แพ็คกระเป๋าแล้วตามหม่องมา จะพาไป "ทุ่งเจดีย์พุกาม"

Mingalaba Mingalabaอาเซียนรวมใจ อาเซียนเรามาร่วมใจ ~

สวัสดีค่าทุกคนนนน หลังจากอาทิตย์ที่แล้วพาไปบุกตะลุย "นครวัด" กันมาฝ่าอุณหภูมิกว่า 1,000 องศา อาทิตย์ต่อมากี้ยังสู้ต่อ เดินทางสู่ประเทศพม่ากันบ้าง (ซึ่งอุณหภูมิไม่ได้ต่างกันเลย) หากเขมรมีของดีคือ "วิหาร" สำหรับพม่าคงจะเป็น "เจดีย์"

เมืองที่ขอชวนสาวๆ ไปเที่ยวครั้งนี้ชื่อเมือง "พุกาม" เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศพม่า ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปประมาณ 700 กิโลเมตร ของดีของดังคือ ทุ่งเจดีย์ ที่ต้องเรียกแบบนี้เพราะทุกที่รอบตัวเราเต็มไปด้วยเจดีย์สุดลูกหูลูกตาเขาบอกกันมาว่าตอนยุครุ่งเรืองมีเจดีย์มากถึง 5,000 องค์ หลังจากผ่านกาลเวลาและการโดนรุกรานหลายครั้งทำให้ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 2,000 องค์ มันเป็นความอลังการที่ยากจะจินตการ และจะตกตลึงเมื่อไปเห็นกับตาตัวเอง

ทริปนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 วัน 3 คืน ออกเดินทางสนามบินดอนเมืองอันเป็นที่รักไปยังเมืองมัณฑะเลย์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกับระยะทางกว่า 1,300 กิโลเมตร ถึงมัณฑะเลย์ประมาณ บ่ายโมง เวลาที่พม่าช้ากว่าไทย 30 นาที (เกิดมาก็เพิ่งรู้มีช้ากว่า 30 นาที นึกว่าตัดกันเป็นหน่วยชั่วโมงมาโดยตลอด)

วันนี้เรามีนัดกับเพื่อนสาวชาวพม่า "สุจี" รอเราอยู่ที่โรงแรม Taw win Myanmar Hotel ในตัวเมือง จากสนามบินเข้าเมืองมีรถบัสและรถแท็กซี่ให้เลือกค่ะ เราเดินทางคนเดียวเลยเลือกรถบัสกับราคา 4,000 Kyats (1,000 Kyats อ่านว่า "จ๊าด" = 30 บาท) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง รถก็มาส่งเราที่โรงแรมค่ะ สะดวกมาก 

เนื่องจากเย็นนี้ 17.00 น. เราจะเดินทางต่อไปยังเมืองพุกามซึ่งเป็นจุดหมายหลักของทริปนี้ ทำให้เวลาในมัณฑะเลย์ของกี้มีแค่ 3 ชั่วโมง อันจะอยู่รอรถอย่างเดียวที่โรงแรมก็ไม่น่าทำเท่าไหร่ เดินเล่นรอบโรงแรมก็ยิ่งไม่เวิร์คคือมันไม่มีอะไร ก็เลยเลือกที่จะไปชมพระราชวังมัณฑะเลย์ เพราะอยู่ใกล้โรงแรม แค่เพียง 2 กิโลเมตร ติดต่อรถของโรงแรมให้ไปส่งและรอรับกลับ ราคาโอเค 10,000 Kyats ไปถึงเจอกับรั้วอันยิ่งใหญ่ของพระราชวังวนอยู่นานกว่าจะถึงประตูทางเข้า

การเข้าชมสถานที่ต่างๆ ในมัณฑะเลย์(ในบางจุด) ต้องซื้อบัตรค่ะ บัตรมีอายุ 7 วันนับจากวันที่ซื้อ ราคา 10,000 Kyats เข้าที่ไหนไปแล้วเขาจะปั้มกำกับไว้ (ไม่รู้ว่าเข้าซ้ำได้หรือเปล่า แต่ช่องปั้มมี 5 ช่อง)

พระราชวังมัณฑะเลย์เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีความงดงามมากแห่งนึงในเอเชีย แต่เมื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ถูกกองทัพอังกฤษทิ้งบอมบ์ใส่เสียหายทั้งหมดเพราะคิดว่าที่นี่เป็นจุดซ่อนตัวของทหารญี่ปุ่น (หมดกันไม้สักกก)

