Celebrity News And Fashion Spot

17 2
Pay Gap Scandal
แมท สมิธอาจจะเคยคุกเข่าให้กับแคลร์ ฟอยใน The Crown แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ความไม่เท่าเทียมทางเพศอาจจะทำให้คุณสะอึกเมื่อมีข่าวหลุดรอดมาว่า นางเอกผู้เป็นจุดศูนย์กลางทั้งหมดของซีรีย์ดังกลับได้รับค่าตัวน้อยกว่าตัวนักแสดงคู่ขวัญ  ทั้ง ๆ ที่หลายคนมองว่าบทบาทของเขานั้นอยู่ในหมวดของนักแสดงสมทบที่มีความโดดเด่นน้อยกว่า "ราชินี" ของเรื่องอยู่หลายขุม
คุณอ่านถูกแล้ว

ผู้สร้าง The Crown  ซีรีย์ดราม่าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่สองในช่วงตั้งแต่ทรงก้าวขึ้นครองราชย์นั้นได้ตัดสินให้ค่าตอบแทนนางเอกผู้รับบทเป็นพระราชินีน้อยกว่านักแสดงชายที่เล่นเป็นเจ้าชายพระสวามี  เธอได้ค่าตัวน้อยกว่าทั้งสองซีซั่น  แม้ว่าซีซั่นแรกนั้นเธอวาดฝีมือการแสดงไว้อย่างน่าประทับใจกอบโกยรางวัลจากเวทีใหญ่มาเชยชมและกรุยทางไปสู่ความเป็น A  Lister อย่างสวยงาม แม้ว่าชื่อเรื่องคือ The Crown ที่พวกเราเข้าใจตั้งแต่ได้ดู title ของซีรีย์ว่าเป็นมงกุฏที่แสดงความเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของสตรีผู้มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก


แต่แมท สมิธก็ยังได้รับค่าตัวมากกว่า แคลร์  ฟอยผู้เป็นหัวใจของซีรีย์ดังเรื่องนี้
มีเสียงแย้งลอยลมตามมาว่า ที่อังกฤษนั้น แมทดังมากกว่าแคลร์เยอะ  เขารับบท Doctor Who อยู่หลายซีซั่น งานหนัง ซีรีย์ ละครเวทีนั้นชาวอังกฤษคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างดี ในขณะที่แคลร์เพิ่งมาดังเปรี้ยงจาก The Crown  ค่าตัวที่สูงกว่าของแมทก็สมเหตุสมผลแล้วมิใช่หรือ


แต่ก็มีเสียงแจงกลับมาว่า ถ้าในซีซั่นแรก พิจารณาให้ค่าตัวฝ่ายชายที่บทเด่นน้อยกว่าเพราะเขาดังกว่าก็อาจจะปล่อยผ่านไปได้  แต่ซีซั่น 2 ล่ะ ?  บทสมเด็จพระราชินีอลิซเบธนั้นทำให้แคลร์ได้เฉิดฉายเป็นนางเอกของ award show ดัง ๆ  ไม่น่าแปลกใจที่เธอได้รับข้อเสนอจากหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์   เธอมีราศรีดาราชั้นนำที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจไม่แพ้ใคร  แต่เหตุใดค่าตัวจาก The Crown ซีซั่นต่อมาจึงยังน้อยกว่าแมทอยู่

