Review : รวมฮิตกันแดด ANESSA
MiniMiniTan 65 27สวัสดีค่ะสาวๆจีบันทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกเลย (หลังจากซุ่มอ่านมานาน)
อากาศร้อนขนาดนี้ ก็ต้องมารีวิวครีมกันแดดกันหน่อยละ ^^
「Anessa」เป็นยี่ห้อของครีมกันแดดที่ขายดีมากๆๆๆที่สุดของญี่ปุ่น
เป็นแบรนด์ลูกในเครือบริษัท SHISEIDO .... ฟังชื่อปุ๊บ ก็รู้สึกมั่นใจในประสิทธิภาพของแบรนด์ได้เลยทันที 555
เราเป็นแฟนเหนียวแน่นของแบรนด์ "SHISEIDO" มานานมากกกกกแล้ว
และใช้ ANESSA มาตั้งแต่ปี2000 - ปัจจุบัน แล้วก็จะใช้ต่อไปเรื่อยๆๆ
คิดว่าน่าจะเคยใช้มาเกือบครบทุกรุ่นแล้วล่ะ
ทำไมต้องเป็น「ANESSA」?!
เหตุผลง่ายๆคือ .... ที่บ้านซื้อให้ใช้ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ก็เลยใช้มาเรื่อยๆ เพราะยังไม่เจออะไรที่ดีกว่านี้
โดยเทียบกันจากคุณสมบัติในด้าน ราคา-ปริมาณ-ประสิทธิภาพ
(ในด้านราคานั้น ซื้อตามร้านDrugstoreที่ญี่ปุ่น ไม่ได้ซื้อในเคาน์เตอร์ตามห้างทั่วไป ราคาเลยไม่แพงมาก ขวดละประมาณ 700-800บ. แล้วแต่อัตราแลกเปลี่ยนเงิน)ถ้าเปรียบเทียบใบหน้าของเราคือเมืองๆหนึ่ง (จะเมืองเล็กเมืองใหญ่ ก็ส่องกระจกกันเอาเลย 555)
คอลลาเจนในผิวหน้าก็เปรียบเสมือนประชาชน
ถึงแม้ว่าประชาชนในเมืองจะเข้มแข็งเพียงใด แต่หากเจอข้าศึกรุกรานอย่างหนักหน่วง ==> ซึ่งก็คือแสงแดดและรังสีUVนั่นเอง
สุดท้ายแล้ว...เมืองก็ต้องอ่อนแอและแพ้ไปในที่สุด ==> หน้าหมอง และเหี่ยวค่ะ!
เพราะฉะนั้น เราจำเป็นจะต้องมีกำลังเสริมที่แข็งแกร่งเพียงพอ ที่จะต่อสู้กับแสงแดดอันโหดร้ายของเมืองไทยด้วย สู้ว๊อยยยย!!
☆彡 Tips : ตัวการหลักที่ทำให้ผิวเหี่ยวเร็ว คือ1.แสงแดด 2.พักผ่อนไม่เพียงพอ 3.ดื่มน้ำน้อย
อย่าลืมว่า การบำรุงนั้นสำคัญ แต่การป้องกันก็สำคัญไม่แพ้กันนะจ๊ะเริ่มที่ตัวแรกก่อนเลย....
- ANESSA Perfect UV Sunscreen A+N SPF50+ PA++++
หรือที่เรียกกันว่า "อาเนสซ่าขวดทอง"
☆ คุณสมบัติ : เป็นโลชั่นน้ำนมเนื้อเหลว เนื้อเบา ทาง่าย ไม่มีสี ทาแล้วหน้าไม่วอกไม่ลอย แต่จะมีกลิ่นแรงกว่ารุ่นอื่นๆนิดนึง (แบบว่าหลับตาเทยังรู้ว่าหยิบขวดไหนมาใช้) แต่พอซักพักกลิ่นมันจะระเหย แล้วหายไปเอง (แสดงว่าแอลกอฮอลล์ก็เยอะอยู่พอสมควร)
ทาแล้วผิวจะแห้งๆนิดนึง ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ช่วยคุมมันได้ดี และกันแสงUV AและBได้ดี และกันน้ำ กันเหงื่อได้ดีมากกกกก (แต่กันเงินในกระเป๋าให้ไหลออก...ไม่ได้นาจาาา 555)
อีกทั้งมีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid GL ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม และมีความยืดหยุ่นได้ดี (ทาแล้วผิวไม่ฝืด ไม่ตึงจนเกินไป) ..... ดีเว่อรรรรร์!
