ปรากฏการณ์แอนตี้โซเชียลมีเดีย ของเหล่าเซเลป Celebrities VS Social Media Empire

28 6
บางคนอาจจะมอง Social Media กลายมาเป็นเครื่องมือวัดระดับความสำคัญ ตัวเลขผู้ติดตาม จำนวน like และการแชร์ กลายเป็นการให้คะแนนทางสังคม หลายปีมานี้เราได้พบคนดังที่ปลุกกระแสความนิยม ด้วยการเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัว บางคนต้องใช้กลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ที่แยบยล บวกกับทีมที่คอยดูแล account เพื่อผลประโยชน์คุ้มค่าที่สุด

 แม้จะสร้างชื่อเสียงและรายได้จาก social media มานักต่อนัก แต่เมื่อรู้สึกไม่พอใจกับบริการและการปฏิบัติจาก application ชื่อดัง ก็มิใช่ว่าพวกเขาจะต้องก้มหน้าก้มตา ยอมรับเจ้าของพื้นที่ออนไลน์เสมอไป เซเลบบางคนเลือกที่จะเดินหน้าชน เรียกร้องให้มีความเปลี่ยนแปลง และเกิดเป็นผลกระทบที่น่าทึ่งทีเดียว
Rihanna Vs SnapChat
ถ้าพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงในวงการบันเทิงที่ฝังใจผู้คนมาหลายปีก็คงหนีไม่พ้นคดี “คริส บราวน์” ชกหน้ารีแอนน่าจนบอบช้ำ สร้างความช็อกระดับสั่นสะเทือนวงการ โดยเฉพาะเมื่อภาพบาดแผลของฝ่ายหญิงมาถึงมือสื่อ
ใครจะไปคาดคิดว่า app ชื่อดังอย่าง SnapChat จะปล่อยให้มีพ็อพอัพโฆษณา "สั่วๆ" ที่เอาเรื่องร้ายแรงขนาดนี้มาทำเหมือนกับเป็นเรื่องเบาๆ มันเหมือนกับการส่งสัญญาณให้สังคมได้รับรู้ว่า ถึงผู้ชายจะชกหน้าผู้หญิงจนแตกยับก็ไม่เป็นไร รอให้เวลาผ่านไปสักนิดก็เอามาล้อเล่นกันได้ชิลๆ
เมื่อ Snapchat ไม่ได้กลั่นกรองพ็อพอัพ จนมีมีภาพ "ตบรีแอนน่า หรือจะต่อย คริส บราวน์" ออกมา คนที่ถูกพาดพิงและตกเป็นเหยื่อความรุนแรงอย่างริริก็ได้สวนกลับแบบไม่ให้ได้แก้ตัวได้กันเลยทีเดียว

