รีวิว CUSHION MAYBELLINE & L'OREAL
tangmomomotaro1812สวัสดีค่า วันนี้จะมารีวิวคุชชั่นสองตัวที่ราคายังไม่แพงมากและหาซื้อง่ายๆได้ตามดรักสโตรจะเป็นยังไงไปชมกันเล้ยยยย!! ^0^ปล.ถ้าหากข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ หน้าตาของคุณพี่ทั้งสองคน!!!
ด้านซ้ายคือ Maybelline Super BB Cushion SPF29/ PA+++ซึ่งทางเบรนเคลมมาว่า เป็นคุชชั่นที่เพียงแตะเบาๆก็ให้การปกปิดสูงเทียบเท่ากับการใช้บีบีทั่วไป 1. อำพรางรูขุมขนและจุดบกพร่องบนใบหน้าได้อย่างเรียบเนียน 2. ช่วยบำรุงให้ผิวดูชุ่มชื้นแลดูเป็นธรรมชาติ 3. ป้องกันผิวหน้าจากรังแสงยูวีบีและยูบีเอ ปริมาณ 14 กรัม หลังจากเปิดใช้อยู่ได้ 12 เดือน
ส่วนด้านขวาคือ L'oreal Lucent Magique Cushion Lumiere SPF 29/ PA +++ ตัวนี้ทางแบรนเคลมมาว่า เพื่อผิวฉ่ำวาว เปล่งปลั่งดูมีออร่า เพิ่มมิติให้ผิวกระจ่างใสมีน้ำมีนวล 1. ช่วยให้ผิวกระจ่างใสดูมีออร่า 2. ผิวเย็นสดชื่นอย่างมหัศจรรย์ ปริมาณ 14 กรัม หลังจากเปิดใช้อยู่ได้ 12 เดือน
ด้านเมเบอลีนรุ่นนี้รู้สึกจะเอาเข้าไทยมา 2 สีนะคะ มี 02 light กับ 03 naturalซึ่งแน่นอนว่าโมใช้สี 03 natural เพราะว่า 02 ค่อนข้างจะขาวกว่าหน้าโมไป 1 เฉด คือจริงๆถ้าใช้ก็น่าจะใช้ได้ ส่วน 03 ก็ยังเข้มกว่าสีผิวโมไป 1 เฉด ก็เลยยืนชั่งใจ อืม เอาฟะ ยังไงก็ยังดีกว่าหน้าเทา หน้าลอย ก็เลยตัดสินใจหยิบ 03 มาแทน 555555+ ราคาตัวนี้ตอนที่โมซื้อมาคือช่วงลดราคา 449 บาท
ส่วนลอรีอัลก็เอาเข้าไทยมา 2 สีเช่นกัน รู้สึกว่าอีกสีนึงคือ R2 rose miracle จะออกไปทางโทนชมพูน่าจะเหมาะสำหรับสาวๆที่มีผิวขาวอมชมพู ส่วนสีที่โมใช้คือ N3 nude miracle ก็ยังถือว่าไม่ขาวมาก สีผิวโมจะอยู่ประมาณ nc 30 ของ mac นะคะ ถ้าช่วงไหนคล้ำลงก็จะอยู่ที่ nc 35 ไม่เกินนี้ ราคา 649 บาท มีรีฟิลให้ซื้อแยก 479 บาท ไหนเปิดดูหน้าตาข้างในหน่อยซิ!!
แพคเกจจิ้งสวยงามมมมม ทั้ง 2 ยี่ห้อเลย แต่ตินิดนึงเรื่องเเพคเกจจิ้งของทางลอรีอัล คือเวลาเราจับใช้จับเเล้วเป็นรอยนิ้วมือบนตลับง่ะ ต้องคอยเช็ด ส่วนทางตัวเมเบอลีนนี่จับแล้วด้านบนตัวตลับไม่เป็นรอยนิ้วมือนะคะ แต่ถ้าใครไม่มายด์เรื่องรอยนิ้วมือก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เอาล่ะมาดูข้างในกัน!!!
