เที่ยวซาปา เวียดนามเหนือ งบ 5,000 ยังเหลือๆ แบบเที่ยวครบ กินหรู อยู่สบาย สไตล์ CARATRAVEL

12 5

ฮัลโหลลลลล ซินจ่าว มีรีวิวทริปสนุกๆ มาแชร์อีกแล้วค่า ต้องขออวดก่อนเลยว่าเราเพิ่งกลับมาจากทริปเที่ยวเวียดนามเหนือ ที่เราอยากไปเวียดนามเหนือเพราะว่าทริแก่อนหน้านี้ที่ไปเที่ยวบาหลี (ใครยังไม่ได้อ่านตามไปอ่านได้จากหน้าโปรไฟล์เราได้เด้อค่ะเด้ออ)

แล้วในทริปบาหลีนั้นเราได้เดินทางไปเที่ยวนาขั้นบันได และก็ได้แต่ถามตัวเองว่า แค่เนี้ย? นาขั้นบันไดที่บาหลีคือเล็กมากกกก คือมันสวยแหละ แต่เล็กไปหน่อย เราคิดว่าจะได้เห็นอะไรที่อลังการณ์กว่านั้น กลับมาเลยหาข้อมูลว่าไอ้นาขั้นบันไดมันมีที่ไหนอีกที่มั๊ย ที่สวยกว่า ใหญ่กว่า เป็นนาขั้นบันไดที่ชาวบ้านเค้าปลูกจริงๆ ไม่ใช่ทำขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว เราเลยได้รู้จักกับเวียดนามเหนือ หลังจากนั้นเวียดนามเหนือ หรือ ซาปา ก็มาเป็นหนึ่งในบัคเก็ตลิสต์ของเรา พอได้ไปจริงๆก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะมันดีตามคาด แถมเรายังกลัมาโดยที่ยัง งงๆ ตัวเองอยู่ว่าทำไมเงินที่พกไปถึงเหลือ! แถมทั้งทริปยังไม่โดนโกงเลยอีกด้วย วันนี้เลยอยากมาเขียนแชร์ว่า เวียดนามเหนือมันมีอะไร ทำไมต้องไป และไปยังไงให้เงินเหลือและไม่โดนโกง

Plan : Bangkok - Ha noi - Sapa (Ta van) - Sapa town - Ha noi - Bangkok

Cost : ตั๋วเครื่องบิน 3,500 บวกลบ ค่าที่พัก อาหาร รถ กิน และอื่นๆทั้งหมด ไม่เกิน 5,000 บาท (จริงๆคิดว่า 3,500-4,000 ก็ทำได้)

Tips ข้อควรรู้ก่อนเดินทาง

1. จองทุกอย่างให้เรียบร้อย จะได้ไม่โดนโกง คนส่วนใหญ่โดนโกงอันดับ 1 เลยคือค่าแท็กซี่ เราเลยไม่ขึ้นแท็กซี่ จากสนามบินก็ติดต่อที่พักให้มารับ ขากลับก็ใช้บริการรถเจ้าเดิม ในเมืองพอเดินได้ก็เดินเอา ถ้าไกลก็เช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ แค่นี้ก็ตัดปัญหาเรื่องแท็กซี่ไปได้แล้วจ้า

2. ทำใจให้สงบก่อนเดินทาง เพราะสิ่งที่คุณจะเจอที่เวียดนามคือ 'ความน่ารำคาญ' ของหลายๆสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเสียงแตรที่บีบกันแบบ โอ้โหหหห ปวดหัวมาก 55555 หรือว่าจะเป็นกริยาแย่ๆของเด็กเสิร์ฟ ที่เหมือนจะเหยียดๆคนเอเชียด้วยกัน รวมถึงความพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากๆของชาวบ้านที่นั่น ถ้าเรารู้ก่อน ทำใจไว้ก่อน ไปถึงจะได้ไม่หงุดหงิดโมโห เหมือนเราได้เตรียมสภาพจิตใจมาแล้วอ่ะ นึกออกมั๊ย? 55555

3. เอาเสื้อกันฝนไปด้วย ช่วงนี้หน้าฝน ทางเหนือของเวียดนามฝนตกแทบทุกวัน เอาไปเถอะ เชื่อน้องหล้าได้ใช้แน่นอน