ยอมรับเลยว่าในเรื่องป้องกันแสงแดดให้ผิวนั้น ยังหาตัวไหนมาล้มแชมป์「ANESSA」ขวดทองตัวนี้ไม่ได้เลย
ออกแดดแรงแค่ไหน ก็ยังไม่เคยดำกลับมา เริ่ดดดด!
※ GL ย่อมาจาก 「Glycerin 」คือ แอลกอฮอลล์ชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลายตามธรรมชาติ เป็นวัตถุดิบที่ให้ความชุ่มชื่น และสามารถละลายได้ในน้ำและแอลกอฮอลล์
*ข้อมูลจากinternet
✥ วิธีใช้ : เป็นโลชั่นน้ำนมแบบ2ชั้น ต้องเขย่าก่อนใช้ (เดาว่า เนื้อโลชั่นในขวดมีการแยกชั้นกัน) ใช้ทาได้ทั้งหน้าและตัวเลย(ถ้าไม่กลัวเปลือง 55)
❄ ใช้ตอนไหนดี : ปกติจะทาเฉพาะแค่ที่หน้าและคอ แต่ถ้าจะออกศึกเต็มที่ เช่นไปเที่ยวทะเล ภูเขา ฯลฯ ก็จะทาทั้งตัว ตั้งแต่หน้าจนถึงตาตุ่มเลย
เราไม่ได้เที่ยวกันทุกวันหรอก ทาๆไปเถอะ! ดีกว่าต้องมาทาพวกWhiteningทีหลัง เพราะนอกจากจะเห็นผลช้าแล้ว ยังต้องรอให้ผิวผลิตคอลลาเจนชุดใหม่ออกมาอีก เหี่ยวก่อนพอดี....
☆彡 Tips : เนื่องจากว่า เจ้าขวดทองนี้ปกป้องเราจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆมากมาย แถมเป็นรุ่นSuper Waterproofอีกด้วย ใช้น้ำเปล่าอย่างเดียวไม่สามารถล้างออกได้หมดหรอก
ดังนั้น ทุกครั้งที่ล้างหน้า ควรจะใช้พวกคลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางต่างๆด้วย มิฉะนั้น มันจะก่อให้เกิดสิวอุดตันได้นะจ๊ะ (ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้แต่งหน้าอย่างอื่นก็ตามเถอะ)
2. ANESSA Whitening UV Protector A+ SPF50+ PA++++
☆ คุณสมบัติ : เป็นโลชั่นน้ำนมเนื้อเหลว เนื้อเบา ทาง่าย ไม่มีสี ทาแล้วหน้าไม่วอกไม่ลอย คล้ายๆขวดทองแหละ แต่ตัวนี้ใส่สารจำพวกWhiteningเพิ่มเข้ามาอีก เพื่อความขาวกระจ่างใส
ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวไม่แห้งและกลิ่นไม่แรงเท่าขวดทอง เนื้อโลชั่นจะหนักกว่าขวดทองนิดหน่อย และละมุนกว่า อาจจะไม่กันน้ำกันเหงื่อได้ดีเท่าขวดทอง แต่ก็กันแสงUV A และ Bได้ดีเหมือนกัน (อันนี้ดูจากค่าSPFหน้าขวดเอานะ ว่าค่าSPFมันเท่ากัน)ก่อนหน้านี้ สูตรWhiteningเค้าทำค่าSPFออกมาแค่ 42เอง แต่พอมาเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ทำค่าSPFออกมาได้ถึง50เลย ดีใจมาก!
