เปิดกรุ ! รีวิว cream eyeshadow ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามโลก !!!!!!!!

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิว cream eyeshadow ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยได้ใช้กันแต่อายแชร์โดวแบบเนื้อครีมเป็นที่โด่งดังและฮิตมากในกลุ่มวัยรุ่นทั้งทางฝั่งยุโรปและเกาหลีโดยส่วนตัวแล้วเราชอบ อายแชร์โดวแบบเนื้อครีมมากกกกกกกก มากกว่าแบบฝุ่นเนื่องจากใช้ง่าย สะดวก และยังติดทนนานกว่า แล้วตอนแต่งไม่มาเลอะบนหน้าเหมือนใช้แบบ ฝุ่นแต่วันไหนที่อยากจะแต่งหน้าแบบจัดเต็มสุดๆ ก็สามารถใช้แบบครีมก็และลงแบบฝุ่นทับอีกทีมันก็สามารถเพิ่มความติดทนให้กับอายแชร์โดวแบบฝุ่นอีกด้วยสำหรับสาวๆคนไหนที่ยังไม่เคยใช้และอยากที่จะทดลองวันนี้จะมาเปิดห้อง รีวิว อายแชร์โดวแบบครีมกว่า 10 แบรนด์มาให้ชม เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เอาไปเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อค่ะไปดูกันเล๊ยยยยยยยยยย ........ เริ่มต้นกันที่ตัวแรก NYX ถ้าพูดถึงเครื่องสำอางค์จากอเมริกา แน่นอนคงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์นี้

ตัวนี้คือ NYX LID LINGERIE ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก้องโลกมาก ไม่แพ้ตัว ลิปแมท ของแบรนด์นี้เลยดูรีวิวตามเว็บไซส์ต่างๆ ทุกคนต่างชื่นชมและเทคะแนนให้กับตัวนี้สูงลิ่ว ! ตอนนั้นตื่นเต้นและอยากใช้มากๆนั่งดูรีวิววันละ 10 รอบ จนในที่สุดก็ไปตำมากจนได้ !!! ตัวนี้ได้มาจากอังกฤษ ไปถึง boots คว้ามาได้ 6 สี เพราะราคาค่อนข้างดี ประมาน 6 ปอนด์ หรือ 300 กว่าบาท (สมัยค่าเงิน 50 กว่า )เลือกมาแต่สีโทนชมพู น้ำตาล นู้ดๆ แต่จริงๆมันมี10 กว่าสีให้เลือกสัน แต่บางสีก็แอบใช้ไม่ได้จริง เช่น สีเขียว สีเหลือง สีม่วง 5555555

ตัวนี้เนื้อเป็นเนื้อมูสแบบหนืดๆที่ค่อยข้างละเอียด พิกเม้นต์เน้น สีสวยงามใช้ง่ายเลยทีเดียว แต่ส่วนตัวแล้วข้อเสียคือใช้แล้วมันตกร่อง และหลุดง่าย ฮือออออออ !เพราะเราเป็นคนที่หนังตามัน ระหว่างวันมันจะ crease และสีหลุดไปบ้างและมาค้นพบหลังจากที่ใช้มาหลายตัวว่าเราชอบเนื้อที่เป็นเนื้อน้ำ เวลาทามันมีเวลาให้เกลี่ยให้เข้าที่เยอะกว่าและก็แอบผิดหวังเบาๆกับสีขาวเพราะเราตั้งใจซื้อมาทาหัวตาให้วิ้งวับ แต่สรุปคือมันเกลี่ยไม่ค่อยเนียน ติดกันเป็นก้อนเลยใช้ที่หัวตาไม่ได้ ตอนนี้มันเลยนอนอยู่เฉยๆ ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้อีกเลย T____T

