[How to] เลือกสีคอนทัวร์ vs บรอนเซอร์ + [Review] Wet n Wild Megaglo Contouring Palette by Witii Makeup
TARNPEEP3012สวัสดีค่าา ตาลเองนะคะ :) เนื่องจากมีเพื่อนๆหลายคนถามตาลเกี่ยวกับการเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อมาใช้คอนทัวร์หน้า ตาลก็เลยรู้สึกว่าน่าจะมีใครอีกหลายๆคนที่ยังสับสนกันอยู่ในความต่างระหว่าง Contouring vs Bronzing
วันนี้ก็เลยอยากจะมาแชร์เกี่ยวกับการเลือกสีคอนทัวร์ให้เข้าสีผิวของแต่ละคน รวมถึงความแตกต่างระหว่าง Contouring กับ Bronzing และก็เลยถือโอกาสมารีวิว contouring palette ตัวใหม่ของ Wet n Wild ด้วยเลยนะคะ
คอนทัวร์ (Contour) เป็นการทำงานร่วมกันของแสงและเงา (light & shade) หรือพูดง่ายๆก็คือ การลงไฮไลต์กับเฉดดิ้งคู่กัน เพื่อทำให้สิ่งที่เราอยากเก็บ แบบไม่อยากจะเอาออกมาโชว์ให้สาธารณชนเห็นนั้น จางลง/เล็กลง/แคบลง คือ...จะบอกว่าหายไปเลยยย เช่น กรามหายไปเลย มันก็คงจะไม่ขนาดนั้นอ่ะนะคะ แต่ก็ถือว่าช่วยได้เยอะเลยแหละ ไฮไลต์จะทำงานได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อเราใช้เงาเข้าไปช่วยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราไฮไลต์สันจมูกด้วยปรารถนาที่จะได้ดั้งงามอย่างเทเลอร์ สวิฟ เราก็ต้องสร้างเงาข้างๆสันจมูกด้วยเพื่อทำให้ไฮไลต์เด่นและชัดเจนมากขึ้น แถมยังช่วยทำให้จมูกเราดูเล็กลงอีกด้วยนะคะ
และในทางตรงกันข้ามการคอนทัวร์ก็สามารถทำให้หน้าเรามีมิติมากขึ้นได้ด้วยนะคะ เช่น ถ้าคนที่มีใบหน้าที่ค่อนข้างกลม แบบ...ไม่มีมิติ ไม่มีกราม ไม่มีคาง ไม่มีอะไรเล๊ยย เราก็จะไฮไลต์บริเวณกราม และคาง บวกกับเฉดดิ้งลงบริเวณ"ใต้กราม" และ"ใต้คาง" ค่ะ เน้นคำว่า"ใต้"นะคะ เพราะเมื่อเราสร้างเงาเก็บเหนียงไป มันก็จะทำให้โครงหน้าเราชัดเจนขึ้น หน้าจะได้ไม่กลมและมีมิติมากขึ้นค่า
บรอนซิ่ง (Bronzing) คือการทำให้สีผิวของเราดูบ่มแดด ดูแทน ดูสุขภาพดี มีชีวิตชีวา อารมณ์แบบฉันไปนอนรับวิตามินดีอ่อนๆมาเมื่อเช้า ถ้าเป็นสายเกาหลีก็คงจะไม่นิยมกันเท่าไหร่นะคะ เพราะเค้าต้องขาวๆใสๆหน่อย แต่ถ้าเป็นสายฝรั่งแล้วเนี่ย ขาดไม่ได้เลยจ้าาา ใครไม่บรอนซิ่งวันไหน อาจโดนทักได้เลยว่า "น้องป่วยหรือเปล่าคะ" XD
Bronzer คือผลิตภัณฑ์ที่อาจจะเป็นเนื้อแป้งหรือเนื้อครีมที่มีสีน้ำตาลเข้มกว่าสีผิวของคนใช้ ซึ่งนางอาจจะเป็นเนื้อแมตหรือเป็นแบบมีชิมเมอร์ก็ได้
แล้วเราเอาบรอนเซอร์มาคอนทัวร์หน้าได้ไหม?? ก็ไม่ใช่บรอนเซอร์ทุกตัวจะนำมาใช้คอนทัวร์หน้าได้นะคะ ที่แน่ๆและเห็นชัดๆเลย คือ
1) ห้าม!!! นำบรอนเซอร์ที่มีประกายชิมเมอร์มาใช้สร้างเงาบนใบหน้าเด็ดขาด เนื่องจากคุณชิมเมอร์เนี่ยพอโดนแสงนางจะเกิด reflection ทำให้มันเปร่งประกายออร่าออกมาเลยนะคะ คือ...ถ้ามันจะฉายแสงขนาดนั้น มันก็ไม่สร้างเงาไงเธอออ สิ่งที่เธออยากจะเก็บซ่อนไว้ มันก็จะเสนอหน้าออกมา
2) ไม่ควรนำบรอนเซอร์ที่มีความสีส้มมากจนเกินไปมาคอนทัวร์หน้าค่ะ เพราะเค้าจะสร้างเงาได้ไม่ดีนัก แถมหน้าก็จะดูส้มๆประหลาดๆอีกต่างหาก
