[•Recover from Disaster•]♡กู้หน้าพังแบบขั้นสุด

11 3
  • ส่วนตัวคือเป็นคนผิวหน้ามัน แพ้ง่าย มีสิว และรอยแผลเป็นจากสิว ปัญหาหนักที่ยาวนานเกือบสามปี
  • เนื้อหาในกระทู้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน วิธีการรักษา ตัวยา หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้อาจมีผลแตกต่างแล้วแต่บุคคลค่ะ
  • ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ใดๆทั้งสิ้น เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากแบ่งปันให้คนที่มีปัญหาผิวแบบเดียวกันค่ะ

ผิวพัง เพราะอะไร?



ตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเราจะเป็นคนผิวหน้ามัน
แต่ก็แทบไม่เคยเป็นสิวเลย เรียกได้ว่าหน้าเนียนมาก
แม้แต่การแต่งหน้าก็ไม่เคยเป็นปัญหา
หน้าเนียนจนบางครั้งไม่ได้แต่งหน้าไปเรียน เพื่อนยังทักว่าเราทารองพื้นรึเปล่า 555555+ จนวันหนึ่งได้ลองเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์รองพื้นแบบ Stick ของยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งจากเกาหลี(ขอไม่บอกชื่อ) รวมถึงตอนนั้นพี่สาวชักชวนไปเลเซอร์ขนที่คลินิคชื่อดังแห่งหนึ่ง เลเซอร์ขนตอนแรกก็แค่รักแร้ หน้าแข้ง หลังๆถูกชักชวนจากพนักงานให้ซื้อคอร์สลดเลือนจุดด่างดำบนผิวหน้า เพราะตอนนั้นเริ่มมีอาการสิวเห่อขึ้นมา โดยคาดว่าเพราะการใช้ผลิตภัณฑ์รองพื้นที่กล่าวตอนต้น จนมาถึงจุดพีค คือตอนที่ถูกชักชวนจากพนักงานให้ลองเลเซอร์ขนบนใบหน้า นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะที่แท้จริง


จนถึงตรงนี้ ขออนุญาตบอกก่อนว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่พบเจอจริงๆ และไม่ได้มีเจตนาทำให้ใครเสียชื่อเสียงค่ะ


แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจของเรายาวนานเกือบสามปีที่เราต้องเผชิญ...

ข้อแนะนำตรงจุดนี้คือ การซื้อคอร์สคลินิคผิวที่ผู้ปฏิบัติการไม่ใช่แพทย์ผิวหนังที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง (คือคนที่เลเซอร์ให้เราก็คือพนักงานในคลินิคที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ) ขอเตือนเลยว่าไม่ควรใช้บริการ "เด็ดขาด" และผู้ที่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องนี้ควรคำนึงถึงจรรยาบรรณมากกว่าค่าคอมมิชชั่นที่ตัวเองจะได้จากการขายคอร์สนะคะ ถือว่าขอ

คอร์สแบบเดียวกันในคลินิค เมื่อทำที่โรงพยาบาลรัฐแบบนอกเวลา ถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่งเลยค่ะ ทั้งยังได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ส่วนโรงพยาบาลที่เราเคยรับการรักษาอยู่ระยะหนึ่งมีสองที่ คือที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และที่โรงพยาบาลรามาฯ แต่ถ้าแนะนำ เราแนะนำรามาฯค่ะ เพราะการจัดการคิวดีกว่า รอไม่นานนัก รวมถึงราคาถูกกว่าด้วย แต่ทั้งสองที่ก็มีคนเยอะ ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางและรับบัตรคิว แต่คุ้มค่ะ

แต่ทว่า...

ใบหน้าที่พังนั้น ก็ยังไม่หายดีค่ะ อาจจะเพราะเราเองที่ลองผิดลองถูกกับการดูแลรักษาใบหน้า ตัวยาที่เราอาจจะแพ้โดยไม่รู้ตัว รวมถึงการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะมากนัก ทำให้การรักษาของผิวหน้าเป็นกราฟขึ้นลงตลอดและเริ่มเรื้อรัง จนมีผลกระทบกับชีวิต...

เราเขียนกระทู้นี้ก็เพื่ออยากจะแนะนำกับคนที่เจอปัญหาเดียวกัน เพราะตอนเราเป็น เราพยายามหารีวิวที่เกี่ยวข้อง คือแทบไม่มีในแบบที่เราใช้ได้จริงเลย ซึ่งผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาได้ผล แต่เราใช้แล้วไม่ได้ผลก็เยอะค่ะ ใครที่มีปัญหาผิวพังก็ลองดูสิธีของเราเป็นทางเลือกนะคะ~

ล้างหน้า แบบไหนที่ใช่ แบบไหนที่หมดจด?


สำหรับใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง
เพียงแค่หนึ่งขั้นตอน ขอบอกเลยค่ะว่ามันอาจไม่พอ!!