คะแนนอยู่ที่: 4/5ขอหัก 1 เพราะ ส่วนตัวคิดว่ามันไม่ติดทน และไม่ค่อยปลื้มสีขาว

ตัวต่อไป แบรนด์ LRY รุ่น Lry eyes and lips frost 

ตัวนี้พึ่งได้มาสดๆร้อนๆ จากการเข้าไปดูรีวิวของ beauty blogger หลายคนในเมืองไทยเค้ามีทั้งขายแยกชิ้น และขายเป็นเซต ซึ่งเป็นเซตจะถูกกว่าค่อนข้างเยอะแต่ตอนแรกไม่กล้า เลยขอซื้อมาลองก่อน 1 สี เพราะแบรนด์นี้ยังไม่มีวางขายมีแต่ออนไลน์ ก็กล้าๆ กลัวๆ ว่ามันจะไม่ดีแต่พอได้มาเท่านั้นแหละะะ บอกเลยว่า ชอบมากกกกก !เลยต้องไปตำมาเพิ่มอีก 5 สี แอบเสียใจมาก ที่ไม่ไ้ด้ซื้อเซตแต่แรก เพราะประหยัดไปค่อยข้างเยอะเลย T___T

อายแชร์โดวครีมตัวนี้จะเป็นเนื้อน้ำแบบผงมุกละเอียด พิกเม้นต์แน่น เกลี่ยง่าย แบบ มันมีเวลาให้เราเกลี่ยก่อนที่สีจะเซ็ตตัว และติดทนสุดๆ กันน้ำ เรียกได้ว่าใช้ไปว่ายน้ำ ขึ้นมาตายังอยู่ สีแน่นเหมือนพึ่งแต่งเลยจริงๆแถมยังใช้ง่าย เพราะใช้แค่นิ้วเกลี่ยก็สวยเลย มือใหม่ที่ยังไม่เคยใช้อายแชร์โดวแบบครีมมาก่อนแบรนด์นี้เป็นตัวเลือกที่ดี ที่เราแนะนำค่ะ! จริงๆแบรนด์นี้เค้าทำมาเพื่อให้ทาได้ทั้งตาและปาก แต่ส่วนตัวเราไม่ค่อยอินกับการทาปากแบบ วิ้งค์ๆ เพราะทาละรู้สึกเหมือนจะไปดวงจันทร์ 555555555 แต่แบรนด์นี้ราคาค่อนข้างสูง อยู่ที่ 590 บาทและจะเห็นว่าแบรนด์นี้สีส่วนใหญ่เป็นโทน warm สีจะค่อนข้างคล้ายๆ กัน แต่เป็นสีที่กำลังฮอตฮิตเลยทีเดียวแอบหวังเบาๆว่าแบรนด์จะทำ cool tone ออกมาบ้างคะแนนอยู่ที่: 5/5

มาทางฝั่งเกาหลี ขอเปิดตัวด้วยEtude 

แบรนด์ยอดฮิตตลอดการ คงที่ไม่มีใครไม่รู้จัก etude ตัวนี้ได้มาตอนไปเที่ยวเกาหลีอีกเช่นเคยด้วยความที่แพกเกตจิ้ง มันฟรุ่งฟริ้งน่ารัก น่าจับจองเป็นเจ้าของ เลยซื้อมาเล่นๆ ถ้าจำไม่ผิดราคาประมาน 200 กว่าบาทเอง

แต่ถามถึงคุณภาพ เมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่โอเค คะแนนอยู่ที่:3.5/5 

ต่อมา Touch in sol แบรนด์เกาหลี

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์เกาหลีก็จริง แต่เรารู้จักตัวนี้จาก blogger ฝรั่ง คนนึงเลยคิดว่ามันมีความน่าสนใจในระดับนึงเลยทีเดียว ! และตอนนั้นยังไ่ม่มีขายในไทย จึงต้องทำการพรีออเดอร์มาอีกเช่นเคย ราคาก็โหดมากเลยทีเดียว ตอนนั้นพรีมาอยู่ที่ประมานแท่ง 800 กว่าบาท เลยตำมา แค่ 2 สีตัวนี้เป็นแบบ 2 หัว ด้านนึงจะเป็นเนื้อครีม อีกฝั่งจะเป็น ผงกลิตเตอร์วิบวับของ touch in sol สีสดและชัดมาก ด้วยความที่ด้านนึงเป็นเนื้อครีมที่มีความแน่นของพิกเม้นต์อยู่แล้ว บวกกับอีกฝั่งที่เป็นผงกลิตเตอร์ ที่ทำให้ทวีคูณความเน้นและละเอียดของสีอย่างมาก พอใช้แล้วเห็นมาตั้งแต่เดินมา 100 เมตร 55555555 แต่โดยส่วนตัวแล้ว แบรนด์นี้ค่อยข้างใช้ยากมาก โดยเฉพาะ ฝั่งผงกลิตเตอร์ ตอนหยิบออกมาผงจะกระจายเลอะเทอะ ตอนใช้ผงกลิตเตอร์ก็จะร่วงตกลงมาตามใบหน้า ดังนั้นไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่พึ่งฝึกหัดแต่งตา

