90s Hottest Guys : Where are they now ?
candy4515Leonardo Dicaprio
ยุค 90s คือช่วงเวลาที่พวกเรากรี๊ดลีโอนาโดมากกว่า Popstar ค่าย Grammy และ RS เขาคือปรากฏการณ์ที่มาเพื่อกระชากใจสาวๆ เริ่มต้นอย่างร้อนแรงด้วยบทโรมิโอยุคโมเดิร์น ในหนัง Romeo & Juliet ปี 1996 ที่เล่าเรื่องราวจากบทละครอันลือลั่นของเชคสเปียร์ผ่านหนังรักที่เพิ่มความนำสมัยและแอคชั่นจนโดดเด่นกว่าเวอร์ชั่นอื่นๆ คุณจะได้พบกับลีโอ แบดบอยวัยทีนที่ดูเหมือนจับเอาแบรด พิทท์กับจอห์นนี่ เดปป์มาขยำใส่กัน มีทั้งความใสน่ารักและความหล่อร้ายกาจเป็นแรงดึงดูดมหาศาล
ที่สำคัญ เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าหล่อค่ะ เจ้าตัวเปล่งประกาย talent ออกมาตั้งแต่ที่แจ้งเกิด กลายเป็นดาราวัยรุ่นที่น่าจับตามองมากที่สุด
ถ้าย้อนกลับไปดู Romeo + Juliet คุณก็อาจจะสัมผัสได้ว่า สมแล้วล่ะที่หนุ่มน้อยในตอนนั้นจะกลายมาเป็นพระเอกชั้นนำที่เข้าชิงออสการ์ถึง 6 ครั้ง ก่อนจะคว้ารางวัลที่รอคอยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
Romeo + Juliet ทำเงินได้มากกว่า147.5 ล้านเหรียญจากเงินลงทุนเพียง14.5 ล้าน แต่ถ้าพูดถึงความสำเร็จระดับมหึมาทำลายสถิติโลก คุณจะลืมตำนานคู่รักเรือล่มไปไม่ได้เลย
ผู้เขียนจดจำช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี เพื่อนที่โรงเรียนที่อายุเพียง 13-14 นั่งจับกลุ่มคุยกันเรื่องพระเอก Titanic บางคนมาอวดสถิติว่าไปดูมาแล้ว 5 รอบ และกลั้นน้ำตาไม่อยู่ทุกรอบ ของสะสมกับ Titanic ก็มา พวกปฏิทิน แม่เหล็ก โปสเตอร์ แน่นอนว่าต้องเน้นหน้าของพ่อหนุ่มลีโอ เพื่อนเม้าแรงมากว่าพระเอกปากแดงน่ารักสุดๆ แล้วจิกกัดนางเอกว่าตัวใหญ่เกินไป ดูยังไงก็ไม่สมกัน และในขณะนั้น ผู้เขียนไม่ได้ดูค่ะ! ไม่มีใครพาไป ต้องรอจนกระแสเริ่มซาลงไปนู่นแหละถึงจะได้ซาบซึ้งกับ Titanic แต่ก็ถูกสปอยล์แบบหมดไส้หมดพุงไปแล้ว
เป็นหนังที่นางเอกถูกวิจารณ์หนักมากค่ะ ไม่ใช่เรื่องการแสดงที่ไม่สมจริงหรือความสวย เห็นกันชัดๆ ว่าเธองามสะกดสายตา แต่ช่วง 20 ปีก่อน เทรนด์คลั่งความผอมแบบเคท มอสยังแทรกซึมทุกหย่อมหญ้า นักแสดงที่มีรูปร่างแบบ curvy ยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่ากับปัจจุบัน ยิ่งฝั่งเอเชียแล้วไม่ต้องห่วง ถ้าให้ลองบอกชื่อนางเอกชื่อดังที่มีสัดส่วนอวบอั๋นแบบเคท วินสเล็ทก็คงต้องส่ายหน้า ด้วยเสื้อผ้าหน้าผมแบบเลดี้ย้อนยุคนั้นทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่าลีโอมีมีลุคของเด็กหนุ่มซุกซน เรามองว่ากระแสความคลั่งไคล้ในตัวลีโอทำให้เคทดรอปลงไปพอสมควรเลยทีเดียว