ในยุคที่เครื่องสำอางพัฒนาไปมาก แต่ต้องเข้าใจว่ามันก็ยังเป็นสารเคมีส่วนเกินสำหรับผิวอยู่ดี รวมถึงมลภาวะในยุคปัจจุบันของคนเมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน การล้างให้หมดจดเป็นเรื่องสำคัญมากๆค่ะ อย่าประมาทกับแค่การเช็ดด้วยน้ำยาล้างจนเครื่องสำอางที่ติดบนสำลีจางแทบไม่เห็น(หรือบางคนก็มองไม่เห็นจนนึกว่าเกลี้ยงแล้ว) ขอให้คุณเปลี่ยนวิธีอย่างเร่งด่วนค่ะ!!

ควรใช้น้ำยาล้างเครื่องสำอางเฉพาะจุด เช่น บริเวณดวงตาและริมฝีปากด้วย รวมถึงใช้ออยล์ธรรมชาติ ที่เราใช้คือน้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็นที่ทาบนใบหน้าได้ ในการเช็ด และควรมีอีกขั้นตอน คือการล้างด้วยน้ำยาล้างเครื่องสำอางแบบที่นวดบนใบหน้าแล้วล้างออกอีกที จากนั้นจึงใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือถ้าใช้โฟมทั่วไปก็ใช้นิดเดียว ตีผสมน้ำให้เป็นโฟมก็พอค่ะ


  • ขั้นตอนแรก! เช็ดหน้าด้วย Micellar Water ก่อนเลยค่ะ ใช้สำลีและบีบน้ำยาบนสำลีให้พอชุ่ม แล้วเช็ด
  • ข้อควรระวัง : ตัว Micellar Water น้ำยาเกือบทุกยี่ห้ออาจจะทำให้ผิวหน้าค่อนข้างแห้ง นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์แบบนี้เดี่ยวๆ
  • เมคอัพ รีมูฟเวอร์ แบบโลชั่น ใช้ในการเช็ดตาและปาก แต่เราใช้เช็ดหน้าส่วนอื่นด้วยค่ะ
  • ข้อควรระวัง : ควรเขย่าให้เข้ากันดีก่อนบีบใช้บนสำลีนะคะ และบีบให้ชุ่มสำลีหน่อย อย่าประหยัดจนเกินไป เพราะจะเช็ดเครื่องสำอางออกได้ดีกว่าค่ะ

นี่คือขั้นตอนสำคัญ ที่เราเคยเพิกเฉย

จนได้มาพบกับอาวุธลับแห่งผิวสะอาดหมดจด!


  • ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ค้นพบตอนไปญี่ปุ่นค่ะ และได้ซื้อ Curel แบบ Makeup remover gel มา : หลังจากเช็ดเครื่องสำอางจาก 2 ชนิดข้างตน ใช้น้ำล้างหน้า แล้วทาผลิตภัณฑ์บนหน้า นวดวนๆๆประมาณ 2-3 นาทีแล้วล้างออก ตามด้วยล้างด้วยโฟมล้างหน้าปกติ
  • ของ Philosophy ตัวนี้ วิธีใช้ก็แบบเดียวกันค่ะ เรารู้จักตอนที่ได้ Tester มาแล้วพี่พนักงานที่ห้างบอกวิธีใช้ เราติดใจมากจนต้องซื้อมาใช้เลย
  • ขั้นตอนนี้สร้างความแตกต่างให้กับผิวหน้าเรามากค่ะ! คือหน้าเกลี้ยงขึ้น สิวผด สิวประปรายยุบน้อยลงมาก! บอกเลยว่ากลายเป็นขั้นตอนที่ต้องทำประจำเวลาล้างเครื่องสำอางค่ะ
  • ข้อควรระวัง : ผลิตภัณฑ์อาจจะมีการแพ้ได้ เราเคยใช้ตัวที่เป็น Milk ของหลายยี่ห้อ แม้จะเป็นครีมแบบล้างออกเหมือนกัน แต่ก็ล้างไม่สะอาด และมีอาการแสบคันยิบๆ ฉะนั้นลงทุนซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบ หรือ เชื่อถือได้จะดีกว่าค่ะ
ขอบอกเลยว่าเรารีวิวให้ไม่มีกั๊ก! แต่กระทู้แรกก็ชักจะยาวมากไปแล้วว? มีตอนต่อแน่นอนค่ะ! เรายังมีเคล็ดลับอีกหลายอย่างที่อยากจะถ่ายทอดให้ทุกคนนะคะ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ!?

**โน้ตไว้ว่า ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเราเองค่ะ ไม่ได้มีเจตนาที่จะว่าใครหรือแฝงการขายสินค้าใดๆเลย
****เราเปิดรับคำติชมเสมอค่ะ ขอบคุณที่คลิ๊กเข้ามาอ่านจนจบนะคะ เจอกันครั้งหน้าค่ะ~


KarimuKram Panuim

KarimuKram Panuim

With oily, sensitive, acne prone facial-skin :)) want to share my discovery & my own experiences about skincare & makeup with you <3

FULL PROFILE