คะแนนอยู่ที่: 3/5หักไป 2 เนื่องจากใช้แล้วค่อนข้างเลอะเทอะ เกลี่ยยาก

Stila magnificent metals glitter and glowตัวนี้ทุกคนกรีดร้องและต้องชาบูในความวิ้งวาวขั้นเทพของ liquid eyeshadow ตัวนี้เราตำมาสองสี ราคาค่อนข้างแพงอยู่ที่ 1100 บาท แต่ยอมรับได้ เพราะมันดีจริงๆ คือแบบวิ้งวาว เรียกได้ว่าทาแล้วเด่นที่สุดในงาน 5555 เราว่าตัวนี้เหมาะมากสำหรับทาทับ eyeshadow แบบฝุ่น โดยเฉพาะไว้เวลาออกงานคือแต้มๆ เกลี่ยๆนิดนึงก็เลิศเลอแล้ว แต่อาจจะต้องใช้ skill การแต่งนิดนึงเพราะเราเคยให้เพื่อนที่แต่งหน้าไม่เก่งลองเอาไปใช้แล้วนางปาดไปบนทั้งเปลือกตา (อารมณ์ใต้คิ้วลงมานิดเดียว) 5555 แล้วนางบอกว่าแบบเห้ย มันวิ้งไปปะ … อืม วิ้งสิ ปาดไปซะขนาดนั้น แบบนั้นไม่ผ่านนะคะ ใช้นิดเดียวพอ 5555เอาเป็นว่าชิ้นนี้เราชอบมากกกกแต่ไม่ได้ใช้ทุกวันนะ เสียดายกลัวหมดเพราะราคาค่อนข้างสูง แต่ว่าเวลาออกงานคือ must have เลยทำให้ลุคแต่งหน้าดูแพงขึ้นทันตาเห็น

คะแนนอยู่ที่: 4.5/5หักไป 0.5 ที่หาซื้อยากนิดนึงต้อง pre order กับราคาที่ค่อนข้างสูง

Holika holika รุ่น magic insideเป็นแบรนด์เกาหลีที่พึ่งออกตัว ครีมอายแชร์โดว มา ที่สาวสาวกรีดร้องกันหนักมากกกกกกกกกกกก !ที่คนเค้าร่ำลือกันว่าเป็นตัวตายตัวแทนของ แบรนด์ Stila !!!เนื่องจากพิกเม้นต์ที่แน่นเว่อร์ กากเพชรมาเต็ม สีสวยถูกใจ แถมราคาเป็นมิตรสุดๆ เพียง 200 กว่าบาทเท่านั้นซึ่งถูกกว่าแบรนด์ stila เกินครึ่ง !! วินาทีนั้นไม่คิดอะไรแล้ว รีบไปซื้อมาอย่างไวแต่ตอนนั้นเราสั่งจากร้าน พรีออเดอร์ ราคาอยู่ที่ 350 บาท เราจัดมา 2 สีตอนได้มารีบเอามา สวอตที่แขนดู มันดีมากกกกก Wowww มากกกกกก แทบเป็นลม !!แต่พอเอามาลองที่ตาเท่านั้นแหละ ส่วนตัวคิดว่ามันออกจะเว่อวัง อลังการ เกินไปนิ๊สสสสสเพราะตัวกากเพชรมันเยอะมาก เลยไม่เหมาะกับ daily life เพราะมันวิ้งค์ไปซะจนเอามาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้และกากเพชรค่อยข้างเม็ดใหญ่จนบางครั้งรู้สึกว่ามันบาดตา แต่ถ้าทาไป party ตัวนี้ก็เริ่ดอยู่ค่ะ อารมณ์ประมานว่ากลิตเตอร์สะท้อนแสงยิ่งกว่าไฟในผับ 5555555555