พอขึ้นปี 2000 ก็สร้างความฮือฮาในบ้านเราด้วยการมาถ่ายทำหนัง The Beach ที่จังหวัดกระบี่ มีทั้งกระแสความเห่อและเสียงต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษ์จนมีการฟ้องร้องจากความเสียหายของชายหาดที่เชื่อว่าไม่สามารถจะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ตามที่ผู้สร้างหนังอ้าง รวมถึงเนื้อหาในหนังที่ทำให้นักการเมืองและผู้คนกลุ่มหนึ่งไม่พอใจว่าทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย ถามว่ามีใครได้เห็นลีโอมาเดินเที่ยวถนนข้าวสารหรือเยี่ยมชมวัดวาอารามรึเปล่า จำไม่ได้แฮะ แต่เหมือนจะมีความทรงจำว่าสื่อไทยไปติดตามถ่ายรูปการถ่ายทำแบบเบลอๆ มาพาดหัวเหมือนกัน ฝ่ายลีโอก็เคยกลับมาเที่ยวเมืองไทยอย่างเป็นส่วนตัวมาแล้ว
จากพระเอกดาวรุ่งสุดฮ็อท ลีโอกลายมาเป็นนักแสดง A List วัย 43
เป็นหนุ่มวัยขึ้นหลักสี่ที่วิ่งลัลล้าจนถูกชาวเน็ทเอามาทำ meme ล้อ
เปลี่ยนแฟนราวกับเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ และแทบจะไม่มองผู้หญิงสาขาอาชีพอื่นนอกจากนางแบบ ที่สำคัญควรจะเป็นสาวเอ๊าะ นีน่า อัดดาลที่เคยควงกันเมื่อหลายเดือนก่อนที่ว่าเด็กแล้ว (26) แฟนคนล่าสุดนี่เด็กเข้าไปอีก อายุ 21 ปีเท่านั้น
ลีโอในขณะที่นัดพบกับแม่ของแฟนสาว อันนี้เรียกว่าวัยคราวลูกได้อย่างแท้จริง เพราะแม่แฟนกับลีโออายุเท่ากันค่ะ
ตอนนี้กำลังถ่ายทำหนัง Once Upon a Time In Hollywood ผลงานการกำกับของเควรทิน ทาเรนทิโนอยู่
เป็นพระเอกที่ผิวแทนตลอดเวลา ถ้าไม่ถ่ายหนังก็จะเห็นเขาบนเรือยอว์ช ล้อมรอบไปด้วยเพื่อนฝูงและแฟนสาวหุ่น sexy
Ricky Martin
อีกหนึ่งความทรงจำวัยหวาน คุณเกิดทันบอลโลกที่ fever แบบระเบิดระเบ้อรึเปล่า? มันคือปีที่คุณไปที่ไหนก็ได้ยินเสียงคนฮัมเพลงท่อน "โก โก โก อาเล อาเล อาเล" และเป็นปีที่เราได้รู้จักริกกี้ มาร์ติน หนุ่มเปอร์โตริกันที่พาสะโพกพริ้วไหวมาสร้างปรากฏการณ์ทั่วโลก!
เรามีความทรงจำหนึ่ง ตอนที่เข้าไปห้องนอนของเด็กมัธยมรุ่นพี่แล้วเจอโปสเตอร์ของริกกี้ มาร์ตินที่หัวเตียง ทุกคนล้อมวงกันแล้วเปิดประเด็นว่า ตกลงที่เล่าลือว่าริกกี้ชอบผู้ชายนั้นมันมีเค้าความจริงบ้างรึเปล่า
และทุกคนเชื่อมั่นว่าไม่ใช่ ..
หลังจากแสดงเพลง La copa de la vida ในพิธีปิดบอลโลกปี 1998 ดนตรี Latin Pop ก็ดังเปรี้ยงไปทั่วโลก ตัวเรานั้นคิดว่านอกจากการแสดงออกที่ร้อนแรงบนเวที ตอนที่เค้าร้องท่อนภาษา spanish ก็ยังฟังดู sexy มากๆ ให้อารมณ์แตกต่างกับบรรดาบอยแบนด์ที่โด่งดังในช่วงนั้นที่แต่ล่ะคนจะออก step เต้นและมีการเก๊กหล่อเฉพาะตัว แต่สำหรับริกกี้... ไม่รู้สิ เหมือนเค้าเกิดมาสร้างความสั่นสะเทือน sexy มาจากข้างในไม่ใช่แค่กล้ามท้อง
ริกกี้บุกไปสร้างความสำเร็จต่อที่อเมริกา ผลตอบรับอยู่ในระดับ"ถล่มทลาย" ไม่เพียงแค่อัลบั้มขายดี แต่เขาเป็นศิลปินต่างชาติที่ขึ้นปกสื่อแม็กกาซีนชั้นนำในหมวดหมู่ "หล่อเหลาที่สุด" ไม่ก็ " Sexyที่สุด" เป็นว่าเล่น
ดังขนาดไหน ต้องให้ภาพบรรยาย
ปี 1999 Livin' la Vida Loca ก็มาขึ้นครองอันดับ 1 บนชาร์ทที่อเมริกาพร้อมกับ MV ที่ต้องสารภาพว่าดูแล้วเด็กวัยรุ่นใจเต้นไปเลย ทั้งๆ ที่มันไม่ได้โป๊เปลือยอะไรมาก แดนเซอร์เต้นเหวี่ยงสะโพกมันหยดตามสไตล์ Latin Pop ส่วนพ่อคุณริกกี้ก็นัวเนียกับสาวไปสิ แต่พอ MTV เล่นเพลงนี้เมื่อไรมันก็ โว้ว! ร้อนปรอทแตกต้องเต้นตามกับเพื่อนสาว!
แน่นอนว่า ซุปตาร์หนุ่มเปอร์โตริโก้ก็ได้มาร่วมงานกับสาวละตินตัวแม่จากอเมริกา hot ไฟแลบกันทั้งคู่
ตัดมาที่เรื่องส่วนตัวกันค่ะ จากที่เคยคบหากับผู้หญิงคนเดียวนานกว่า 14 ปี และเกือบจะแต่งงานกับเธอ แต่เมื่อปี 2010 ริกกี้ก็ได้สร้างความฮือฮาไปทั่ว
เขาประกาศว่า ชอบผู้ชาย และภูมิใจกับรสนิยมทางเพศของตัวเอง
"เพื่อนรอบตัวของผมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อย่าเปิดเผยให้คนอื่นรู้เด็ดขาดเลยนะ ไม่งั้นชีวิตการเป็นนักร้องคงต้องจบเห่แน่ พวกเค้าเป็นคนที่รักและห่วงใยในตัวผม พวกเค้าเคยประสบกับอคติจากคนที่เหยียดเกย์มาแล้ว และยังต้องคิดไปถึงเรื่องภาพลักษณ์ที่เคยเป็น sex symbol อะไรแบบนั้น ทุกคนจึงคอยเตือนว่ามันจะทำลายอาชีพของผม และมันได้สร้าความเจ็บปวดให้กับผมมากมายจริงๆ"
ในที่สุดก็ต้องบอกไปว่า "ผมเก็บมันต่อไปไม่ไหวแล้ว สิ่งสำคัญคือตัวผมนี่นา ไม่เกี่ยวกับว่าคนภายนอกจะคิดยังไง แต่เป็นเรื่องสิ่งที่จะสร้างความสุขให้กับตัวผมได้"
ริกกี้อธิบายว่า ที่เขาตัดสินใจเปิดเผยตัวตนให้สังคมได้รับรู้เป็นเพราะลูกชายแฝดนั่นเอง "ผมมีลูกแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะบอกความจริง ผมจะไม่โกหกลูกๆ ที่แสนน่ารัก"
ริกกี้เพิ่งแต่งงานกับแฟนหนุ่มไปเมื่อต้นปีนี้ค่ะ สิบปีก่อนเค้าเลือกจะมีลูกด้วยการอุ้มบุญ ซึ่งก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่ทำให้สื่อพยายามขุดคุ้ยเรื่องรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน ตั้งแต่โด่งดังเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ริกกี้ถูกสื่อจับผิดเรื่องเป็นเกย์มายาวนาน ตอนที่ peak สุดๆ ก็เคยถูกพิธีกรดังอย่างบาร์บาร่า วอลเทอร์บีบให้ยอมรับว่าชอบผู้ชายมาแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทำใจยากลำบากและน่าอึดอัดใจแทน เมื่อเขาพร้อมที่จะประกาศให้โลกได้รับรู้ก็น่าดีใจด้วยจริงๆ ค่ะ
Takeshi Kaneshiro
ย้อนไปในวัยเด็ก เราจำได้ว่าได้ดูหนังเรื่อง Fallen Angels ที่ช่อง 7 ที่ฉายหนังจีนตอนเช้า ดูยังไงก็ไม่เข้าใจเรื่องราวเท่าไร แต่ที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจคือพระเอกที่แสดงเป็นหนุ่มใบ้ที่หล่อมากกกกกกกกกก ก.ไก่infinity
เหมือนจะเช่าVDO มาดูซ้ำด้วยนะ ถึงตอนนั้นจะยังไม่เข้าใจว่าหนังต้องการจะสื่ออะไร แต่แค่ดูพระเอกทำตัวป่วนชาวบ้านก็ฟินละ สมัยนั้นอาจจะไม่มีวลี "หล่อวัวตายควายล้ม" แต่ความหล่อน่ารัก จมูกคม ลักยิ้ม กล้ามแขน ทุกสิ่งของทาเคชินั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเอาไปเม้าต่อกับกลุ่มเพื่อน โอ๊ย คนอะไร หล่อชวนเพ้อลืมทำการบ้านไปเลย!
เอาเป็๋นว่าเห็นด้านข้างก็หล่อสลบแล้ว นางเอกคือใคร หาได้สนใจ !
ในวัยนั้นก็ยังไม่ได้สนใจหานิตยสารบันเทิงมาอ่าน จึงไม่รู้เลยว่า สุดหล่อจาก Fallen Angels คือใคร (ยุคนั้นรู้จักแต่ชื่อพี่หลิว เต๋อ หัวกับหลี่หมิง) แต่เมื่อมาถึงปลายยุค 90s เราก็ได้รู้จักเค้าซะที!!
"อยู่เพื่อรัก" หรือ "God, Please Give Me More Time" ที่เราติดตามบนช่อง ITV โด่งดังมากขนาดที่คุณครูที่โรงเรียนได้นำเนื้อหาของเรื่องการติดเชื้อ HIV มาพูดในห้องเรียน กระแสของพระเอกที่รับบท "เคโกะ" โพรดิวเซอร์ที่มีรอยแผลในใจในซีรีย์นั้นทำให้เรารู้จักกับตัวตนนอกจอของเขาจากนิตยสาร J-Spy
ไม่รู้จะสรรหาคำมาบรรยายความหล่อยังไง! เขาแสดงเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่เพี้ยนๆ ใน Fallen Angels แต่ในอยู่เพื่อรัก ทาเคชิกลายเป็นหนุ่มเท่ที่ต้องยอมจำนน แล้วยังเป็นดราม่าบีบหัวใจที่ต้องเสียน้ำตาให้เกือบทุกตอน ฉากกุ๊กกิ๊กแทบจะไม่มี (แค่ตอนแรกพระเอกนางเอกก็ได้กันละ!) พวก service ให้แฟนๆ ฟินนั้นอาจจะน้อย แตมาทีเดียวก็ต้องตะลึง จูบแบบ real ไม่ต้องหมุนกล้องใช้มุมบัง เอาเป็นว่าไม่ต้องถึงขนาดเลิฟซีน แต่พระเอกเสยผมเราก็คิดว่าโคตรจะ sexy เลย!
