Skincare Routine 22 ตัว หมดเงินไม่ว่า ตีนกามาไม่ยอม

42 8
สวัสดีค่ะสมาชิก Jeban ทุกคน เนื่องจากโพสต์นี้เป็นโพสต์แรกของมายบน Jeban เลยจะขอแนะนำตัวก่อน มายอายุ 28 อยู่ที่มาเลเซีย (มาเลมีเครื่องสำอางถูกๆ หลายแบรนด์เลยแหละ ไว้ทำกระทู้แนะนำอีกที) เป็นคนผิวมัน ขาดน้ำเป็นบางช่วง สิวขึ้นประปราย มี concern เรื่องกระและริ้วรอยใต้ตา แต่ผิวดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก กล้าออกจากบ้านแบบไม่ต้องกลบผิว แค่ทากันแดดกับเขียนคิ้วก็พอ

เมื่อก่อนตอนวัยรุ่นเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจการดูแลผิว เอาแต่กลบๆๆๆ ปัญหาด้วยเครื่องสำอางหนักๆ รองพื้นแบบ Full-coverage นี่โบกเข้าไปเลย มีปัญหาสิวมาตลอด หนักๆ ก็ช่วงอายุ 16-20 ต้นๆ ไปหาหมอสิวเกือบทุกอาทิตย์ ทั้งกดทั้งฉีด กดสิวทีไม่ต่ำกว่า 50 เม็ด หน้าระบมไปหมด แต่ก็ไม่ดีขึ้น ผิวบาง แพ้ง่าย จนคิดว่าเลิกเอาเงินที่หาหมอ มาซื้อครีมทาหน้าดีๆกว่ามั้ย เลยลองหยุดไปหาหมอ แล้วซื้อครีมมาใช้ ทาๆ ไปมั่วๆ ลองผิดลองถูก แพ้บ้างดีบ้าง จนมา 1-2 ปีนี้ที่ผิวเริ่มสมดุลและแข็งแรงขึ้น

ตัวที่เอามารีวิวคือตัวที่ใช้อยู่ช่วงนี้หรือตัวที่ยังเก็บ package ไว้อยู่ บางตัวใช้ทุกวัน บางตัวสลับใช้บ้างตามสภาพ บางตัวหมดก็ไม่ซื้อต่อแล้ว รีวิวนี้มาจากความรู้สึกจริงๆ ที่ได้ลองใช้ อาจไม่ถูกกับสภาพผิวบางคน ถ้าเป็นไปได้ให้ไปลองที่ counter หรือซื้อขนาดทดลองมาใช้ก่อน คะแนนสังเกตุได้จากมุมขวาล่างของรูปเลยค่ะ
Naris Up Nature Conc - Medicated Clear Lotion
( 200 ML ราคาถ้าจำไม่ผิดขวดละไม่เกิน 300 บาท)
คะแนนความชอบ : 5/5


โทนเนอร์สัญชาติญี่ปุ่นที่ซื้อมาจากดองกี้ตามรีวิวในจีบันนี่แหละ เป็นโทนเนอร์ที่ดีเกินราคาไปมากกกก เบียด Sk-II Clear Lotion ที่เคยเป็นโทนเนอร์ตัวโปรดตก routine ไปได้เลย มันเช็ดสะอาด ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดีอย่างอ่อนโยน ไม่ลอกไม่แสบ วันไหนรู้สึกจมูกดำๆ จะเอาเหยาะใส่สำลีชุ่มๆ แล้วถูวนที่จมูก สำลีจะออกดำๆ นิดๆ แล้วจมูกจะดูดีขึ้นทันที
SK-II Facial Treatment Clear Lotion
( 230 ML ราคา 2,370 บาท จาก King Power )
คะแนนความชอบ : 4/5


อดีตลูกรักราคาแรงที่แพ้ให้ Naris เพราะเรื่องราคาล้วนๆ ตอนเริ่มใช้น้ำตบ SK-II แรกๆ ไม่ได้ใช้คู่กับโทนเนอร์ตัวนี้ เพราะรู้สึกว่าราคาแพงไป เลยข้ามขั้นโทนเนอร์แล้วใช้ตัว essence หลังล้างหน้าเลย ทำให้ไม่ค่อยเห็นผลอย่างที่คนอื่นเค้าว่ากัน จนอ่านเจอรีวิวนึงที่บอกว่า essence SK-II จะได้ผลดีกว่าถ้าเช็ดโทนเนอร์ให้ผิวสะอาดก่อนใช้ เลยไปซื้อ Clear Lotion มาใช้คู่กัน แล้วก็เป็นไปตามรีวิวนั้นว่าจริงๆ เริ่มเห็นว่ารูขุมขนกระชับขึ้น หน้ากระจ่างใสขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นหรืออะไร พอเจอตัวใหม่ที่ถูกกว่า ให้ผลเหมือนกัน เลยเปลี่ยนใจไปหาตัวถูกแทน
First Aid Beauty - Blemish Patrol Pads
( 60 แผ่น ราคาประมาณ 1,000 นิดๆ )
คะแนนความชอบ : 2/5 

เป็นโทนเนอร์ที่พกเวลาเดินทางสั้นๆ เพราะน้ำหนักเบา สะดวก มีสำลีในตัว 1 กระปุกมี 60 แผ่น สำลีมี 2 texture ด้านนึงเรียบ อีกด้านนึงจะขรุขระหน่อย คุณสมบัติช่วยลดและป้องกันสิว มี salicylic acid และ witch hazel เวลาใช้ ชอบเอาด้านขรุขระมาถูกวนๆ ที่จมูกและใต้คางเพื่อลดสิวเสี้ยน และเอาด้านเรียบเช็ดทั่วหน้า เว้นห่างๆ ใต้ตา แต่ถ้าเดินทางยาวๆ จะไม่เอาตัวนี้ไป เพราะตัวนี้ค่อนข้างแรง เคยใช้ติดกันหลายๆ วันแล้วหน้าแห้ง แสบ และแดง (แต่ทางแบรนด์เคลมว่าอ่อนโยน ใช้ทุกวันได้)
Curel - Sebum Care Lotion
( 150 ML ราคา 800 บาท )
คะแนนความชอบ : 0/5

ซื้อตอนย้ายมาอยู่มาเลเซียใหม่ๆ ตอนนั้นสิวขึ้นเยอะมาก แล้วช่วงนั้นกระแสแบรนด์นี้กำลังมา เป็นเวชสำอางจากญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนโยน เลยซื้อมาลองแต่ไม่ช่วยอะไรเลย สงสัยเพราะอ่อนโยนมาก 5555 ใช้มาจนหมดไปค่อนขวดก็ยังไม่ดีขึ้น เลยหยุดใช้ไป
SK-II Facial Treatment Essence
( 230 ML ราคา King Power ประมาณ 5,000 กว่าๆ )
คะแนนความชอบ : 4/5

น้ำตบที่มีริวิวเยอะมากๆๆๆ ใช้มาตั้งแต่อายุ 20 เพราะรีวิวเค้าว่าดีนี่แหละ ตอนนั้นไม่ได้เห็นผลอะไรเลย สิวก็ยังขึ้น หน้าก็ไม่กระจ่างใส รูขุมขนไม่ได้กระชับ แต่ก็ยังใช้มาเรื่อยๆ เพราะคุณค่าทางจิตใจ จนมาอายุ 25 ถึงเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง ยิ่งใช้คู่กับโทนเนอร์ผลยิ่งชัดขึ้น เวลาตบแล้วรูขุมขนกระชับขึ้น ผิวดูตื่นและเต็มขึ้น ด้วยความที่เป็นสกินแคร์ที่ใช้มานานสุด คิดว่าตัวนี้แหละที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผิวเด็กกว่าอายุจริง จะยังใช้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะมีขวด 330 ML รออยู่ ใช้ได้อีกปีนึงแน่ๆ
Lamer - Treatment Lotion
( 150 ML ราคา King Power ราคา 4,150 บาท )
คะแนนความชอบ : 3/5

ตอนกลับไทยไปไม่ได้เอาสกินแคร์ไปเยอะเพราะขี้เกียดแบก เลยได้ลองตัวนี้ของน้อง (จนน้องยกให้) ลองครั้งแรกโอ้โห ฟีลดีมาก texture ดี ชุ่มชื้นใช้ได้เลยสำหรับตอนเช้า ไม่เหนียว ไม่หนักเกิน ซึ่งความชุ่มชื้นนี้แหละที่เราคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับผิว ช่วยให้เหี่ยวช้า ชะลอเรื่องริ้วรอย คืนไหนที่ขี้เกียจหน่อยก็ทาตัวนี้ต่อด้วย Lamer Soft Cream (ที่จิ๊กพ่อมา) คือพอเลย ที่ให้คะแนนไม่เยอะเพราะเพิ่งเริ่ม ส่วนราคาดูแรง แต่มันใช้ได้นานมากแน่ๆ ใช้ทีละ 1-2 หยดก็พอแล้ว
Biothern - Life Plankton Essence
( 125 ML ราคา King Power ราคา 2,170 บาท )
คะแนนความชอบ : 4/5


เวลาหน้าแสบแดงจากจากทา Retin A มากไปก็จะใช้ตัวนี้เลย มันช่วยให้หายแสบได้ทันที เป็นสกินแคร์ที่ต้องมีไว้ตลอด เพื่อความอุ่นใจ แต่ไม่ใช้ทุกวันเพราะมันซึมช้ามากๆ เนื้อหนึบๆ ใช้ตอนเช้าไม่ได้เลย
Sulwhasoo - First Care Activating Serum
( 60 ML ราคา 2,100 บาท จาก King Power )
คะแนนความชอบ : 4/5


เซรั่มที่ใช้เป็นตัวแรกหลังโทนเนอร์ ใช้หมดไปแล้ว 3 ขวด เหลือในสต๊อคอีก 1 ขวด ถ้าถามว่าตัวนีช่วยเรื่องอะไร แรกๆ คงตอบไปได้ แต่พอหมดไป 3 ขวดถึงมารู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้นจริงๆ ไม่ค่อยแพ้อะไร แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องความขาว จุดด่างดำ หรือความชุ่มชื้นนะ ... ตัวนี้ถ้าใช้เดี่ยวๆ ตอนกลางคืนจะไม่พอ เพราะมันเป็น pre-serum ควรใช้เซรั่มตัวอื่นตามด้วยเพื่อแก้ไขปัญหาผิว เช่น จุดด่างดำ หรือเติมน้ำให้ผิว แต่ตอนเช้าใช้แค่ toner >Sk-II essence> แล้วก็ตัวนี้ก็พอแล้วสำหรับคนหน้ามัน
Cynthera - Time Reverse Serum
( 30 ML ราคา 1590 บาท )
คะแนนความชอบ : 3/5

สกินแคร์แบรนด์ไทยแบรนด์เดียวที่อยู่ใน routine ได้มาเพราะเพื่อนสนิทส่งมาให้ลอง เน้นเรื่องป้องกันริ้วรอยและเสริมความแข็งแรงให้ผิวจากส่วนผสมหลักคือ Red Pine ... เนื้อเซรั่มใส texture คล้ายๆ Sulwhasoo Activating Serum ซึมไวมาก ทาแปปเดียวแล้วแห้งเลย หลังใช้หมดไป 1 ขวดผลลัพท์ที่เห็นคือริ้วรอยเล็กๆ จางไปนิดหน่อย และชุ่มชื้นเล็กน้อย
Kiehl's - Nightly Refining Micro-Peel Concentrate
( 30 ML ราคา 2,340 บาท จาก King Power )
คะแนนความชอบ : 4/5

เซรั่ม BHA ที่เน้นเรื่องการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้ดี ใช้เฉพาะตอนกลางคืน ช่วงแรกๆ ใช้ทุกวันไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่พอหยุดใช้สังเกตได้เลยว่าจมูกจะดำมาก สิวเสี้ยนมาตรึม แต่ช่วงนี้ไม่ได้ใช้ทุกวัน วันไหนที่ใช้มาส์กผลัดเซลผิวก็จะงดตัวนี้ไป ไม่อยากใช้ซ้ำซ้อนเดี๋ยวหน้าจะแหกอีก ... เนื้อเซรั่มใสๆ แต่หนึบๆ ผิวนิดหน่อย ใช้เวลาในการซึม ใช้ต่อจาก Activating Serum ก่อนลง serum ตัวอื่นๆ
Laneige - White Dew Essence
( 40 ML ราคาใน King Power ประมาณ 1,700 บาท )
คะแนนความชอบ : 0/5 

พออายุเลย 25 มา ปัญหาเรื่องสิวก็ลดลง แต่กลายเป็นมีกระขึ้นมากวนใจแทน ทั้งๆ ที่ก็ทากันแดดทุกวัน เลยต้องหาเซรั่มที่ช่วยเรื่องจุดด่างดำมาใช้ เลือกอยู่หลายอาทิตย์ว่าจะซื้ออันไหนดี จนเดินผ่าน Laneige เห็นรูป Brand Ambassador หน้าใสกิ๊กเลยเข้าไปซื้อเลย ทาสการตลาดมากๆ ตัวนี้กลิ่นหอมดี เนื้อหนืดนิดๆ ทาแล้วรู้สึกชุ่มชื้นในระดับนึง แต่ไม่ช่วยเรื่องจุดด่างดำเลยซักนิดผิดวัตถประสงค์เลยให้ 0 คะแนน
Shiseido - White Lucent Micro Targeting Spot Corrector
( 30 ML ราคาใน King Power ประมาณ 3,500 บาท )
คะแนนความชอบ : 4/5

