ศึกแห่งความสวย ที่จบไม่สวย! ระหว่าง KAT VON D กับ Jeffree Star!

สวัสดีค่ะสาวๆปูเสื่อรอเลยค่ะ เพราะ issue นี้ ร้อนแรงมากกกกกก

เมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) เชื่อว่าหลายๆ คนคงได้เห็น FB post ข้างบนนี้ที่ post โดย Kat Von D ที่พูดถึงการ "ไม่สนับสนุน Jeffree Star อีกต่อไป พร้อมทั้งขอถอด Everlasting Liquid Lipstick สี Jeffree ที่เธอเคยทำขึ้นให้ตั้งชื่อให้ตาม Jeffree Star"

หลายคนงงเป็นไก่ตาแตกว่า เอ้ย เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆ นางก็ประกาศสงครามกันยิ่งใหญ่ขนาดนี้

มาค่ะ เราจะไล่ดู timeline ความสัมพันธ์ของทั้งคู่และจุดที่ก่อให้เกิดชนวนกัน!

ปล. สำหรับคนที่ไม่รู้จักทั้งคู่ ขอแนะนำทั้ง 2 คนสั้น ตามนี้ค่ะ

KAT VON D - ศิลปินช่างสักสุดแซบเจ้าของร้าน LA Ink ใน LA โด่งดังมาจากงานสักเสมือนจริงและ reality show "LA Ink" ที่เกี่ยวกับชีวิตของเธอ จากนั้นก็ผันตัวเข้าสู่วงการบิวตี้ด้วยการสร้างแบรนด์ KAT VON D Beauty ที่มี product ยอดฮิตหลายตัวเช่น Everlasting Liquid Lipstick, eyeliner, รองพื้นปิดรอยสัก และ contour palette

Jeffree Star - นักร้องที่รักการสักและความสวยงามเป็นชีวิตจิตใจ เริ่มมีแบรนด์เป็นของตัวเองเมื่อไม่นานมานี้คือ Jeffree Star Cosmetics โดยตัวเมคอัพเน้นความสดแน่นปัง พน้อมแพคเกจจิ้งสีชมพูสุดแปร๋น มี product ยอดฮิตคือ Velour Liquid Lipstick

เกริ่นก่อนว่าทั้งคู่เริ่มรู้จักกันช่วงปี 2011 ตอนที่ Jeffree ไปออกรายการ LA Ink ของ Kat เราจะเห็น Jeffree ได้จากหลาย episode เพราะ Kat ถึงกับออกปากว่าช่วงนั้น Jeffree เป็น "best friend" ที่ Kat ปรึกษาได้แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวอย่างเรื่องของความรัก

ปล.ถ้าใครเห็นภาพ Jeffree ที่ Kat ดึงมาใช้ประกอบการประกาศยุติความสัมพันธ์แล้วรู้สึกไม่คุ้น ขอบอกว่ามันมาจากช่วงปีนี้แหละ ช่วงที่ Jeffree หัวสีชมพูสดแปร๊ดเข้ากับสีคิ้วที่เรียวบาง (และปากที่ยังไม่ได้อวบอิ่มเหมือนทุกวันนี้)

แล้วเราก็จะเห็น Jeffree ไปสักกับ Kat อีกหลายรอบมากกก ดูจากลุคของ Jeffree ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ คงพอบอกได้ว่า friendship ของทั้งคู่ยั่งยืนมาหลายปีอยู่

จากนั้น ด้วยความรักในเมคอัพ Kat Von D เริ่มก้าวเข้าสู่วงการบิวตี้ด้วยการเปิดแบรนด์เมคอัพของตัวเองภายใต้ชื่อ KAT VON D Beauty ที่ได้วางขายใน Sephora ด้วยนะ โดย product ของ Kat เน้นแพคเกจจิ้งที่ดู Gothic ลึกลับ มักมาในสีดำพร้อมลวดลายที่คล้ายรอยสัก ส่วน product ที่ขายดี มีหลายตัวมาก อย่าง eyeliner ที่เป็นเหมือนกับ signature ของ Kat อยู่แล้ว หรือจะเป็นรองพื้น คอนซีลเลอร์ที่เด็ดขนาดว่ากลบรอยสักได้มิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่มีอะไรที่ดังและขายดีไปกว่า Evelasting Liquid Lipstick อีกแล้ว บางสีก็ขาดตลาดตลอดเวลา และที่สำคัญ มี 1 สีที่ Kat ทำเพื่อเป็นตัวแทนของเพื่อนรัก โดยใช้ชื่อว่า "Jeffree"