คะแนนอยู่ที่: 3.5/5หักไป 1.5 เพราะใช้ในชีวิตประจำวันยาก และกลิตเตอร์บาดตา

Tomford รุ่น cream color for eyes Tomford อันนี้ซื้อมาตอนไปฝรั่งเศส แต่เนื่องจากราคาที่แพงมากกกกกกกกก ถึงกระปุกละ 1,590 บาท แพงจนอยากจะร้องไห้ T___T !!!! แต่เนื้อดีมาก สีชัด และ เกลี่ยง่าย เป็นอีก item นึงที่ ทาทีเดียวจบ คือ tom ford ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย เลิฟมาก พอใช้ตัวนี้ปัดมาสคาร่าแล้วก็สามารถออกจากบ้านได้เลย ติดทนด้วยค่ะ สำหรับชิ้นนี้เอาเป็นว่าถ้าใครกระเป๋าหนาตัวนี้ก็เป็นอีกตัวนึงที่ควรมีไว้ค่ะ แต่สำหรับคนที่กระเป๋าบางๆ เรายังมีอีกหลายทางเลือกที่ใช้แทนกันได้อีกหลายตัวค่ะ

คะแนนอยู่ที่: 4/5หักที่ราคาที่สูงเกินไป

ขอแว๊ปมาทางฝั่งเกาอีกรอบจากแบรนด์ EGLIPSรุ่นนี้คือ LIVELY LIQUID GLITTER SHADOW

สำหรับรุ่นนี้ส่วนตัวใช้เป็น topper เพื่อเพิ่มความวาวให้สี eyeshadow แบบฝุ่น เพราะถ้าลงเดี่ยวๆ เวลาเกลี่ยจะไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไร แต่เนื้อมีความเบาดีค่ะ ลงแล้วไม่หนักเปลือกตาเลย ติดทนใช้ได้ และ ราคาดีงาม ลองใช้หลายครั้งสำหรับเมืองไทยที่อากาศร้อนก็ยังไม่ไหลเลอะ แต่ขอแนะนำตอนล้างให้ใช้ oil base makeup remover นะคะ ไม่งั้นกลิตเตอร์จะยังคงหลงเหลืออยู่บนเปลือกตาแล้วจะไม่งามนะค่าคะแนนอยู่ที่: 4/5หักที่พิกเม้นต์ไม่ค่อยแน่น และตอนลบชอบมีกลิตเตอร์ติดตามใบหน้า

Moonshot jelly pot

ราคาประมาน 600 กว่าบาทเราไปซื้อมาที่เกาหลีเลย

ตอนนั้นถอยมาหลายสี

ชิ้นนี้ไปตำมาจากเกาหลีเลยค่ะ เนื่องจากเห็น G-Dragon เป็น presenter 55555 เอ้า bang bang bang !ตอนนั้นก็ลองกับมือก็เห็นสีสวยดีค่ะ พิกเม้นแน่นเว่อร์ สีชัดมากแต่พอเราเอากลับมาใช้ เรามีความรู้สึกว่ามันใช้ยากต้องใช้นิ้วจิ้มลงไป แล้วไม่รู้ว่านิ้วเราใหญ่เกินไปรึป่าวเวลาเกลี่ยที่เปลือกตาแอบเกลี่ยยากนิดนึงเพราะสีมันชัดมาก ทำให้กะลำบาก ดังนั้นเวลาใช้ต้องระวังนิดนึง เราว่าใช้แบบหัวจิ้มจุ่มค่อนข้างสะดวกและง่ายกว่าอีกอย่างคือซื้อมาหลายสีมากแล้วด้วยความที่อยากลองก็แกะซีลที่มากับตลับออก แล้วก็ใช้ไปบ้างประปราย แล้วผ่านมาประมาณสามเดือน มาเปิดดูอีกทีเห็นว่าสองสี ( P01, P09 ) แห้งเป็นหินไปแล้วจากเนื้อมูส ตกใจมาก