ตอนนี้เลยไม่ค่อยได้ใช้ขวดทองแล้ว เพราะใช้แล้วรู้สึกว่าผิวหน้าแห้งตึงไปหน่อย พออายุเยอะขึ้น ก็รู้สึกว่าผิวหน้าเริ่มแห้งมากขึ้น บางทีอะไรที่มันแห้งมากๆ ก็ไม่ค่อยดีต่อผิวซักเท่าไหร่ ขอความชุ่มชื่นให้ผิวบ้าง 55
✥ วิธีใช้ : สูตรนี้ก็เป็นโลชั่นน้ำนมเหมือนกัน ทาได้ทั้งหน้าและตัว แต่เวลาใช้ ไม่ต้องเขย่าขวดก่อนใช้ เปิดฝาบีบออกมาทาได้เลย และเนื่องจากมีสารจำพวก Whiteningอยู่ ดังนั้นหลังจากใช้แล้ว ควรปิดฝาให้แน่นอยู่เสมอ เพื่อรักษาประสิทธิภาพของสาร Whitening (แต่บางทีก็ลืมตัวเขย่าก่อนใช้อยู่ดี 55)
❄ ใช้ตอนไหนดี : ส่วนตัวแล้ว คิดว่าตัวนี้เหมาะกับคนหน้าธรรมดา-แห้ง เพราะเนื้อมันจะหนักนิดหน่อย คนหน้ามันอาจจะไม่ค่อยชอบ(แต่ทาแล้วไม่เหนอะเลยนะ แต่อาจจะซึมเข้าผิวช้าหน่อย) และเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งนานๆ แต่ก็โดนแดดแรงๆบ้างเป็นระยะๆและเหงื่อไม่ได้ออกเยอะมาก
สูตรWhiteningนี้ก็ควรใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าด้วยเหมือนกัน อย่าล้างด้วยน้ำเปล่าเฉยๆนะจ๊ะ
3. ANESSA Perfect Essence Sunscreen A+N SPF50+ PA++++
☆ คุณสมบัติ : คราวนี้มาเป็นแบบเนื้อessenceบ้าง จะเน้นความบางเบาของเนื้อสัมผัส ประหนึ่งทาครีมบำรุงที่มีกันแดดด้วย ทาแล้วก็สบายหน้าดี ซึมเร็ว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทาแล้วไม่วอกไม่ลอย
แต่....น้องสาวใช้แล้วแอบแพ้เบาๆ นางใช้แล้วสิวอุดตันขึ้นนิดนึง (แต่สูตรอื่นนางไม่แพ้นะ)
ส่วนเรา...ไม่เป็นไรเลย ผิวแข็งแรงมาก (หรือเรียกว่าหน้าหนาดี 55) น้องเลยยกให้ ได้ของฟรีมาใช้เฉยเลย อิอิ
✥ วิธีใช้ : ทาตามปกติจ้า ใช้ทาได้ทั้งหน้าและตัว ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก หลับตาทาก็ได้ 555
ตัวนี้จะไม่ใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดก็ได้ แต่ทางที่ดี....ใช้ดีกว่าเนอะ สิวขึ้นแล้วเสียอารมณ์ เสียเวลารักษาไม่คุ้มค่าคลีนซิ่งหรอก
❄ ใช้ตอนไหนดี : ตัวนี้เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้ออกแดดกลางแจ้งมากนัก สาวออฟฟิศน่าจะใช้แล้วกำลังดี เพราะด้วยความที่เป็นเนื้อessence มันจะไม่ค่อยกันน้ำกันเหงื่อเท่าไหร่ เอาไว้สวยเบาๆ สู้แสงUVหน้าจอคอมฯหรือแสงจากหลอดไฟ แค่นั้นพอ
4. ANESSA Perfect Gel Sunscreen A+ SPF50+ PA++++
☆ คุณสมบัติ : ตัวนี้เป็นเนื้อเจล ไม่มีสีไม่มีกลิ่น ออกมาช่วงหน้าร้อนที่ญี่ปุ่น คงกะทำมาให้เกิดความเบาสบายต่อผิวมากขึ้น และช่วยให้ซึมไวขึ้น ออกมาหลังรุ่นessence ส่วนจะเกี่ยวกับเรื่องการเก็บคุณสมบัติในการกันแดดกันเหงื่อมากขึ้นด้วยมั้ย อันนี้ก็ไม่สามารถตอบได้จริงๆค่ะ เพราะดูจากค่าSPFที่หน้าหลอดแล้ว มันเท่ากัน
รุ่นนี้พอบีบออกมาแอบตกใจเบาๆ ทำไมเนื้อมันมีการแยกตัวกันล่ะ?
มันมีน้ำแยกออกมาอยู่รอบๆตัวเนื้อเจลด้วย!