4. ระวังรถชน นอกจากจะบีบแตรโหดแล้ว การขับขี่รถของคนที่นั่นก็โหดด้วยจ้า นึกจะพุ่งขึ้นมาบนทางเท้าที่เราเดินอยู่ก็มา บางทีเราเดินแบบริวถนนที่สุดแล้วก็ยังมาเบียด ระวังๆไว้ก่อนดีกว่าเด้อ

5. ระวังของหาย เพราะเราเห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งคนนึงโดนโขมยมือถือโดยชาวเวียดนาม ตอนดึกๆ ขโมยและไม่ยอมรับ ตำรวจมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่บอกให้ฝรั่งปล่อยไป (ตำรวจดูไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่นัก ถือโทรโข่ง ขับรถที่เหมือนรถขายผักขายกับข้าวบ้านเราอ่ะ) เดินไปไหนตอนกลางคืนต้องระวัง

6. จากฮานอยไปซาปา นั่งรถบัสถูกกว่ารถไฟ ลองถามที่พักให้จองรถให้ อาจได้ราคาพิเศษกว่าจองจากเว็บเอง

7. รถบัสนอนต้องไปไวๆ ไปยืนออรอขึ้นก่อนไม่งั้นจะได้ที่นั่งพีคๆ นั่งชั้นสองดีกว่าชั้น 1 เพราะชั้น 1  เหม็นตีน! 

8. อาหารหลายร้านอร่อยถูกปาก ให้ปริมาณเยอะมากกกก ล้างท้องรอได้เลย แต่ไม่ค่อยให้ช้อนถ้าไม่ได้กินก๊วยเตี๋ยวอ่ะ ต้องใช้ตะเกียบกินข้าว อ้อ อีกอย่าง ข้าวเวียดนามอร่อย เคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ น้ำหนักขึ้นรัวๆไปเลย!

คร่าวๆก่อนนะ ถ้านึกได้เพิ่มจะมาแก้ไขเพิ่มเติมให้น้า ไปเริ่มเดินทางกันเลยจ้า

DAY 1

วันแรก กับเรื่องพีคๆเรื่องแรก ไปถึงที่เช็คอิน สายการบิน VeitJet Air แจ้งว่าไฟลท์ของเรายกเลิกไปแล้ว และได้แจ้งเราทางเมลล์แล้วด้วย แต่เราไม่ได้รับเมลล์นั้นเลย! งงมาก เถียงไปเถียงมา สรุปเราพิมพ์เมลล์ไปผิด 1 ตัวตอนจอง จาก Hotmail เป็น Hormail ด้วยความสะเพร่า เออนะ จะวีนก็ไม่ได้ ทำใจก้มหน้ารับกรรม เลื่อนจาก 11 โมงไปเป็นบ่าย 2 จบแล้วแพลนจะเที่ยวในฮานอย พัง! 

มาถึงปุปเกือบจะมืดแล้ว เราพักที่ Hanoi rocks hostel  เป็น Hostel ของเราห้องรวมชายหญิง 14 เตียง ไม่ได้ถ่ายรูปในห้องมาเพราะมันก็ Hostel อ่ะแหละ เตียมรวมสองชั้น สะอาดดี แต่ที่พีคคือชั้นล่างสุดเป็นผับเป็นบาร์ ไปถึงฝรั่งนั่งกินเบียร์กันแน่น เปิดเพลงอย่างดัง น้องหล้างงมากกกก แต่ก็แฮปปี้มากกกก 55555 ชอบความแบบไม่ต้องเดินไปไหนไกล เมาตายแค่ไหนก็แค่ขึ้นลิฟต์ไปนอนอ่ะ และจะบอกว่าในย่านนั้น (พักที่จตุรัสเก่า อารมณ์แบบแถวๆถนนข้าวสารบ้านเรา) เราคิดว่าที่ Hostel เราเด็ดสุด! ไปเดินเซอร์เวย์มาหลายที่ ไม่มีถูกใจเลย เพลงไม่โดน คนน้อย ใครจะไปฮานอยจะบอกว่าไปพักเถอะ ประหยัด (ประมาณไม่เกิน 150 บาท รวมอาหารเช้า) ได้เพื่อนใหม่ (นี่ได้คอนแทคเพื่อนใหม่กลับมาหลายชาติมากกกก ปริ่ม) ได้ปาร์ตี้ด้วย! จองจาก Booking.com โลดจ้า

