:+:Review:+: My Skincare Routine...รีวิวสกินแคร์ที่ใช้บำรุงผิวในทุกๆวัน

20 4

สวัสดีคืนวันศุกร์ค่ะ วันนี้เรากลับมาพร้อมกับกระทู้รีวิวสกินแคร์ที่เราใช้ในช่วงนี้นะคะ
จริงๆเขียนร่างไว้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้วแต่ไม่เสร็จซักที กระทู้ยาวมากกกก


เพื่อไม่ให้รุงรังไปมากกว่านี้เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า!

ทาด๊าาาา และนี่คือโฉมหน้าของพี่ๆน้องๆที่คอยปรนนิบัติผิวของเราในช่วงนี้ค่ะ

❤REVIEW TIME


*หมายเหตุ* ขอออกตัวอีกซักนิดว่าเราในฐานะผู้ใช้ปถุชนคนนึงไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านส่วนผสม เราไม่สามารถวิเคราะห์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นั้นๆได้ (ต่อให้เปิดตำราเราก็ไม่คิดว่าเราจะวิเคราะห์ได้ถูก5555) ยกเว้นสารบางตัวที่เข้าใจได้ง่ายก็จะมีเขียนข้อควรระวังไว้นิดนึงค่ะ เอาเป็นว่าอ่านความคิดเห็นเราไปขำๆพร้อมดูรูปประกอบไปเพลินๆละกันน้า ถ้าชอบก็ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจนะคะ (นี่ซื้อสกินแคร์หรือซื้อหุ้น5555)

*หมายเหตุ2* เราผิวแห้งค่ะ

 

ขออนุญาตเรียงลำดับการีวิวตามขั้นตอนการใช้ก่อน-หลังนะคะ

❤Step 1 : ผิวสวยใสไร้สิวเริ่มต้นที่การล้างหน้า


ลืมไปได้ยังไงเนี่ย..ก่อนจะลงสกินแคร์เราก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนสิเนอะ การเลือกใช้เคลนเซอร์ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน บางคนใช้ออยล์แล้วดี อย่างเราเนี่ยเคยใช้ออยล์ยี่ห้อนึงล้างหน้าแล้วสิวขึ้นตรึมเลย กว่าจะรู้ตัวก็สิวผุดไปหลายเม็ดแล้ว

❤︎Step1.1 ล้างเครื่องสำอางออกด้วย Smith Basi Clear One step deep cleaning (150ml./ 590 THB)❤︎

ออกตัวก่อนเลยว่าเราเป็นติ่งหมอโอ๊ค พี่โอปอล์ และน้องอยิมอยัมมากๆ พอเห็นหมอโอ๊คออกผลิตภัณฑ์ใหม่เราก็ไม่รอช้าที่จะซื้อมาลอง หลังจากที่ได้ลองใช้แล้วก็ประทับใจมากจนตุนไว้หลายขวดเลย <3


PRODUCE DETAILS


*ข้อมูลผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของแบรนด์*

"SMITH BASI CLEAR คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวในขั้นตอนเดียว 

คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวหน้าและรอบดวงตาสูตรน้ำมันกึ่งเจล เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ทำความสะอาดผิวหน้าและเครื่องสำอางกันน้ำได้อย่างล้ำลึกอ่อนโยน มอบผิวสะอาดใส ชุ่มชื้น โดยไม่ต้องใช้สำลี

คุณสมบัติสำคัญ

  • ล้างเครื่องสำอางแม้ชนิดกันน้ำได้อย่างสะอาดหมดจด

  • ใช้ง่ายโดยไม่ต้องใช้สำลี

  • ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี และสารกันเสียพาราเบน

  • ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวแม้ผิวแพ้ง่าย"


MY THOUGHT


เนื้อ : สำหรับเรา เราว่ามันไม่ใช่น้ำมัน แล้วมันก็ไม่ใช่เจล แต่มันก็ไม่ได้เหลวเป๋วเป็นน้ำขนาดนั้นอธิบายยากกก เปิดเจอคำอธิบายในเว็บเค้าก็อ๋อเลย มันคือออยล์กึ่งเจลนี่เอง

กลิ่น : ไม่ใส่น้ำหอม และแทบจะไม่มีกลิ่นเลย

ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดตอนแรกเรากลัวว่าจะล้างเครื่องสำอางได้ออกหมดจดจริงมั้ย เราเลยลองล้างด้วยตัวนี้รอบนึงก่อน จากนั้นลองใช้ cleansing water แบรนด์อื่นเช็ดดู ปรากฏว่าไม่มีคราบรองพื้นสีเนื้อๆติดออกมาเลย หลังจากนั้นก็ไม่วิตกจริตละว่าจะไม่สะอาด แต่ถ้าวันไหนแต่งหน้าหนาๆหน่อย เราก็จะล้างสองรอบเพื่อความมั่นใจ และผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถล้างอายแชโดว์กับมาสคาร่ากันน้ำออกได้แบบเกลี้ยงเลย ส่วนลิปสติกถ้าตัวไหนติดทนมากๆก็ล้างไม่ค่อยออกนะคะ

ผล : ตั้งแต่ใช้มาแทบไม่มีสิวเลย รู้สึกผิวหน้าสะอาด ไม่ทำให้หน้าแห้งด้วย ตอนนี้ใช้ไป 3 ขวดแล้วและมีตุนไว้อีกหลายขวดเลย ตอนที่เขาจัดโปร 1 แถม 1 

สิ่งที่ประทับใจในผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือ

มันสามารถใช้ได้แม้ผิวหน้าเราเปียก มันเลยง่ายที่เราจะล้างซ้ำสองรอบ ปกติถ้าเป็นพวกออยล์ แล้วถ้าเราอยากล้างซ้ำอีกรอบเราต้องเช็ดหน้าให้แห้งดีก่อน ไม่งั้นมันจะเปลี่ยนเป็นน้ำนมทันที ความรู้สึกเรา เราว่าการที่มันเปลี่ยนเป็นน้ำนมทันทีทำให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลดลง ซึ่งเคลนซิ่งหมอโอ๊คไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะต่อให้หน้าเปียกแต่เราลงผลิตภัณฑ์ซ้ำ เนื้อผลิตภัณฑ์เค้าจะไม่เปลี่ยนเป็นน้ำนม ทำให้สามารถนวดต่อไปได้เรื่อยๆ พร้อมแล้วก็ล้างออก จากนั้นมันจะเป็นน้ำนมตอนที่เราล้างออกแล้วมันหลุดจากหน้าเราลงไปในอ่างล่างหน้าแทน อีกอันที่ประทับใจคือมันสามารถล้างอายแชโดว์และมาสคาร่าได้หมดเกลี้ยงเลย คำว่า One step deep cleansing ของเค้าจึงไม่ได้กล่าวเกินจริงในความรู้สึกเรา

?

❤︎​Step 1.2 หลังจากล้างเครื่องสำอางออกเรียบร้อยแล้ว เราทำความสะอาดผิวหน้าอีกครั้งด้วย Smith Soft Jelly wash (100ml. / 350 THB)❤︎


หลอดแรกซื้อราคาเต็ม หลอดที่ 2 และ 3 ซื้อตอนโปรชิ้นที่สอง 1 บาท ของวัตสันค่ะ ฮี่ๆ ดีใจ ได้ของดีในราคาถูกลง


PRODUCT DETAILS


"เจลทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน เหมาะสำหรับผิวที่แพ้และระคายเคืองง่าย ไม่ทำให้แห้งตึงหลังล้างหน้า ปราศจาก SLS/SLES (เสิร์ชมา มันคือสารลดแรงตึงผิวที่มักใส่ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด แต่ก็มีข้อเสียคืออาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ค่ะ) น้ำหอม, แอลกอฮอล์, สารกันเสีย และ ซิลิโคน"


My Thought


ก่อนอื่นเราอเมซิ่งกับนวัตกรรมฝาปิดที่ซ่อนอยู่ในตัวผลิตภัณฑ์ค่ะ ตอนแรกที่เราเปิดใช้ เราเห็นเหมือนแผ่นอะไรใสๆปิดอยู่ที่รูหลอด ตอนแรกเราก็นึกว่าผลิตภัณฑ์มันแห้งเป็นแผ่น เราเลยลองบีบดู ที่ไหนได้ มันเป็นแผ่นใสๆปิดกั้นระหว่างตัวผลิตภัณฑ์ไว้ ทำให้มันไม่โดนน้ำหรือลมนั่นเอง เอาใจไปก่อนเลยหนึ่งดวง