ซึ่งก็แน่นอนว่า "Jeffree" ต้องเป็นสีชมพู เพราะเป็นสี signature ของ Jeffree Star เลยก็ว่าได้ ส่วน Jeffree เอง ด้วยความรักใน makeup เช่นกัน ก็เริ่มมี makeup brand ของตัวเอง

โดย Jeffree Star Cosmetics แน่นอนว่าต้องเน้นสีชมพูอันเป็นสัญลักษณ์ของ Jeffree ส่วนสีสันของผลิตภัณฑ์ก็ต้องแซ่บ แรง สดก็สดหลุดโลก วิ๊งก็วิ๊งกระจุยกระจาย เรียกว่าไม่แน่นไม่ปังไปใช่ทางของแบรนด์นี้

โดย product ขายดี ก็ไม่ต่างกันกับ Kat ค่ะ เป็นตัว Velour Liquid Lipstick หลือลิปจิ้มจุ่มเนื้อแมตเหมือนกัน

โดยในช่วงระหว่างนั้น Kat ก็ทำหน้าที่บริหารแบรนด์ ออกเดินสาย promote เองบ้าง ส่วน VDO ใน Youtube ก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเชิงของความเป็นศิลปินช่างสัก มี VDO ที่เป็น makeup how to บ้างนิดหน่อย โดยส่วนใหญ่เป็นวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ของเธอเอง

เรียกได้ว่า Kat ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวในโลก social มากนัก ออกแนวทำเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้หายไปไหน

แต่ขณะที่อีกฝั่งนึง..

Jeffree ก็ได้ใช้ social media ให้เป็นประโยชน์ โดยแทนที่จะเป็นแค่คนดูแลแบรนด์อยู่หลังบ้านเฉยๆ นางก็ผันตัวเองมาเป็น Youtuber เลยจ้ะ ถ้าสังเกตดูใน Youtube channel จะเห็นเลยว่า 1 ปีก่อนหน้านี้ นางไม่ active เท่าไหร่ มีแค่งานเพลงและเบื้องหลังเท่านั้น

แต่พอผันตัวมาทำ how to และรีวิวอย่างจริงจัง (ช่วง 7 - 8 เดือนให้หลังมานี้) ก็พบว่าประสบความสำเร็จมากกก น่าจะเป็นเพราะลุคที่แน่นปัง production สวยงาม ประกอบกับความตรงไปตรงมาในการแสดงความคิดเห็น ทำให้แต่ละคลิปมีคนดูหลายแสนถึงเป็นล้าน ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะกระจายข่าว brand ของตัวเอง และการสร้าง brand "ความเป็น Jeffree Star" โดยมีการคิดช่วงรายการประจำ เช่น Get Ready With Me ที่จะ featuring กับ Youtuber อื่นๆ

ทำให้ตัว Jeffree Star เอง ก็กลายเป็น online influencer คนนึงที่มีอิทธิพลกับสาวๆ อีกเป็นล้านคน

แล้วนิยายเรื่องนี้ก็ดำเนินมาอย่างสวยงาม ต่างคนต่างขายของตัวเองได้ดิบดี จะกระทั่งเมื่อวานนี้ ที่ Kat ออกมาประกาศผ่านทาง Instagram ว่าขอไม่ยุ่งเกี่ยว และไม่สนับสนุน Jeffree อีกต่อไป พร้อมทั้งจะเลิกผลิตลิปสี Jeffree อีกด้วย

โดย Kat ให้เหตุผลว่า Jeffree น่ะ ทำตัวไม่เหมาะสมเอาซะเลย ทั้งเรื่องการใช้ยาเสพติด การเหยียดผิว และการกลั่นแกล้งคนอื่นทางวาจา

ทำเอาคนอึ้งกันทั่วโลกค่ะ!!