คะแนนอยู่ที่: 2/52 คะแนนได้มาจาก GD ล้วนๆ

Kylie birthday edition cream shadow

ราคา $20 หรือประมาณ 600 กว่าบาทตอนนั้นเราคลั่ง Kylie มาก คือนางออกอะไรมาก็ต้องตำไปหมดซะทุกอย่าง รวมถึง birthday edition ซึ่งก็เหมามาทั้งคอลเลคชั่นจ้า หนึ่ง item ในคอลเลคชั่นนั้นก็คือ cream eyeshadow สองสีนี้แหละค่า ซึ่งไม่ผิดหวังเลย สีสวยมาก สี copper คือ favorite ของเรา แล้วสีชัดสามารถทาเดี่ยวๆได้เลย กรีดอายไลน์เนอร์ ปัดมาสคาร่าจบเลยความติดทนอาจจะไม่เท่าแบบ liquid แต่ก็ถือว่าเป็นตัวที่น่าสนใจที่จะใช้ใน everyday look

คะแนนอยู่ที่: ⅘ขอหักที่หาซื้อยากต้อง pre order และ ไม่ติดทนเท่าแบบ liquid

Peripera wholly deep jewel pot

ตัวนี้มีความดีงามจำได้ว่าไปซื้อที่ eve and boy คือซื้อมาเพราะเห็นเหลืออันเดียว แล้วเป็นคนที่ชอบคิดว่าของที่เหลือชิ้นนึงคือขายดี ต้องมี เลยคว้ามาเลยจ้า ตอนนั้นซื้อมาราคาประมาณ 300 นิดๆถ้าเราจำไม่ผิดเนื้่อเหมือนเป็นครีมผสมกลิตเตอร์ในตัว ส่วนตัวเราชอบสีประมาณนี้อยู่แล้ว เราเคยลองใช้ไปสองสามครั้ง แล้วพบว่าใช้กับนิ้วเวิร์คสุด แต่พอผ่านไประหว่างวัน สีค่อนข้างเฟต แล้วก็มีความร่วงโรยของกลิตเตอร์มาติดใต้ตาเราเต็มเลย เสียดายอะ คือชอบสีแต่ไม่ค่อยชอบเนื้อเลย ดังนั้นเราเลยขอให้คะแนนที่ 3/ 5 ขอหักที่กลิตเตอร์ร่วง สีเฟด แต่ให้คะแนนความสีสวย

3ce stylenanda pot eyeshadowราคา ไม่แน่ใจ ประมาณเกือบ 600 บาทตอนนั้นเห็น ad แล้วรู้สึกว่าอยากสวยเหมือน presenter nanda คือทนไม่ได้ต้องรีบกด pre order มาสี่สีพอได้มาก็ถูกใจนะคะ คือจะ เป็นเนื้อมูสประกายชิมเมอร์ที่สายเกาน่าจะชอบ ส่วนตัวชอบสีมากเลย ทาแล้วรู้สึก ละมุน นุ่มนวล สวยหวานเหมือนนางเอกซีรี่ย์เกาหลี 55555 แต่ขอหักคะแนนนิดนึงที่ไม่ค่อยติดทนเท่าไหร่ พอใช้ไประหว่างวัน สำหรับคนที่เปลือกตามันสีจะหลุด และเลือนหาย เสียดายมากเลย

คะแนนอยุ่ที่: 3.5/5หักความไม่ติดทน สวยแค่ตอนเช้า ตอนเย็นไม่สวย

Giogio armani eyes to killราคา 1150 บาท

อามานี่ ตัวนี้ได้มาจาก King power จำได้ว่าตอนนั้นไปยืนเลือกสีนานมาก เพราะว่าเค้ามีสีให้เลือกเยอะมากเลยตัดสินใจจากสีที่เรายังไม่ค่อยมีซึ่งเบอร์ 11 นี่แหละที่โดดเด่นขึ้นมา เป็นสีออกโทนฟ้า โดยถ้ามองจากภาพหลายคนๆอาจจะคิดว่า เอ๊ะ เนื้อจะต้องหยาบ หรือ กลิตเตอร์ใหญ่ๆ บาดตาแน่นอนเลยอะ แต่หูยยย ผิดคาดเลยค่ะ พอลองใช้เท่านั้นแหละ เนื้อค่อนข้าง นุ่ม , creamy แล้วก็ให้ความวาวที่กำลังสวยเลย ติดทนนาน แล้วไม่ crease ด้วย ถือว่าเป็น cream eyeshadow ที่น่าสนใจอีกตัวค่ะ ลองไปเลือกสีที่ชอบกันดูนะคะ