แล้วเราเอาแป้งสีน้ำตาลจาก contour palette มาบรอนซิ่งหน้าได้ไหม?? ก็เช่นเดียวกันนะคะ หากผลิตภัณฑ์ตัวนั้นมีความส้มๆหน่อย เราสามารถนำมาทาให้ผิวดูบ่มแดดได้ แต่ถ้านางมาแบบสีน้ำตาลมากกก ไม่ก็อมเทามาเลย อันนี้เราก็ไม่ควรนำมาบรอนซ์หน้านะคะ แทนที่จะเหมือนไปอาบแดดมา ดันกลายเป็นหน้าดำๆเทาๆ เหมือนโดนของมาได้นะคะ
ดังนั้น ตาลแนะนำว่า ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนแต่งหน้าโปรขนาดที่สามารถแยกแยะสีของผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับสีผิวของตัวเองได้ ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ตามที่คนขายเค้าคิดออกมาแล้วก็มาวางจำหน่ายนะคะ เช่น ถ้าเค้าบอกว่าเป็นบรอนเซอร์ มันก็คือบรอนเซอร์ ถ้าเค้าบอกว่าเป็นคอนทัวร์ มันก็คือคอนทัวร์ ค่าาา
แต่ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้คอนทัวร์ก็ไม่ได้มีเพียงเฉดสีเดียวนะจ๊ะ แต่ละคน แต่ละสีผิว ก็ควรเลือกสีคอนทัวร์ให้เข้ากับสีผิวของตัวเองโดย...
- คนที่มีสีผิวอันเดอร์โทนสีชมพูก็ควรใช้คอนทัวร์ที่ออกโทนเย็น แบบมีความอันเดอร์โทนสีชมพู
- คนที่มีสีผิวอันเดอร์โทนเหลืองควรใช้คอนทัวร์ที่ออกโทนอุ่นๆ มีอันเดอร์โทนสีเหลืองๆ
ภาพข้างล่างเป็นตัวอย่างความแตกต่างระหว่างสีโทนอุ่นและสีโทนเย็นค่ะ จะเห็นได้ชัดเลยว่า ตัวโทนเย็นจะออกสีหม่นๆ เทาๆกว่าตัวที่เป็นโทนอุ่น (ปล.โทนเย็นนี้ตาลปาดมาจาก contour palette ของ Kat Von D นะคะ)
เมื่อเพื่อนๆเข้าใจคอนเซปของคอนทัวร์แล้ว เรามาเริ่มรีวิว Wet n Wild Megaglo Contouring Palette ตัวใหม่กันเลยดีกว่า...
เค้ามีอยู่ด้วยกัน 2 สีนะคะ คือ
1) E7491 Dulce De Leche สำหรับคนสีผิวค่อนข้างขาว (Fair skin)
2) E7501 Caramel Toffee สำหรับคนผิวสองสีถึงผิวเข้ม (Medium to Dark skin)
ทั้งสองพาเลทจะเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อแป้งอัดแข็ง โดยมีช่องหนึ่งเป็นสีสว่าง(ไฮไลต์เนื้อแมต) และอีกช่องหนึ่งเป็นสีน้ำตาลเข้มค่ะ
ที่เห็นชัดๆเลยนะคะ พาเลท Dulce De Leche จะมีความโทนเย็นมากกว่า อีกพาเลทค่ะ สีไฮไลต์นางจะออกเป็นสีวานิลลาครีมๆหน่อย แต่ไฮไลต์ของ Caramel Toffee เค้าจะออกไปทางโทนเหลืองแบบ Banana powder เลย ดูความแตกต่างของสีได้จากสวอชในภาพข้างล่างเลยค่ะ
ตาลรู้สึกว่าทั้งสองพาเลทสามารถใช้กับผิวคนเอเชียได้นะคะ คือตัว Dulce De Leche เนี่ย ถึงแม้นางจะออกไปทางโทนเย็นหรืออันเดอร์โทนสีชมพูมากกว่า Caramel Toffee แต่นางก็ไม่ใช่ว่าแบบ...เย็นมากกกก หรือชมพูเว่อออร์ ขนาดนั้นนะคะ นางมีความลูกครึ่งโทนเหลืองอยู่บ้าง ซึ่งตาลเชื่อว่าคนไทยผิวขาวสามารถใช้ได้ค่ะ ส่วน Caramel Toffee นี้ใช้ได้แน่นอนเพราะอันเดอร์โทนออกสีเหลืองอย่างชัดเจนเลย
