Body Positive

พบกับประเด็นมาแรงของสังคม เมื่อผู้คนพยายามจะเชิดชูแนวคิดต่อความงามที่อยู่ภายในและยอมรับรูปร่างในแบบที่แตกต่างโดยไม่จำเป็นต้องพยายามทำตัวให้เหมือนคนดังตามแม็กกาซีน    แต่ในความเป็นจริงแล้ว   เสียงตอบรับกับbody positive นี้มันมีแนวโน้มทีดีขึ้นกว่าแต่ก่อนจริงหรือไม่  หรือยิ่งสร้างความขัดแย้งตามมา      เพื่อนๆชาวจีบันลองมาวิเคราะหฺ์กันสิคะ

Discussion (23)

กรณีที่ขาเม้าต่างบอกว่ามันเป็นตลกร้าย เมื่อเมแกน เทรเนอร์ ถูกทีมงานรีทัชภาพใน MV จนเอวบาง เรียกได้ว่างานนี้เจ้าตัวเสียผีเลยค่ะ  ต้องออกมาขอโทษและยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้


รีทัชแล้วเป็นไง  ใครๆก็ทำ ขนาดนางแบบไซส์ 2 ยังรีทัชให้กลายเป็นไซส์ติดลบ!   แต่ประเด็นมันเกิดเมื่อเมแกนเปรี้ยงมาจากเพลงAll About That Bass ที่เชิดชูความอวบอั๋น เนื้อเพลงยังบอกอยู่เลยว่าช่วยหยุดหมกมุ่นกับนางแบบบนแม็กกาซีนที่โฟโต้ช็อปกันแหลกลาญ  แล้วทีมงานดันมาแต่งภาพให้เธอดูผอมลงซะเอง แถมยังเป็นภาพเคลื่อไหวอีก


เธอยอมรับว่าอายมากจนต้องเอาMV นี้ออก   ถ้าใช้MV ที่ถูกรีทัช เธอถูกจิกว่า 2 มาตรฐานแน่ๆค่ะ   เมแกนยืนยันว่าไม่ได้บอกผ่านให้รีทัชเอวเลย พอรู้ตัว ทีมงานก็ปล่อยMV นี้ออกมา 


นี่แหละคือโลกแห่งความบันเทิง  คุณส่งศิลปินที่เขียนเพลงฮิตเรื่อง body positive ออกมา  แต่ในเพลง Me too ที่พูดถึงความรักในสิ่งที่ตัวเองเป็น  คุณก็รีทัชเธอให้มีหุ่นเหมือนพี่น้องคาร์แดชเชียน


ที่ผ่านมานั้น เธอก็ดูมั่นใจในการแต่งตัวมาโดยตลอด  เชื่อว่าคนที่สองมาตรฐานจริงๆก็โพรดิวเซอร์นั่นแหละ  พยายามจะขายเมแกนในภาพ curvy girl ผู้มั่นใจ  แต่ก็อดไม่ได้ ขอเอาเอวออกสักสามนิ้วเหอะ



 
เราคิดว่า การรณรงค์ไม่ให้ผู้คนตัดสินกันที่รูปลักษณ์เป็น message ทีดีต่อสังคมค่ะ



ตัวอย่างที่ผู้เขียนเห็นมาตลอดจากคนรอบตัว
- คนที่ผอมธรรมชาติ กินได้น้อย ไม่ได้ออกกำลังกายเท่าใด  ไม่มีเดซลลูไลท์และส่วนเกินแม้จะมีลูกสองและอายุสามสิบกว่า
- คนที่ดูผอมแต่ซ่อนส่วนเกินไว้ที่หน้าท้อง  เน้นคุมอาหาร  แต่ถ้าเผลอกินเมื่อไรก็น้ำหนักตัวขึ้นเร็ว
- คนที่น้ำหนักเกินแต่มีปัญหาไทรอยด์จึงลดน้ำหนักยากมาก หรือจะเป็นอีกคนก็เป็นไทรอยด์แต่เป็นอีกตัว  กินเท่าไรก็ผอม บางทีถ้าลืมกินก็จะผอมลงเร็วมากๆ
- คนที่ผอมบางแต่กินยังไงก็ไม่อ้วนเลย แม้จะย้ายไปอยู่ต่างประเทศที่มีของกินชวนอ้วนเยอะก็ตาม  เผาพลาญขับถ่ายดีมาก
- คนที่ออกกำลังจนมีกล้ามเนื้อชัดเจน หุ่นนักกีฬา และกินเยอะมากแบบไม่ห่วงปริมาณ วันไหนกินเยอะก็เข้า gym นาน หรืออกทริปปั่นจักรยานหลายชั่วโมง กินคลีนมั่ง ไม่คลีนมั่งแต่เฟิร์มมาก
- ตัวเราเองอวบมาตลอดชีวิต แต่เคยกระหยิ่มใจว่าไขมันไม่สะสมที่หน้าท้อง  ตัวเล็กเมื่อเทียบกับช่วงล่าง   แต่พออายุเกินสามสิบ พุงก็เริ่มถามหาแล้ว