"เอาล่ะ Snapchat รู้ตัวดีอยู่แล้วสินะว่าไม่ได้เป็น app สุดโปรดของชั้น แต่ชั้นจะลองคิดหน่อยแล้วกันว่า เพราะอะไรถึงปล่อยให้มีเรื่องบ้าบอนี้ขึ้นมา ชั้นก็อยากจะคิดว่า อาจจะเพราะเป็นความไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ก็รู้นะว่าคุณไม่ได้โง่เขลาถึงปานนั้น คุณใช้เงินเพื่อล้อเลียนเหยื่อความรุนแรงแล้วทำเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องตลก นี่ชั้นไม่ได้ใช้อารมณ์ส่วนตัวอะไรเลยนะ    แต่จะว่ายังไงสำหรับทุกคนที่เป็นเหยื่อของความรุนแรง ไม่ว่าเป็นหญิงชายและเด็กๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่สามารถจะเปิดเผยเรื่องนี้ก็คนอื่นได้ คุณทำให้พวกเราผิดหวัง น่าขายหน้าซะจริง โยน app ที่เอาแต่ขอโทษแบบส่งๆ ไปซะเหอะ"
นักเคลื่อนไหวชื่อดังอย่าง Brittany Packnett และลูกสาวอดีตประธานาธิบดี Chelsea Clinton ได้ตำหนิ App ดังอย่างไม่ไว้หน้า Brittany เชื่อว่า Snapchat ได้เห็นชอบกับโฆษณาที่สื่อว่าความรุนแรงเป็นเรื่องเล็กน้อย  ส่วน Chelsea ก็บอกว่า มันย่ำแย่เหลือเกินที่ยังมีคนเห็นเรื่องนี้เป็นขำขัน และองค์กรยังอนุมัติให้ปล่อยโฆษณานี้ออกมา
ก่อนหน้านี้ Snapchat ถูกโจมตีอย่างหนักเรื่องการอัพเดทจนหลายคนเบื่อหน่ายไม่อยากจะใช้ app ต่ออยู่แล้ว โฆษณาตบรีแอนน่านั้นก็เหมือนกับจะกระทืบซ้ำลงไปอีก หุ้นที่มีมูลค่าร่วมๆ 800 ล้านเหรียญร่วงดิ่งลงไปแม้จะมีคำขอโทษมาจาก app ดัง
พวกเขายอมรับว่า โฆษณานี้มันดูเสื่อมมาก และเกิดจากความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่ต้องสืบสวนต่อไปว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดซ้ำอีก 
เรื่องหุ้นร่วงนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วตอนไคลี่ เจนเนอร์บ่นเป็นนัยๆ ว่าไม่ชอบใจ Snapchat เหมือนกับที่ผ่านมา (น่าจะมาจากการอัพเดทจนวิธีใช้ดูยุ่งยาก) แม้จะป้อนคำหวานตามมาว่า app นี้เป็นเหมือนรักแรกของเธอ แต่หุ้นก็มูลค่าเป็นพันล้านก็แว้บหายไป ว่ากันว่าเพราะไคลี่เป็นคนดังทรงอิทธิพลที่วัยรุ่นยึดเป็นไอดอลต้นแบบนั่นเอง พอมีเรื่องโฆษณาที่เหยียบย่ำความรู้สึกของเหยื่อความรุนแรงทั้งหลายก็ยิ่งดูเสื่อมเสียไปกันใหญ่ แม้จะประกาศว่าเป็นความผิดพลาดก็ตาม  
Nudity rules
ริริเคยเปิดศึกกับ Instagram หลังจากเธอโพสต์ภาพกึ่งเปลือยบน Lui แม็กกาซีนหัวฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อเรื่องการนำเสนอศิลปะผ่านนู้ด ทางเจ้าของพื้นที่ก็ได้ออกโรงเตือนว่า เธอละเมิดกฎที่ใช้ควบคุมความโป๊เปลือย และระงับบัญชีของซุปตาร์สาวเปรี้ยวในช่วงเวลาสั้นๆ
เมื่อถูกระงับการใช้งาน ริริก็โพสต์เซ็ทภาพร้อนแรงนี้ลง twitter ซะเลย และก็ได้รับไฟเขียว ไม่ถูกแบนแต่อย่างใด
มีหรือที่ริริจะเงียบงันต่อการถูกแบนเพราะโป๊  เธอเหน็บแนม Instagram กลับด้วยการตกแต่งภาพตัวเองในลุคสาววัยกลางคนผู้เรียบร้อยแต่งกายมิดชิด และประชดว่าถ้าต้องทำตามกฎระเบียบของ Instagram ในการถ่ายแบบแฟชั่น ปกแม็กกาซีนเล่มต่อไปของเธอก็จะมีหน้าตาเยี่ยงนี้!
Jim Carrey  VS Facebook
ตอนนี้ Facebook ก็กำลังเจอเรื่องฉาวไม่น้อยไปกว่ากัน จนมีความเคลื่อนไหวชักชวนให้ user ลบ account กันอย่างครึกโครม
คุณอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่าดาราตลกพันล้านอย่าง จิม แครีย์ นั้น มีฝีมือในการวาดภาพล้อเลียน ชนิดมองผลงานของเค้าก็รู้ได้ทันทีว่ากำลัง "เล่น"ใครอยู่  และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ happy กับมาตรการของ Facebook ในการจัดการขบวนการสร้างข่าวปลอมจากรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาปี 2016  เคสนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของ Facebook ดิ่งวูบ  

คณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐตั้งคณะสอบสวน และมีความเป็นไปได้เรื่องค่าปรับจำนวนมหาศาล ท่ามกลางกระแส #deletefacebook อันร้อนฉ่า มาร์ค ซักเคอเบิร์ก ที่เคยดูมั่นใจจำเป็นต้องออกมาชี้แจงกับสื่อด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลและคำขอโทษ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะยอมรับคำพูดของ CEO ผู้ร่ำรวยมหาศาลคนนี้


จิมได้แสดงความสามารถทางศิลปะ และกรีดมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กอย่างเจ็บปวดถึงความน่าเชื่อถือ หลังจากที่ถูกขุดคุ้ยว่าระบบของ Facebook ปล่อยให้บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลนำข้อมูลส่วนตัวของ user มากมายถึง 50 ล้านคนไปใช้ประโยชน์พัวพันกับการสร้างข่าวปลอมในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา
ผมกำลังโยนหุ้น Facebook ที่ซื้อไว้ทิ้งไป และผมจะลบเพจ Facebook เพราะพวกเขาสร้างกำไรจากการแทรกแซงเลือกตั้งฝีมือรัสเซียและพวกเขาไม่พยายามเพียงพอที่จะหยุดมัน  ผมขอเรียกร้องให้นักลงทุนที่ห่วงใยอนาคตของพวกเราทุกคนให้ทำเหมือนกัน  แฮชแทกเลิกเป็นเพื่อนกับ Facebook "


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE