(รีวิว) LA MER Service Day มารู้จักและทดลองใช้ลาแมร์อย่างใกล้ชิดกันแบบฟรีๆ!

สวัสดีค่ะ ชาวจีบัน แพทตี้บิวตี้หรือเรียกปัทก็ได้ค่ะ วันนี้จะมารีวิวและเม้าท์มอยเกี่ยวกับ  La Mer Service Day ประจำเดือนเดือนมิถุนายนค่ะ

ในวันที่ 15 ของทุกๆเดือน  เป็นวันที่ทางลาแมร์ได้เปิดโอกาสให้ทดลองและได้รับการอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด รวมไปถึงการปรนนิบัติผิวด้วยผลิตภัณฑ์ลาแมร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ จะมีผลิตภัณฑ์ตัวไหนน่าคุ้มค่าในการลงทุนบ้าง มาดูกันเลย

เริ่มด้วยการเล่าประวัติความเป็นมาของแบรนด์ และส่วนประกอบหลักที่มีในผลิตภัณฑ์ลาแมร์ทุกตัว นั่นก็คือ Miracle Broth เป็นสารสกัดจากสาหร่ายทะเล (Sea Kelp) ซึ่งเป็นสาหร่ายที่มีคุณสมบัติพิเศษในการฟื้นฟูอย่างดีเยี่ยม

จากนั้นคุณพี่พนักงานแนะนำผลิตภัณฑ์หลักอันโด่งดัง เป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของลาแมร์ คือ Crème de la Mer นั่นเอง

โดยพนักงานให้ทดลองเปรียบเทียบมอยส์เจอไรเซอร์อีก 2 แบบด้วย คือแบบเนื้อซอฟท์ครีมและแบบเนื้อเจลค่ะ

จากรูป เบอร์ 1 คือ Crème de la Mer เนื้อเข้มข้นที่สุด เป็นตัวที่ต้องวอร์มให้ครีมแตกตัวก่อนทา เมื่อครีมแตกตัวแล้วให้ค่อยๆกด กด และกดครีมเข้าหน้า

เบอร์ 2 คือ ซอฟท์ครีม อันนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบความเข้มข้นแต่ขี้เกียจหรือไม่มีเวลาวอร์มครีม เนื้อครีมนุ่มและให้ความชุ่มชื่นสูง

เบอร์ 3 คือ เนื้อเจล ปัทชอบสูตรนี้ที่สุด เพราะเหมาะกับสาวหน้ามันและส่วนตัวไม่ชอบความเหนอะหนะ อีกเหตุผลที่ชอบสูตรเนื้อเจลคือเวลาทาแล้วรู้สึกเย็นผิว สบาย รู้สึกว่าผิวได้รับการปลอบประโลมค่ะ

ทีนี้เรามาทำความรู้จักหมวดเซรั่มกันบ้าง

ตอนนี้ลาแมร์มีเซรั่มหลัก 6 ประเภทด้วยกัน ขอเริ่มที่ 5 ประเภทหลักก่อนนะคะ เรียงลำดับจากรูป คือ1. The Revitalizing Hydrating Serum เป็นตัวให้ความชุ่มชื่น ให้ผิวสดชื่น เปล่งปลั่ง

2. The Whitening Essence Intense ตัวนี้ช่วยลดความหมองคล้ำ รอยดำ รอยแดง รอยฝ้าและจุดด่างดำบนหน้า

3. Genaissance De la Mar The Serum Essence แค่ชื่อก็อลังการแล้ว  เลอค่ามาก ตัวนี้พิเศษตรงที่เป็นเซรั่มที่เข้มข้นเป็นพิเศษ เกิดจากตะกอนการหมักสาร Miracle Broth แล้วนำมาสกัดอีกที

คุณพี่พนักงานแจ้งว่าเซรั่มสูตรนี้ ผสานคุณสมบัติสูตรเบอร์ 4 และ 5 เข้าด้วยกัน คือทั้งช่วยยกกระชับและลดริ้วรอยในขวดเดียว

4. The Lifting Contour Serum ตัวนี้ช่วยเรื่องยกกระชับ เรียบเนียน

5. The Regenerating Serum เป็นเซรั่มที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง

ทางลาแมร์แนะนำเซรั่มพิเศษอีกตัวที่เป็นตัวหลักของ Service Dayประจำเดือนมิถุนายน คือ The Concentrate ค่ะ

The Concentrate ถูกพัฒนามาเพื่อบำรุงผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวในเวลารวดเร็ว เช่น หลังทำเลเซอร์ หรือ หน้าไปแพ้อะไรแล้วมีสิวผด สิวผื่นบุกหน้า เป็นต้น ปัทขอเรียกตัวนี้ว่าเป็น post-serumละกัน เพราะเป็นตัวที่ทาหลังเซรั่มตัวหลัก (แต่ทาก่อนครีมและมอยส์เจอร์ไรเซอร์) เพราะเนื้อเซรั่มตัวนี้จะเป็นลักษณะเหมือนเนื้อฟิล์มบางๆ เคลือบผิวเราไว้เพื่อกักเก็บความชุ่มชื่น เป็นตัวที่น่ามีติดไว้ในกรุสกินแคร์นะ ถ้าใครกลัวเปลืองอาจจะไม่ต้องใช้ทุกวันก็ได้ค่ะ ใช้ในวันที่เรารู้สึกว่าหน้าโทรมแล้วต้องการฟื้นฟูหน้าแบบด่วนๆ หรือไปแพ้อะไรมาแล้วต้องการกู้หน้า ตัวนี้ช่วยได้ค่ะ