ปล. บางข้อมูลบอกว่าพระราชวังโดนไฟไหม้นะคะ ไม่รู้อันไหนถูก 

พระราชวังที่เราเห็นในปัจจุบันคือรัฐบาลพม่าทำการบูรณะขึ้นมา โดยลอกเลียนแบบโครงเดิม ทำให้ที่นี่มีแต่โครงสร้าง สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ข้างในไม่มีเลย แล้วจากรั้วที่ใหญ่มากๆ ข้างนอก แต่ข้างในจุดที่เป็นพระราชวังจริงๆ ไม่ได้ใหญ่มาก สรุปว่างานที่สร้างใหม่นี่หยาบมาก สร้างแบบง่ายๆ งานโมเดล อย่ามาให้เสียอารมณ์ ... แป่ว

เราใช้เวลาเดินชมวังประมาณ 30 นาที พยายามทำตัวอินด์และสนใจทุกอย่าง แต่คือมันไม่มีอะไร ดึงเวลาได้เท่านี้จริงๆ ก็เลยชวนสุจีกลับไปกินข้าวรอขึ้นรถพุกามดีกว่าหมดกัน 300 บาทกับ 1 สถานที่ที่คิดว่าต้องพีคสุด

ก่อนถึงโรงแรมก็เลยบอกให้พี่คนขับพาไปซื้อโสร่งหรือ "โลงจี" เพื่อใส่ในพุกาม เพราะการเข้าชมเจดีย์ต่างๆ ต้องแต่งกายเรียบร้อยค่ะ กางเกงห้ามสั้น ห้าม spaghetti dress ห้ามใส่ถุงเท้า รองเท้า เพราะฉะนั้นไปพม่า หนีบแตะไปเลยค่าาาา  

ถึงโรงแรมก็เตรียมตัวไปขึ้นรถค่ะ เขาส่งรถสองแถวมารับเรา และวนรับคนตามโรงแรมต่างๆ แล้วก็ไปขึ้นรถพร้อมกัน โดยเราให้ทางโรงแรมจองรถให้ค่ะ ราคาคนละ 8,000 Kyats ประมาณ 240 บาท

(อธิบายคือโรงแรมนี้สุจีมานอนรอเราตั้งแต่คืนก่อนเลยสามารถใช้บริการต่างๆ ได้อย่างเต็มที่)

รถใช้เวลาวิ่ง 5 ชั่วโมงจากมัณฑะเลย์ถึงพุกามส่งเราหน้า Shwe Nadi Guest house ราคา 630 บาท/คืน รวมอาหารเช้าด้วย (ซึ่งยิ่งใหญ่อลังการมาก) โรงแรมนี้เป็น Shared bath room นะคะ สะอาด สะดวก พนักงานบริการดีมาก ทุกบริการมีครบ กลางวันที่ร้อนมากๆ ของพุกาม สามารถแวะกลับมาหลบร้อนหรือจะอาบน้ำเลยก็ได้ 

การเที่ยวเมืองพุกามเพื่อท่องไปตามเจดีย์ต่างๆ กว่า 2,000 องค์ มีหลายวิธีค่ะ

  • จ้างรถตู้หากมากันหลายคน
  • นั่งรถม้าที่เหมาทั้งวันประมาณ 1,000 บาท (ไม่ย้อนกลับทางเดิม)
  • เช่าจักรยาน 60 บาท
  • เช่า E-Bike หรือรถสกู๊ทเตอร์ไฟฟ้า ราคา 240 บาท เราเลือกอันนี้ค่ะ เพราะถูก คุ้ม กลับมาชาร์ตไฟได้ตลอดทั้งวัน ทำความเร็วได้สูงสุด 30 กม./ชม. ชอบมากจนอยากได้สักคัน ฮ่าาๆ 

วันนี้เรามีแพลนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Shwe San Daw Pagoda ซึ่งเป็นจุดชมทุ่งเจดีย์ที่ได้รับความนิยมมาก นัดกัน 04.30 น. กว่าจะตื่นกว่าจะออกตัว 05.10 น. พระอาทิตย์ขึ้น 05.45 น. รีบซิ่งอีไบค์ไปถึงคนเยอะแยะมากมายกำลังไต่บันไดขึ้นเจดีย์สูงเอาการ อีนี่ใส่โลงจีอยู่ขึ้นยากกว่าเดิมอีกประมาณ 3 เท่า กว่าจะหอบหิ้วกันขึ้นมาถึงก็กินเวลาไปเยอะ 