สิ่งที่ควรรณรงค์ให้กำจัดไปการเอามาตรฐานตัวเองไปโจมตีว่ารูปร่าวของคนอื่นดูไม่ดีแค่ไหนไม่ใช่การถกเถียงกันว่าจะผอมหรืออ้วนดีกว่ากัน    ทำไมคนที่ผอมจะต้องถูกจิกว่าไม่มีส่วนเว้าโค้งสมกับเป็นผู้หญิง  ผู้หญิงต้องอกตู้ม เอวคอกก้นเด้งเท่านั้นหรือถึงจะมีคุณค่า ?  ทำไมสาวร่างใหญ่ต้องถูกมองว่าไม่ทำอะไรนอกจากกินทั้งวัน ชุดสวยๆไม่ได้มีไว้ให้สาวหุ่นอวบอั๋นแต่ต้องเป็นนางแบบไซส์ 2   แต่ดูเหมือนว่าผู้คนมากมายไม่ใส่ใจที่จะรักษามารยาทที่ดูง่ายดายอย่างการเก็บความคิดส่วนตัวไว้กับตัวเองไม่ต้องไปทำร้ายจิตใจใคร




เราขอยกคำพูดของเอมี่ โพเลอร์ สาวคนเก่งแห่งวงการ Comedy มาแล้วกันค่ะ    " Good for her! Not for me"   ถ้าไม่ชอบ ก็เฉยไว้  



เทสส์บอกว่า " ชั้นรู้ค่ะว่าตัวเองอ้วน แต่ผู้คนกำลังหลงประเด็นที่ชั้นพยายามบอกให้ผู้หญิงว่ามันโอเคที่จะรักตัวเองในแบบที่เป็น"  
 
เมื่อพูดถึงเรื่องน้ำหนักตัวว่าสัมพันธ์กับสุขภาพที่ดีหรือไม่  มันเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาตลอด  คุณผู้อ่านน่าจะรู้จัก Tess Holliday นางแบบPlus Size กันดีนะคะ



เคยมีเทรนเนอร์ชาวออสซี่ เคยประกาศตรงๆค่ะว่า มันเยี่ยมไปเลยที่เทสส์รู้สึกดีกับรูปลักษณ์ของตัวเอง อย่างไรก็ดี  เค้าไม่คิดว่าหารโพรโมทตัวเองของเทสส์จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่น  เพราะไซส์นี้ไม่healthy อยู่แล้ว 



เทรนเนอร์เค้าโพสท์ภาพของนางแบบที่ดูผอมแห้งจรนเหมือนป่วยบนรันเวย์มาเปรียบเทียบกับภาพของเทสส์ เพื่อเป็นการเปรียบเทียบว่า ไม่ว่าจะอดอาหารจนผอมเกินไป  หรือปล่อยให้ตัวเองอ้วนนั้นก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กรุ่นใหม่   แต่ในตอนนี้สาวผอมมักจะถูกจิกกัดเพราะการสร้างแรงบันดาลใจจากคนที่มีน้ำหนักเมากเกินเกณฑ์    เค้าไม่ได้พูดถึงการมีกล้ามกน้าท้อง หรือผิวเนียนไร้เซลลูไลท์  แต่สิ่งสำคัญคือสุขภาพ ไม่ใช่เรื่องความสวยงาม   มันน่าเศร้าเพราะคนที่กินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ และไม่ออกกำลังให้ตัวเองแข็งแรงกลับได้รับการเชิดชู 


คนที่ถูกพาดพิงได้ให้สัมภาษณ์โต้กลับว่า  "ชั้นไม่ได้สุขภาพไม่ดีค่ะ พูดแบบนี้มันก็เหมือนการวิจารณ์คนที่ทีผิวคล้ำกว่าหรือคนที่เป็นเกย์ที่ภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง"




สตีฟ มิลเลอร์ นักสร้างแรงบันดาลใจเพื่อการลดน้ำหนักได้ต่อต้านแคมเปญของสาวพลัสไซส์ว่ามันควรจะถูกแบนไปให้หมด


"คนที่สนับสนุนเรื่อง plus size น่าจะตั้งชื่อให้ตัวเองว่าผู้แพร่เชื้อมะเร็งได้แล้ว  การโพรโมทว่าความอ้วนเป็นเรื่องดีที่รับได้มันช่างไร้ความรับผิดชอบและเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งจากมะเร็ง เส้นเลือดในสมองแตก และโรคหัวใจ"



"ถ้ามีการแบนนางแบบที่ผอมเกินไปจากโฆษณาด้วยเหตุผลว่าเป็นตัวอย่างไม่ดีต่อสุขภาพก็ต้องแบนนางแบบอ้วนด้วย"  ชายผู้ถือตนเป็นกูรูด้านการลดน้ำหนักใช้ฝีปากคมกริบจิกกัดแบบไม่ไว้หน้า  เขายังฝากไปที่เทสส์ว่า "อีโก้เรื่องความรักในรูปร่างอ้วนของเธอนั้นจะพาให้คนอื่นตายก่อนวัยอันควร"


อัพไว้ตรงนี้จะมาต่อพรุ่งนี้ค่ะ
พอมีคนจิกให้พวกเธอกินซะมั่ง เดี๋ยวพาไปเลี้ยงเบอร์เกอร์อะไรแบบนี้  ฝาแฝดก็ตอบโต้ด้วยการลิสท์รายการอาหารเพื่อสุขภาพยาวเหยียดตามภาพ



คลีนสุดๆ


ทั้งสองคนเค้าเป็นวีแกน ไม่น่าสงสัยรายการเครื่องปรุงเลยค่ะ



ปกติแล้ว แทบทุกคนก็จะเจอคนที่ผอมมากแบบที่ไม่ได้อดอาหาร กินข้าวตามปกติแต่ก็ไม่อ้วนขึ้น  


ลองมาดูความเห็นที่พวกเธอบอกว่า อ่านแล้วก็ทำให้เจ็บปวดนะคะ