เนื้อ : เป็นเนื้อเจลใสๆไม่เหลวไม่ข้นกำลังดี

สี : สีใสๆเลย ส่วนตัวชอบอะไรสีใสๆอยู่แล้ว เอาไปอีกดวง

กลิ่น : แม้ว่าเค้าจะบอกว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่ใส่น้ำหอม ตอนแรกก็คิดว่าคงเหมือนตัวเคลนซิ่งแหละ ปรากฏว่าเจลตัวนี้มีกลิ่นจ้า ตอนแรกไม่รู้หรอกว่ากลิ่นอะไร รู้แค่ว่ากลิ่นมันออกแนวอโรม่าๆ ผ่อนคลายดี พอมาอ่านฉลากก็เจอว่าเขาใส่ Lavender Oil ในผลิตภัณฑ์ด้วย

ฟอง : ตอนแรกก็คิดว่าตัวนี้ต้องไม่มีฟองแน่ๆเลย คล้ายๆสมูธอี หรือ เซตาฟิล หรือพอลล่าชอยส์งี้ ปรากฏว่ามีฟองจ้าา แอบผิดคาดไปนิดนึงเหมือนกัน แล้วคือฟองเยอะมากด้วยน้า

ผล : รู้สึกสะอาดดีนะคะ หน้าไม่ตึง ไม่เอี๊ยดอ๊าด ล้างเสร็จหน้าก็ไม่แห้งด้วย สำหรับเราเราชอบ เขาไม่ได้พูดเกินจริง

หมดแล้วซื้อต่อมั้ย? : ตอนนี้ยังเหลืออีก 2 หลอด แต่คิดว่าถ้าใช้หมดแล้วอาจจะหันกลับไปซบสมูธอี เพราะเริ่มคิดถึงการล้างหน้าแบบไม่มีฟองแล้วค่ะ

?

STEP 2 : เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุง

หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้วเราเลือกใช้ Fresh Rose Deep Hydration Facial Treatment (250 ml./1,760 THB)หรือโทนเนอร์กลีบกุหลาบ สำหรับการปรับสภาพผิวหน้าเพื่อให้สะอาดและชุ่มชื่้นพร้อมรับการบำรุงค่ะ


ตัวนี้เราเห็นคนรีวิวกันเยอะมาก บวกกับชอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำใสๆและมีอะไรอยู่ข้างใน มันดูน่ารักดี สุดท้ายเลยได้โอกาสซื้อมาลองใช้

PRODUCT DETAILS


" โรส ดีพ ไฮเดรชั่น เฟเชียล โทนเนอร์ มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ฟื้นบำรุงผิวให้เนียนนุ่มพร้อมกระชับรูขุมขุน เผยผิวเรียบเนียน อิ่มน้ำ มีสุขภาพดี ผสานคุณค่าจากกลีบกุหลาบแท้บริสุทธิ์ ทำให้โทนเนอร์สูตรอ่อนโยนขวดนี้สามารถทำความสะอาดผิวที่เผชิญกับมลพิษได้ในระดับอนุภาค และช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิว พร้อมกระชับรูขุมขนและบำรุงผิวให้อ่อนนุ่ม มอบผลลัพธ์สู่ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน อวบอิ่ม เปล่งประกาย เหมาะสำหรับใช้เป็นขั้นตอนแรกในขั้นตอนการบำรุงผิวเพื่อความชุ่มชื้น "


MY THOUGHT


กลิ่น : หอมมมกุหลาบบบบ~  แค่ได้กลิ่นก็ฟินแล้ว

เนื้อ : ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำเหลวๆเหมือนโทนเนอร์ยี่ห้ออื่นๆ บางครั้งที่หยดผลิตภัณฑ์ออกมาอาจมีกลีบกุหลาบเล็กๆติดออกมาด้วย

ความชุ่มชื้น : เราคิดว่าเป็นโทนเนอร์ที่ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นจริงๆค่ะ ปกติโทนเนอร์ที่เคยใช้ทาไม่นานก็จะแห้งไป แต่ตัวนี้เราลองทาเดี่ยวๆโดยไม่ได้ใช้อะไรตาม ปรากฎว่าหน้ายังมีความชุ่มชื้นอยู่




เคล็ดลับยืดเวลาให้โทนเนอร์หลักพันของเราหมดช้าลง!