คะแนนอยู่ที่: 4.5/ 5หักที่ราคาสูงไปนิดนึงแล้วกันค่ะ

Mac Disney Cinderella eye gloss

คือชิ้นนี้ซื้อมาเพราะเป็นสาวก Disney และยิ่งมาอยู่บนเครื่องสำอางของ MAC ด้วยแล้วนั้น ตำไปแบบไม่ต้องคิดเลยค่า (ถึงแม้จะราคาตกอันละ 1200 กว่าบาทก็ตาม)ด้วยความที่เป็นคนชอบความวิ้งวาว จากภาพมันก็ดูวาวอยู่นะ ก็เลยฝากเพื่อนหิ้วมา สัก 2 อัน เพราะคิดว่าระดับ Mac แล้วคงไม่ทำให้เราผิดหวัง ! ซึ่งชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็น eye gloss ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าอ๋อ คงวาวๆ แบบ gloss มั้งแต่เห้ย ไม่ใช่แค่วาวเหมือน lip gloss คือ เหนียวเหมือน lip gloss เลย แล้วไม่แห้ง อยู่บนเปลือกตาแล้วรู้สึกรำคาญ มันหนักและเหนียวที่ตา ใช้ยากมากเลย คือเคยใช้ไปวันนึงแล้วแบบ eyeliner หรือ mascara ติด gloss นี้เละเทะไปหมดใช้แต่งหน้าถ่ายแบบพวก wet look อาจจะตอบโจทย์ แต่ถ้าใช้แต่งหน้าในชีวิตประจำวัน บอกเลยว่าไม่ควรค่ะ ตัวนี้เราขอผ่านเลย ไม่ใช่สไตล์จริงๆ บวกกับราคาที่สูงด้วย จึงทำให้ตัวนี้ไม่เป็นที่ประทับใจเลย เสียดายเงินสุดๆ

คะแนนอยู่ที่: 1/5ให้1 คะแนนเพราะเป็นสาวกเจ้าหญิง Disney จ้า

มาถึงตัวสุดท้าย นั่นก็คือ Diorshow fushion mono Long-Wear Professional Eyeshadow

สำหรับ diorshow fushion mono เป็น อีก cream eyeshadow ราคา 1300 บาท

รุ่นโปรดที่หยิบมาใช้บ่อย สามสีที่มีเป็นสีที่ค่อนข้างอ่อน แต่ทุกสีสามารถทาทับเพื่อเพิ่มความชัดของสีได้ เนื้อค่อนข้าง creamy เกลี่ยง่าย และไม่ crease ระหว่างวัน ที่สำคัญสีมีความติดทนดีค่ะคะแนนอยู่ที่: 4.5/5หักไป 0.5 สำหรับราคาแพงเกินไปสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา T_T

จบแล้วค่ะ สำหรับการเปิดกรุ แบบจัดหนักจัดเต็ม ของ Cream eyeshadowเป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับการรีวิว eyeshadow แบบครีมในครั้งนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับสาวๆ ที่กำลังจะหาซื้อแล้วตัดสินใจไม่ได้หรือสาวๆ คนไหนที่ยังแต่งตาไม่เป็น หรือพึ่งฝึกหัดแต่งตา แนะนำแบบครีมเลยค่ะ ใช้ง่าย สะดวก ประหยัดเวลาไปได้อีกเยอะเลยแต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความชอบของแต่ละคนด้วยนะคะ โพสนี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ที่เราอยากนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาดูรีวิวนี้กันนะคะถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็สามารถสอบถาม,คอมเม้นเพิ่มเติม หรือติชมกันได้เต็มที่เลยค่ะ จะมาตอบทุกคอมเม้นแน่นอนค่าและหากมีอะไรผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะเป็นมือใหม่หัดรีวิว :Dหรืออยากให้เรารีวิวอะไรเพิ่มเติมบอกได้เลยนะคะ เพราะเรายังมีเครื่องสำอางค์อีกมากมายให้รีวิว

Discussion (7)

ขอบคุณสำหรับรีวิวนี้มากกกกกค่ะ

ละเอียดดีงาม น่าไปตำตามหลายตัว

และตัดใจก็อีกหลายตัว




ขอบคุณมากเลยค่ะ ^^
ทลายกรุมากกก
เยอะมากค่ะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย