Laser VS IPL โดยนศ.ป.เอก วิศวกรรมการแพทย์ (เจ้าเก่าค่ะ)

สวัสดีเพื่อนๆชาวจีบันทุกท่าน  คุกกี้คนเดิม ที่เพิ่มเติมคือข้อมูลนะคะ 5555  วันนี้มีตอนใหม่มานำเสนอค่ะ เชื่อว่าคงถูกใจหลายๆคนที่กำลังสนใจอยู่  หลังจากเขียนไปชุดแรก มีคนสอบถามเรื่อง IPL กันเข้ามามากมาย  วันนี้มาส่งต่อให้ทุกๆท่านได้อ่านกันค่ะ    จุกประสงค์เพื่อนำความมรู้มาเผยแพร่เป็นประโยชน์กับสาธารณชนค่ะ  ถ้ามีผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยนะคะ  ติดตามได้ที่เดิมค่ะ  www.facebook.com/laserbycookie  

Laser VS IPL  ■IPL คืออะไร? ย่อมากจากอะไร?

IPL คือ แสงที่มีความเข้มสูง ย่อมาจากคำว่า Light pulse intensity  ■คุณสมบัติที่ต่างไปจากแสงเลเซอร์คือ

1.IPL ให้กำเนิดแสงที่มีความยาวช่วงคลื่นหลายๆช่วงคลื่นออกมาพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ในขณะที่เลเซอร์จะให้กำเนิดแสงแค่ความยาวคลื่นเดียว

2.แสงของ IPL เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่แตกต่างกัน ใขขณะที่เลเซอร์เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียว

3.IPL มีการกระเจิงแสงมาก ในขณะที่เลเซอร์แทบไม่มีกระกระเจิงเลย แสงพุ่งออกไปเป็นเส้นตรง  ■ ช่วงความยาวคลื่นของ IPL อยู่ที่เท่าไหร่ ต่างกับเลเซอร์หรือไม่?

ช่วงคลื่นที่ IPL ปล่อยออกมาจะอยู่ประมาณที่ 515-1200 นาโนเมตร ซึ่งปล่อยออกมาหลายๆความยาวคลื่นพร้อมกัน ต่างกับเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาแค่ความยาวคลื่นเดียว (ความยาวคลื่นของเลเซอร์ขึ้นอยู่กับตัวกลางในการผลิตแสง เครื่องเลเซอร์แต่ละชนิด ความยาวคลื่นไม่เท่ากัน)  ■ แสง IPL ที่ปล่อยออกมาสามารถใช้ได้เลยหรือไม่?

แสงที่ปล่อยออกมา หากจะนำมาใช้จะต้องทำการกรองให้ได้ความยาวคลื่นที่ต้องการก่อน โดยมีอุปกรณ์พิเศษที่ทำหน้าที่คัดกรองแสงที่ไม่ต้องการออกไป นั่นคือ กระจกกรองแสงหรือเรียกศัพท์ทางเทคนิคว่า cutoff filter เมื่อผ่านการกรองแล้ว จะเหลือแสงแค่เฉพาะช่วงความยาวคลื่นที่ต้องการ จากนั้นแสงในความยาวคลื่นแค่เฉพาะช่วงที่เหลือนี้จะถูกส่งมายังผิวหนัง

**ถ้าหากไม่กรอง แล้วแสงทั้งหมดจะออกมาพร้อมๆกัน อาจทำให้อุณหภูมิที่ผิวหนังสูงขึ้นอย่างมาก และอาจทำให้เกิดการไหม้ได้  ■ cutoff filter คืออะไร?

cutoff filter คือ อุปกรณ์ช่วยกรองแสง ให้เหลือแต่ในช่วงความยาวคลื่นที่ต้องการ ระบบ filter ที่ใช้กับเครื่อง IPL มีสองชนิดคือ Dielectric filter และ Fluorescent filter  ■ IPL ใช้ cutoff filter แล้วเลเซอร์ต้องใช้หรือไม่?