เราใช้ขวดนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมมาถึงตอนนี้ก็ 4 เดือนแล้ว ปรากฏว่ายังเหลือตั้งครึ่งขวด จริงๆแล้วเรามีตัวช่วยดีนี่เอง นั่นก็คือสำลีนั่นเอง! เราค้นพบสำลีตัวนี้ครั้งแรกที่ร้านซูรูฮะ เห็นเค้ามีป้ายเขียนว่าประหยัดโทนเนอร์ได้ นี่ก็เลยลองซื้อมาใช้ดู 1 กล่องมีทั้งหมด 40คู่ 80 แผ่น และมีรอยปรุแบ่งครึ่งได้อีก เราใช้แค่ครั้งละแผ่นเท่านั้น ตอนแรกที่ใช้เรากะไม่ถูก หยดหลงมาเท่าเดิมผลที่ได้คือ โทนเนอร์ไหลย้อยลงมาหมดเลย 55555 มันมากเกินไป สำหรับสำลีตัวนี้เพียงแค่หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีไม่กี่หยด สำลีก็ชุ่มมากๆแล้ว คอนเฟิร์มเลยว่าประหยัดโทนเนอร์ได้ดีจริงๆ

สำหรับราคาของตัวนี้คือ 100 นิดๆ มีเพื่อนเคยบอกว่าสำลีอะไรทำไมแพงจัง ไม่ซื้อหรอก แต่สำหรับนี่คิดว่าเสียเงินซื้อสำลีหลักร้อยยังดีกว่าซื้อโทนเนอร์หลักพันนะ 5555

?

♥︎Step 3  ผิวพร้อมสำหรับการบำรุงแล้ว ♥︎


ขั้นตอนแรกเราเลือกใช้ SKII Facial Treatment หรือ น้ำป้าเจี๊ยบในตำนาน สำหรับการปรนนิบัติผิวค่ะ ตอนเราเด็กๆชอบอ่านกระทู้ในโต๊ะเครื่องแป้งมาก สมัยนั้น SKII เป็นอะไรที่ฮิตมากกก จำได้ว่าเรียกกันว่าน้ำป้าเจี๊ยบ (ตอนนั้นคุณเจี๊ยบ โสภิตนภาเป็นพรีเซ็นเตอร์) ล่ำลือกันมานานว่าใช้แล้วใส ตอนนั้นยังเด็กๆคิดว่าไม่มีปัญญาซื้อแน่นอน มันแพง


จนกระทั่งมาอยู่มหาลัย ช่วงใกล้เรียนจบเพื่อนเอามาให้ลองใช้ เพราะเพื่อนมีสกินแคร์เยอะใช้ไม่ทัน ถือเป็นบุญของเราที่ได้ลองน้ำป้าเจี๊ยบในตำนาน จำได้ว่าช่วงนั้นใสจริงงง พอใช้หมดก็ไม่ได้ใช้ต่อ หันไปใช้ยี่ห้ออื่นไม่ได้ซื้ออีกก็รู้สึกว่าหน้าไม่ใสเท่าตอนที่ใช้ SKII หลังจากนั้นก็ขาดไม่ได้อีกเลย....ขวดนี้เป็นขวดที่ 2 ที่ซื้อเองแล้วค่า > _ <

PRODUCT DETAILS

" Facial Treatment Essence ประกอบด้วยพิเทร่า™ เข้มข้นกว่า 90% และส่วนประกอบชีวภาพทางธรรมชาติที่จำเป็น อุดมไปด้วยอนุภาคอาหารผิวกว่า 50 ชนิด ซึ่งรวมถึงคุณค่าจากวิตามิน กรดอะมิโน แร่ธาตุ กรดอินทรีย์ และอีกมากมาย โดยพิเทร่า™ จะช่วยปรับสภาพให้ผิวทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ และบำรุงผิวด้วยปัจจัยเพื่อความชุ่มชื้นตามธรรมชาติเพื่อมอบผิวดูสุขภาพดี และกระจ่างใสยิ่งขึ้น"


MY THOUGHT 

เนื้อ : เนื้อเหลวเหมือนน้ำ คล้ายๆโทนเนอร์

สี : ใสๆ 

กลิ่น : ก่อนหน้านี้เคยอ่านรีวิวว่ากลิ่นของเอสเคทูนี่เหม็นเกินบรรยาย แต่พอได้ใช้จริงก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เหม็นแรงขนาดนั้น มันออกแนวกลิ่นยีสต์ๆ หมักๆ ตุ่ยๆ แต่ไม่นานกลิ่นก็หายไป เทียบกับ Biotherm เราว่าอันนั้นกลิ่นแรงและติดกว่าทั้งๆที่ใส่น้ำหอมด้วยนะ 