การวิเคราะห์ที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ The Crown เป็นเรื่องราวของพระราชินีอังกฤษและมีดาราอังกฤษประชันฝีมือการแสดงกันมากมายก็จริง  แต่เป้าหมายผู้ชมไม่ได้มีแต่เพียงคนอังกฤษ Netflix นั้นให้บริการความบันเทิงกับผู้คนทั่วโลก  สื่อจากประเทศยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกาหรือออสเตรเลียได้แสดงความชื่นชมประทับใจซีรีย์นี้ทั้ง ๆ ที่นักแสดงไม่ได้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง   ถ้าเราไม่ได้ติดตามลิลี่ เจมส์ (นางเอกซินเดอเรลล่า แฟนสาวของแมท) หรือดู Doctor Who มาก่อนก็แทบไม่ทราบเลยว่า แมท สมิธคือใคร  เขาอาจจะดังมากกว่าแคลร์ที่อังกฤษ  แต่มันไม่น่าจะเป็นปัจจัยนำที่ทำให้ค่าตัวนางเอกน้อยกว่า The Crown นั้นเป็นซีรีย์ชีวประวัติที่เข้มข้นชวนติดตามจนคนดูไม่ต้องมากังวลด้วยซ้ำว่าเคยเห็นผลงานของนักแสดงในเรื่องมาก่อนหรือไม่
ปกติแล้ว เรื่องค่าตัวของนักแสดงนำนั้นจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ นัยหนึ่งก็ป้องกันปัญหาเรื่องความไม่พอใจจากเพื่อนร่วมงาน (อันเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราไม่ควรพูดถึงตัวเลขรายได้ของตัวเองในที่ทำงาน) แต่เรื่องแบบนี้ปิดกันไม่มิดค่ะ  เมื่อเรื่องราวถึงสื่อก็กลายเป็นเรื่องใหญ่  แฟน ๆ หลายคนต่างไม่พอใจกับความเหลื่อมล้ำทางนี้  บางคนถึงกับปรี๊ด   ตัวเราเองที่ได้เห็นข่าวแล้วมันก็อดไม่ได้จริง ๆ   เฮลโหลว.. ทำไมสมเด็จพระราชินีผู้โด่งดังจึงมีรายได้น้อยกว่าเจ้าชายสวามีล่ะ ?  ถึงมันจะเป็น fiction  แต่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าใครสร้างจุดเปลี่ยนให้กับตัวซีรีย์    แมท สมิธเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท เรื่องนี้ไม่มีใครเถียง แต่ The Crown คือการถ่ายทอดเรื่องราวการครองราชสมบัติของควีน  มิเช่นนั้นคงตั้งชื่อซีรีย์ว่า The Prince ไปซะแล้ว   อนึ่ง  นักแสดงสมทบที่โดดเด่นไม่แพ้ใครในเรื่องนั้นหนีไม่พ้นวาเนสซ่า เคอร์บี้ ผู้รับบทเป็นเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต เธอมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับเจ้าหญิงผู้ล่วงลับและแสดงเป็นราชนิกูลผู้โหยหาความรักได้ประทับใจแฟน ๆ เรียกได้ว่าเติมความจัดจ้านให้กับ The Crown ได้ลงตัว  แต่เมื่อพูดถึงรายได้แล้ว  ขนาดนางเอกที่รับบทเป็นควีนแท้ ๆ ยังค่าตัวน้อยกว่าพระเอกที่เด่นน้อยกว่า    เลิกพูดถึงบทของขนิษฐาของควีนไปได้เลย
แคลร์และแมทสนิทกันสนมกันดีค่ะ  แต่พอเรื่อง pay gap รั่วมาถึงสื่อ โพรดิวเซอร์และ Netflix ก็ถูกบีบให้ออกมาขอโทษ  แต่ผู้ชมไม่ต้องการแค่คำว่าเสียใจค่ะ  พวกเราต้องการ action ให้เกิดอย่างจริงจัง! จะเป็นไปได้ไหมที่ผู้สร้างจะยอมรับมาตรง ๆ ว่าใช้หลักชายเป็นใหญ่ในการพิจารณารายได้ของนักแสดง ขอโทษ แก้ไข ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ตามมาอีก  