คำตอบคือ เลเซอร์ให้กำเนิดแสงแค่ความยาวคลื่นเดียว ซึ่งต่างกับ IPL ที่ให้กำเนิดออกมาพร้อมกันทีเดียวตั้งแต่ 515-1200 นาโนเมตร จึงไม่มีความจำเป็นที่เลเซอร์จะต้องใช้ cutoff filter กรองอีก เพราะมีแค่คลื่นเดียว  ■สิ่งที่ต้องพิจารณาในการรักษาด้วย IPL คือ

1.ใช้ cutoff filter กรองที่ความยาวคลื่นช่วงไหน (ความยาวแต่ละช่วง เหมาะกับการรักษาโรคแต่ละโรคต่างกัน)

2.พลังงานเท่าไหร่

3.pulse mode แบบไหน

4.delay time (ช่วงเวลารอระหว่างแต่ละพัลส์) คือเท่าไหร่

*ตรงนี้ถ้าเราไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ แพทย์จะเป็นผู้ปรับค่าให้เหมาะสมกับเราตามประสบการณ์การรักษาของแพทย์ค่ะ  ■IPL สามารถใช้รักษาได้อย่างไร? มีกลไกอะไรบ้าง?

ถึงแม้ว่าคุณสมบัติของคลื่นแสงจาก IPL จะมีความแตกต่างจากเลเซอร์ แต่กลไกการทำงานมีลักษณะเดียวกัน

สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ ตอนที่9 ค่ะ

link: https://web.facebook.com/laserbycookie/posts/915413195224595  ■IPL สามารถใช้รักษาอะไรได้บ้าง?

IPL สามารถใช้รักษาโรคหรือปัญหาทางผิวหนังได้อย่างหลายหลาย เพราะมีหลายความยาวคลื่นในแสงเดียว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ชนิดของกระจกกรองแสง (cutoff filter) ให้ถูกต้องเหมาะสมกับข้อบ่งชี้สำหรับปัญหาแต่ละชนิด โรคที่ IPL สามารถรักษาได้คือ 

ความผิดปกติของสีผิว (pigmentary disorder), ความผิดปกติของหลอดเลือด (vascular lesions), การทำให้อ่อนเยาว์ขึ้น (photorejuvenation), การรักษาโดยวิธีโฟโตไดนามิก (photodynamic therapy), แผลเป็น (scars), การกำจัดขน

***จะขอเน้นในเรื่องของ การรักษาความผิดปกติของเม็ดสีผิวและเรื่องการกำจัดขนนะคะ เนื่องจากมีคนถามถึงเครื่อง IPL ที่สามารถรักษาได้เองที่บ้านได้ ซึ่งเครื่องนี้เค้าเคลมว่าสามารถรักษาฝ้ากระ และกำจัดขนได้ค่ะ  ■■■■ การใช้ IPL รักษาความผิดปกติของสีผิว ■■■■  ■ความผิดปกติสองสีผิวมีกี่แบบ?

ความผิดปกติสองสีผิวมีสองแบบค่ะ

1.รอยคล้ำที่เกิดจากเมลานิน(เม็ดสี)ที่สะสมมากกว่าปกติในผิวหนังชั้นนอก (epidermis) epidermal pigmentary disorders

ไดแก่ freckles กระ, solar lentigo กระแดด, epidermal type melasma ฝ้าชนิดตื้น

2.รอยคล้ำที่เกิดจากเมลานิน(เม็ดสี)ที่สะสมมากกว่าปกติในผิวหนังชั้นใน (dermis) dermal pigmentary disorders

ได้แก่ Nevus of Ota ปานดำ, acquired bilateral nevus of Ota-like macules กระลึก, dermal type melisma ฝ้าลึก  ■IPL สามารถรักษารอยคล้ำแบบไหนได้บ้าง? และรอยคล้ำจะหายไปถาวรเลยหรือไม่?

