รีวิวประสบการณ์ลดความอ้วน ใน 8 เดือน ปั้นหุ่น ไม่ไปฟิตเนสก็ผอมได้

38 14
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์เรื่องลดน้ำหนัก ซึ่งอยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน ไม่อยากให้ลดความอ้วนแบบผิดๆ อย่างเรา จนขนาดหายใจเฉยๆ ยังอ้วนค่ะ
เราเป็นเด็กอ้วนแต่กำเนิด สมัยเรียนก็อ้วน จนกระทั่ง เรียนมัธยมปลาย ตอนนั้นมีสูตรกินผักต้ม ซุปผักลดความอ้วน 7 วัน 8 กิโลกรัม เราก็ลองทำมาแล้ว ตอนนั้นทำแล้วได้ผลนะคะ ลดน้ำหนักได้จริง จาก 58 กิโลกรัม เราลดอยู่ 3 เดือนเหลือ 45 กิโลกรัม ตอนนั้นดีใจมากที่กลายเป็นคนผอม แต่เราไม่รู้เลยว่าเป็นการลดน้ำหนักแบบผิดๆ เพราะว่าหลังจากนั้น เราก็ต้องอดทนกินผักต้ม กินผลไม้แทนข้าวมาตลอด เพราะเวลาที่กลับมากินปกติ ก็จะน้ำหนักขึ้น เป็นอย่างนี้จนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย
เริ่มรู้จักกับการออกกำลังกาย ตอนนั้นเต้นแอโรบิกวันละ 30 นาที กับการกินแค่ข้าวเช้า ข้าวกลางวัน งดข้าวเย็น ก็ผอมลงค่ะ แต่น้ำหนักประมาณ 51 กิโลกรัม ตอนนั้นก็ทำใจว่าเราคงผอมได้แค่นี้ เราใช้วิธีนี้ลดความอ้วนมาโดยตลอด คือถ้าน้ำหนักขึ้น จะกลับไปกินผักต้ม ผลไม้แทนข้าว พร้อมๆ กับการคาร์ดิโออย่างหนัก จนเรียนปีสี่ การลดแบบนี้มันไม่ผอมสำหรับเราแล้ว สุดท้ายเราก็เลย หันมากินยาลดความอ้วน เพื่อนสมัยเรียนปี 4 ของเราผอมลงเยอะมาก เราถามว่าทำยังไง นางเลยแนะนำว่าให้กินยาลดน้ำหนัก เราก็กินอยู่เดือนหนึ่งค่ะ น้ำหนักลดไป  7 กิโลกรัม จาก 54 เหลือ 47 กิโลกรัม ตอนนั้นดีใจมากที่น้ำหนักกลับมาเลขสี่อีกครั้ง เพราะหลังๆ อดอาหารแค่ไหนก็น้ำหนักไม่เคยน้อยกว่า 50 กิโลกรัมเลยค่ะ
แต่ตอนที่กินยาลดน้ำหนัก เป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก ไม่สนับสนุนให้ใครก็ตามกินเลยค่ะ มันทรมานมาก เราเหงื่อออกเยอะมาก คอแห้ง ต้องกินน้ำบ่อยมาก แล้วก็ฉี่บ่อยมาก กินอะไรไม่ลงเลย ที่สำคัญก็คือ ใจเต้นเร็วมากค่ะ สำหรับเรา การกินเดือนหนึ่งเหมือนอยู่ในนรกจริงๆ แต่เราก็อดทนเพราะอยากผอม ตอนนั้นขอบคุณพระเจ้ามากที่ยังไม่เอาชีวิตเราไป เราผอมก็จริง แต่สภาพตอนนั้นเหมือนซอมบี้ ผีดิบเดินได้ เพราะว่าไม่มีแรงทำอะไร ฝืนทำไป อยากให้มีแรงก็กินกาแฟประทังชีวิตไป อุทาหรณ์ของคนอยากผอมค่ะ หลังจากลดไปเหลือ 47 กิโลกรัม เราก็ตัดสินใจเลิกกิน เพราะกลัวตายก่อน 555 พอเลิกกินน้ำหนักก็กลับมาขึ้นเหมือนเดิมค่ะ แต่เราปลงๆ ไปแล้ว เพราะว่าไม่รู้เลยว่าจะลดยังไง น้ำหนักก็มาถึงจุดเดิม คือ 55 กิโลกรัม
ตอนนั้นเทรนด์วิ่งเริ่มมาแล้ว เราก็เลยหัดวิ่งบ้าง ยอมรับเลยว่าการวิ่งลดน้ำหนักได้ดีมาก บวกกับเรากินน้อยด้วย น้ำหนักเลยค่อยๆ ลดลงไปเหลือราวๆ 48 กิโลกรัม ตอนนั้นดีใจ คิดว่าเราคงหาวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องได้แล้ว ตั้งใจว่าจะวิ่งไปตลอดชีวิตเพื่อรักษาหุ่นดีๆ แต่เรากินน้อยด้วยค่ะ เพราะใช้นโยบายเดิมคือ กินข้าวเช้า กินกลางวัน เย็นกินสัปปะรด กินฝรั่ง โยเกิร์ตอะไรไป แต่หนักไปทางออกกำลังกาย ซึ่งตอนนั้นใช้เวลาวิ่งแต่ละครั้งนานถึง 1 ชั่วโมง วิ่งเสร็จหิวมาก ก็กินแต่พอดี ระหว่างวันถ้าหิวจะชงกาแฟทรีอินวันและไมโล หรือโอวัลติน เราไม่รู้เลยว่าการควบคุมอาหาร เป็นอย่างไร