ส่วนตัวโมคิดว่าตัวเมเบอลีนเนี่ยเวลากดจะให้เนื้อคุชชั่นออกมาเยอะกว่าลอรีอัล ฟองน้ำทั้งสองตัวเป็นสีขาวเหมือนกัน ส่วนวิธีใช้คุชชั่นก็คือค่อยๆแทป กดๆลงบนผิว จนกว่าจะเนียน คือช่วงนี้รู้สึกว่าคุชชั่นมันง่ายไง แบบหยิบมาแตะๆแทปๆบนหน้าก็เสร็จเเล้วประหยัดเวลาลงรองพื้นไปได้เยอะ แต่ก็เหมาะกับวันสบายๆ
ทั้งสองตัวนี้ไม่หนักหน้ามาก เบาสบายผิวดีแต่ถ้าวันไหนที่ต้องไปงานไปธุระ ยังไงก็ต้องพึ่งรองพื้นอยู่ดี เพราะสองตัวนี้ไม่ได้คุมความมันเท่าไหร่นะคะ ทาแล้วจะให้ลุคผิวฉ่ำๆ ถ้าใครเป็นสาวผิวมันแต่อยากหน้าฉ่ำแบบสาวเกามั่งก็คงต้องใช้ไพร์เมอร์ที่ช่วยควบคุมความมันเพิ่มนิดนึง ระหว่างวันมีเลือนหายไปบ้าง แต่สามารถพกไปเติมระหว่างวันได้ ไม่เป็นคราบ
ปล.ลอรีอัลพัฟจะสภาพเยินหน่อยเพราะใช้จริง จริงๆตัวนี้เข้าไทยมาพอสมควรแล้วแต่โมรอรีวิวพร้อมกันกับตัวเมเบอลนีไง พอเห็นว่าเมเบอลีนเข้าไทยแล้วก็เลยจับมารีวิวพร้อมกันซะเลย เดี๋ยวเรามาดูระดับความปกปิดของทั้งสองตัวนี้กัน!!
โมใช้อายไลเนอร์กับดินสอเขียนคิ้ววาดแทนพวกจุดด่างดำต่างๆนะคะ เพื่อที่จะดูว่าสองตัวนี้จะสามารถปกปิดได้ขนาดไหนกันนะ?!!
ฝั่งซ้ายคือลอรีอัลจะเห็นได้ชัดว่า ลอรีอัลจะไม่ค่อยปกปิดเท่าไหร่ ทาแล้วจะให้ความเป็นผิวมากๆมากจนไม่ปกปิดไรเลย TT สาวๆคนไหนที่มีจุดด่างดำหรือรอยสิวหนักๆคงต้องพึ่งคอนซิลเลอร์เอาเฉพาะจุดค่ะ ส่วนใครที่ผิวดี ไม่มีจุดด่างดำอะไร ก็น่าจะชอบตัวนี้นะ แต่ข้อดีคือทาลงไปแล้วเหมือนเราลงเบสมากกว่า มันเบาบาง แล้วก็กลืนไปกับผิวได้ค่อนข้างดี
ส่วนฝั่งขวาคือเมเบอลีน จะเห็นว่าตัวเมเบอลีนเนี่ย จะให้ความปกปิดได้ดีกว่าตัวลอรีอัล ทาไปแล้วก็ยังเป็นผิว ดูฉ่ำๆ แต่ก็ยังคงปกปิด ตัวนี้ถ้าใครไม่ได้มีปัญหาจุดด่างดำรอยสิวมากก็น่าจะใช้ได้เลย แต่ถ้าใครมีจุดด่างดำรอยสิวก็คงต้องพึ่งคอนซิลเลอร์ไปตามระเบียบ
ก็จบไปแล้วนะคะกับการรีวิวของโม หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับสาวๆที่กำลังสนใจได้น้า บะบายยยย :)
Discussion (12)