และอีกไม่กี่อึดใจ Kat ก็ post VDO "It's so much easier to do the right thing" ความยาวกว่า 13 นาทีเพื่ออธิบายทุกสิ่ง ตั้งแต่เรื่องที่ Kat เองที่เป็นคนพา Jeffree เข้าวงการบิวตี้ ขนาดตอนที่ Jeffree มาบอกว่าอยากทำ brand ตัว Kat เองนั่นแหละที่เป็นคนพาไปรู้จักกับโรงงานผลิต

ส่วนตัว product ของ Jeffree นั้น Kat เองจะไม่แตะต้องอะไร แต่ถามหน่อยเหอะว่ามัน Vegan และ Cruelty Free (ไม่ทดลองกับสัตว์) จริงหรอ?? (มีแอบตบค่ะ!)

ส่วนประเด็นใหญ่ๆ ที่ Kat พูดถึง มีหลายจุดค่ะ ตามมาดูกัน

Kat บอกว่าจุดแตกหักอยู่ตรงนี้เลยค่ะ คือ Kat เพิ่งมาค้นพบว่า Jeffree ยังไม่จ่ายค่าออกแบบ logo ให้กับ designer แถมนางมีหลักฐานด้วยว่าร่างแบบกันมาแบบนี้ๆ จนมาถึงอันสุดท้ายก่อนที่ designer จะติดต่อ Jeffree ไม่ได้อีกเลย ซึ่งถ้าดูแล้วจะเห็นว่าเป็นตัวย่อ JS ที่อยู่ในดาว แต่ logo ที่เราเห็นอยู่ตอนนี้นั้น เป็น JJ ในดาว

งานนี้ดูเหมือนว่า Jeffree จะเอา draft นี้มาปรับต่อจนกลายเป็นผลงานที่เราเห็นกันอยู่ ที่ประเด็นคือพอ Kat มีการถามถึงเงินค่าจ้างที่ควรจะจ่าย นางกลับบอกให้ Kat "go f* yourself" แล้วก็ block เบอร์ Kat ไปเลยจ้าาาาาา

อีกจุดนึงในตัว Jeffree ที่ Kat ไม่พอใจเอามากๆ ก็คือการว่าแบรนด์คนอื่นแบบเสียๆ หายๆ ไม่ไว้หน้ากัน อย่างตอนที่คลิป Jeffree ด่าลิป Kylie ว่าทำแปรงออกมาไม่ดี อะไรกันเซเล็ปคนดังขนาดนี้ ทำไมทำของห่วยๆ ออกมา ชั้นไม่ใช้หรอกนะ ลิปเธอน่ะมันควรอยู่ในถังขยะมากกว่า!! โอ้ยยยย คนแชร์กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าใครกันนะช่างกล้าาา เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกับบ้านนี้

จากนั้นก็ยังมีอีกหลายแบรนด์ค่ะที่โดน แค่ติดเลเบลผิด ก็โดน Jeffree ด่าซะยับ Kat เลยมองว่าทำไมไม่ให้โอกาสคนอื่นเลย ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ มันเกิดขึ้นได้เสมอแหละ

"Drug Use" เรื่องของเรื่อง คือ Jeffree นางเปิดเผยเติมตัวว่าเป็นคนสูบกัญชา (ที่อเมริกา การสูบกัญชาถูกกฎหมายนะคะ) แถมชอบมากจนปลูกเองเลยด้วย ไม่พอค่ะ นางมีการรีวิวผลิตภัณฑ์สำหรับนักสูบ แถมยังใช้โชว์ในคลิปของตัวเองด้วย ซึ่ง Kat มองว่า "มันไม่เหมาะสม"

และเรื่องสุดท้ายที่ทำให้ Kat จี้ดดดดด จนทนไม่ไหวก็คือ "การอวดรวย" ไม่ว่าจะเป็นรายการ Get Ready with Me in My Rolls Royce ที่ดูยังไงก็เป็นการอวดรวยชัดๆ แถมการพะแบรนด์เนมทั้งตัว ถือ Hermes Birkin ที่มหาแพง

แต่ไม่ยอมจ่ายเงินให้ designer เนี่ยนะ??