"เราอยากจะแสดงคำขอโทษต่อแคลร์ ฟอยแบะแมท สมิธ ทั้งคู่เป็นทั้งนักแสดงและมิตรที่ยอดเยี่ยม  แต่ต้องกลายมาเป็นศูนย์กลางมรสุมข่าวช่วงนี้ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของพวกเค้าเลย  แคลร์และแมทเป็นนักแสดงที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ พวกเขาทำงานไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยเพื่อจะสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับตัวละคร  ในฐานะที่เป็นโพรดิวเซอร์ Left Bank Pictures เป็นผู้รับผิดชอบต่อเงินลงทุนและค่าตัว  นักแสดงไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัวต่อตัวเลขรายได้ของเพื่อนนักแสดง  เราเข้าใจและรู้สึกขอบคุณในประเด็นที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญในสังคมและเราจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้เพื่อให้เกิดรายได้ที่เป็นธรรมที่ปลอดจากการกีดกันทางเพศและช่วยให้การปฏิบัติต่อผู้หญิงเกิดความเท่าเทียม ทั้งผู้ที่อยู่ต่อหน้ากล้องและผู้ที่อยู่เบื้องหลัง   เราทั้งหลายมีหน้าที่ที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจได้ว่าปัญหานี้ได้รับการจัดการแก้ไข  ในฐานะที่เป็นบริษัทโพรดัคชั่นเราจต้องการนำผลงานนี้ไปสู่การหารือเพื่อให้มีการจัดการรายได้แบบ 50:50  เราจะอภิปรายเรื่องนี้กับองค์กร Time's Up UK เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้หญิงทุกคนจะมีสิทธิ์มีปากมีเสียง" 
จากเรื่อง pay gap นี้  คนที่ถูกกระแสกดดันก็หนีไม่พ้นแมท สมิธค่ะ มีเสียงเรียกร้องให้เค้านำเงินค่าตัวส่วนต่างที่ได้มากกว่าแคลร์ ฟอยไปบริจาคให้กับ Time's Up และเรื่องนี้ก็สร้างประเด็นให้ถกเถียงเช่นกัน ที่จริงแล้ว แมทควรจะต้องมารับผิดชอบเรื่องค่าตัวของแคลร์หรือไม่ ?   ในเมื่อเขาไม่ได้ไปเป็นหนึ่งในกระบวนการเจรจาต่อรองรายได้  แต่เป็นกลุ่มโพรดิวเซอร์ที่ตัดสินใจเรื่องนี้โดยให้เหตุผลว่า เขาเป็นพระเอกที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากผลงาน Doctor Who แต่เมื่อแคลร์ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกแนวหน้าหลังจบ The Crown Season 1 พวกโพรดิวเซอร์ก็ยังเสนอค่าตัวให้แมทมากกว่าราชินีของซีรีย์อยู่ดี
ผลงานต่อไปของแคลร์คือ The Girl in the Spider's Web ลิซเบธ แฮคเกอร์สาวสุดแสบที่รูนีย์ มาร่าเคยสร้างความโด่งดังไว้ใน The Girl with dragon tattoo และเราหวังว่า การรับบทนำครั้งนี้จะไม่มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
 Million Dollars Pay Gap
จากกรณีล่วงละเมิดทางเพศของนักแสดงดังอย่างเควิน สเปซีย์  หนัง All the Money in the World ที่จ่อคิวเข้าโรงฉายได้รับผลกระทบไปเต็มๆ และจำเป็นต้องรื้อมาถ่ายทำใหม่พร้อมทั้งเปลี่ยนตัวนักแสดงมาเป็นคริสโตเฟอรื พลัมเมอร์  ตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ามิเชล วิลเลียมส์ได้เล็งเห็นแล้วว่าโพรเจคท์นี้อาจจะล่มได้ เธออาจไม่เสนอตัวช่วยเหลือ   หลังจากเจรจาเรื่องรายได้แล้ว มิเชลยอมรับค่าตัวจากการถ่ายทำใหม่ทั้งหมดเพียง 1000 ดอลลาร์ หรือเฉลี่ยแล้ววันละ 80 เหรียญเท่านั้น