ทีแรกก็มีแอบคิดว่า สงสัยเค้าเอาไปวางไว้ที่ๆอากาศร้อนๆปะว๊าาา แต่ก็ซื้อที่ญี่ปุ่นนะ อากาศบ้านเค้าก็ไม่ได้ร้อนมากเท่าบ้านเรา ก็ไม่รู้ว่าเกิดไรขึ้น แต่ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ล่ะ
✥ วิธีใช้ : เวลาใช้เลยต้องวนๆเนื้อเจลบนฝ่ามือก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อให้มันเข้ากันก่อน แล้วค่อยทาบนหน้า
❄ ใช้ตอนไหนดี : ด้วยความที่ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ 555 เลยเอาไว้ใช้ในวันที่ไม่ค่อยได้ออกแดดจัดๆ แบบแค่ออกไปข้างนอกแป๊บเดียวไรงี้พอหมดหลอดแรก ด้วยความอยากรู้ ก็ซื้อหลอด2มาใช้อีก ก็ซื้อที่ญี่ปุ่นเหมือนเดิม
....หลอด2ก็ออกมาเหมือนเดิม แสดงว่าเนื้อเจลกันแดดรุ่นนี้ เค้าคงทำมาเป็นแบบนี้จริงๆแหละ ก็ใช้กันต่อไป รอเค้าออกรุ่นใหม่มาอีก ค่อยเปลี่ยนละกัน
5. ANESSA Whitening Essence Facial UV Sunscreen Aqua Booster SPF50+ PA++++
ANESSA รุ่นแรกสุดที่เคยใช้ ก็คือรุ่นขวดสีเงิน ตอนนั้นก็คิดว่ามันเป็นรุ่นที่ดีมากๆๆแล้ว ใช้มาหลายปี อยู่ๆก็เลิกผลิตเฉยเลย จำได้ว่าตอนนั้นช็อคมาก! แล้วชั้นจะใช้อะไรล่ะแกรรรรร!
หลังจากนั้น ANESSAก็พัฒนา เปลี่ยนสูตรไปเรื่อย เราก็ซื้อใช้มันทุกสูตรแหละ ใช้แล้วชอบบ้าง เฉยๆบ้าง แต่ในใจลึกๆก็ยังรอคอยรุ่นขวดเงินในตำนาน(ของตัวเอง)อยู่นะ
.....ในที่สุดเธอก็กลับมาาาาาา! กลับมาแบบพัฒนาสูตรได้ดีกว่าเดิมด้วย
ตัวนี้เพิ่งออกมาประมาณเดือนมีนาคม ปี2017นี่เลย ใหม่มาก! ออกมาพร้อมกับรุ่นหลอดสีทอง แต่ร้านที่ซื้อนี่ สีทองหมด เลยเอามาแต่สีเงินก่อนก็ได้....
☆ คุณสมบัติ : รุ่นนี้เป็นเนื้อเจลที่เป็นessenceช่วยบำรุงผิว สูตรน้ำ ที่มี Whitening ช่วยยับยั้งเมลานิน และกันน้ำ อีกทั้งยังสามารถเป็นเบสก่อนแต่งหน้าได้ด้วย ทาแล้วหน้าไม่วอกไม่ลอย ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
คุณสมบัติเยอะมาก!
ข้อดีของกันแดดสูตรน้ำคือ เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ และให้ความชุ่มชื่นต่อผิว
✥ วิธีใช้ : รุ่นนี้เค้าบอกมาเลยว่า ให้ใช้เฉพาะที่หน้าเท่านั้น คงเป็นเพราะรุ่นนี้มีเบสผสมมาให้ด้วย เลยเหมาะกับใช้ที่หน้าเท่านั้น ฉลากหลังซองยังบอกด้วยว่า ใช้สบู่ล้างหน้าก็ออกนะจ๊ะ (แต่เราก็จะใช้คลีนซิ่งล้างก่อนอยู่ดี เพื่อความชัวร์ 55)
❄ ใช้ตอนไหนดี : รุ่นนี้เป็น Waterproof ฉลากหลังซองบอกว่า ใช้ออกกำลังกายกลางแจ้งได้เลย กันเหงื่อ กันน้ำได้ดี แต่ทาเยอะๆหน่อยก็ดีนะ ถ้าคิดจะลุยขนาดนั้นจริงๆ เพราะตามหลักการของการใช้ครีมกันแดดที่แท้จริงแล้ว ไม่มีครีมกันแดดตัวไหนสามารถกันได้ทุกสิ่งเอวรี่ติงจิงเกอเบลล์ขนาดนั้นหรอก ซึ่งถ้าต้องการให้กันได้ขนาดนั้นจริง ควรทาซ้ำทุก3-4ชั่วโมง จึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุดตามที่แบรนด์ต่างๆโฆษณาไว้ความรู้ในเรื่องครีมกันแดด หรือส่วนประกอบของเครื่องสำอางอื่นๆ เราตามเพจของคุณปูเป้ ที่เป็นBloggerกูรูด้านสารประกอบต่างๆของเครื่องสำอางอยู่
6. ANESSA Perfect Pearly Sunscreen AA SPF50+ PA+++
ขวดนี้ซื้อมาเพราะกะจะเอาไว้พกไปข้างนอก เช่น เวลาไปต่างจังหวัด หรือเผื่อต้องการทากันแดดระหว่างวัน ... แต่สุดท้ายก็โยนขวดใหญ่ใส่กระเป๋าไปด้วยอยู่ดี เพื่อความชัวร์ 555
☆ คุณสมบัติ : รุ่นนี้เป็นโลชั่นน้ำนม ที่มีชิมเมอร์ในตัวด้วย เวลาโดนแดดผิวจะมีประกายวิ้งๆนิดนึง กำลังสวยเลย
✥ วิธีใช้ : ใช้ทาได้ทั้งหน้าและตัว เนื้อโลชั่นทาง่าย ซึมไว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่วอก ไม่ลอย ใช้แล้วชอบ แต่เลิกผลิตแล้ว (ไม่รู้ทำไม พอใช้แล้วชอบอันไหน พี่แกเลิกผลิตทุกที ต้องคอยซื้อตุนไว้ตลอดๆ อันนี้ขวดสุดท้ายแล้ว)
❄ ใช้ตอนไหนดี : เหมาะกับวันสบายๆ (อยากสวยด้วย สบายด้วย) แต่อาจจะไม่เหมาะกับการออกแดดแรงๆนานๆเท่าไหร่ เพราะค่าPAมีแค่3+เอง7. ANESSA Essence UV Spray Sunscreen SPF50+ PA++++
ตัวนี้ออกมาช่วงต้นปี2017 ออกก่อนหลอดสีเงินด้านบนแป๊บเดียวเอง
เห็นยี่ห้ออื่นๆออกกันแดดแบบสเปรย์มานานเป็นปีแล้ว ในใจก็มีสงสัยแหละว่า ANESSAจะไม่ออกมากะเค้ามั่งหรอ... และแล้วพี่ก็มาค่ะ! เห็นปุ๊บ หยิบแบบไม่มีลังเลเลยยยย \ (^ 6 ^)/
☆ คุณสมบัติ : เป็นกันแดดแบบสเปรย์ ที่ใส่สารบำรุงด้วย มีHyaluronic Acid GL ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม และมีความยืดหยุ่น กันลำแสงUV A,B ได้ดี ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
คือ... ช่วยปกป้อง แล้วยังช่วยบำรุงผิวอีกด้วย
✥ วิธีใช้ : เขย่ากระป๋องขึ้น-ลงก่อนใช้ ถือกระป๋องให้ห่างจากผิวและผมประมาณ10-15ซม. แล้วกดเลยค่ะ!
รุ่นนี้ฉีดได้ตั้งแต่ ผม-หน้า-ตัว คือใช้ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าของจริงเลย มันดีมากอะแกรรรร๊!
และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการกันแดดสูงสุด ควรฉีดซ้ำทุกๆ2-3ชั่วโมง
※ วิธีฉีดที่หน้า : ห้ามฉีดที่หน้าโดยตรง ให้ฉีดลงที่ฝ่ามือก่อน แล้วนวดๆที่ฝ่ามือ ให้เข้ากัน แล้วค่อยเอาฝ่ามือมาค่อยๆประคบบนหน้าแทน แต่จริงๆแล้วถ้าใช้กันแดดที่หน้าอยู่แล้ว ฉีดผมแล้วก็ข้ามไปฉีดตัวเลยก็ได้นะ
ส่วนตัวคิดว่า เค้าไม่ได้ทำมาให้ใช้ที่หน้าโดยตรงหรอก แต่เนื่องจากมันเป็นสเปรย์ รัศมีละอองที่พ่นออกมามันจะค่อนข้างกินวงกว้าง เค้าเลยทำให้ออกมาใช้ที่หน้าได้ด้วยเลย เพื่อกันไม่ให้ผู้บริโภคเกิดปัญหาในการใช้งาน เผื่อเผลอฉีดไปโดนหน้าเข้า จะได้ไม่มีอาการแพ้
ซึ่งสเปรย์กันแดดของยี่ห้ออื่นๆที่ออกมาก่อนหน้านี้ ใช้ฉีดหน้าไม่ได้ทุกตัวนะจ๊ะ ขอย้ำว่า "ไม่ได้"!