หุ่นก็ผอมนะคะตอนนั้น แต่ผอมแบบแห้งๆ ตายซาก หน้าโทรมมาก ใครเจอใครก็ทักว่าไม่สบาย เราทำแบบนี้ได้ประมาณ 2- 3ปี ที่น้ำหนักไม่ขึ้นและไม่ลด ก็ยังไม่เอะใจ จนกระทั่งเริ่มมาเล่นเวทตามคลิปในยูทูป เน้นเล่นที่บ้าน เพราะว่าเราวิ่งอย่างเดียวแล้วเริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่เวท น้ำหนักก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ค่ะเพราะว่าไม่ได้คุมอาหาร กินแบบไหนก็กินแบบนั้น ได้ยินเรื่องการกินคลีนแบบแว่วๆ แต่ไม่เคยสนใจ คิดว่าออกกำลังทั้งเวททั้งวิ่ง คงไม่อ้วน แต่น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมาจบที่ 57 จากน้ำหนัก 51 ขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ ขออภัยรูปถ่ายน้อยมาก เพราะว่าเราถ่ายแล้วอ้วน เราลบรูปหมดค่ะ
ตอนนั้นไม่มีความมั่นใจเลย ไม่กล้าถ่ายรูป ไม่กล้าแต่งตัว ใส่เสื้อตัวใหญ่ กางเกงสกินนี่แล้วก็หลอกว่าตัวเองผอม ถ่ายรูปแต่ละทีต้องถ่ายไกลๆ มันเป็นภาวะที่ไม่มั่นใจในตัวเองเลย
น้ำหนักขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึง 58 ตอนนั้นเริ่มสงสัยทำไมน้ำหนักไม่ลด ทั้งๆ ที่ไม่ได้กินข้าว วันทั้งวันเราไม่ได้กินข้าวเลยค่ะ กินขนมปัง กินกาแฟดำ กินไมโล กินนมไขมัน 0 เปอร์เซ็น สลับกันทั้งวัน แรงไม่ค่อยมี แต่น้ำหนักก็ไม่ลด ตอนนั้นร้องไห้เลยค่ะ คิดว่าทำไมเราทั้งวิ่งทั้งเวท อะไรก็ไม่กินเลย ทำไมมันไม่ผอม ยิ่งอยู่ก็ยิ่งอ้วน
สุดท้ายคุยกับพี่สาว พี่สาวแนะนำว่าให้ลองกินคลีนดู เราก็เลยตั้งสติใหม่ มาหาในเน็ต ดูว่าการกินคลีนคืออะไร เชื่อไหมคะว่าอาทิตย์แรกน้ำหนักลดไป 2 กิโลเลย แต่หุ่นยังอวบๆ อยู่เหมือนเดิม คิดว่าที่ลดไปคือน้ำหนักของน้ำมากกว่า เราศึกษาเรื่องกินคลีน โดยเริ่มจากอ่านในอินเตอร์เน็ตก่อน แล้วก็มาศึกษาเรื่องการจำกัดน้ำตาลในแต่ละวัน การดื่มน้ำมากๆ ศึกษาจากไอดอลที่ลดน้ำหนักในไอจีนี่ล่ะค่ะ ยอมรับเลยว่าดูจากในเว็บ MTHAI เสียเป็นส่วนมาก เป็นแรงบันดาลใจเลย ติดตามในไอจี ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้เห็นคนหุ่นดีๆ ที่ไม่ได้ไปฟิตเนส เค้าก็ผอมได้ เราก็เลยศึกษาอย่างจริงจังว่าคนเราต้องกินโปรตีนวันละ 1.5 เท่าของน้ำหนักตัวนะ ต้องกินผักทุกมื้อ ผลไม้อย่ากินมากเกิน น้ำตาลสูง ที่สำคัญต้องเวทและคาร์ดิโอ เราเลยทำตารางเลยค่ะ วันอาทิตย์เล่นเวทขา วันจันทร์เวทแขนและหลัง วันอังคารพัก วันพุธเวทหน้าท้อง วันพฤหัสเวทหลังอย่างเดียว วันศุกร์เวทสะโพก ตอนนั้นเราก็พยายามน่าดูเลยค่ะ
ผลลัพธ์มันไม่ได้เห็นปุปปับนะคะ มันค่อยๆ มา จากเอวหนาก็บางลง จากพุงล่างเยอะๆ ก็เริ่มลดลง จากขาใหญ่ก็ขาเล็กลง จนตอนนี้เรากินคลีท เวท + คาร์ดิโอมา 8 เดือนแล้วค่ะ นี่คือผลลัพธ์ที่ได้ จากวันเริ่มต้น 28 ตุลาคม 2561 มาจนวันนี้ กรกฎาคม 2562
ก็ถ้าใครอยากจะขอคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมก็ DM มาที่ IG B_diaryfit นะคะ
ไอจีเรา จิ้มเลยค่ะ


Anemone Anemone

Anemone Anemone

FULL PROFILE