แต่มาร์ค วอลเบิร์กที่รับบทประชันกับเธอสอยค่าตัวจากการถ่ายซ่อมหนังเรื่องนี้ไปที่ 1.5 ล้านเหรียญ!
เมื่อได้ลองมองภาพโพรโมทอันนี้  มิเชลเป็นศูนย์กลางของภาพ มาร์คยืนอยู่เบื้องหลังกันเธอจากนักข่าว   ถ้าไม่ได้มีข่าว pay gap รั่วไหลออกมา เราคงคิดว่าคนสร้างหนังต้องการนำเสนอจุดขายความเป็นดราม่าด้วยนางเอกที่เคยเข้าชิงออสการ์คว้าลูกโลกทองคำ   มิเชลอาจจะไม่ได้โด่งดังสไตล์สวีทฮาร์ทแบบเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ แต่ก็อยู่ในแวดวงหนังรางวัลมาหลายปี  เคยโชว์ฝีมือในการแสดงบรอดเวย์จนได้เข้าชิงรางวัลโทนี่อีกต่างหาก  

แต่เรื่องเหล่านั้นไม่ได้ดึงให้ค่าตัวของเธอให้มาใกล้เคียงกับมาร์คได้เลย  ไม่เฉพาะแต่การถ่ายซ่อมวันละ 80 ดอลลาร์เท่านั้น  แต่จากการเจรจาในตอนแรกก่อนที่จะเปลี่ยนตัวนักแสดงจนต้องถ่ายทำใหม่  ค่าตัวของมิเชลน้อยกว่ามาร์ค 4 เกือบๆ 5 เท่า  (มิเชล 625,000 ดอลลาร์   มาร์ค  5,000,000 ดอลลาร์)

ไม่มีใครบอกมิเชลค่ะว่ามาร์คยังกวาดรายได้เป็นล้านเข้ากระเป๋าจากการถ่ายซ่อม (มีความเข้าใจกันว่านักแสดงและทีมบางคนแสดงน้ำใจด้วยการทำงานแบบแทบไม่มีค่าตัว) เรื่องมันมากระหึ่มตอนที่ตัวผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อทให้สัมภาษณ์กับ USA TODAY ว่าเขากับมิเชลไม่รับค่าตอบแทนจากปัญหาเรื่องการถอดเควิน สเปซีย์จากหนัง  และก็เป็น USA TODAY ที่ไปเจาะข้อมูลมานำเสนอว่า ในขณะที่มิเชลโอเคกับเงิน 1000 ดอลลาร์เพราะไม่ต้องการให้หนังต้องถึงทางตัน  ผู้สร้างและโพรดิวเซอร์นั้นใจป้ำรับข้อเสนอจากเอเจนท์ของมาร์คที่ตัวเลข 1.5 ล้าน


ที่น่าเศร้ากว่านั้น...เอเจนท์ที่เจรจาค่าตัวให้กับมาร์คก็เอเจนท์เดียวกับมิเชลนั่นเอง


มาร์คอาจจะเป็นพระเอกแม่เหล็กที่ผ่านผลงานหนังทำเงินมาหลายเรื่องและนั่นถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลต่อรองในเรื่องค่าตัวสูงลิ่วกว่านักแสดงที่ประชันบทบาทคู่กัน แต่การที่เขายังได้รับเช็คก้อนโตในการถ่ายซ่อมหนังในขณะที่ผู้กำกับและนางเอกแทบไม่ได้อะไรนั้นทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหาย   เจ้าตัวจึงพยายามแก้ไขโดยการบริจาคเงิน 1.5 ล้านเหรียญให้กับองค์กร Time's Up ในชื่อของมิเชล
มิเชลได้เปิดเผยความรู้สึกต่อ Gender Pay Gap ว่า
"เรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้ไม่ใช่เรื่องของชั้นเพียงคนเดียว   เพื่อนๆ นักแสดงหญิงคอยยืนเคียงข้างช่วยเหลือชั้น เพื่อนๆ นักเคลื่อนไหวได้สอนชั้นให้ลุกขึ้นมามีปากมีเสียงเรียกร้องสิทธิ  บรรดาชายผู้ทรงอิทธิพลที่มีอำนาจการตัดสินใจได้เริ่มรับฟังและปฏิบัติ  ถ้าเราต้องการจะเห็นโลกแห่งความเท่าเทียมอย่างแท้จริง มันจะเกิดขึ้นได้ด้วยความพยายามและเสียสละ"

