ขอเล่า 'My Hair Journey' ของน้ำค่ะ(จากผมเสียสู่ผมหยักศกธรรมชาติ)

31 21
สวัสดีค่ะ
วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ จากการฟื้นคืนผมที่แห้งเสียทั้งจากการทำสีและจากความร้อน รวมถึงความทรมาณทางจิตใจทั้งหมดทั้งมวลที่ผ่านมา สรุปไว้ในโพสนี้เพื่อเป็นกำลังใจและแรงบันดาลให้ให้คนที่ต้องการกลับไปมีผมธรรมชาติได้พยายามต่อไปนะคะ

จากคนผมหยักศกที่ดูแลไม่เป็น นำไปสู่วังวนของการยืด ตัด ดัด ย้อมสี ไม่จบไม่สิ้นจนผมเสียถึงขีดสุด
กลับมาใช้วิธีต่างๆเพื่อให้ผมกลับมามีสภาพธรรมชาติที่ดี(เผลอๆดีกว่าเดืม)ค่ะ
เรื่องทั้งหมดมันเริ่มมาจากสมัยจบมัธยมปลายหมาดๆ ..

เนื่องจากโรงเรียนเป็นโรงเรียนที่เคร่งครัดเรื่องการทำผมมาก ห้ามซอย ห้ามทำรากไทร ห้ามย้อมผม(อันนี้แน่นอน)ห้ามหน้าม้าด้วย เลยไม่ได้ทำอะไรกับผมเลย นอกจากสระและหวี แต่ก็อดไม่วายสงสัยในใจ ว่าทำไมผมเราถึงไม่ตรงสลวยเหมือนคนอื่นเขา  เรารู้ว่าที่บ้านมีกรรมพันธุ์ผมหยักศก แต่ทำไม ผมเรา จะหยิกก็ไม่หยิกแบบเป็นช่อสวยงาม จะตรงก็ไม่ตรงซะทีเดียว เหมือนเป็นอะไรที่อยู่กึ่งกลาง ตอนผมสั้นแล้วปล่อยผมนี่ผมจะฟูเป็นหัวสิงโต แต่ผมเป็ดตรงปลาย เลยคิดว่าถ้าไว้ผมยาว ผมคงจะไม่ฟู(คิดเองเออเอง) แต่พอผมยาวแล้วหนักเลย ทั้งแห้ง ทั้งฟู ทั้งผมพันกัน ผมเป็ดด้วย ได้แต่เศร้าใจและอิจฉาคนที่มีผมตรงสวย ไม่ต้องพยายามมันก็เรียบเหยียดตรงสวยงาม...


พอเรียนจบมัธยมปลาย เตรียมเข้ามหาลัย เราทั้งซอย ทั้งสไลด์ ทั้งทำสี ทั้งไดร์ผม บ่อยมากๆ เพื่อให้ผมตรง ยังไงก็ได้ แต่ชั้นต้องผมตรงสวยไว้ก่อน ขนาดนั้นเลยแหละค่ะ ตอนนั้นยังไม่มีเงินไปยืด ไดร์ผมไปก่อน แต่ไดร์ไปตอนเช้า ตอนบ่ายปลายก็เด้งขึ้นมาเป็นตูดเป็ด หน้าม้าก็ไม่เว้น เศร้า
พอเข้าปีสอง โอโห หนักเลยค่ะ ทั้งย้อมผมทั้งกัดผม สองเดือนแทบจะเปลี่ยนสีที ย้อมเสร็จก็ต้องไดร์ต่อ ให้มันตรง ตอนนั้นไม่รู้คิดยังไง หรืออิธิพลจากคนรอบข้างหรืออย่างไร ถึงได้คิดไปว่า ผมตรง=สวย
ผมหยิกหรอ = ไปยืดผมสิ  เราพยายามอย่างมาก ที่จะทำให้ผมตรง โดยไม่ได้นึกถึงสภาพเส้นผมตัวเอง