เอาละค่ะ ตาลจะมาลองเดโม่ลงบนหน้าจริงให้ดูเลยนะคะ นี่แค่แตะแปรงลงไปเบาๆ ผลิตภัณฑ์ก็ติดมาเยอะมากเลยแหละ ทางที่ดีเคาะเบาๆให้สีส่วนเกินหลุดไปก่อนนะคะ ค่อยนำมาปัดลงบนหน้า ข้อเสียนิดนึงของพาเลทนี้คือ เวลาแตะแปรงลงไปจะมีเศษผงหลุดร่วงออกมาค่อนข้างมากเลยทีเดียว อาจจะทำให้ห้องสกปรกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับคุณภาพและราคาค่ะ
เริ่มจากการสร้างเงานะคะ ตาลใช้สีจากพาเลท Caramel Toffee ที่เป็นโทนอุ่นค่ะ โดยลงตามบริเวณไรผมข้างหน้าผากไล่ลงมาจนถึงกราม (สำหรับใครที่มีหน้าผากค่อนข้างกว้างแบบที่เปร่งประกายวิบวับเวลาโดนแสงเนี่ย ก็เน้นเก็บบริเวณหน้าผากตามแต่สะดวกใจเลยนะคะ) จากนั้นมาที่บริเวณใต้โหนกแก้มค่ะ ตาลจะเริ่มจากด้านบนใบหูไล่ลงมาตามโครงโหนกแก้ม แล้วก็ปัดขนแปรงในแนวตั้งขึ้นค่ะ แต่สุดท้ายพอปัดสีลงไปแล้วตาลรู้สึกได้ถึงความส้มหน่อยๆก็เลยปัดทับด้วยสีจากพาเลท Dulce De Leche ที่ค่อนข้างมีโทนเย็นมากกว่า ซึ่งผลของการผสมสีที่ได้ก็ออกมาโอเคเลยค่ะ
TIP: แนะนำว่าเวลาเฉดดิ้งบริเวณใต้โหนกแก้ม ให้ลากเส้นคร่าวๆจากหางตาลงมาที่โหนกแก้ม แล้วหยุดเส้นทางการปาดสีไว้ตรงจุดนั้นนะคะ อย่าไปไกลกว่านั้นค่ะ ไม่งั้นจะทำให้หน้าแก่ได้นะจ๊ะะ
ตาลจะชอบสร้างเงาบริเวณคางด้วยค่ะ คางจะได้ดูเรียวแหลมดั่งฉีดฟิลเลอร์มา ฮ่าๆๆ ส่วนบริเวณสันจมูก ตาลเลือกใช้สีจากพาเลท Dulce De Leche แบบเดี่ยวๆ ไม่ต้องผสมเลยค่ะ เพราะตาลรู้สึกว่าใช้สีนี้แล้วทำให้จมูกดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
เสร็จแล้วมาลองไฮไลต์กันเลยค่ะ ตาลเลือกไฮไลต์จากพาเลท Caramel Toffee นะคะ เพราะสีนางค่อนข้างเหลืองเลยเข้ากับสีผิวตาลมากกว่า ไฮไลต์แบบแมต(Matte)จะนิยมใช้ทาบริเวณใต้ตาและใต้เงาโหนกแก้มค่ะ แต่จะไม่นิยมใช้ทาบริเวณเหนือโหนกแก้มเท่าไหร่เพราะว่ามันไม่แจ่มเท่ากับการลงด้วยไฮไลต์แบบชิมเมอร์อ่ะนะคะ
DON'T: ข้อห้ามนะคะ!! ห้ามใช้ไฮไลต์แบบมีชิมเมอร์มาลงบริเวณใต้ตาเด็ดขาดนะคะ เพราะมันจะทำให้รอยคล้ำ รอยเหี่ยวย่น และความไม่สวยของใต้ตามันพุ่งพ่านออกมา ดังนั้นใช้ไฮไลต์แบบแมตลงจะดีที่สุดค่าา
สรุปเลยนะคะ... สำหรับตาล ตาลชอบตัวไฮไลต์เนื้อแมตจากพาเลท Caramel Toffee มาก เพราะนางมีความสีเหลืองและเข้ากับสีผิวmediumของตาลได้เป็นอย่างดี ไฮไลต์ใต้ตาแล้วเด้งมากกก
ส่วนเฉดดิ้งตาลรู้สึกว่าสีในพาเลท Caramel Toffee จะออกส้มเกินไปสำหรับสีผิวตาล ก็เลยต้องปัดทับด้วยสีที่มีโทนเย็นกว่าจากพาเลท Dulce De Leche ซึ่งก็ออกมากำลังดีเลยค่ะ แต่ตอนคอนทัวร์จมูกตาลจะใช้เฉพาะสีจากพาเลท Dulce De Leche เดี่ยวๆเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าทาตรงจมูกแล้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
เนื้อผลิตภัณฑ์มีความนุ่มละมุนดีค่ะ ไม่ทำอันตรายต่อผิวพรรณแต่อย่างใด ส่วนราคาก็เบ๊าเบาเบาเบาเว่อร์ แค่ 299 บาท ซึ่งเมื่อทราบราคาแล้ว คุณภาพของนางก็พุ่งพรวดเลยทีเดียว
ดังนั้นใครที่มองหา contouring palette อยู่ หรือใครที่กำลังใช้บรอนเซอร์ที่มีชิมเมอร์และมีความส้มในการคอนทัวร์หน้าอยู่ ก็ไปหาซื้อมาใช้ซะนะคะ
Discussion (12)