รีวิว Cushion Lamer หลังใช้มา 1 เดือน

20 2
ดูรีวิวไปมากิเลสก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยต้องไปลองที่ counter พนักงานก็น่ารักมาก เอาผลิตภัณฑ์ของ Lamer ต่างๆ มาใช้เตรียมผิวให้ก่อนลง ครั้งแรกที่ไปลองได้ลองเบอร์ 12 แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ ขอกลับไปนั่งคิดนอนคิดก่อน 2-3 วัน
พอตัดสินใจได้ว่าต้องโดนแน่ๆ แล้ว เพราะเนื้อดีมาก ปลื้ม ประกอบกับราคาที่มาเลเซีย (มายอยู่ที่มาเลนะคะ) ถูกกว่าไทยมากๆ ราคาที่ไทย 4,500 บาท แต่ที่มาเลประมาณ 4,000 บาท ก็เลยต้องไปโดน

พอไปถึง Counter เลยลองสีอีกครั้ง แต่อะไรไม่รู้ดลใจให้ลองสี 13 ประกอบกับความเพี้ยนของแสงในห้างทำให้เราเพ้อไปว่าสี 13 นี้คือใช่ แต่สรุปกลับมาลองที่บ้าน เบอร์ 13 เข้มไปจ้า หน้ามืดกว่าคอไปนิดนึง

ตอนแรกนอยมาก แต่ด้วยความที่รักเค้าเราจึงยังคงใช้เค้าต่อไป กะว่าถ้าหมดแล้วค่อยไปซื้อเบอร์ 12 (ไม่รู้เมื่อไหร่จะหมดเพราะมันมาพร้อมรีฟิว 1 อัน)
บอกก่อนว่าพื้นฐานเราเป็นคนหน้ามัน รูขุมขนช่วงแก้มกับรอบจมูกกว้าง มีกระแดดที่โหนกแก้ม และมีรอยสิวประปราย

รูปนี้ถ่ายวันนี้เลย ตอนนี้หน้าแหกเบาๆ เพิ่งแพ้ The Ordinary มา มีสิวขึ้นบนหน้าผากและช่วงแก้มรวมๆ ประมาณ 10 เม็ด แต่ในรูปไม่ได้ลงคอนซีลเลอร์ใดๆ ยังคงเห็นรอยบ้าง แต่ไม่น่าเกลียด รูขุมขนก็เบลอได้พอตัว การปกปิดถือว่าทำได้ดี

เนื้อเป็นแบบ semi-matte ไม่ได้โกลวเยิ้ม และไม่ได้แมทแบบแห้งสนิท ทาแล้วเบาสบายหน้า ไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือหนักหน้าใดๆ แต่ด้วยความเป็นคนหน้ามัน ยังไงก็ต้องเซ็ทด้วยแป้งฝุ่น
ส่วนรูปนี้ถ่ายก่อนที่จะได้ลอง The Ordinary เลยไม่ได้มีปัญหาสิว รู้สึกได้เลยว่าทาใช้ตอนไม่มีปัญหาผิวอะไรมาก Cushion ตัวนี้จะทำให้ดูผิวดีมากกกกก โกลวพอประมาณสำหรับคนหน้ามัน ไม่ได้ติดทนทั้งวันแต่ก็ไม่ได้หลุดแบบน่าเกลียด ที่สำคัญกระจายแสงได้ดีมาก

สรุป : ถ้าใครงบถึง ไม่ได้มีปัญหาผิวหนักหนา และหน้าไม่ได้มันย่อง ก็ไปลองดูที่ counter ได้เลย มันทำให้ผิวดูสวยนวลเนียนผู้ดี เหมือนเกิดมาผิวดี ถึงราคาจะดูแรง แต่อย่าลืมว่าได้รีฟิวมาอีก 1 อัน ถูกกว่าซื้อ cuhion Chanel อีกกกก


myreview

myreview

เพราะเคยเป็นสิวหนักๆ มาก่อน เลย obsess กับสกินแคร์และเครื่องสำอางมากๆ และอยากแบ่งปันว่าอะไรที่ใช้แล้วทำให้ผิวดีขึ้นมากกก

FULL PROFILE