เป็นซีรีย์ที่เศร้ามากๆ แต่มีมุม sexy ของโลกผู้ใหญ่อยู่ด้วย
ทรงผมบังคับของพระเอกสมัยนั้นคือไว้ยาวปรกหน้าแล้วเสยสิคะ
จากอยู่เพื่อรัก แฟนคลับของทาเคชิในบ้านเราก็เพิ่มจำนวนปรู๊ดปร๊าดขึ้น แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวมีผลงานที่ญี่ปุ่นไม่กี่เรื่องก็กลับไปสร้างความโด่งดังที่จีน ผลงานที่ peak สุด ๆ คือ House of Flying Daggers ในปี 2004 จากความนิยมในตะวันตก ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นหนังที่ใช้ภาษาอังกฤษและฉายเพียงไม่กี่โรง แต่ก็กวาดรายได้ไปมากกว่า 11 ล้านเหรียญ (ถ้าทุ่มทุนโพรโมทมากกว่านี้รายได้น่าจะอลังการเลยทีเดียว) เรายังติดตามผลงานของเค้ามาโดยตลอด และยอมรับว่าคิดถึงเสียงนุ่มๆ ของทาเคชิตอนพูดภาษาญี่ปุ่นจริงๆ
และนี่คือทาเคชิกับโพรเจคท์หนังฮ่องกงเรื่องใหม่ที่จะลงโรงในปี 2019
กรี๊ด!
จะขึ้นเป็นวัยลุงยังไงก็ยังมีเสน่ห์ล้นเหลืออยู่ดี
Johnny Depp
จอห์นนี่ เดปป์อาจจะมีหนังโจรสลัดที่สร้างรายได้ระดับพันล้านในช่วง 2000s แต่ยุค 90s คือจุดเปลี่ยนจากที่เคยถูกมองว่าเป็นพระเอกหนุ่มที่ใช้รูปร่างหน้าตาดึงดูดใจแฟนๆ จาก 21 Jump Street เดปป์ตัดสินใจว่าจะจะไม่ยอมเป็น teen idol ที่ดึงคนดูราวกับสินค้า แต่จะเลือกรับบทที่รู้สึกว่าใช่เท่านั้น นั่นแหละที่เป็นเหตุผลที่เขาได้รับที่แปลกล้ำเป็นที่จดจำใน Edward Scissorhands ในปี 1990
พอพลิกมาเป็นนักแสดงหนังคุณภาพก็ยิ่งดังขึ้นไปกว่าเดิม แม้จะมีหนังทำรายได้น้อยจนขาดทุนไปหลายเรื่อง แต่ก็มีหนังดังที่อยู่ในความทรงจำผู้ชมเช่นกัน
ที่โด่งดังไม่แพ้กันคือเรื่องชีวิตส่วนตัวนอกจอ เดปป์คือตัวอย่างชัดเจนของพระเอกหัวขบถ เขาแต่งตัวแบบปอนๆ เดินพรมแดง ไม่แสดงความเป็นมิตรกับพาพาราซซี่จนเคยมีเรื่องราวถูกตำรวจจับ
เดปป์มีความสัมพันธ์กับ it girl แห่งยุคอย่างวิโนนา ไรเดอร์และจริงจังถึงขั้นหมั้นหมาย นั่นยิ่งทำให้สื่อพุ่งความสนใจไปที่เขามากขึ้นไปอีก
จากนั้นก็มารักกับเคท มอส แล้วกลายเป็นคู่รักชวนฝัน คนหนึ่งเป็นพระเอกฮอลลีวู้ดแสนร้อนแรง ส่วนอีกคนก็เป็นsupermodel ที่เปรี้ยวเก๋สร้างปรากฏการณ์ในโลกfashion
ภาพในตำนานที่มีคน recreate กันมานับครั้งไม่ถ้วน