หลังจากเก็บของเข้าที่พักเราก็ออกมาเดินเล่นหาอะไรกิน เดินไปเดินมาก็พบว่าฮานอยเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไร เราไปโบสถ์ St. Josept และทะเลสาบคืนดาบมา ตอนกลางคืนคนเยอะมากกกก และไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว้าวแต่อย่างใด ร้อนมากด้วย เป็นเมืองที่ถ้าสำหรับเราอ่ะ คือแค่เมืองทางผ่านพอ มาแวะก่อนขึ้นเครื่องไปกลับไรงี้ (อันนี้ส่วนตัวไม่อินก็ประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์นะคะ ถ้าใครชอบอะไรทำนองนั้นน่าจะคิดต่าง)

ขอเม้าท์เรื่องอาหารในฮานอยบ้าง จะบอกว่าไม่ประทับใจเอามากๆ ร้านแรกก็โดนเลย จำชื่อร้านไม่ได้แต่พิกัดอยู่ใกล้ๆ Hostel ร้านสีเหลืองๆ ติดป้ายว่าบุฟเฟ่ต์ เราชาวไทยผู้หิวโหยรีบเข้าเลยจ้า พนักงานสื่อสารไม่รู้เรื่องเลย และอาหารแย่มากกกก ในรูปนี่สั่งปอเปี๊ยะ เขียนในเมนูว่า Spring roll แต่มาเป็นอะไรไม่รู้ที่ไม่อร่อยเลย และอีกหลายเมนูที่ไม่โอเคแต่ไม่ได้เก็บภาพมา เอาเป็นว่าจะกินอะไรก็ระวังๆเด้อ เดี๋ยวจะเจอพีคๆแบบเรา

หลังจากอกหักจากของคาวก็เดินตามล่าหาของหวาน เจอร้านบิงซูดูน่านั่ง มีไวฟาย และมีแอร์ เอ้อลืมบอก ทรืปนี้ไม่ซื้อซิมนะคะ เนื่องจากถามราคาในสนามบินแล้วแพง เลยไม่ซื้อก็ได้ เพราะทุกร้านในเวียดนามมีไวฟายให้ใช้ แถมไม่หวงด้วย มีบอกตามโต๊ะแบบไม่ต้องขอเองแบบที่ไทย รหัสก็ตั้งแบบง่ายๆ 12345 ไรงี้อ่ะ ชอบความไม่งกอินเตอร์เน็ตของที่นี่มากๆ

ราคาอาหาร ของหวานที่นี่ก็จัดว่าไม่แพงเลยค่ะ พอๆกับที่ไทย ตอนแรกเราคิดว่าด้วยความเป็นแหล่งท่องเที่ยว มันต้องแพงแน่ๆ แต่ปรากฏว่าทุกร้านถูกมาก กินกันเพลินไปเลย เอะอะแวะคาเฟ่ เอะอะเข้าร้านอาหาร 555555 เราเดินเล่นๆ กินๆ ชอปๆ เพราะไปตรงกับวันที่มีตลาดนัดกลางคืนพอดี (มีวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นะคะ) เสร็จแล้วก็กลับมาปาร์ตี้ที่ Hostel มันส์มากกกก อยู่กันยันเช้า แล้วอาบน้ำเก็บของเพื่อเดินทางไปยังซาปาเลย ไว้ค่อยนอนบนรถ!

DAY 2

เริ่มต้นวันที่ 2 อย่างที่บอกว่าไม่ได้นอนเพราะปาร์ตี้ ต้องรีบอาบน้ำเก็บของไปขึ้นรถให้ทันรอบ 6 โมงเช้า เราให้ที่พักที่ Sapa จองรถให้ทั้งขาไปและกลับ เนื่องจากที่พักเสนอมาว่าให้จองให้มั๊ย ชั้นจองได้ถูกกว่านะไรงี้ ติดต่อกันทางเมลล์ เราลองเทียบราคาแล้วก็ถูกกว่าจริงๆ ขึ้นรถมาก็แฮปปี้เลยจ้า เป็นรถบัสนอน แบบเบาะนอนราบไปเลย หลับสบาย ถ้าไปแค่ซาปาเพลินๆ 5 ชั่วโมงนะ ถ้านอนยาวๆ ไปไกลกว่านี้อาจจะมีเมื่อยบ้างแหละ