ความชุ่มชื้น : สำหรับเราที่เป็นคนผิวแห้งใช้แค่ SKII ไม่สามารถทำให้ผิวหน้าเราชุ่มชื้นได้ค่ะ ทาไปซักพักผลิตภัณฑ์จะซึมลงผิว ผิวจะเริ่มแห้งละต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์ตัวอื่นๆเพิ่มด้วย แต่สำหรับคนผิวมันอาจจะพอไหวอยู่นะ

ผล : เรารู้สึกว่าใช้แล้วหน้ากระจ่างใส มันไม่ได้ขาวขึ้นนะ แต่มันดูใสขึ้น นี่ึคิดว่ายังไงก็ยังไม่เปลี่ยนใจ จะใช้ตัวนี้เป็นตัวยืนพื้นไปเรื่อยๆเลยค่ะ

Step 3.1 เนื้อผลิตภัณฑ์เริ่มเข้มข้นขึ้นมาหน่อยแล้วค่ะ เราเลือกใช้ KIEHL's Clearly Corrective Dark Spot Solution (30 ml./ 1940 THB) สำหรับลดจุดด่างดำค่ะ 


เราตัดสินใจซื้อตัวนี้เนื่องจากตอนไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนแล้วเห็นเพื่อนใช้ กลับมาเจอรีวิวของคุณเตยในเพจ ทาได้ก็ได้ ทาไม่ได้ก็โยนทิ้งไป เค้ารีวิวว่ามันช่วยลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าได้ภายใน 2 สัปดาห์ก็เห็นผลแล้ว เนื่องจากเราเองก็มีรอยดำจากสิว และมีฝ้าจางๆตรงแก้มทั้งสองข้าง อ่านปุ๊บก็ไม่รอช้าค่ะ รีบหามาลองใช้เลย เราซื้อมาจากร้านในไอจีเลยได้ราคาถูกกว่าในเคาน์เตอร์ค่ะ 

PRODUCT DETAILS


" เซรั่มปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ช่วยให้ผิวสว่างสดใสเป็นประกาย เห็นผลเร็วภายใน 2 สัปดาห์ โดย 55% ของผู้ที่เข้ารับการทดสอบ มีจุดด่างดำลดลงอย่างเห็นได้ชัด ภายใน 4 สัปดาห์พบว่า 69% ของผู้ที่เข้ารับการทดสอบมีจุดด่างดำลดลงอย่างต่อเนื่อง และ 73% มีรอยแผลเป็นจากสิวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ภายใน 8 สัปดาห์ 87% ของผู้ที่เข้ารับการทดสอบทางคลินิกมีสีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น และเผยผิวกระจ่างใส ช่วยป้องกันการเกิดจุดด่างดำใหม่ๆ และป้องกันการเปลี่ยนสีของเม็ดสีผิวเมื่อใช้เป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง ปราศจากซิลิโคน ปราศจากสารกันเสีย ปราศจากน้ำหอม ปราศจากสี ปราศจากเทคโนโลยีกระจายแสง (Optical Diffuser) "

MY THOUGHT 

เนื้อ : ไม่เหลวเป็นน้ำแล้วจ้า แต่ก็ยังข้นไม่เท่าเจล

สี : ใสๆกิ๊งเลย

กลิ่น : มีกลิ่นหอมนิดๆ เหมือนกลิ่นน้ำหอมผู้ชายเลยอะ แต่เค้าเคลมว่าไม่ได้ใส่น้ำหอม น่าจะเป็นกลิ่นจากอะไรซักอย่าง 

ผล : สำหรับเราที่ใช้มาครบ 1 เดือนแล้ว เรารู้สึกว่ารอยสิวและ รอยฝ้าที่ข้างแก้มดูจางลง แต่ยังไม่หายไปทั้งหมด ถือว่าเป็นไปตามที่เขาเคลมไว้นะคะ (ดีใจที่ทุกอย่างที่ซื้อมามันเห็นผลหมดเลย ขอบคุณผิวที่ไม่ดื้อด้านนะ) หากใช้ครบ 8 สัปดาห์ หรือหมดขวดแล้วจะมารีวิวอีกครั้งนึงนะคะ

รูปนี้เป็นภาพเปรียบเทียบระหว่างก่อนใช้ ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 1 แต่เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ช่วงวันที่ 24 สิงหาคมนะคะ ด้านขวาเป็นรูปที่ใช้มาเกือบครบหนึ่งเดือนแล้ว พวกจุดด่างดำเราว่าจางลงแล้ว แต่ฝ้ายังมีอยู่ รูปเปรียบเทียบยังไม่ค่อยดี หากใช้ครบแปดสัปดาห์แล้วจะมาอัพเดทกันอีกทีนะคะ

?