เดปป์ในปัจจุบันที่กลายมาเป็นป๋า ชีวิตมีขึ้นมีลงมาเยอะ แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเปลี่ยนก็คือชีวิตการแต่งงานกับแอมเบอร์ เฮิร์ดที่ล่มสลายเมื่อปีก่อนๆ นั่นเองค่ะ
ช่วงที่ยังไม่แตกหักกันนั้น หลายคนก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของจอห์นนี่ เดปป์กันแล้วค่ะ จากที่ดูอ่อนกว่าวัยและมีมาดของหนุ่มเท่มาโดยตลอด แต่แค่ช่วงเวลาไม่นานเขาก็ดูเปลี่ยนแปลงไปมาก ใบหน้าบวมขึ้นแบบที่เราไม่เคยได้เห็นมาก่อน
ด้วยความที่ทั้งคู่มีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่แปลกที่สื่อมักจะยกให้พวกเค้าเป็นคู่สามีภรรยาสุด sexy แห่งฮอลลีวู้ด แต่เหมือนอยู่ๆ เดปป์ก็เปลี่ยนแปลงไป สันกรามบาดใจสาวๆ ก็ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่ฉุบวมจนสื่อนำไปพาดหัวข้อใหญ่โตว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระเอกผู้ขึ้นชื่อเรื่องความหล่อเหลา
อย่างที่รู้กันว่าชีวิตแต่งงานคู่นี้จบลงอย่าง messy และ ugly ต่างฝ่ายต่างทำงานในวงการต่อ และเริ่มมีสัมภาษณ์จากฝ่ายชายเรื่องอดีตภรรยามาบ้างแล้ว และที่สร้างความเป็นห่วงให้กับแฟนๆ ก็คือความเปลี่ยนแปลงของป๋าเดปป์ ไม่นานมานี้เค้าได้ไปเยี่ยมแฟนด้วยรูปลักษณ์ที่ดูผ่ายผอมและซีดเซียวผิดตาจนมีข่าวลือออกมาว่ากำลังป่วย
เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยจะโสภานัก เดปป์ถูกอดีตผู้จัดการฟ้องร้องเรื่องเงินๆ ทองๆ รวมไปถึงคำกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายสต๊าฟกองถ่ายหนัง City of Lies จนยกเลิกการเข้าฉาย เจ้าตัวยอมรับว่า ทั้งเรื่องที่ถูกกล่าวหาตอนถูกฟ้องหย่าและเรื่องผลประโยชน์นั้นทำให้ทุกข์ใจหนักจนต้องหลั่งน้ำตา "ผมพยายามหาคำตอบให้ได้ว่าไปทำเรื่องอะไรมาจึงต้องมาเจอกับสิ่งเหล่านี้ ผมพยายามที่จะทำดีและช่วยเหลือทุกคน และซื่อสัตย์จริงใจกับพวกเค้า สำหรับผมแล้ว ความจริงคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เรื่องแย่ๆก็ ยังเกิดขึ้นอีก"
เดปป์สร้างความเซอร์ไพรส์ด้วยการปรากฏตัวในภาพ Grindelwald เพื่อโพรโมทหนัง 'Fantastic Beasts เมื่อไม่นานมานี้
Discussion (15)