เพราะนอนได้แต่นั่งไม่ได้ตามภาพ 5555555 ถ้าเป็นชะนีตัวเล็กน่ารักๆ คือสบายมากกับบัสนอนคันนี้ แต่เนื่องจากน้องหล้านั้นมีความสูงอยู่ที่ 169 เซ็นติเมตร แล้วดันเลือกนั่งริมหน้าต่าง จึงออกมาเป็นอย่างที่เห็น (ใครอยากนั่งได้แนะนำเลือกเลนส์กลางนะคะ เพดานจะสูงกว่า หรือเลือกนั่งข้างล่างไปเลย แต่อย่างที่บอกไปในทิปส์ว่าเหม็นตีน เลือกเอา555555)

วิวข้างทางที่ถ่ายมาได้น้อยมาก เพราะหลับๆตื่นๆ แต่จะหนักไปทางหลับมากกว่า แต่ตื่นมาทีไรเจอข้างทางสวยตลอดเลยนะ ควรค่าแก่การไปลองเด้อ

พอไปถึงจุดจอดรถที่ตัวเมืองซาปา เราก็แบกกระเป๋าไปตามหาห้องน้ำ โชคดีไปเจอร้านอาหารที่มีทั้งห้องน้ำและมอเตอร์ไซค์ให้เช่าด้วย (ใครอยากรู้พิกัดดูในคลิปวิดีโอได้น้า จะลงคลิปไว้ตอนท้าย พอดีเราไม่ได้ถ่ายมาง่ะ) ราคาคันละ 150,000 ดองต่อ 1  วัน ก็ตกประมาณ เกือบๆ 200 หารกันสองคนต่อ 1 คันก็เท่ากับคนละ 100 บาทเท่านั้น ถูกกว่าเช่าที่ไทยและลาว หลังจากได้รถแล้วเราก็พากันแบกกระเป๋าขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาลงเขาจากซาปาไปที่หมู่บ้าน Ta van (ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ) เพราะคืนนี้เราจะไปพักโฮมสเตย์แบบกินบรรยากาศนอนในป่าในเขากัน!

ระหว่างทางที่ขี่รถไปหมู่บ้าน Ta van (อ่านว่าต่าฟาน) เราได้เห็นวิวข้างทางสวยๆตลอดทาง เลยจอดแวะถ่ายรูปกันบ่อยมาก ไม่ถึงซักที55555

ความเขียวของที่นี่จัดว่าดีต่อใจเรามากกก คือเรามาเพื่อเจออะไรเขียวๆ แล้วมันก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ 

และเราเชื่อว่าเราคงไม่แฮปปี้มากเท่าไหร่นักถ้าไม่ได้คนเหล่านี้มาเป็นเพื่อนร่วมทาง เอาจริงๆเราจะบอกทุกคนเสมอเลยแหละว่าเราไม่ชอบเที่ยวคนเดียว ชอบให้เพื่อนไปกันเยอะๆ เราชอบที่ได้เที่ยวกับเพื่อนเป็นกลุ่ม ได้สร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน 

เราขี่รถกันต่อตามแผนที่ที่เปิดไว้ตั้งแต่ตอนยังมีไวฟาย จนเดินทางมาถึงหมู่บ้าน Ta van ถึงแม้ระหว่างทางจะมีหลงกันกับเพื่อนบ้าง ทางเป็นหลุมเป็นบ่อ เมื่อยตูดเมื่อยหลังแบกกระเป๋าบ้างอะไรบ้าง แต่บรรยากาศในหมู่บ้านสามารถทำให้เรื่องพวกนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไปเลย มันทำให้เรารู้ว่า ถ้าอยากได้เจออะไรดีๆ เราก็ต้องพยายามหน่อย ต้องรู้จักอดทน และมันเป็นการอดทนที่คุ้มค่ามากจริงๆ

เพราะนี่คือวิวจากที่พักของเรา

เดินไปนิดหน่อยเจอทุ่งนาแบบนี้

และขี่รถลงไปด้านล่างหมู่บ้าน นั่งชิวมองวิวธารน้ำที่มีภูเขาเป็นแบ็คกราวน์ได้ด้วย!