กว่าจะมารู้ตัว คือตอนที่กำลังจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นตอนปีสาม เพราะผมร่วงผิดปกติ ร่วงมาก ขาดง่ายมาก ฟูมาก และไร้น้ำหนัก เกือบจะเป็นผมวุ้นเลยค่ะ ตอนนั้นเราเริ่มอยากทำให้ผมกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน ในสมัยมัธยม  ถึงมันจะฟู มันจะแห้งยังไง ก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ล้านเท่า  มันเป็นความรู้สึกว่า เราทำพลาดแล้ว ผมเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ?
ตอนนั้นเราเสียใจมากค่ะ คิดมากไปเอง กังวลกับเสียงรอบข้างมากไปเอง จนกลายเป็นแบบนี้ ก็เลิก หยุดทุกอย่าง ทั้งทำสีทั้งไดร์ผมค่ะ
ตอนนั้นเลยเริ่มหาวิธีทำให้ผมกลับมาเป็นเหมือนเดิม ในตอนนั้นหวังแค่นั้นจริงๆ  เราหาข้อมูล ทั้งจากในYoutube , Google วันๆนั่งหานั่งอ่านมันอยู่อย่างงั้น หาทางเว็ปของที่ฝรั่งเขามาเขียนไว้นะคะ ของไทยหาแล้วไม่เจอเลยในตอนนั้น  เว็ปไซต์และคลิปเหล่านั้นเลยเป็นแค่ที่พึ่งหนึ่งเดียวที่มี

และเราก็เข้าใจเลยว่า ที่ผ่านมา เราทำผิดทั้งหมด ทำผิดตั้งแต่เริ่ม ทำผิดตั้งแต่จำความได้เลยอะ 5555
เพราะที่บ้านเรา แม้จะมีกรรมพันธุ์ผมหยักศก แต่พวกเขาดูแลผม"แบบคนผมตรง"ค่ะ แล้วก็ถ่ายทอดวิธีดูแลแบบนั้นมาที่เรา (ไม่ได้จะโทษที่บ้านนะคะ ความไม่รู้มันเกิดขึ้นได้ค่ะ)
คนผมตรง การดูแลผมโดยทั่วไปไม่มีอะไรมาก  สระผม เช็ดผมหรือเป่าผม ใส่ลีฟอิน หวีผม จบ

คนผมหยักศกหรือผมหยิก เวลาสระผมไม่ใช้วิธีดูแลแบบนั้นค่ะ มันมีรายละเอียดในขั้นตอนอีกเล็กน้อย และมีข้อจำเป็นคือ

1 แชมพูและครีมนวด "ต้องไม่มีSLS,ซิลิโคน,พาราเบน" เพราะสารพวกนี้ทำให้ลอนผมตามธรรมชาติของเราแตก และทำให้ผมยิ่งแห้ง ยิ่งชี้ฟู
 
2 ห้ามหวีผมก่อนสระผม ...อันที่จริงคือ"ห้ามใช้หวี"ไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม ทิ้งหวีไปเลยถ้าอยากมีผมลอนสวยตามธรรมชาติ

3 Conditioner คือสิ่งสำคัญ ห้ามลืมใส่เด็ดขาด และครีมนวดต้องไม่มีพาราเบนและซิลิโคนด้วยนะคะ ในขั้นตอนนี้ ให้ชโลมครีมนวดแล้วขยุ้มผมด้วยค่ะ ขยุ้มๆ แล้วทิ้งไว้สักสามนาทีให้มันซึมเข้าไปในเส้นผม  ที่ต้องขยุ้มเพราะเท็กซ์เจอร์ผมของเราๆไม่เหมือนคนผมตรงค่ะ ในความหยิกมีทั้งหยิกเส้นใหญ่ หยิกเส้นเล็ก หยิกบาง หยิกหนา ในเส้นเดียวกัน จึงต้องขยุ้มๆ ให้ครีมนวดละเลงได้ทั้วถึงค่ะ

4 หลังสระผม ให้ใช้เสื้อยืดเก่าหรือผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์ (แบบอื่นไม่แนะนำ) ค่อยๆซับน้ำออกจากผมในลักษณะขยุ้มจากล่างขึ้นบนค่ะ
ให้นึกภาพเรายืนก้มหัวคล้ายท่ามองลอดหว่างขา ผมเราจะทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วงนึกออกไหมคะ แล้วเราก็ขยำจากปลายผมขึ้นข้างบน เพื่อให้ผมจับลอนค่ะ

5 เวลาใส่ลีฟอินคอนดิชันเนอร์หรือออยใส่ผม(จำเป็น) ก็ใส่ในลักษณะเดียวกับตอนเช็ดผมค่ะ อาจมีลูบๆหน่อยก็ได้แต่สุดท้ายต้องขยำมันขึ้นไปเหมือนเดิม

6 ห้ามเป่าผม ห้ามไดร์ผม "ห้ามใช้ไดร์เป่าผม" ยกเว้นไดร์ที่ทำมาเพื่อคนผมหยักศกโดยเฉพาะ (เดี๋ยววันหลังโพสรูปให้ดูค่ะ) ปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติดีที่สุดค่ะ การใช้ไดร์ผมจะเสียความชุ่มชื้นไปค่ะ

ปล่อยผมแห้งตามธรรมชาติ ก็เสร็จแล้วค่ะ
เราพยายามทำแบบนี้ติดต่อกัน เป็นปีๆ ...หลายปีเลยแหละ เพราะผมเสียมาก พยายามหมักผมบ่อยๆ บำรุงผมบ่อยๆ และระหว่างวัน ยุ่งกับหัวให้น้อยที่สุด เพราะการเอามือไปแตะมันมีแต่จะทำให้ลอนแตก ไม่ได้เป็นประโยชน์อันใด
สุดท้าย ก็ตามรูปเลยค่ะ (แต่ปัจจุบันตัดผมสั้นกว่านี้แล้วเพราะต้องการเอาส่วนที่ย้อมสีออก)

ระหว่างทางเราเคยท้อหลายรอบมากค่ะ ท้อมากๆ ว่าผมจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ถึงแม้ว่าจะมีกรรมพันธุ์ผมหยักศก แต่เราไม่เคยเห็นผมตัวเองในสภาพ"หยักศก"เลยแม้แต่ครั้งเดียว  ตั้งแต่เกิดมาจำหน้าตัวเองได้ก็เป็นหน้าเรากับผมฟูๆ ที่จัดทรงไม่ได้ไม่ยอมเชื่อฟัง แถมไม่มีอะไรเป็นหลักประกันเลยว่าถ้าทำแบบนี้แล้ว สภาพผมที่แท้จริงของเราจะกลับคืนมา...มันท้อมากค่ะ เห็นผมเป็ดๆจะหยิกก็ไม่หยิกจะตรงก็ไม่ตรงในกระจกแล้วมันท้อใจเหลือหลาย

แต่วันนี้เราเห็นแล้วว่ามันได้ผล ความพยายามของเราไม่สูญเปล่า และเราเชื่อว่ามันดีได้มากกว่านี้อีก !
เดี๋ยวนี้เวลาไปทำงานก็มีแต่คนทักว่า ไปดัดผมมาหรอ อิอิ
ไม่ได้ดัดเลยค่ะ ผมธรรมชาติล้วนๆ ตอนนี้มีความสุขกับสภาพผมของตัวเองตอนนี้มาก

ผมไม่ตรงหรอ ?ช่างมันสิ ผมเราก็สวยในแบบของเรา ไม่ต้องสนใจใคร ไม่ต้องเป็นไปตามค่านิยมที่ไหน เป็นผมของเรา ตัวของเราเองนี่แหละดีที่สุดแล้ว

โพสนี้ยาวมากแล้ว ไว้วันหลังจะมาบอกถึงแชมพูและบำรุงที่เราใช้อยู่ในโพสต่อไปนะคะ
สำหรับผู้ที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอขอบคุณมากจริงๆค่ะ


ellaness

ellaness

Hello!
รีวิวเครื่องสำอางค์ สกินแคร์ และบอกเล่าทริกหรือเทคนิคในการดูแลผมหยิก หยักศกธรรมชาติให้เป็นลอนสวยค่ะ
ไม่อยากหลุด Follow FB page :NAMU MEIKU นะคะ

แทนที่จะมาคุยกันว่า "ผมหยิกหรอ ไปยืดผมสิ"
มาคุยกันว่าจะใช้อะไรบำรุงผมเราให้มีลอนสวยดีกว่านะคะ
#Embraceyournaturalhair ค่ะ

FULL PROFILE