ต่อมาเป็นสกินแคร์ที่เราใช้ทั้งหมดในวันนี้ ทุกขั้นตอนได้รับการบริการจากพนักงานค่ะ

จากซ้ายไปขวา เริ่มด้วยการเช็ดเครื่องสำอางด้วย The Cleansing Micellar ชุบสำลีแล้วค่อยๆเช็ดเครื่องสำอางออก จากนั้นปรับสภาพผิวด้วย The Tonic ให้ผิวสะอาด สดใส แล้วต่อด้วยการเตรียมสภาพผิวให้พร้อมบำรุงด้วย The Treatment Lotion เพื่อช่วยให้ผิวสดชื่น ต่อไปคือขั้นตอนการบำรุง เริ่มด้วย- The Whitening Essence Intense (ได้ทดลองตัวนี้เพราะปัทแจ้งพนักงานไปว่ากังวลเรื่องจุดด่างดำบนหน้าค่ะ)- The Concentrate ซึ่งเป็นตัวเอกประจำเดือนนี้- The Moisturizing Gel Cream หรือ มอยส์เจอไรเซอร์สูตรเนื้อเจลนั่นเอง

หลังจากขั้นตอนบำรุงแล้วพนักงานถามว่าจะลงรองพื้นมั้ยคะ หรืออยากแค่ปัดแป้งเบาๆ ปัทอยากทดลองรองพื้นลาแมร์ด้วย เลยขอให้พนักงานลงรองพื้นให้ค่ะ พนักงานเลยถามต่อว่าชอบพอดีสีผิวหรือขาวกว่าสีผิว พอดีเป็นคนที่มีผิวช่วงคอและเหนือเนินอกขาวกว่าผิวหน้าเล็กน้อยเลยขอขาวกว่าสีผิวหน้า1สเต็ป พนักงานเทียบสีผิวกับชาร์ตสีและเอามาลองให้ 3 เฉดเลย สีที่พอดีสีผิวคือเบอร์ 11 แต่สีที่ชอบคือ เบอร์ 2 ขาวกว่าผิวจริงเล็กน้อยและไม่อมชมพู ส่วนอีกเบอร์ขาวไปหน่อยค่ะ (จำเบอร์ไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ)

มาพูดถึงช่วงบริการ ทุกๆขั้นตอนที่พนักงานบริการให้คือดีมากกกก ฟินมาก สบายจนแทบจะนั่งหลับได้เลย โดยเฉพาะขั้นตอนเตรียมผิวและบำรุงผิว พนักงานจะวอร์มผลิตภัณฑ์ในมือแล้วค่อยๆทาบนหน้าเรา พร้อมนวดหน้าในขั้นตอนบำรุง (ตอนนวดหน้านี่สบายสุดๆ) พนักงานใส่ใจดูแลลูกค้าดีมากค่ะ คอยถามตลอดว่าหนักมือไปมั้ย ถามอะไรเพิ่มเติมก็อธิบายอย่างสุภาพพร้อมสาธิตให้ดูด้วย

โดยส่วนตัวปัทคิดว่าเป็นโอกาสและประสบการณ์ที่ดีมากๆ เพราะนอกจากจะได้รับการดูแลอย่างดีแล้ว ยังได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์จริงรวมไปถึงวิธีการใช้ที่ถูกต้อง และที่สำคัญมากอีกหนึ่งอย่างของการได้ลองใช้ โดยเฉพาะสกินแคร์ที่มีราคาค่อนข้างสูง(ถึงสูงมาก 555) คือจะได้รู้ว่าเราแพ้หรือไม่ ยังไง ซื้อแล้วจะคุ้มมั้ย เหมาะกับเราจริงๆรึเปล่า เพราะฉะนั้นอยากให้สาวๆได้ลองใช้บริการ Service Day ดูค่ะ สาวๆคนไหนที่สนใจ ต้องโทรจองล่วงหน้ากับสาขาที่สะดวกนะคะ ช่วงต้นเดือนติดตามข้อมูลทางเฟซบุคหรือเว็บไซต์ของลาแมร์ได้เลยค่ะ (สาขาที่ปัทใช้บริการคือ Groove Central World สาขานี้กว้างขวางและมีบริการนวดหน้าในห้องส่วนตัวด้วยค่ะ)

หวังว่าสิ่งที่มารีวิวจะช่วยสาวๆที่เล็งตัวไหนเอาไว้ หรือใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อสกินแคร์ดีๆได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ วันนี้ลาไปก่อนค่ะ บ๊ายบายยย

Discussion (5)