ไม่เกิน 5 นาที ที่ยืนหอบก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น เมื่อพระอาทิตย์เริ่มโชว์ตัวออกมา เป็นการดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ชัดที่สุด ตั้งแต่เคยดูมา เห็นทุกองศาที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนขึ้นมา แล้วแสงสีส้มก็เริ่มสาดส่องไปทั่วบริเวณ โมเม้นต์นั่นคือสุดยอดมากจริงๆ ที่คิดมาตลอดว่ามาพม่าทำไม รู้คำตอบเลยค่ะว่า "มาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่พุกาม" เป็นความปริ่มที่ล้นมากกก ณ จุดนั้นบอกไม่ถูกมันสวยมากจริงๆ

ดูพระอาทิตย์ขึ้นและซึมซับกับทุกบรรยากาศของทุ่งเจดีย์ตอนนี้ทุกคนเงียบมาก และกำลังตั้งใจเก็บภาพประทับใจอย่างเต็มที่ทั้งด้วยตาตัวเองและกล้องมากมาย

ยกเว้น 2 ป้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ โอ้โหหหหหหห นี่ก็พระอาทิตย์ดวงเดียวกับที่เห็นทุกวันนั่นแหละ ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้นนนนน แหม่

จากนั้นไม่นานกลุ่มวัยรุ่นคนไทยที่เดินทางมาพร้อมครอบครัวก็เอาบ้าง จบกันค่ะ

คนนี้แยกออกมานั่งอีกด้านนึงของเจดีย์ค่ะ

เราเก็บภาพทุ่งเจดีย์กันต่ออีกประมาณชั่วโมงนึงค่ะ ณ จุดนี้วิวเจดีย์ตกเป็นรองเพราะท้องเริ่มหิว รีบซิ่งรถกลับโรงแรม ซึ่งอาหารเช้าที่นี่เป็นแบบคอนติเนนตัลนะคะ แต่ไม่ใช้แค่แหย่ให้อยากที่นี่ให้เยอะมาก ขนมปัง ออมเล็ต ปาท่องโก๋ กล้วย แตงโม น้ำผึ้ง และแยมรสต่างๆ มีกาแฟและชาให้อีกคนละ 1 กา

แต่สำหรับกี้สิ่งนี้ไม่พอ เรามีความอยากให้เป็นพื้นเมืองมากกว่านี้ซึ่งที่จริงเขาก็กินแบบนี้กัน แต่ก็ขับรถวนไปวนมาจนเจอร้านข้างทางซึ่งคนเยอะมาก แล้วก็ได้พบกับ "ชันดูแร" (ถูกไหม) รสชาติดีงามเว่อร์วังอยากจะบอกว่านี่แหละอร่อยสุดของพม่า ชอบสุด 

กินอิ่มจนเกือบจะหลับไปอีกรอบ แต่เราจะทำอย่างนั้นไม่ได้ค่ะ กี้และสุจีออกเดินทางอีกครั้งโดย E-Bike คู่ใจ ได้เวลาตะลุยแดนเจดีย์กันแล้ววววววว 

รถเล็กคนใหญ่ ไปกับหม่อง บรื๊นน ๆๆ

ที่นี่มีเจดีย์ทุกรูปแบบค่ะ ทรงระฆังคว่ำ สี่เหลี่ยม แปดเหลี่ยม ตั้งอยู่เดี่ยวๆ หรือจะอยู่เป็นกลุ่ม ขับรถผ่านแล้วชอบแบบไหนก็วนเข้าไปเลยค่าาา หม่องสุชาติ !!!

อย่าลืมที่นี่แดดแรงมาก เพราะฉะนั้นครีมกันแดดโปะแน่นๆ พกติดกระเป๋าไปด้วย ถ้ามีหมวกหรือเสื้อแขนยาวก็ดีค่ะ แต่สำหรับแฟชั่นเซ็ตของกี้วันนี้ขอแปลงร่างเป็นหม่อง นุ่งโลงจีที่หอบหิ้วมาจากมัณฑะเลย์ พร้อมกับเสื้อยืดสีขาวในอุดมคติ รู้สึกตัวเองสวยมากกกกกกกก

จบภาคเช้า เราเคลื่อนกายย้ายร่างกลับไปเช็คเอ้าท์ฝากกระเป๋าและหาของกินเป็นมื้อเที่ยงค่ะ

ข้าวแกงที่พม่าทุกร้านเป็นแบบนี้หมด มีมากมีน้อยว่ากันไปตามขนาดร้าน แต่น้ำพริกผักสด และต้มเปรี้ยวๆ นี่มีให้ตลอด มื้อแรกๆ ก็อร่อยดีค่ะ แต่กี้มาพม่า 4 วัน เจอแบบนี้ทุกวันโอ้โหหหหห เพราะชีวิตคือชีวิตเลยค่าาาา

มาเข้าสู่ภาคบ่ายกันต่อ ตอนนี้อุณหภูมิพุ่งพรวดไม่ว่าอะไรก็ฉุดไม่อยู่ ขับรถออกมาจากเกสเฮ้าส์ร้อนผ่าวๆ ตลอดทางแสบไปหมด ณ จุดนี้ alitz paulin น่าจะเอาไม่อยู่ จากที่พี่ดำอยู่แล้วทีนี้ไหม้เลยค่าาา ขอแวะจอดรถหลบใต้ต้นไม้จนกว่าแดดจะอ่อนลงกว่านี้

คือที่นี่มีลม ขอแค่ไม่โดนแดดอากาศก็จะอยู่ได้สบายๆ ค่ะ

มีรถไอติมวิ่งผ่านมารีบส่งเสียง Heyyyyyy Youuuuuu ทันที !! ราคาถูกรสชาติน๊มนมม แบบเปรี้ยวๆ ไม่มีเลออออ

แดดร่มลมตกออกทัวร์กันต่อยาวไปจนถึงหกโมงเย็นอยู่ๆ ก็รู้สึกอิ่มตัวกับเจดีย์ไม่สนวิวพระอาทิตย์ตกแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำจะดีกว่า ถึงขั้นเกลือขึ้นมีความเค็มเล็กน้อยถึงปานกลาง ณ จุดนี้ขอจบทริปท่องเจดีย์ พี่ขออาบน้ำด่วนนนนน

เจดีย์ที่นี่มีบางจุดต้องจ่ายค่าเข้านะคะ ถ้าจ่ายแล้วก็ไม่ต้องจ่ายอีกเหมือนซื้อบัตรที่มัณฑะเลย์เลยแต่ราคา 24,000 Kyats เอาเรื่องอยู่ค่ะ

นี่ก็ว่าไม่ต้องเข้าครบทุกเจดีย์ก็ได้ ฮ่าาาๆ

หมดวันแล้วค่ะ ชีวิตดูรีบร้อนซึ่งร้อนจริงคืนนี้ 2 ทุ่ม เราจองรสบัสไว้ค่ะ เดินทางสู่จุดหมายต่อไป "ย่างกุ้ง" รถใช้เวลา 10 ชั่วโมงเป็นรถคล้ายๆ นครชัยแอร์ค่ะ แต่เบาะไม่ใช่เบาะไฟฟ้า จากพุกามวิ่งมาเรื่อยๆ จอดพักที่เมืองหลวงใหม่กรุงเนปิดอว์ 1 ครั้ง บนรถไม่มีห้องน้ำ เดชะบุญฉันไม่ปวดเลยยยย

06.00 น. รถจอดที่ Aung Mingalar Highway Bus Terminal ณ จุดนั้นคือห่างจากโรงแรมที่จองไว้ 14 km ค่าแท็กซี่ประมาณ 200 บาท แต่ยังเบลอๆ อยู่ไม่อยากสู้เดินเข้าไปทำใจในห้องพักผู้โดยสารก่อน

จัดการทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมสู้ !! สุดท้ายได้ราคา 300 บาท นี่ว่าจะเดินด้วยใจเด็ดเดี่ยวไม่ชอบโดนโกง แต่สุจีไม่สู้บอก "กูขอ" นั่งรถเถอะ

รถเคลื่อนตัวออกจาก Terminal ที่มีความเป็นตลาดสดและอะไรมากมายผสมกัน ฉันพูดทันที "อิดอกโชคดีไม่เดิน" ถึงขั้นต้องพูดคำหยาบ ปกติซอฟท์มาก โอ้โหหหหหหหย่างกุ้ง ไม่ว่าใครอย่าเสียดายเงินค่ะ นั่งรถเถอะพลีสสสสสส