♥︎Step 4 :กักเก็บความชุ่มชื้นไว้ด้วยมอยส์เจอไรเซอร์♥︎


มาถึงขั้นตอนเกือบสุดท้ายของการบำรุงผิวกันแล้วค่ะ เราใช้ Curel Intensive Moisture Cream ลงปิดท้ายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวค่ะ

เราซื้อตัวนี้ตามพี่แนน nnpimmook ค่ะ พี่เขาเป็นคนที่ผิวดีมากๆดูเด็กสุดๆ อะไรว่าดี น้องก็เลยซื้อตามพี่เขาตลอดเลย  

PRODUCT DETAILS


*ข้อมูลผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของแบรนด์*

" คิวเรล อินเทนซีฟ มอยส์เจอร์ แคร์ อินเทนซีฟ มอยส์เจอร์ ครีม ครีมบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายเนื้อครีมเข้มข้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ คืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นพิเศษ แต่สัมผัสบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างง่ายดาย ไม่รู้สึกหนักผิว เนื้อครีมเติมเต็มเซราไมด์ พร้อมกระตุ้นให้ผิวสร้างเซราไมด์ตามธรรมชาติ ผิวนุ่มชุ่มชื้นจากภายใน ลดการระคายเคืองจากผิวแห้งลอกเป็นขุย

  • สูตร pH-balanced

  •  ปราศจากน้ำหอม

  •  ปราศจากสี

  •  ปราศจากแอลกอฮอลล์

  • สูตร Hypoallergenic

  •  ผ่านการทดสอบกับผู้มีผิวแพ้ง่าย ภายใต้การควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง"

MY THOUGHT 


เนื้อ : เนื้อครีมข้นๆเลย คว่ำแล้วไม่หกเหมือนไอศกรีมแดรี่ควีน 5555 แต่เกลี่ยง่าย ทาแล้วไม่หนักหน้าด้วย เป็นไปตามที่พี่แนนรีวิวไว้เลย <3

สี : ขาว 

กลิ่น : ไม่มีกลิ่นน้ำหอม ตามที่เขาบอกเลย หลังๆมานี้ชอบครีมที่ไม่ใส่น้ำหอมมากกว่าเพราะรู้สึกว่าอ่อนโยนต่อผิวดี

ผล : เราเป็นคนผิวแห้งมาก เราว่าตัวนี้เอาอยู่ ตอนเช้าๆถ้ารีบๆเราหยิบตัวนี้ตัวเดียวทาแล้วตามด้วยกันแดด แล้วแต่งหน้าต่อได้เลย ถ้าตอนนี้มีใครมาขอขอคำแนะนำสำหรับครีมที่ให้ความชุ่มชื้นต่อผิวเราก็แนะนำตัวนี้เลย

STEP 5 หน้าชุ่มชื้นแล้ว ปากของเราก็ต้องชุ่มชื้นด้วย


ในเมื่อเราผิวแห้งขนาดนี้แน่นอนว่าปากเราก็ต้องแห้งด้วย เราไม่สามารถนอนได้เลยถ้าวันไหนไม่ได้ทาลิปมัน เพราะปากเราจะแห้งผาก แล้วรู้สึกตึงๆเจ็บๆต้องลุกขึ้นมาควักลิปมันแล้วโปะลงไปหนาๆ ดังนั้นลิปมันสำคัญกับเรามาก


ก่อนหน้านี้เราเคยแพ้ลิปบาล์มไข่ของ EOS มาก่อน ลามมาจนถึง Burst Bee ที่ใช้ดีมากๆเลยในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นเราก็ดันแพ้ซะงั้น หลังจากนั้นเราก็ไม่สามารถหาลิปมันที่เราไม่แพ้ได้อีกเลยจะมีก็แค่ลิปมันเภสัชกับปิโตรเลียมเจลลี่ แต่อนิจจาสองสิ่งนี้ไม่เพียงพอต่อปากแห้งๆของเราได้เลย ทำไมต้องปากแห้งขนาดนี้! 