การรักษาด้วย IPL มักจะได้ผลเฉพาะรอยคล้ำชนิดที่เกิดจากเมลานินสะสมมากกว่าปกติในผิวหนังชั้นนอก คือพวกกระและฝ้าตื้นๆ เพราะ IPL สามารถกำจัดได้แค่เซลล์หนังกำพร้าที่มีเม็ดสีเมลานินผสมอยู่ (melanin containing keratinocyte) แต่ไม่สามารถกำจัดเม็ดสีเมลานิน หรือเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte)ได้โดยตรง จึงทำให้เซลล์เมลาโนไซต์ยังคงสร้างสีเมลานินขึ้นมาใหม่ เราจึงต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับทา whitening และครีมกันแดด เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ  ■หลังการรักษาด้วย IPL จะมีอาการอย่างไรบ้าง?

ภายหลังการรักษา บริเวณผิวหนังที่ทำการรักษาจะมีลักษณะแดงระเรื่อ ผู้รับการรักษาอาจมีอาการหน้าแดงและรู้สึกร้อนเล็กน้อยหลังการรักษาและจะหายไปเองประมาณ 20-30 นาที รอยคล้ำจะมีสีเข้มขึ้น ตกสะเก็ดและค่อยๆหลุดไป (เซลล์หนังกำพร้าที่มีเม็ดสีเมลานินผสมอยู่ถูกทำลายและหลุดออกไป) หลังจากหลุดไปรอยคล้ำจะจางลง (รอยคล้ำบางตำแหน่งอาจแค่จางลง แต่ไม่หายไปทั้งหมด)  ■ควรทำบ่อยแค่ไหน?

ควรทำการรักษาติดต่อกันหลายครั้งจึงจะได้ผลดี โดยเฉลี่ยประมาณ 3-5 ครั้ง ห่างกันทุก 3-4 สัปดาห์  ■ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?

อาการระคายเคือง แสบแดง อาการไหม้ ตกสะเก็ด รอยคล้ำหรือรอยด่างขาว และแผลเป็นนูน ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้หากทำการรักษาไม่ถูกวิธี  ■■■ การกำจัดขน (treatment of unwanted hair) ■■■  ■กลไกของการกำจัดขนด้วย IPL

กลไกของการกำจัดขนด้วย IPL เป็นกลไกเดียวกันกับเลเซอร์ สามารถอ่านได้ที่ตอนที่9ค่ะ

Link: https://web.facebook.com/laserbycookie/posts/915413195224595  ■ผลข้างเคียงที่พบเพิ่มเติมจากการกำจัดขนด้วยเลเซอร์และ IPL?

ภาวะรูขุมขนอักเสบ folliculitis

ภาวะมีขนเพิ่มมากขึ้น paradoxical hypertrichosis (เป็นเพราะบางช่วงความยาวคลื่นสามารถกระตุ้นการเจริญของเส้นขนได้)  ■IPL เจ็บมั้ย?

เจ็บน้อย คล้ายๆกับหนังยางดีดเบาๆ อยู่ในระดับที่ทนได้

*คนผิวขาวสามารถใช้พลังงานได้สูงกว่า ร้อนกว่า จึงมักจะเจ็บกว่า  ■เทคนิคการใช้

1.ก่อนรักษาด้วย IPL ควรเช็ดเครื่องสำอางให้หมด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

2.ควรสวมแว่นเพื่อป้องกันแสง IPL เพื่อป้องกันอันตรายต่อดวงตา

3.Cooling gel ใช้สำหรับทำให้อุณหภูมิของผิวหนังเย็นลง (Cooling gel ที่ใช้แล้ว ไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ)

4.เมื่อทำการรักษาปริเวณหน้าผาก ขมับ และบริเวณกระดูกกราม ควรปรับพลังงานลดลงเนื่องจากผิวหนังในบริเวณนี้ค่อนข้างบาง จึงอาจทำให้ไหม้ได้ง่าย

5.หลังการรักษาควรเกิดรอยแดงขึ้นเล็กน้อย และบริเวณรอยคล้ำควรมีสีเข้มขึ้น หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ควรปรับค่าการทำงานของเครื่องให้สูงขึ้นทีละเล็กน้อย จนเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการรักษา เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ชัดเจน  Cr: เลเซอร์ผิวหนังในเวชปฏิบัติ, ศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ 

Discussion (5)