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเพียงเล็กน้อยจากความไม่เท่าเทียมที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิง คุณอาจจะเป็นนางเอกออสการ์แบบเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์หรือเอมี อดัมส์  แต่ก็ต้องพยายามทำใจยอมรับหรือเมื่อได้รู้ว่าใน American Hustle พวกเธอได้ค่าตัวน้อยกว่าเจอเรมี เรนเนอร์ที่เป็นนักแสดงสมทบบทเด่นไม่สู้พวกเธอแต่อย่างใด (เจนนิเฟอร์ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนจึงถึงกับช็อกและประกาศกร้าวออกมาว่าจะเลิกหงอ เพียงเพราะจะเอาใจนักสร้างหนังให้ชื่นชมในตัวเธอ ส่วนเอมี่นั้นแบ่งรับแบ่งสู้ว่ารู้เรื่องค่าตัวที่น้อยกว่านักแสดงชาย แต่ถ้าไม่ยอมเธอก็คงหมดโอกาสได้บทดีๆ  เหมือนกับถูกบีบให้ต้องยอมรับเรื่อง pay gap นั่นเอง)
kdkd

"ชั้นคิดว่าเอเจนซี่คือคนที่ต้องรับผิดชอบปัญหานี้ค่ะ"  คุณหญิงเฮเลย เมียร์เรน นางเอก A List ยาวนานหลายสิบปีได้ออกความเห็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของชายหญิงในฮอลลีวู้ด  "พวกเค้าควรจะต่อรองให้กับพวกเราแล้วก็ยืนยันไปว่าไม่เอา ทำไมเธอถึงได้ค่าตัวแต่หนึ่งในสามของพระเอกเองล่ะ แต่มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมที่เราต้องยอมรับ และการเปลี่ยนแปลวัฒนธรรมนี้มันก็ยากมากซะด้วย"

เฮเลนไม่ได้ตะเบ็งว่าจะต้องได้ค่าตัวพอๆ หรือมากกว่านักแสดงชายไปทุกผลงาน  ถ้าพระเอกมีบทบาทโดดเด่นกว่าเธอ " แน่นอนว่าถ้าชั้นเล่นหนังกับบรู๊ซ วิลลิซ (พวกเขาแสดงร่วมกันในหนังเรื่อง Red ที่บรู๊ซรับบทนำ) ชั้นรู้ได้เลยว่าบรู๊ซจะได้ค่าตัวมากกว่าชั้นเยอะ  แต่ถ้าคุณเล่นหนังที่บทบาทโดดเด่นพอๆ กัน มีซีนแสดงมากพอ ๆ กัน เป็นนักแสดงที่มีสถานะเท่าเทียมกัน มันจะทำให้คุณมีความหวังว่าจะได้ค่าตอบแทนพอ ๆ กับนักแสดงชาย  แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักค่ะ"