จนกระทั่งเราได้มาเจอตัวนี้จากการรีวิวของพี่แป้ง Kirari เราเลยตัดสินใจเสี่ยงดวงกันอีกรอบว่าจะแพ้ไม่แพ้ ปรากฎว่าไม่แพ้ค่าาาา ดีใจมาก

PRODUCT DETAILS


JILL STUART Melty Lip Balm ขี้ผึ้งทาริมฝีปากที่นำริมฝีปากที่เต็มและอ่อนนุ่มมาให้คุณดุจน้ำผึ้งที่หลอมละลาย 7g./550 THB ล่าสุดแบรนด์ปรับราคาลงเหลือ 470 ถือเป็นเรื่องราวดีๆมากค่ะ


คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์:

・ขี้ผึ้งทาริมฝีปากที่ละลายสู่ริมฝีปากของคุณอย่างง่ายดาย สีสันอ่อนโยนแต่ให้ความชุ่มชื้นอย่างอุดมสมบูรณ์ มอบริมฝีปากที่เต็ม นุ่มนวล และบริสุทธิ์ให้กับคุณ

・คิดค้นสูตรโดยใช้น้ำผึ้งสามชนิด ทำให้ริมฝีปากของคุณนุ่มนวลจนคุณต้องสัมผัส นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับความแห้งกร้านจะบรรเทาลงด้วยน้ำผึ้งจากกุหลาบ น้ำผึ้งจากส้ม และน้ำผึ้งจากลาเวนเดอร์ผสมกับน้ำมันผลกุหลาบและเชียบัตเตอร์ที่ให้ความเนียนนุ่มสูงนอกจากนี้คุณจะรู้สึกเหมือนมีผ้าคลุมปกป้องริมฝีปากของคุณไว้เนิ่นนานเพื่อรักษาความชุ่มชื้นตลอดเวลา

・การออกแบบที่ประดับด้วยคริสตัลและเครื่องรางตามแนวคิดความสะอาดและทันสมัยของซีรีส์ JILL STUART RELAX ตกแต่งด้วยลายเส้นริบบิ้นด้านหน้าและคริสตัลด้านบนที่ฉายประกายน่ารื่นรมย์ ทำให้สามารถมอบเป็นของขวัญที่มีเสน่ห์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

・กลิ่นอะโรมาติก ไวท์ ฟลอรัล บูเกต์

* คำอธิบายการออกแบบ มีเครื่องหมาย J ที่ส่วนบนของฝา

MY THOUGHT 


เนื้อ : เหมือนที่เขาบรรยายไว้เลยค่ะ มันจะเหมือนอะไรละลายๆซักอย่าง และประเด็นคือมันเหนียวนะ ถ้าทาเยอะๆนี่เหนียวแบบติดผมเลย แต่เวลาเม้มปากจะไม่หนืดติดกันค่ะ

สี : ขาว ตอนแรกตั้งใจซื้อสีชมพู แต่ดันหมดเลยได้สีขาวมา เวลาทาเยอะๆปากก็ไม่เป็นสีขาวนะ ถือเป็นข้อดี เพราะลิปบางแบรนด์ที่เป็นสีขาวพอทาแล้วปากจะเป็นสีขาวไปด้วย

กลิ่น : กลิ่น White lilly เป็นกลิ่นดอกไม้หอมๆ ทาแล้วเหมือนเป็นเจ้าหญิงสวยๆที่พร้อมนอนในค่ำคืนนี้แล้ว 5555

ผล : เราเป็นคนปากแห้งมาก แต่ตัวนี้เอาอยู่อะ เราทาก่อนนอนตื่นมาลิปยังอยู่ที่ปากอยู่เลย ขนาดที่ว่าอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ยังมีึความชุ่มชื้นอยู่ที่ปากเลย หมดกระปุกนี้แล้วซื้อต่อแน่นอนค่า 

สำหรับรีวิวสกินแคร์ของเราก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ สิ้นเดือนพอดีเลยตำตามกันมั้ยคะ อิอิ ❤️


KanKan

KanKan

28 years old girl who is still passionate with make up and skincare <3
หมดยุคสวยคนเดียวแบบเงียบๆแล้ว..เพราะยุคนี้เราจะต้องสวยไปด้วยกันนะคะ

FULL PROFILE