มาถึงโรงแรมฝากกระเป๋าแล้วจะออกเที่ยวเลย แต่โรงแรมก็ดี๊ดี ดีมาก ให้เช็คอินขึ้นห้องพัก ยังไงละคะหลับบค่าาาาาตื่นมา 10.30 น. เพราะหิวเลยอาบน้ำแต่งตัวสวยจะไปหาอาหารพม่าแบบสวยๆ กิน โอ้ยยยยหากันตลอดทาง

โจทย์คือ ร้านข้าวมีแอร์ จริงๆ ตรงข้ามโรงแรมมี 1 ร้าน แต่ตอนนั้นสวยอยากออกไปอีกนิด สุจีก็ทำตัวเป็น Navigaty ที่ดีเดินไปเรื่อยๆ

แล้วก็เรื่อยจริงๆ ค่ะ นางเดินนำมาจนถึงเจดีย์ชเวดากอง ระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร กับอุณหภูมิ 40 องศา เพลินมากกกกกก แม่เจ้าาาาา ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เจดีย์ก็มาถึงแล้ว แพลนเดิมจะมาเช้าหรือไม่ก็ค่ำเลย แต่สุจีพามาถึงหล่าววววววว กรี๊ดดดดดด ขึ้นไปค่ะพี่สุชาติอย่าช้า เสียค่าเข้า 8,000 Kyats

ทางขึ้นมี 4 ทาง เราขึ้นทาง East Gate ไม่มีลิฟท์ ไม่มีบันไดเลื่อน อีก 3 ทางที่เหลือมีหมด

ด้วยพลังของหนุ่มสาวที่เรามีพลักดันร่างกายขึ้นไป ก็ได้ไหว้สมใจและด้วยแรงศรัทธาใดไม่อาจรู้ นี่อยากเดินรอบเจดีย์สักรอบนึงตอนนั้นเที่ยงกว่า องศากำลังได้ พื้นร้อนมากกกกกกกกกก กว่าจะครบรอบ นี่แค่แสบๆ แต่สุจีชีได้แผล

เสร็จสิ้นภาระกิจออกเดินทางกันต่อตามล่าหาร้านข้าว สุดท้ายไปเจอร้านข้างทางเป็นขนมจีนคลุกกับอะไรสักอย่าง โอ้ยมีความโลคอลเราต้องลอง จัดกันไปขนมจีนที่มีความราดน้ำกะปิปรุงรสเพิ่มเล็กน้อย ป้าคลุกให้อย่างดีกับมือของชีนั่นแหละ สนนราคา 20 บาท รู้สึกอิ่มถึงคอ พอแล้วอาหารพม่า ฮ่าาาๆ

ความชิคในชีวิตยังไม่จบบ่ายๆ อย่างนี้มีกาแฟดีๆ สักแก้วคือฟินใช่เล่น ~

คนจะสู้มันก็สู้ทฉีด Alitz paulin ใส่หน้าพร้อมออกเดินต่อสู่ย่าน Bogyoke Market เดินกันไปนานมากกับระยะทางประมาณ 1.5 km ณ จุดนั้นคือหนืดมากเมื่อไหร่จะถึง เหมือนเดินอยู่กลางทะเลทราย เพราะไม่มีอะไรเลย มีแค่รั้วและความร้อน สุดท้ายก็ถึงตลาดที่ไม่มีอะไรเลยสำหรับเรา ตลาดขายหยกขายพลอย

ที่บอกว่าไม่มีอะไรเลยสำหรับเรา คือไม่มีอะไรที่เราซื้อได้เลย ฮ่าาาๆ

ในที่สุดเราก็เจอ Baboon Cafe มีไอความเย็นเบาๆ เราสองคนรีบพุ่งตัวเข้าไป นี่สั่ง iced-cappuccino อละเลือกกาแฟเป็นกาแฟ illy ของอิตาลี สั่งไปสั่งมาราคาอยู่ที่ $5.5 โอโห้แพงกว่าสตาร์บัค แต่ไม่เป็นไรฉันไม่ได้ฟินมาหลายวันแล้ว ฉันยอม แค่อึกแรกฉันยอมเลยยยย กาแฟยูวแก้วละ 200 บาท ทำไมจืดจังไหนกาแฟ ไหน half oz syrub กรี๊ดดดดดด

