทำอันเลวร้ายได้อีกด้วย




แต่ถ้าคุณได้ยินเรื่องของสังคมญี่ปุ่นมาบ้าง ก็น่าจะทราบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของฆาตกรก็ไม่ต่างจากการเดินสู่ขุมนรก  พวกเขาจะถูกรังเกียจ กลั่นแกล้งและถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุของฆาตกรรมไม่ต่างจากตัวลูกชาย เพียงแต่ไม่ได้ลงมือเอง   เรื่องของเด็กชาย A ทำให้เรานึกถึงซีรีย์ญี่ปุ่น Soredemo Ikite Yuku ที่ได้สะท้อนความเจ็บปวดของสองครอบครัว ทั้งฝั่งครอบครัวของฆาตกรและครอบครัวเหยื่อที่ต้องผจญกับบาดแผลที่กรีดลึกไม่มีทางรักษาหาย พล็อทของเรื่องน่าจะมาจากเหตุฆาตกรรมเด็กที่โกเบ จากแคแรคเตอร์ของฆาตกรเด็กวัยมัธยมต้นที่เอาค้อนทุบเด็กประถมจนตายแล้วเอาอาวุธซ่อนไว้ที่บ้านเหมือนกับคดีดังที่ช็อกญี่ปุ่นไม่มีผิด




Graham Young

คดี  ฆาตกรต่อเนื่อง วางยาพิษครอบครัวและคนรอบข้าง
อย่าให้ดวงตาและรอยยิ้มไร้เดียงสาหลอกลวงคุณ  เพราะนี่คือเด็กอัจฉริยะที่ฝักใฝ่เรื่องยาพิษตั้งแต่ยังตัวจ้อย เมื่อฝึกปรือฝีมือแล้วก็ริทดลองยากับสมาชิกครอบครัวสายเลือดเดียวกัน Graham Young หนุ่มน้อยชาวอังกฤษที่หายใจเข้าออกเป็นเรื่องสารเคมีได้ก้าวข้ามเส้นของความอยากรู้อยากเห็นด้วยการลงมือวางยาพิษคนรอบข้างจนสังเวยไปหลายศพ

มันเริ่มต้นจากการอาการปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนสร้างความเข้าใจว่าสาเหตุมาจากโรคติดต่อ แต่เมื่อพี่สาวป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลและได้รับคำวินิจฉัยว่าถูกวางยา พ่อของ Graham ก็เริ่มสงสัยในตัวลูกแต่ก็ยังจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย คนในครอบครัวรู้ดีว่าเขาหลงไหลในเรื่องสารเคมีมากเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าฟันธงไปว่า Graham จะเลือดเย็นฆ่ากันได้ลงคอ

แต่เมื่อแม่เลี้ยงเสียชีวิต รวมถึงพ่อที่เกือบไม่รอด คนใกล้ตัวอย่างป้าและครูที่โรงเรียนก็พบหลักฐานบ่งชี้ว่า Graham คือผู้วางยาสมาชิกครอบครัวและเพื่อนจนถึงขั้นล้มตาย เขาถูกส่งตัวไปพบจิตแพทย์และถูกจับกุมในที่สุด
Graham วัย 14 ถูกคุมตัวในโรงพยาบาลจิตเวชที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง ผู้ป่วยแทบทั้งหมดคืออาชญากรคดีรุนแรง หลังจากที่ใช้เวลาบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิตประมาณ 9 ปี ก็ถูกปล่อยตัวออกมาพร้อมกับคำยืนยันจากจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าเขาหายดีและเลิกหมุกมุ่นกับยาพิษ แม้ว่าระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ในโรงพยาบาล เจ้าตัวได้ศึกษาตำราแพทย์เพิ่มเติมจนมีความรู้แตกฉานเรื่องยาต่างๆมากกว่าเดิม เพื่อนผู้ป่วยนักโทษสังเวยชีวิตจากการถูกวางยาไปหนึ่งศพ ร่ำลือว่าเขาหาวิธีใช้ไซยาไนด์กับเพื่อนนักโทษ แต่ไม่มีหลักฐานที่โยงไปถึงตัว เขาได้รับอิสระตอนที่เป็นหนุ่มเต็มตัวทั้งๆ ที่ในไฟล์ประวัติมีบันทึกปากคำของนางพยาบาลว่า เขาบอกความใจให้เธอรู้เรื่องแผนการฆ่าคนให้เท่ากับจำนวนปีที่ได้ถูกคุมขังในสถานพยาบาลแห่งนี้


ดูเหมือนว่าแพทย์และทางการต้องการจะส่งฆาตกรต่อเนื่องกลับคืนสู่สังคมเหลือเกิน  ..



การปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติและการวินิจฉัยที่ผิดพลาดนั้นทำให้เกิดเหตุน่าสลดใจตามมาอีกระลอก Graham เริ่มงานใหม่โดยที่ไม่มีใครทราบว่านี่คือฆาตกรเด็กเมื่อเกือบสิบปีก่อน Graham ยังวางยาในน้ำชาให้คนอื่นดื่ม เพื่อนร่วมงานของเขาเริ่มเจ็บป่วยและคิดว่าเป็นโรคติดต่อ ไม่ต่างจากในอดีต เขาทำให้คนหลายสิบคนเจ็บป่วยและตายไป 2 ศพ ตำรวจจับกุมฆาตกรถ้วยชาอีกครั้ง หนนี้มีการค้นหาหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา นั่นรวมไปถึงไดอะรี่ที่ว่าด้วยรายละเอียดของโดสยา และแผนการตัดสินใจจะให้ใครตายและไว้ชีวิตใครบ้าง!

"ฆาตกรถ้วยน้ำชา" คือฉายาจากวิธีการฆ่าให้ตายทั้งเป็นนั่นเอง แม้จะรู้สึกตื่นเต้นกับความสนใจจากสื่อ แต่เจ้าตัวไม่ชื่นชอบชื่อนี้นัก เขาคิดว่าชื่อ "นักวางยาระดับโลก" นั้นฟังเหมาะสมกว่า



Graham ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป เขาเข้ารับการพิจารณาคดีในฐานะผู้ใหญ่ที่ตั้งใจทำผิดซ้ำแบบฆาตกรต่อเนื่องแต่กลับไม่ยอมรับผิดและอ้างว่าบันทึกในไดอะรี่เป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้น แต่นั่นไม่ทำให้โทษของเขาเบาบางลง ศาลตัดสินให้เขาจำคุกตลอดชีวิต แต่เจ้าตัวมีชีวิตอยู่ไม่ถึง 43 ปีก็หัวใจล้มเหลวตายคาห้องขัง  


*แม้จะเป็นฆาตกรเด็กจากยุค 60s แต่อิทธิพลของฆาตกรถ้วยน้ำชาก็ยังหลงเหลืออยู่ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน หนังที่สร้างจากชีวิตของ Graham ทำให้เด็กสาวญี่ปุ่นวัย16 เขียนบล็อกบอกเล่าเรื่องราวความหลงไหลในการใช้ยาพิษฆ่าคน เธอใช้ thallium กับแม่แท้ๆ ของตัวเองจนเจ็บป่วยรุนแรง มันคือสารเดียวกันที่ Graham ใช้วางยาร่วมงาน เมื่อทำสำเร็จก็ตามไปถ่ายภาพแม่ที่นอนไม่ได้สติในโคม่า เมื่อตำรวจพบพิรุธและค้นหาหลักฐานในห้องของเธอก็พบกับหนังสือเกี่ยวกับ Graham Young และสาร thallium เหมือนกับฆาตกรเด็กโกเบ ห้องของเธอยังมีซากชิ้นส่วนสัตว์ที่เจ้าตัวชำแหละแล้วบันทึกความในใจไว้ว่า การแทงมีดเข้าไปในร่างสิ่งมีชีวิตทำให้เธอรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง!



Philip Chism

คดี  ข่มขืนครูสาวแล้วเชือดคอเธอกลางห้องน้ำหญิง
เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะรู้สึกสะพรึงว่า ไม่มีฆาตกรวัยเยาว์คนไหนที่ได้รับโทษทัณฑ์เทียบเท่ากับผู้ใหญ่และผู้คนก็ต้องหวาดผวาว่าโทษในสถานพินิจเพียงไม่กี่ปีไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยว่าจะไม่เกิดเหตุสะเทือนขวัญซ้ำรอยเดิม


เราขอบอกว่า มีผู้เยาว์ที่ต้องโทษเหมือนกับผู้ใหญ่มาแล้วค่ะ
Colleen Ritzer  ครูสาววัย 24 ผู้มีรอยยิ้มสดใสต้องมาจบชีวิตอย่าอเนจอนาถในสถานที่ทำงานซึ่งดูเหมือนจะไม่อันตรายแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่ไปเข้าห้องน้ำหลังจากเลิกสอน และวันต่อมา ร่างไร้วิญญาณของเธอถูกพบในถังขยะที่ป่าข้างโรงเรียน ร่างกายของเธอพรุนไปด้วยรอยแทง 16 แผล คอหอยถูกเชือด ผลการชันสูตรชี้ชัดว่าคนร้ายยังข่มขืนเธอ ที่เลวร้ายไปกว่านั้น  ร่างของเธอมีร่องรอยการกระทำชำเรารอบสองด้วยกิ่งไม้ในป่าแห่งนั้น  

หลักฐานการฆาตกรรมชี้ชัดไปที่ผู้ต้องสงสัยเพียงรายเดียว Philip เด็กชายวัย 14 ผู้อยู่ในคลาสวิชาคณิตศาสตร์ของครูผู้เคราะห์ร้าย กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพตอนที่เขาตามครูเข้าไปในห้องน้ำหญิง แล้วออกมาเพื่อนำถังขยะใบใหญ่ยัดร่างของเธอไปทิ้งในป่าได้อย่างชัดเจน ขากลับจากทิ้งศพเหยื่อ คุณยังจะได้เห็นเขาเดินเท้าเปล่าโดยมีคราบเลือดติดตามกางเกงอย่างน่าสยดสยอง
เมื่อสังหารครูด้วยการบีบคอและใช้คัทเทอร์แทงและปาดคอ เขาเปลี่ยนเสื้อ และกลับไปที่ห้องเรียนเพื่อขโมยทรัพย์สินของเธอ ใช้บัตรของเธอซื้อตั๋วหนังและไม่ยอมกลับบ้านจนทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงเป็นใยออกตามหา และติดแฮชแทกให้สังคมออนไลน์ได้ช่วยค้นหาตัวอีกแรง มันจึงเหมือนกับการตบหน้าพวกเค้าเมื่อได้รู้ว่า Philip คือผู้ต้องสงสัยเหตุฆาตกรรมครูสาวที่ใครๆ ต่างยกย่องว่าเป็นคนแสนดี


"เค้าไม่ได้เป็นคนรุนแรงเลยครับ ตรงข้ามกับความรุนแรงซะมากกว่า "  เพื่อนบอกกับสื่อด้วยความช็อก
หลักฐานไม่ว่าจะเป็นภาพวงจรปิด, อาวุธ, DNA บันทึกการใช้จ่ายจากเครดิตการ์ดของเหยื่อที่ถูกขโมย พยานแวดล้อม ทุกอย่างมัดตัว Phillip ไว้จนดื้นไม่หลุด แต่กระบวนการยุติธรรมนั้นใช้เวลาถึง 2 ปีในการพิพากษาความผิดของฆาตกรเด็ก ฝ่ายทนายจำเลยนั้นสู้คดีด้วยอาการจิตเภทที่อ้างว่ามีอาการรุนแรงแต่ไม่แสดงออกให้ใครเห็น ส่วนอัยการนั้นงัดหลักฐานและคัดค้านเรื่องอาการป่วยทางจิตว่าการลงมือฆ่าข่มขืนหญิงสาวผู้บริสุทธิ์คาโรงเรียนนั้นเกิดขึ้นตอนที่เขามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เจ้าตัวรู้ถึงผลแห่งการกระทำจึงนำศพของเหยื่อไปซ่อนในป่า แม้ทนายจะเชิญจิตแพทย์มาให้การยืนยันเรื่องความผิดปกติทางจิต แต่ฝ่ายตรงข้ามก็มีผู้เชี่ยวชาญที่มากับข้อพิสูจน์ว่าฆาตกรคนนี้แสดงละครหลอกลวงให้คนอื่นเชื่อได้
ในปี 2016  ลูกขุนให้คำตัดสินว่าเขามีความผิดจริง และต้องถูกจำคุกยาวนานถึง 40 ปี จึงจะมีสิทธิ์ยื่นขอรับการปล่อยตัวก่อนกำหนด แต่ในเวลาก็มีการเปลี่ยนแปลงว่า การอนุญาตให้นักโทษรายนี้ยื่นขอปล่อยตัวนั้นอาจจะไม่ถึง 40 ปี ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้พิพากษา จากการเปลี่ยนแปลงของกฏหมายเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่เอื้อให้กับเยาวชนที่ต้องโทษรุนแรงให้มีโอกาสในการขอลดโทษ และนั่นทำให้ครอบครัวของเหยื่อรู้สึกเหมือนกับถูกทรยศเมื่อได้รู้ว่า ฆาตกรอาจจะมีโอกาสได้ออกจากคุกหลังจากที่ชดใช้ความผิดขั้นต่ำ (15 ปี)  แม้ว่าเขาจะถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ใหญ่ตามกฏหมายของรัฐ Massachusetts แต่เพราะในระหว่างลงมือนั้นยังเป็นเพียงเด็กชายวัย 14 จึงมีช่องทางให้รับโทษน้อยลง
แม่ของเหยื่อประกาศว่า ฆาตกรเป็น "ปีศาจ"ขนานแท้ และไม่มีการบำบัดรักษาใดๆ จะทำให้ปีศาจตนนี้ดีขึ้นได้   "Colleen ไม่มีวันจะได้รับโอกาสที่สอง เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่สมควรจะได้มันเช่นกัน"


Discussion (7)

ส่วนตัวสงสารเหยื่อทุกคน ส่วนฆาตกรนั้นแม้จะเป็นเด็ก แต่การกระทำและความคิดไม่ใช่เด็ก ดังนั้นจึงควรได้รับการพิจารณาโทษแบบผู้ใหญ่ แต่ละเคสถ้าเราเป็นครอบครัวเหยื่อ คงพูดไม่ออก 
ถ้ามันผิดที่การเลี้ยงดูก็พอเข้าใจ แต่พวกที่เป็นจิตเพช พ่อแม่เลี้ยงมาดีแต่มันเลวเองนี่สงสารพ่อแม่นะ ลูกใครใครก็รัก ลูกไปทำเลว หัวใจสลาย...
พวกนี้คือเด็กที่หลงผิดง่าย หรือเกิดมาเลวร้ายโดยธรรมชาติเนี่ย 
จิตใจทำด้วยอะไร โหดจริงๆ