และนี่ก็คือสิ่งที่ Kat ต้องการจะสื่อสารIt's so much easier to do the right thingมันง่ายกว่ากันเยอะเลยกับการทำสิ่งที่ถูกต้องน่ะ!

แล้ว Kat ก็ยังออกมาขู่ด้วยนะ ว่า

"Jeffree.. เราคุยกันเมื่อวันเสาร์ อยากจะดู screenshot ที่เธอบอกให้ชั้นไสหัวไปหลังจากที่ชั้นขอให้เธอจ่ายเงินค่างานที่เธอขโมยไปใช้ไหมล่ะ?

แหม่ แล้วคนจริงอย่าง Jeffree มีเหรอจะอยู่เฉยๆ?นางก็ออกมาทวิตรัวๆ เลยทันที

ตั้งแต่บอกว่า

"คนไม่ได้เจอกันเป็นปีๆ อยู่ดีๆ นางอยากจะมาพูดถึงชั้นหรอ?? หาวแป๊บบ"

"ชั้นกับ Kat เพิ่งส่งข้อความหากันเมื่อวันก่อน หลังจากที่ไม่ได้คุยกันกว่า 6 เดือน นางก็ไม่เคยมาสนับสนุนชั้นหรือแบรนด์ของชั้นหรอกนะ แล้วนางก็ตีตัวออกห่างมาตั้งแต่ชั้นเริ่มมีแบรนด์ของตัวเองแล้วหละ"

...อ้าว ยังไงกันล่ะครับท่านผู้ชม เมื่อ Jeffree บอกว่า Kat ไม่เคยสนับสนุนอะไร ทั้งที่ Kat บอกว่า ชั้นน่ะ ช่วยมาตั้งแต่ต้น และนั่นก็เป็นสิ่งที่ชั้นอยากกลับไปแก้ไขมากที่สุด คือชั้นจะไม่แนะนำให้เธอรู้จักกับโรงงานนี้!!

"สิ่งที่นางพูดมามันไม่จริงเลยจ้ะ ชั้นก็แค่บอกให้นางไสหัวไป แล้วชั้นก็บล็อคเบอร์นาง เรื่องมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้มีเรื่องอะไรน่าติดตามหรอกนะ โทษที"

"โอ้ย เรื่องนี้มันชักจะเศร้าและน่าขยะแขยงขึ้นทุกที ชั้นคงไม่ลุกขึ้นมาทำ VDO อะไรเกี่ยวกับ post นั้นหรอกนะ น่าเบื่อ"

"แทนที่พ่นความคิดแย่ๆ และก่อสงครามออนไลน์ กัน ชั้นจะกลับไปสู่โลกแห่งความจริงและมีความสุขกับวันดีๆ ของชั้นละนะ จุ้บๆ"

...พูดแบบนี้เหมือนนางจะจบสวย สงบศึก ความเป็นจริงนี่ยังตอบกลับ comment ใน IG รัวๆ นะจ๊ะ เรียกได้ว่า ด่ามาด่ากลับไม่โกงเลยค่ะ!!

และในวันเดียวกัน

การตอบกลับของ Jeffree ที่จะต้องทำให้ทุกคน อึ้ง!!

เพราะนางประกาศว่า "ทุกเรื่องมี 2 ด้านเสมอ ความจริงจะถูกเปิดเผยวันนี้..."

โอ้ยยยยยเรื่องนี้จะจบยังไง ใครจะพูดจริงใจ หรือไก่กา รอดูต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่าาาาา

-------- มาแล้วววว กลับมา update กันต่อค่าาา -------

ฝั่ง Jeffree ที่ทิ้งท้ายไว้ว่ามี "เรื่องจริง" จะเล่าให้ฟัง นางก็ไม่ให้รอนานค่ะ รัวทวิตมาไม่ให้เราหายใจหายคอ ตั้งแต่

"ชั้นจ่ายเงิน BJ เรียบร้อยแล้วนะจ้ะที่ช่วยชั้นออกแบบโลโก้"

แถมยังดึงทวิตของ BJ Betts ออกมายืนยันด้วยว่า BJ ก็รับรู้แล้ว และ BJ เองไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก

"เรื่องส่วนตัวของเราก็ไม่ควรทำให้เป็นเรื่องสาธารณะมะ โปรดเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา (BJ) บ้างเถอะ"

และอันนี้ที่เด็ดสุด...

"ชั้นจะเปิดเผยความจริงและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอีก 1 ชั่วโมง"

อร้ากกกก สั่นนนน รอด้วยใจระทึก!!!

และแล้วนางก็โพสต์ VDO ความยาวกว่า 23 นาทีเพื่อเล่าเรื่องราวทุกอย่าง

เรื่องความสัมพันธ์ที่แตกหัก ตัว Jeffree เองก็งงว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Kat? ทำไมเพื่อนรักถึงเปลี่ยนไป? เรื่องนี้เกิดขึ้นใน text message ค่ะ เมื่อความสัมพันธ์ก็ดำเนินมาเรื่อยๆ แต่พอชีวิตทั้งคู่ยุ่งเหยิง ไม่ได้มีโอกาสเจอกัน การส่งข้อความหากันจึงเป็นการติดต่อเพียงอย่างเดียว ทั้งคู่ก็คุยกัน ทักทายกันบ้างตามปกติ จนเมื่อปลายเดือนกุมภา Jeffree ขอไปถ่ายรายการตอนที่ให้ Kat สักให้ แต่ฝั่ง Kat กลับเงียบหายไปเลย จากนั้น 2 สัปดาห์ก่อนหน้าเหตุการวันนี้ Jeffree ได้รับเชิญไปงานของแบรนด์ Too Faced แต่พอ Jeffree ไปถึงเจอคนตำแหน่งใหญ่ใน Too Faced เข้ามาคุยด้วยแกมปรึกษา ว่าตอนนี้ Too Faced มี project ที่ collab กับ Kat แต่เชื่อไหมว่านัดนางมาถ่ายงานตอน 10 โมงเช้า นางมาเอาบ่าย 2 โน่นน Jeffree ฟังแล้วยังอึ้ง เพราะ Kat ที่เคยรู้จักไม่เคยเป็นแบบนี้นะ! ที่เด็ดกวานั้น คุณคนนี้ยังเล่าต่ออีกว่า Kat มาเล่าให้เจ้าของ Too Faced ฟังว่า Jeffree พยายามที่จะขโมยงานของ Kat จากที่ lab ที่ทั้งคู่ใช้ร่วมกัน ฟังอย่างงี้ Jeffree ก็โกรธมากกกก แต่นางก็พยายามใจเย็น และไม่ตอบโต้อะไร จน Kat ส่งข้อความมาทวงเงินค่า logo ของ BJ Betts นั่นแหละ Jeffree ก็เลยโกรธจัด และตอบกลับไปเป็นชุด พร้อมลงท้ายว่า "stay the f* out of my business" (ช่วยอยู่ห่างๆ เรื่องของ gu เถอะ!) ซึ่งมันคนละเรื่อง คนละความหมายกับที่ Kat บอกเลยนะเนี่ย!! (go f* yourself, fuck off - ไสหัว mung ไป, ไปตายซะ!)

แต่ถึงอย่างงั้น Jeffree ก็ยังขอบคุณ Kat ในความเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอด แต่ไม่ได้หมายความว่า Kat สนับสนุนแบรนด์ของ Jeffree นะ เพราะนางไม่เคยสนับสนุนเลย! ที่บอกว่าแนะนำให้รู้จักกับโรงงานน่ะ คือ Kat แค่ยื่น sample ที่ผลิตที่โรงงานนั้นให้ แล้วก็บอกให้ Jeffree ไป Google และหาทางติดต่อเอาเอง!! อกอีแป้นนน

ส่วนเรือง logo นางเล่าว่า ตอนที่เริ่มทำ brand ตอนนั้นมีเงินไม่มากนัก เพราะเลิกทำงานเพลงแล้ว แถมยังตัวคนเดียวเพราะเลิกจ้างผู้จัดการและทนายความทั้งหมด ขนาดใช้เงินที่มีทั้งหมดก็ยังไม่พอในการสร้างแบรนด์ตัวเอง ตอนแรก Kat ก็เอ่ยปากว่าจะช่วยลงทุนให้ และจู่ๆ Kat ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย จน Jeffree ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเพื่อน จึงได้ผลิต Velour Liquid Lipstick 3 สีแรกในที่สุด และเพราะเริ่มด้วยความมีทุนจำกัดนี่แหละ พอ Kat แนะนำคนทำงาน design อย่าง BJ Betts มาให้ ตอนแรกก็คุยกันว่าจะให้ออกแบบ packaging เลยไหม แต่ Jeffree ขอดูแค่ logo ก่อน ซึ่งพอ BJ Betts โควตราคาทำงานทั้งหมดออกมา Jeffree ก็ต้องขอยกเลิกการทำงานเพราะตอนนั้นนางไม่มีเงินจ่ายขนาดนั้น สุดท้าย Jeffree ก็ไปได้คนที่เคยช่วยออกแบบเสื้อผ้าแบรนด์ Beauty Forever ของนางมาช่วยออกแบบให้ ส่วนความคล้ายคลึงกันของ logo ที่ BJ วาดขึ้นและอันปัจจุบันที่ใช้อยู่นั้น นางยอมรับว่าคล้าย แต่ไม่ได้ขโมย เพราะชื่อนางยังไง logo ก็ต้องมีรูปดวงดาวอยู่แล้ว ส่วนที่เป็นตัว J 2 ตัวหันหลังชนกันในดาว ก็เพราะนางชอบ logo ที่ classic แบบ GUCCI, CHANEL ต่างหาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Jeffree พูดหนักแน่น ว่าได้มีการจ่ายเงิน BJ Betts แล้ว ในเรื่องที่เข้ามาช่วยตั้งแต่เริ่มต้น และ inspire ผลงานให้ >> จุดนี่แอบมีการว่า Kat นิดหน่อยว่า ไปพูดแทนคนอื่นเพื่ออะไร เจ้าตัวเค้ายังไม่เดือนร้อนเลย เค้าไม่เคยคิดว่า Jeffree ขโมยงานเค้าเลยด้วยซ้ำ!!

และสุดท้ายเรื่อง drug use อันนี้ Jeffree เล่าเรื่องฝั่งตัวเองได้เหมือนกับเป็นการตบหน้า Kat ดังฉาดเลยทีเดียว เพราะตัว Jeffree เองชี้แจงว่าตัวเองใช้กัญชาในเชิงการบำบัด คือสูบเพื่อผ่อนคลาย แล้วมันเสียหายตรงไหน?? ยาเสพติดอย่างโคเคน หรือยาแรงๆ อื่นๆ Jeffree ไม่เคยใช้เลย ในขณะที่ Kat น่ะ เคยเป็น "hardcore drug user" มาก่อน จนเพิ่งมาคลีนได้ไม่นานมานี้ ด้วยแรงสนับสนุนของ Jeffree เองนี่แหละที่อยากให้เพื่อนเข้มแข็งเพื่อเลิกยา ซึ่งพอ Jeffree ได้ยินจากปาก Kat แบบนี้ ขอบอเลยว่า "hurt" จริงๆ ค่ะ

ซึ่งการชี้แจงทั้งหมดนั้น Jeffree พูดได้ดี ละเอียดทุกจุด และควบคุมอารมณ์ได้ดีมากๆ ดูแล้วรู้สึกได้เลยว่านางเคยรักเพื่อนคนนี้มากกกกกก จริงๆ

 

จากนั้น Kat ก็ยังไม่จบค่ะ ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่อง BJ Betts -_-' อะไรกันนักหนา

"Jeffree, ช่วยเห็นแก่หน้าตัวเองแล้วเลิกโกหกซะที BJ บอกชั้นว่าเธอเพิ่งจะติดต่อเค้าไปหลังจากที่ชั้นโพสต์ VDO ขึ้นไปได้ชั่วโมงนึง..."

"เรื่องมันยังไม่ "จบ" หรอกนะ มันจะยากแค่ไหนกันเชียวกะอีแค่ขอโทษ ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง แล้วเดินหน้าต่อไปซะที?"