ถ้าเผลอไปฉีดที่หน้า หน้าอาจจะพังได้ เพราะฉะนั้น ก่อนใช้เครื่องสำอางใดๆ ต้องอ่านวิธีใช้ให้ดีๆก่อน
❄ ใช้ตอนไหนดี : ใช้ได้ทุกตอนเลย ก่อนออกจากบ้านก็หยิบมาฉีดแขนฉีดขาก่อน แป๊บเดียวเสร็จ ออกจากบ้านได้สบายๆ
ปล. แต่ยังไม่ได้ลองทดสอบออกศึกหนักนะ เพราะตั้งแต่ได้มา ยังไม่ได้ไปกรำแดดกรำฝนที่ไหนเลยจ้าาา
8. ANESSA Face Sunscreen BB SPF50+ PA+++ #Light
ตัวนี้ออกมานานมากแล้ว ตั้งแต่ประมาณปี2012 ซื้อมาใช้ที ใช้ได้เป็นปี ใช้ลืมเลย หลอดเล็กแต่ใช้ได้นานมากกก กว่าจะหมด (อันนี้เป็นหลอดที่2)
มีออกมา2สี คือ สี Light และสี Natural
สีLight เป็นสีที่สว่างที่สุด ซึ่งพอดีกับผิวเราเป๊ะ!
หลอดนี้มาแปลก ฉลากเป็นภาษาอังกฤษ เพราะว่าซื้อตอนไปเที่ยวไต้หวัน
แต่ถ้าซื้อที่ญี่ปุ่น ฉลากก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่นนะ
☆ คุณสมบัติ : เป็นBB creamที่มีกันแดดมาให้ด้วย เอ๊ะ...หรือจะพูดว่าเป็นครีมกันแดดที่เป็นBB creamในตัวด้วยก็ยังได้ เนื้อครีมหนืดเล็กน้อย แต่เกลี่ยไม่ยาก มีระดับความปกปิดได้ดีพอสมควร กันน้ำ กันเหงื่อได้ดีมาก เหงื่อไหลไม่เป็นคราบเลย (อันนี้พิสูจน์มาแล้ว เหงื่อไหลท่วมหน้าท่วมตัว แต่ซับหน้าแล้ว หน้ายังเด้งอยู่ เพื่อนปรบมือให้เลย ให้ผ่านนนน!)
✥ วิธีใช้ : หลังจากทากันแดดทั่วไป ก็ลงBBตัวนี้ตามได้เลย ไม่เหนอะ ไม่หนักหน้า (หรือจะไม่ทากันแดดก่อนก็ได้ เพราะตัวมันเองก็มีค่าSPFสูงถึง50แล้ว แต่ด้วยความเคยชิน เราก็จะทากันแดดตามปกติของเราก่อนอยู่ดี) เสร็จแล้วก็ลงแป้งได้ตามปกติ และอย่าลืมใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดก่อนล้างหน้าด้วยนะจ๊ะ ^^
❄ ใช้ตอนไหนดี : เนื่องจากมันเป็นBB cream ก็จะมีความปกปิดที่ไม่มากนัก เนื้อบาง ซึมเร็ว ทาแล้วสบายผิว เหมาะกับหน้าร้อน-ร้อนมาก ที่อาจจะมีเหงื่อไหลบ้างระหว่างวัน แต่ผิวหน้ายังต้องการการปกปิดอยู่บ้างเล็กน้อยANESSAหมดแล้ววววว..... เหมือนไม่เยอะเนอะ แต่ก็เยอะแฮะ (ปาดเหงื่อเบาๆ) ^___^;
9. Biore UV Perfect Spray SPF50+ PA++++
ตัวนี้ซื้อที่ญี่ปุ่น เมื่อช่วงกลางปี2016 เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังเห่อกันแดดแบบสเปรย์กันพอดี เลยมีหลายยี่ห้อที่ออกกันแดดแบบสเปรย์มา เราก็เลือกยี่ห้อที่ถูก เอ้ยย ไม่ใช่ๆ เลือกยี่ห้อที่คุ้นเคย และที่สำคัญ กระป๋องนี้ราคาไม่แพงเลย ประมาณ 800กว่าเยนเอง (ประมาณ250บ.) ฉีดทิ้งฉีดขว้างกันได้เลย เอาให้ทั่ว
☆ คุณสมบัติ : เป็นสเปรย์กันแดดที่ฉีดแล้วแห้งทันที ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้ที่ผิว ก็เป็นคุณสมบัติทั่วๆไปของสเปรย์กันแดดนะ ดูรวมๆแล้วไม่ได้มีความพิเศษมากไปกว่าตัวอื่น เพียงแค่ว่ายี่ห้อนี้มีไซร์ใหญ่กว่ายี่ห้ออื่นๆ เลยหยิบมา 55
✥ วิธีใช้ : ตัวนี้ใช้ได้ทั้งหน้าและตัวเลย ก่อนใช้ต้องเขย่ากระป๋องในแนวตั้ง4-5ครั้งก่อน และฉีดให้ห่างจากผิวหรือผม 10-15ซม. และวิธีการฉีดที่หน้า ก็ไม่แนะนำให้ฉีดเข้าที่หน้าโดยตรงเช่นเดียวกับยี่ห้ออื่นๆ และห้ามฉีดแช่อยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งเกิน3วินาที (ถ้าเกิน จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้นะ ไม่กล้าลอง 55)
❄ ใช้ตอนไหนดี : อันนี้เป็นกระป๋องใหญ่ ก็จะเอาไว้ใช้ในบ้านเท่านั้น ฉีดก่อนออกจากบ้านตอนเช้าก่อนออกไปโดนแดด แต่แดดแรงมากๆก็อาจจะกันไม่ค่อยอยู่นะ เอาไว้กันแสงUVนิดๆหน่อยๆได้ เช่น อยู่ในห้องกระจกที่ยังมีแสงแดดส่องถึง (ประมาณสาวออฟฟิศ) อะไรประมาณนั้นมากกว่า
ส่วนใหญ่พวกกันแดดสเปรย์จะไม่ค่อยกันแสงแดดได้ดีเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะเขียนว่า SPF50+ PA++++ก็ตาม เพราะสเปรย์มันจะเป็นเพียงอณูเล็กๆเกาะอยู่บนผิวเท่านั้น ไม่สามารถกันแดดได้เต็มที่เท่าแบบทาลงไปบนผิวหรอก เพราะฉะนั้น ถ้าจะออกไปโดนแดดแรงๆ แนะนำให้ใช้แบบทาดีกว่า
10. SUNCUT Ultra UV Protect Spray SPF50+ PA++++
สารภาพตามตรง...ซื้อเพราะแพคเกจจิ้งล้วนๆ หยิบมาทีแรกยังไม่ได้ดูเลยว่ายี่ห้ออะไร 55
จ่ายเงินเสร็จ กลับมาพลิกๆดู อ่อออ... ยี่ห้อSUNCUT เป็นยี่ห้อในเครือของแบรนด์KOSE นี่เอง
จริงๆแล้วเวลาเดินเข้าร้านDrugstoreที่ญี่ปุ่น ก็ไม่ได้รู้จักทุกยี่ห้อหรอก แต่ส่วนใหญ่ ของเค้าจะดีทุกอย่างอยู่แล้ว เวลาหยิบเครื่องสำอางมา บางทีก็ไม่ได้ดูว่ายี่ห้ออะไร เพราะส่วนใหญ่ก็ผลิตออกมาจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่อยู่แค่ไม่กี่แบรนด์ เช่น KOSE , SHISEIDO , KANEBO ฯลฯ ก็จะเลือกหยิบได้อย่างสบายใจ ไม่ค่อยกลัวแพ้เท่าไหร่ ขึ้นชื่อว่าของญี่ปุ่น อะไรๆก็ดีอะแกรรรร! ^___^ v
☆ คุณสมบัติ : เป็นกันแดดชนิดสเปรย์ กันแสงUV A,B ได้ดี ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่ไม่ได้ใส่สารบำรุงผิวมาให้เหมือนANESSAนะ แค่กันแดดอย่างเดียวล้วนๆเลย✥ วิธีใช้ : ใช้ได้ทั้งหน้าและตัว ก่อนใช้ให้เขย่ากระป๋องก่อน และฉีดให้ห่างจากตัวประมาณ10-15ซม. ห้ามฉีดแช่อยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งเกิน3วินาที ถ้าจะใช้ที่หน้า ก็ไม่แนะนำให้ฉีดเข้าที่หน้าโดยตรงเช่นเดียวกันกับยี่ห้ออื่นๆ
❄ ใช้ตอนไหนดี : ใช้ตอนไหนก็ได้ จะฉีดก่อนออกจากบ้าน หรือจะพกไปฉีดนอกบ้านก็ได้ แต่ก่อนฉีด ดูทางลมนิดนึง ระวังฉีดไปโดนคนอื่น ไม่ใช่อะไร...มันเปลือง!