ไปตอนใกล้ค่ำ แทบไม่มีคนเลยนอกจากกรุปเรา สงบมาก มีชาวบ้านมาซักผ้าด้วย เหมือนที่เคยเห็นในละครย้อนยุคอ่ะ

อันนี้นัดกันมา เพราะคำนวนไว้แล้วว่าคู่สีที่ถ่ายร่วมกับบรรยากาศเขียวๆ ได้ออกมาสวยสดสะดุดตาที่สุดน่าจะเป็นสีแดง 555555

มาพูดถึงที่พักกันบ้าง คืนนี้เรานอนที่ Tavan Ecologic Homstay เนื่องจากตอนแรกก็ว่าจะนอนในเมืองซาปา แล้วขี่รถเที่ยวนั่นแหละ แต่ตอนหาที่พัก ดันเจอที่พักในหมู่บ้านนี้หลายที่เลย ราคาถูกและบรรยากาศดูดิบๆ ไม่ค่อยสะดวกสบายดีอ่ะ 55555 เลยปรึกษาเพื่อนๆ สรุปกันว่าเรานอนที่แบบนี้กันซักคืนเถอะ สัมผัสธรรมชาติ

ที่นอนก็เป็นฟูกปูพื้น มีมุ้งกันยุงกันแมลงสาบ (มีจริงๆ ตอนดึกๆมากันเพียบ ใครไม่ใช่สายลุยแนะนำผ่านนะคะ มีกรี๊ดแน่นอน5555) ไม่มีแอร์แต่มีพัดลมให้นะ ฝั่งละ 1 ตัว หรือใครจะไม่พักแบบนอนรวม ห้องแยกสองคนเค้าก็มี ลองไปเลือกๆดูได้เด้ออออ มันอาจจะไม่สบายเท่าไหร่หรอก แต่ถูกมาก ไม่เกิน 200 บาท รวมอาหารเช้าด้วย! ราคาหลักร้อยวิวหลักล้านจริงๆ ไปอยู่ลำบากๆบ้างจะได้มีเรื่องเล่า เอาไว้เมาท์ให้คนอื่นฟัง

DAY 3

ตื่นมาตอนเช้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้าครึ้มๆเหมือนฝนจะตก ซวยละ วันนี้ต้องแว๊นกลับไปในเมืองซาปาด้วย

เดินออกมาข้างนอกเจอหมอกลอยฟุ้งๆ

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็เก็บกระเป๋าจะออกเดินทาง เพราะวันนี้ยังมีอีกหนึ่งหมู่บ้านที่อยากไป แต่ขี่รถออกไปได้ประมาณ 10 นาที ฝนเทลงมาแบบไม่ปราณีเลยจ้า ต้องขี่กลับมาที่พัก

เลยได้เดินเล่นอยู่ในต่าฟานต่ออีกหน่อย

แวะไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารของที่พัก วิวดีมากกก และอาหารอร่อยถูกปากมากกกก ควรค่านะคะ

นั่งกินข้าวไป มองวิวไป ชีวิตจะดีอะไรขนาดนี้ แถมราคาอาหารยังถูกด้วย ตกจานละไม่ถึง 100 บาทกับวิวที่ได้คือพีค

ขโมยหนังสือในร้านมาถ่ายรูป

หลังจากฝนหยุดตกเราก็แว๊นกันใหม่อีกครั้ง เพื่อเอากระเป๋าไปเก็บที่ที่พักใหม่ในเมืองซาปา

คืนนี้เราพักที่ Son ha Hotel จองห้องรวมสำหรับ 6 คนไว้ หารกันตกคนละไม่เกิน 200 เหมือนเคย เป็นคนไม่ลงทุนกับเรื่องทีนอนเลยจริงๆ เพราะรู้สึกว่ายังไงก็ออกไปเที่ยวทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว 

หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จ เราก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ออกเดินทางต่อกันทันที เปิดแมพไปที่หมู่บ้าน Ta phin จากตัวเมืองซาปาประมาณ 45 นาที วิวข้างทางระหว่างไปดีอีกแล้วจ้า

เจอตรงไหนดี มีที่จอดก็แวะถ่ายรูป อากาศไม่ร้อนด้วย แทบจะไม่มีแดดเลยขี่รถเที่ยวกันได้แบบเพลินๆ

แดดอะไม่แรง แต่ลมแรงมาก! ทำไมทำกับเราแบบนี้ 55555

นาขั้นบันไดที่แท้ทรู ได้ย้อมใจจากบาหลีแล้วโว้ยยยยย

วันนี้ตีมช้าง โชว์ความเป็นไทยในเวียดนามจ่ะ แต่ก็นั่นล่ะ ทุกกลุ่มน่าจะมีอยู่หนึ่งคน ที่ชอบไม่เอาเสื้อผ้ามาตามตีม เราก็ต้องอดทนนะคะ เพื่อนก็คือเพื่อน (ความจริงคือเคียดแค้นมาก)

ก่อนจะถึงหมู่บ้าน Ta phin เราได้ผ่านตึกร้างและอดที่จะแวะเข้าไปไม่ได้ ไม่รู้มันคืออะไรแต่น่าสนใจดีเหมือนกันนะ

กรุปชอตจ่ะ ห้ามแซวกล้ามขาน้องหล้าเด้อ555555555

"แก็งค์ซานต้านักล่าเงินดอง"

จะเล่าเรื่องของกลุ่มซอมบี้ชาวม้งที่โพหกหัวแดงเดินเรียงกันเหมือนซานต้าครอส ที่ต้องเรียกว่าซอมบี้เพราะเมื่อเราขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปถึงทางเข้าหมู่บ้าน Ta phin เราก็โดนล้อมรอบด้วยกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว พวกเค้าล้อมไม่ให้เรามีทางไป เข้ามาพูดคุยต้อนรับอย่างดี แต่ด้วยความที่เราอ่านรีวิวศึกษามาเยอะ เรารู้ทันทีว่า กูโดนล้าวววววว หลังจากโดนกลุ่มซานต้าซอมบี้เดินตามประกบตลอดเวลา ทำหน้าที่ประหนึ่งไกด์ทัวร์ พาพวกเราเดินไปยังบ้านตัวเอง เพื่อ!?! ตอนไปถึงบ้านคืองงมากกกก นึกว่าพาไปจุดชมวิวไรงี้ แล้วก็ตามคาด พาเข้าเยี่ยมชมบ้าน ตบท้ายด้วยรุมขายของ! ขายกันจนเรางงไปหมด กูจะซื้ออะไรจของใครดี555555 สุดท้ายเลยได้กำไรข้อมือมาคนละเส้น เพื่อเป็นค่าซื้อตัวเองออกจากตรงนั้น แล้วก็ตามคาดจ่ะ พอจ่ายเงินเสร็จ ฝูงซานตาซอมบี้ก็ประพฤติตนประหนึ่งว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ตอนขาขึ้นประกบ พูดคุย แนะนำอย่างดี ขาลงปล่อยเดินกันเอง ตลกดี555555 ใครอยากสัมผัสประสบการณ์นี้ก็ไปลองโดนกันได้ที่หมู่บ้าน Ta phin เด้อ

เค้าเอาหินทับไว้ทำไมอ่ะ ใครรู้ช่วยไขข้อข้องใจหน่อย นี่เดาเอาว่ากันหลังคาปลิว

สะพานในหมู่บ้าน ทางที่เค้าจะพาเราไปทัวร์บ้านนั่นแหละ

หลังจากแยกตัวจากซานต้าได้เราก็แวะชมวิว ถ่ายรูปกันนิดหน่อย ไปไกลมากไม่ได้ เพราะใกล้มืด และรถไฟหน้าเสียบวกกับถนนไม่มีไฟเลยซักดวง ถ้ากลับตอนมืดนี่คือมีแหกโค้งแน่นอน

กลับออกมาตอนช่วงประมาณพระอาทิตย์กำลังตกพอดี ได้ดูซันเซ็ตบนเบาะมอเตอร์ไซค์อ่ะวันนี้

ตัดภาพมาที่ซาปาตอนกลางคืน ฟีลยุโรปมาก หนาวกว่าที่หมู่บ้านที่ไปเมื่อวานมากๆ ชอบอากาศ ชอบสถาปัตยกรรมของที่นี่ที่มีกลิ่นอายของทางยุโรปนิดๆ ชอบทุกอย่างเลย

โบสถ์ที่เหมือนเป็นแลนด์มาร์คของซาปาตอนกลางคืน 

มาถึงเรื่องอาหารการกิน สมาชิกในกลุ่มรีเควสปิ้งย่าง ชาบู บุฟเฟ่ต์มาหลายวัน เราเลยพยายามตามหาร้าน แต่ก็ไม่เจอ เลยได้เข้าร้านบาร์บิคิว ที่มีหม้อแบบชาบูให้สั่งกินด้วย ไม่ใช่บุฟเฟต่แต่ก็ได้ปริมาณพอๆกับบุฟเฟ่ต์เลย เค้าให้สั่งสุกี้ชุดสำหรับ 6 คน แต่พวกเราขอสั่งแค่สำหรับ 2 คนมาลองก่อน ซึ่งนับเป็นความโลคดี เพราะแค่ชุดของ 2 คนก็กินกันไม่หมดแล้ว  งงมาก ทำไมที่นี่ให้ปริมาณอาหารเยอะขนาดนั้น แบบถ้าสั่งสำหรับ 6 คนมานี่คือตายอ่ะ มีท้องแตกตายกันแน่นอน 

บาร์บิคิวมีทุกเนื่อนะ หมู ไก่ เนื้อ จรเข้ กวาง แพะ ม้า เยอะแยะไปหมด กินทุกอย่างกันจริงๆ

กินเสร็จก็เดินเล่นชมเมืองต่อ หนาวๆ ฟินๆ

กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่ เราถือคตินี้ค่ะ กินคาวต้องตบหวาน คาเฟ่อะไรที่เกร๋เข้าให้หมด อย่าให้เหลือ!

สั่งอันนี้เพราะไอเลิฟซาปาเลยนะ

ร้าน Le gecko มีหลายชั้น นั่งชมเมืองได้เกร๋ๆ เค้กอร่อยแต่เครื่องดื่มเราเฉยๆ ราคาไม่แพงเลย งงอีกเหมือนเดิม ร้านดูดีมาก วิวดี ทำเลดี แต่ราคาปกติ เท่ากับร้านข้างทางของที่นี่เลยอ่ะ ชอบความถูก

กินเสร็จก็มาย่อยที่ลานกิจกรรมหน้าโบสถ์ คือมันเป็นลานกว้างๆ ที่ผู้คนมาทำกิจกรรมกัน ตอนเราผ่านมาตอนแรกมีทั้งเตะตะกร้อ มีเต้นลีลาศ มีร้านให้เช่ารองเท้าโรลเลอร์เบลด และบาลานซ์วีล พวกเราก็เอาด้วย เช่าด้วย ทำตัวเหมือนวัยรุ่นซาปา เพราะไม่มีชาวต่างชาติเลยนอกจากเรา ฝึกเล่นกันจนดึก จนป้าเดินมาทำท่าสลีป ป้าบอกอยากนอนแล้ว เราเลยต้องจำใจเลิกเล่น ถ้าใครมีโอกาสไปไม่ควรพลาดนะ สนุกดี ชอบที่ผู้คนที่นี่ออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน อยากให้บ้านเรามีแบบนั้นบ้าง

DAY 4

วันสุดท้ายในซาปา เราเริ่มต้นวันด้วยการตื่นแต่เช้าออกมาเดินเล่น ดูเมืองซาปาในแบบตอนกลางวันบ้าง อากาศยังดีเหมือนเดิม 

ลานนี้ตอนเช้าๆ แทบไม่มีคนเลย สวยไปอีกแบบ

ทะเลสาบที่ล้อมรอบไปด้วยตึกและภูเขา 

ในเมืองซาปาดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือเรารู้สึกว่าฝุ่นเยอะไปนิด เพราะกำลังมีการก่อสร้างพวกโรงแรมต่างๆ เหมือนความเจริญกำลังเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ ยังแอบคิดว่าถ้าตึกสูงๆขึ้นกันเยอะจนบังวิวภูเขาไปหมดคงน่าเสียดายน่าดูนะ

[im

โบสถ์ตอนกลางวันสวยกว่ากลางคืนเยอะ ดูเหมาะกับบรรยากาศหม่นๆของเมืองซาปาหน้าฝน

กรุปชอตสุดท้ายของพวกเรา 

หลังจากเดินเล่น หาอะไรกินในเมืองซาปา เราก็เก็บของเช็คเอ้าท์โรงแรม พบว่าเวลายังเหลือนิดหน่อย เพราะเวลาขึ้นรถของเราคือบ่าย 1 ครึ่ง พวกเราเลยขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปยังหมู่บ้าน Cat cat หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตรงแนวเขาฟานซิปัน

แต่พอไปถึงเราก็พบว่าหมู่บ้านไม่ใช่เล็กๆเลย ต้องเสียค่าเข้าชมประมาณ 70-80 บาทต่อคน และมีแผนที่ให้ด้วย คือคิดว่ามันใหญ่มาก เดินไม่ทั่วแน่ๆ แล้วบวกกับเราไม่ชอบสถานที่ที่เหมือนถูกจัดไว้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่แล้ว เลยตัดสินใจกับเพื่อนว่าเอาเงินนั้นไปซื้อโกโก้กินที่คาเฟ่ที่ผ่านมาดีกว่า ได้เห็นเขาฟานซิปันเหมือนกัน 55555

Art gallery cafe คาเฟ่ที่เป็นอาร์ตแกลลอรี่ในตัว เกร๋มากกกก ด้านหน้าที่ป้ายเล็กๆว่ายินดีต้อนรับคนไทยด้วย เป็นภาษาไทยเลย

วิวพีคอีกแล้ว

บรรยากาศภายในร้าน

เหมาะกับการพาแฟนมานั่งชมวิว กินโกโก้ร้อน หนาวๆกอดกันไรงี้

คนโสดก็อ่านหนังสือไปคนเดียวเงียบๆนะ

เรานั่งกินโกโก้ชมวิวไปได้ซักพักก็ถึงเวลาต้องบอกลาซาปา ฮือออออ ต้องกลับไปเจออากาศร้อนที่ฮานอยอีกล้าว 

ปิดท้ายทริปด้วยภาพหมูทะที่ฮานอยละกัน (เพราะไม่มีอะไรจะเล่าแล้ว กลับไปปาร์ตี้ฮานอย ตื่นมาขึ้นเครื่องตอน 8 โมงเช้ากลับไทย) อยากกินกันมานาน ในที่สุดพวกเราก็หาหมูทะเจอ! ดีใจน้ำตาจะไหล อร่อยและถูกเหมือนเดิม พอคำนวนเงินแล้วว่าเหลือเยอะพวกเรานี่กินอย่างราชา ชอปปิงกันเป็นว่าเล่น ขากลับไทยนี่แวะกินเสต็กเนื้อในร้านอาหารสนามบินเลยจ้า 55555 เนื่องจากไม่อยากให้เงินเหลือ เดี๋ยวแลกคืนแล้วไม่คุ้ม!

สรุปทริปเวียดนามเหนือ คือประทับใจพวกเรามาก สนุกมาก สวยมาก ชอบทุกอย่างที่เวียดนาม (ถ้าไม่นับเรื่องผู้คนที่ชอบชวนเราทะเลาะด้วยบ่อยๆอ่ะนะ) อยากให้ทุกคนที่กำลังลังเลว่าจะไปเที่ยวซาปาดีมั๊ย ดูกระทู้เราแล้วไปจองตั๋วซะ เพราะมันดีจริงๆเด้อ!

ทริปนี้เราทำวิดีโอตลอดระยะเวลา 5 วันที่ไปเวียดนามไว้ด้วยเด้อ มีสาระบ้างไม่มีบ้าง คำหยาบมีหลุดมาบ้างต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยน้า ตามประสาเพื่อนสนิทคุยกันอ่ะเนาะ อรรถรสสสสสส

ใครที่อยากดูคลิปวิดีโอกดเข้ายูทูปได้จากรูปหนังสือด้านบนนี้เลยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านกันจนจบน้า ไว้รอบหน้าคาร่าจะเอาทริปอะไรมาแชร์ อย่าลืมติดตามกันด้วยเด้ออออ


carahalloween

carahalloween

เราเป็นชะนีน้อย (แต่ตัวใหญ่ ขัดแย้งแมะ) ที่ชอบเที่ยว ชอบทะเล รักภูเขา รักน้ำ รักปลา รักซากุระ (ไม่ใช่ละ5555) เราเที่ยวบ่อย เที่ยวจนไม่มีเงินเก็บ เที่ยวจนเรื่องราวมันล้น จนต้องเอามาเล่าให้คนอื่นฟัง ลองมาอ่านเรื่องราวของสถานที่ต่างๆผ่านมุมมองของเรากันนะ และนอกจากชอบเที่ยวแล้ว เรายังรักแฟชั่นและการแต่งหน้า (บ้าๆบอๆ) เอามากๆ ใครที่ชอบสไตล์เดียวกับเราคือยินดีด้วยเด้อ เธอมีเพื่อนแล้วจ้า มาบ้าไปด้วยกันนะ <3

FULL PROFILE