งานนี้ดู Kat ยังไม่อยากให้จบง่ายๆ ซะแล้ว...

ในขณะที่ Jeffree ก็อยากจบเรื่องนี้ซะที (ถึงกับต้องปิด comment VDO ที่ชี้แจงไป เพราะไม่อยากให้ใครมาไฝว้กันต่ออีก) เพราะวันนี้นางมีเปิดตัว summer collection จ้าาา

ซึ่งก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่า น่าแปลกนะที่มาเกิดดราม่าเอาช่วงที่ Jeffree กำลังจะปล่อย product ใหม่ คงมีไม่กี่คนหรอกนะที่จะสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่โดยไม่มีความอิจฉาเลย..

อูยยยยยย มีความเป็นชนวน เพราะ Jeffree ก็ retweet ด้วยค่าาาาา 

Jeffree ที่ดูเหมือนจะปล่อยวางก็ยังมีการตอบกลับด้วย screenshot ที่ Kat เคยพูดถึง >>> ซึ่งสึดท้ายนางลบรูปออกไปค่ะ

แต่ เราหามาได้!! 

ซึ่งจริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพราะเป็นสิ่งที่ Jeffree เล่าอย่างละเอียดไว้ใน VDO หมดแล้ว

 

สุดท้าย Jeffree ก็ขอปิดคดีนี้ปล้วกลับไปทำตัวสวยๆ เหมือนเดิมดีกว่า ซึ่งนั้นก็เป็นทวิตสุดท้ายที่นางพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ

เอ... หรือเรื่องจะจบจริงๆ??

เพราะนี่ก็คือสิ่งสุดท้ายที่ Kat โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน

"โชคดีกับทุกสิ่งนะ peace!"

จะพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือประชด หรือยังไง ตอนนี้ไม่มีใครรู้ค่ะ แต่เอาเป็นว่า ดราม่านี่เราต้องฟังความทั้ง 2 ฝ่ายจริงๆ เพราะหลายๆ ครั้ง พูดกันอย่างกับหนังคนละม้วน!

เอาล่ะสาวๆ ดราม่านี้เผ็ดร้อนเหลือเกิน ในใจลึกๆ ก็อยากให้เรื่องนี้จบสวยนะ เพราะดูเหมือนเป็นความเข้าใจผิดกันไปหมด แต่ยังไงก็แล้วแต่ เสพดราม่ากันอย่างห่างๆ นะคะ อย่าอ่านจนไม่หลับไม่นอนเหมือนกับคนเขียนนี่... เอ้าตี 4 แล้ว ไปนอนล่ะ บัยยยส์

Discussion (37)

อื้อหือเพิ่งรู้นะเนี้ย มาไม่ทันล้าว

เผ็ชชชชค่ะ


ยังไงก็ไม่ใช้เจฟ เพราะลิปแย่ QC ต่ำมาก
สีRoseเราได้มา ปลอกลิปปิดไม่สนิท 
พอหมุนปิดแล้วก็หลุดออกมาเองอีก
แรกๆคนก็เห่อ หลังๆเห็นขายทิ้งกันหมด
อายแชโดวก็ไม่ได้ดีเลิศ 
แถมตัวเจ้าของแบรนด์ก็ชอบดูถูกคนอื่นอีก
เวลาสินค้าตัวเองโดนตำหนิ ตามไปด่าเขาเสียๆหายๆ
แต่พอตัวเองไม่พอใจใคร ทำกับเขาซะไม่มีชิ้นดี
ไม่ค่อยชอบคนแบบนี้เท่าไหร่
แล้วพอใช้เองเจอปัญหาเลยยิ่งไม่ใช้เลยทีนี้

ถึงพริกถึงขิงลามไปเตรื่องแกงมากกกก 

โดยรวมแล้วขอเผือกอย่างเงียบๆล่ะกัน แต่จริงๆคือ เจฟ นิกและแมน เป็นบิวตี้ที่เราไม่เลือกดูนะ เรารู้สึกว่าไม่โอเคกับนาง และภาษาที่นางใช้ และคงไม่ใช่แนวที่เราดูด้วย