และแล้ว....ก็มาถึงชิ้นสุดท้าย... ขอทิ้งท้ายด้วยของน่ารักๆอีกชิ้นนึง
11. Disney UV Cut Milk SPF50+ PA++++
นี่ก็หยิบมาแบบไม่ได้ดูว่าของยี่ห้ออะไร ซื้อเพราะแพคเกจจิ้งล้วนๆอีกแล้ว
ขวดนี้ซื้อในTokyo Disney ซึ่งจริงๆแล้วมีขายทั้งในDisney Land & Seaเลย
เข้าอันไหนก็ซื้อได้เหมือนๆกัน
ทีนี้ ลองพลิกมาดูด้านหลังบ้าง ว่าของยี่ห้ออะไร
ของบริษัท Naris ... เงียบไป3วิ .... ไม่รู้จักอะแก....
เลยลองเสิร์ชหาดู อ้ออออ.... แกๆๆ แกเคยได้ยินโฆษณาที่พี่อั้มพูดปะว่า "Faris by Narisค่ะ"
เออ!! Narisเดียวกันนี่แหละ ขอบอกตรงๆอีกที ว่าเพิ่งเคยได้ยินชื่อยี่ห้อนี้ครั้ง ก็ตอนเจ๊อั้มพูดนี่แหละ
จริงๆเค้าก็มีโปรดักส์ของเค้าออกมาขายเองนะ แต่ก็รับทำสินค้าให้กับลูกค้ารายอื่นๆด้วยเช่นกัน อย่างเช่น Tokyo Disney เป็นต้น
☆ คุณสมบัติ : เป็นกันแดดเนื้อโลชั่นน้ำนม บางเบา ไม่มีสี แต่มีกลิ่นมิ้นต์ค่อนข้างชัด ทาแล้วไม่วอกไม่ลอย ซึมไว ไม่เหนอะผิว
✥ วิธีใช้ : เขย่าก่อนใช้ ใช้ได้ทั้งหน้าและตัวเลย มันจะเย็นๆนิดนึง จะช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นขึ้นหลังทา
❄ ใช้ตอนไหนดี : เนื่องจากไม่ใช่สูตรกันน้ำ เพราะฉะนั้น ก็ใช้ได้ในวันที่มีกิจกรรมชิวๆ สบายๆ เช่น ไปทำงานที่อยู่ในออฟฟิศทั้งวัน หรือเดินห้าง อะไรประมาณนั้น
ปล.ส่วนตัวไม่ชอบกลิ่นมิ้นต์ ขวดนี้เลยยกให้เพื่อนไปแล้ว
~~~~~~~~~~~~~~~
มหากาพย์กันแดดจบแล้วจ้าาาา\ ^_______^/
หน้าร้อนเมืองไทยก็ร้อนเหมือนซ้อมลงนรกกันขนาดนี้
ก่อนจะออกไปไหนมาไหน หรือแม้ว่าจะอยู่แต่ในบ้านก็ตาม ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดกันด้วยนะจ๊ะด้วยรักและปรารถนาดี อยากให้สาวๆทุกคนหน้าขาวใสไร้มลทินและมีความสุขในทุกๆวัน