หลังผิดหวังจาก Laneige ก็มาลองตัวนี้แทนซึ่งมันดีมากกกกก ถึงราคาจะแพงกว่า Laneige เท่านึงก็ตาม เนื้อไม่หนัก ทาตอนเช้าได้ หอมอ่อนๆ หลังใช้ได้ 2 เดือนเห็นได้ชัดกว่ากระมันจางลงจริงๆ รอยสิวที่กดก็หายเร็วขึ้น แนะนำๆ
Dior - Capture Youth Glow Booster
( ราคาที่ไทย 4,100 บาท แต่ที่มาเลถูกกว่ามากกกก )
คะแนนความชอบ : 4/5

เซรั่มวิตามินซีสกัดจากลูกพลัมที่ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ลอง แต่หารีวิวไม่ค่อยเจอ กลิ่นดี texture ก็ดีมากๆ ซึ่มค่อนข้างไว ใช้ความชุมชื้นด้วย ใช้เฉพาะตอนกลางคืนมาประมาณเดือนนิดๆ แล้ว หน้าดู Glow ใส สว่างขึ้นจริงๆ ก่อนหน้านี้เคยใช้วิตซีของ Kiehl's ที่ผลลัพท์ดีเหมือนกัน แต่เลิกใช้ไปเพราะความซิลิโคนแตกต่างจากตัวนี้ที่ฟีลดีกว่า หักคะแนนที่แพคเกจจิ้งเป็นขวดใส ไม่รู้วิตามินซีจะเสื่อมแล้วเปลี่ยนสีเข้มขึ้นมั้ย ตัวนี้มีน้ำหอมตามแบบฉบับของดิออร์ ใครแพ้น้ำหอมไปลองที่ counter ก่อนนะ เพราะราคาค่อนข้างแรงเลย
Lamer - The Concentrate
( ราคาใน King Power ประมาณ 16,000 บาท )
คะแนนความชอบ : 2/5 

เป็น Serum ที่แพงที่สุดที่เคยใช้ ตอนได้มาแรกๆ ชอบมาก พอเจ็บๆ ใต้ผิวเหมือนสิวอักเสบจะขึ้นก็โปะตัวนี้ไปเลยก่อนนอน สิวก็จะไม่ขึ้น หรือไม่อักเสบมาก เนื้อเป็นซิลิโคนมากๆ เวลาทาครีมอื่นเยอะๆ แล้วหน้าเหนียวๆ เอาอันนี้ทาทับหน้าจะรู้สึกแห้งไปเลย สบายหน้าลื่นๆ แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ เริ่มไม่เห็นผลอะไร ไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่สมราคามากๆ
Laneige - Water Bank Essence
( 70 ML ราคาใน King Power ประมาณ 1,300 บาท )
คะแนนความชอบ : 4/5 

ตัวนี้ก็ใช้มานานมากๆๆๆๆๆ เพราะราคาไม่แพงมาก ให้ความชุ่มชื้นเติมน้ำให้ผิวไ้ด้ดี (ใช้เฉพาะกลางคืนเพราะมันไปสำหรับตอนกลางวัน) ใครหาครีมที่เน้นชุ่มชื้น ทาง่าย ใช้ได้เรื่อยๆ ก็ไปลองตัวนี้ดูได้
Hada Labo - Gokujyun Super Hyaluronic Acid Moist Essence Serum EX
( ซื้อจากญี่ปุ่นราคาไม่เกิน 500 บาท )
คะแนนความชอบ : 4/5

ไม่มีอะไรจะพูดมากสำหรับตัวนี้ Hyaloronic เข้มข้นที่ชุ่มชื้นมากกกกกกก แต่ก็หนืดมากเช่นกัน ทาเป็นตัวสุดท้ายเพื่อล็อคครีมทั้งหมดไว้ในผิว ตื่นมาหน้านุ่ม ฟู ไบร์ทเลย
Cynthera - Time Reverse Moisturiser
( 50 ML ราคา 1,490 บาท)
คะแนนความชอบ : 4/5

night cream ที่ใช้ทุกวันในช่วงนี้ ชอบเนื้อมากๆ เป็นเนื้อครีมนุ่มๆ แต่ซึมค่อนข้างเร็ว ไม่มันเกินไปที่จะใช้ตอนกลางคืน ตอนเพิ่งได้มาหน้าลอกและเป็นผื่นอยู่พอดี ใช้ไป 3-4 วัน หน้าก็หายลอกและช่วยให้ผิวกลับสภาพเดิมอย่างเร็วเพราะมีสารสะกัดจากสนแดง ไม่มีน้ำหอม หรือสารต่างๆ ที่ทำให้แพ้ คนแพ้ง่ายลองได้
Biotherm - Aquasource Night Spa
( 50 ML ราคาใน King Power ราคา 1,530 บาท )
คะแนนความชอบ : 5/5

เอาไปเลย 5/5 สำหรับ overnight mask ตัวนี้ ชอบมาก ครีมเนื้อเจล กลิ่นหอมสบายๆ ทาแล้วเย็นผิว ตัวนี้ได้คะแนนเต็มเพราะทุกครั้งที่ใช้วันรุ่งขึ้นตื่นมาผิวจะฝูอย่างเห็นได้ชัดเลย
Clinique - Pep Start Eye Cream
( 15 ML ราคา King Power 1,050 บาท )
คะแนนความชอบ : 4/5

อายครีมที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นเป็นหลัก พอใต้ตาชุ่มชื้น ริ้วรอยเล็กๆ ก็จะจางลง ลดความบวมได้นิดหน่อยใช้มา 2 หลอด อ่อนโยนกับผิวดี ซึมค่อนข้างไว ทาคอนซีลเลอร์แล้วไม่เป็นคราบ
Innisfree - Orchidt Eye Cream
( 30 ML ราคาประมาณ 700-800 บาท )
คะแนนความชอบ : 1/5

เป็นอายครีมอีกตัวที่ให้ความชุ่มชื้นสูงมาก และราคาถูกเมื่อเทียบกับปริมาณ จนอยากจะให้มันใช้ดี แต่ทุกครั้งที่ใช้จะมีตุ่มขาวๆ ขึ้นใต้ตาค่อนข้างเยอะ ซึ่งมันน่าเกลียดมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เลยต้องหยุดใช้ไป หรือถ้าวันไหนอยากให้ใต้ตาชุ่มมากๆ ก็จะเอาตัวนี้มาทาทับอายครีมตัวอื่นอีกที แต่ใช้เดี่ยวๆ ไม่ได้เลย
Lamer - The Eye Balm Intense
( 15 ML ราคา King Power 7,480 บาท )
คะแนนความชอบ : 2/5

บอกได้เลยว่าเป็นอายครีมที่ไม่คุ้มราคาสุดๆ แม้ว่าจะเนื้อข้น ใช้ได้นานมากก็ตาม แต่ผลลัพท์ที่ได้ไม่ต่างจากอายครีมของ Clinique เท่าไหร่ สิ่งเดียวที่ดีงามก็คือที่นวดที่มันให้มาด้วย ซึ่งใช้แปปเดียวก็หายไป
StriVectin - Tightening Eye Serum
( 30 ML ราคา Sephora 3,500 บาท )
คะแนนความชอบ : 3/5

อายครีมตัวที่ใช้อยู่ทุกคืน (มีตัวใหม่มาใช้ตอนเช้าแทนแต่ขอลองก่อน ค่อยมารีวิวใหม่) ซื้อมาเพราะเส้นใต้ตาเริ่มขึ้นเยอะ จำได้ว่าอายครีมแบรนด์นี้เคยมีรีวิวดีมากๆๆ เรื่องลดริ้วรอย เลยซื้อตัวนี้มาลอง ผลลัพท์ก็คล้ายๆ กับอายครีม Clinique อีกแล้ว จนคิดว่าอายครีมทุกยี่ห้อมันทำได้แค่นี้รึเปล่า
จบแล้วสำหรับรีวิวแรก อาจเขียนไม่รู้เรื่องบ้าง งงๆ บ้าง ก็จะพยายามพัฒนานะคะ
ใครมีคำถามอะไรสามารถคอมเมนต์ไว้ได้เลยค่า


myreview

myreview

เพราะเคยเป็นสิวหนักๆ มาก่อน เลย obsess กับสกินแคร์และเครื่องสำอางมากๆ และอยากแบ่งปันว่าอะไรที่ใช้แล้วทำให้ผิวดีขึ้นมากกก

FULL PROFILE