ตั้งตัวได้อีกทีคือพุ่งตัวออกนอกร้านฉันจะกลับไปนอนพอแล้วเมืองนี้ แต่หันซ้าย 1 ที เจอ KFC ดีใจเหมือนได้ทอง รู้สึกเหมือนตัวเองยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเข้าร้านไปกับสุจีสั่งชุดสำหรับ 4 คนมากิน ฟินสมใจ กลับโรงแรมนอนค่าาา ขากลับนี่นั่งแท็กซี่ 90 บาท แหม่

ตอนกลางคืนเราออกมากินข้าวหน้าโรงแรมร้านนั้นแหละที่เดินผ่านไปเมื่อตอนกลางวัน และไม่ออกไปไหนอีก เพราะจากการชมเมืองตอนกลางวันคือเมืองนี้ไม่มีอะไรเลย(สำหรับเรา)  และที่สำคัญมืดมากกกกกกกก

ตอนเช้าเรามาจัดเต็มกับอาหารเช้าแบบ Buffet ที่โรงแรม อาหารอร่อยมากหลากหลายจัดไลน์ได้ดีงาม แล้วขึ้นไปนอนต่ออีกหน่อย เพราะที่เตียงแบบ comfy มากกกก

จนเวลา 11.00 น. จัดการ Check out ได้เวลาบอกลาเมืองย่างกุ้งสักทีเมืองนี้พี่ไม่มาแล้ว ฮ่าาๆ ค่าแท็กซี่จากโรงแรมไปสนามบิน 7,000 Kyats

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้/ คน

  • ค่าเครื่องบิน 2,500 บาท (ราคาโปรฯ Air Asia)
  • ค่าโรงแรม 1,030 บาท (2 คืน)
  • ค่าเดินทางระหว่างเมือง 730 บาท
  • ค่าตั๋ว Mandalay , Shwedagon Pagoda 540 บาท
  • ค่าเช่ารถ E-Bike 120 บาท
  • ค่าแท็กซี่ในเมืองและสนามบิน 725 บาท
  • ค่าอาหาร 2,000 บาท
รวม 7,645 บาท คุ้มมากสำหรับการได้มาพุกาม

สรุปการเดินทางอีกที

"มัณฑะเลย์" เป็นทางผ่านเพื่อไปพุกาม ที่เที่ยวมัณฑะเลย์ที่น่าไปสุดคือ สะพานไม้อุเบ็ง (ถ่ายรูปสวยสุด) แต่ถ้ามีเวลาให้ไปเที่ยวเมืองอังวะ (ใกล้กัน)

"พุกาม" เป็นเมืองที่สวยมาก น่าทึ่ง มันอลังการเมืองอะไรมีเจดีย์ 5,000 องค์ วิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกสวยมาก แค่นี้ก็คุ้มแล้ว

"ย่างกุ้ง" ถ้าไม่ได้จะมาไหว้พระหรือขอพรต่างๆ ก็ไม่ต้องมา รถติด อะไรๆ ก็แบบ ...

เส้นทางที่แนะนำคือ มัณฑะเลย์ - พุกาม - มัณฑะเลย์

โรงแรมที่เราพักทั้ง 3 เมือง โอเคดีมาก แนะนำค่ะ

Mandalay - Taw win Myanmar hotel

Bagan - Shwe Nadi Guesthouse

Yangon - Crystal Palace

-----------------------------------------------------

ทริปนี้เราไม่ได้ให้ข้อมูลประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเจดีย์ต่างๆ ที่พุกามเลยยังไงหาอ่านได้ทั่วไปในรีวิวอื่นๆ หรือจะ Wikipedia ก็ตามแต่สะดวกทริปนี้จบแล้วค่ะ ใครอยากได้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับพม่าถามมาได้"พม่า ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สะดวก เดินทางง่าย คนพม่าใจดี คุยเก่ง"

อาทิตย์หน้าจะไปโอซาก้า เดียวจะมาเล่าให้ฟังแบบ อิไต อิไต

Mingalaba

Discussion (4)

ได้ยินว่ากุ๊ก ที่พม่า ตอนทำอาหาร ไม่ชอบล้างมือ
ว้าวน่าสนุกอันก่อนหน้านี้ก็สนุกดีจ้า