เรื่องนี้ไม่ได้เกิดในวงการบันเทิงเท่านั้น  แต่ในสนามงานวิชาชีพอย่างผู้สื่อข่าวก็ไม่รอดพ้นจากความเหลื่อมล้ำทางรายได้หญิงชาย  แนนซี่ กราซี่ ผู้สื่อข่าวที่ทำงานให้กับ BBC มากว่า 30 ปี ได้ลาออกจากการเป็นบรรณาธิการข่าวจีนหลังจากที่ได้พบว่าเพื่อนร่วมงานชายได้ค่าตอบแทนมากกว่าเธอเป็นแสนปอนด์  แม้ว่าเธอจะรับการร้องขอให้มารับตำแหน่งนี้ด้วยคุณสมบัติโดดเด่น  เธอพูดแมนดารินได้คล่องแคล่ว  มีปริญญาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของอังกฤษ 4 ใบ  เธอตกลงรับข้อเสนอจาก BBC ด้วยคำรับรองว่าบรรณาธิการข่าวภูมิภาคอื่นจะได้รับเงินค่าตอบแทนเท่า ๆ กัน ด้วยประสบการณ์อันยาวนานทั้งต่อหน้ากล้องและเบื้องหลังนั้นทำให้เธอมั่นใจในศักยภาพของคนทำงานข่าว  แต่เมื่อได้รับรู้ว่าบรรณาธิการข่าวชายมีรายได้ห่างจากเธอแบบไม่ทิ้งฝุ่น  แนนซี่จึงลาออกเพื่อประท้วงความไม่เท่าเทียมนี้  แต่แรก BBC ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับบุคลากรชายดังที่ถูกกล่าวหา  แต่ภายหลังยอมรับว่าจ่ายค่าตอบแทนให้กับแนนซี่น้อยไปโดยไม่ได้เกิดจากเจตนาแต่การขึ้นเงินเดือนให้กับเธอยังอยู่ในกระบวนการพัฒนา   เธอกลับมาร่วมงานกับ BBC อีกครั้งแต่เป็นการรายงานข่าวในห้องข่าว และได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้นกว่าตอนเป็นบรรณาธิการ
ตอกย้ำกับความไม่เท่าเทียมเรื่องรายได้กันชัด ๆ เมื่อนางเอกออสการ์อย่างเอมม่า สโตนได้ประกาศว่า เธอเคยได้รับค่าตัวพอ ๆ กับพระเอกที่เล่นคู่กัน  แต่นั่นเพราะว่าเพื่อนร่วมงานชายบางคนเห็นแก่ความเป็นธรรม ยอมลดค่าตัวเพื่อจะให้ส่วนต่างนั้นไปทบรวมกับรายได้ของเธอ  นั่นหมายความว่า ทั้งผู้สร้างหนังและเอเจนซี่ไม่ได้อินังขังขอบกับเรื่อง equal pay แม้ตัวนางเอกจะมีดีกรีความดังและชื่อเสียงในการแสดงพอๆ กันกับพระเอก (หรืออาจจะเด่นกว่า)  แต่พวกเธอต้องคอยลุ้นว่าตัวพระเอกนั้นจะยอมช่วยเหลือลดค่าตัวลงมาเพื่อจะได้รับเงินจำนวนใกล้เคียงกันหรือไม่   
นาตาลี พอร์ทแมนเป็นนางเอก A List มาหลายปีจากประสบการณ์แสดงหนังมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อปี 2011 เธอคว้าออสการ์จาก Black Swan  แต่ในปีเดียวกันนั้นค่าตัวที่เธอได้รับจากหนัง No Strings Attached นั้นกลับน้อยกว่าแอชทัน คุชเชอร์ถึง 3 เท่า!  ถ้าพูดกันแบบไม่ใจร้ายเกินไปนัก  แอชทันอาจจะสร้างชื่อในสายคอเมดี้และเป็นที่จดจำในภาพของหนุ่มเอ๋อจาก Dude, Where's My Car?  แต่พอได้รู้ว่าเค้าทำเงินได้มากกว่านาตาลีมากแค่ไหนนั้นทำให้เราต้องร้อง ว้าว...นี่จริงเหรอ ?? ถ้าไม่เป็นนางเอกดาวรุ่งนี่จะไม่ข้องใจเลย  แต่นี่นางเอกออสการ์ที่เคยรับบทนำใน Star Wars  ,Closer ,  V for Vendetta และผลงานที่น่าจดจำหลายเรื่อง แต่นั่นกลับไม่ช่วยให้เธอมีรายได้เข้าใกล้พิธีกรรายการ Punk'd  
กระแสความเคลื่อนไหวที่เรียกร้องให้ช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเพศนั้นหดแคบเข้ามาสู่ความเท่าเทียมนี้ ทำให้มีการสืบหาข้อมูลของรายได้นักแสดง Game Of Thrones  ซีรีย์ที่ประสบความสำเร็จถล่มทลายมากที่สุด และมันทำให้ HBO ได้รับเสียงชื่นชมขึ้นมาทันที  เพราะจากรายงานของ Variety  ได้ระบุว่านักแสดงนำแห่งนี้ได้รับค่าตอบแทนอย่างไม่น้อยหน้ากัน แฟน ๆ สามารถอุ่นใจได้ว่า แดเนรีส ทาร์แกเรียน  จอน สโนว์ ควีนเซอร์ซี  เจมีและทีเรียน แลนนิสเทอร์ได้รับค่าตัวย่างเท่าเทียมโดยไม่มีเรื่องเพศมาเป็นอุปสรรคต่อรอง  และนั่นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ในวงการนี้เลย 


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE