Hong Kong's Trip ทริปตะลุยกิน | EINSPATCHA

3 1

สวัสดีค่ะ

หายไปเพราะว่าได้มีโอกาสไปเที่ยวฮ่องกงแบบเดินทางไปเอง

ด้วยที่ทัวร์ไม่ค่อยมีและราคาแพงเกินจำเป็น ส่วนตัวไม่ได้ชอบไปทัวร์อยู่แล้วค่ะ

เพราะต้องตื่นเช้าแล้วต้องย้ายโรงแรมบ่อยก็เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

เลยตัดสินใจเดินทางไปเอง 4 วัน 3 คืน (ทริปตะลุยกินดีๆนั้นเองค่ะ)

เดินทางออกจากประเทศไทยเวลา 14.00 ถึงฮ่องกงประมาณเกือบ 18.00

(เวลาฮ่องกงเร็วกว่าไทยหนึ่งชั่วโมงค่ะ)

โดยทำการวางแผนก่อนไปเพราะว่ากลัวเดินสะเปะสะปะ มาเริมกันดีกว่าค่ะ

ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะกินร้าน Superior Rice Roll Pro Shop ที่ได้รางวัลมิชลินสองปีซ้อน

(เราพักอยู่โรงแรม Royal Plaza Hotel แถว Mong Kok, Prince Edward)

แต่มีคนอยากกินร้านข้างๆมากกว่าแล้วค่อยกลับมากินร้านที่วางแผนไว้ เราก็โอเค

จานแรกที่สั่งมาก็คือเป็ด ไก่ หมูจานนี้สำหรับถือว่าเค็มไปหน่อยค่ะ

จริงๆสั่งมาเยอะกว่านี้แต่คิดว่าสองจานนี้เด็ดสุดแล้ว

ที่เห็นไม่ใช่ลาซานญ่าหรืออะไรเป็นเหมือนข้าวหมกไก่ แต่ทำเหมือนคล้ายๆ Risotto

ข้าวจะหนืดๆเละๆหน่อยและตอนกินเข้าไปน้ำมันจะเยอะแล้วก็ร้อนหน่อยค่ะ

ถ้าหากใครอยากตะลุยกินมากกว่าแนะนำไปจิมซาจุ่ยเพราะว่าของกินเยอะกว่า

เราไม่ได้ไปเพราะไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ค่ะ

จากนั้นก็ได้ไปลงเอยที่ร้านที่วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรก

ที่สั่งก็คือข้าวหมูกับ Rice Roll

สองอย่างถือว่าอร่อยพอใช้ได้เลยค่ะ แป้งก็นุ่มมาก

ถ้าหากใครไปกินแนะนำไส้หมูแดงค่ะ อร่อยที่สุดแล้ว

แป้งไม่เยอะเกินไป นุ่มกำลังพอดี ไส้ก็ไม่น้อยเกินไป อร่อยจริงๆค่ะ

หลังจากนั้นก็ได้กลับโรงแรม Royal Plaza Hotel

ส่วนใหญ่เดินทางด้วยการเดินไม่ก็นั่งรถไฟใต้ดินนะคะ

เพราะว่าแท็กซี่ที่นี้แพงเริ่มต้นที่ 22.7HKD (x4.56) แล้วแต่เรทเงินตอนนั้นด้วย

วันต่อไปมาได้วางแผนเพื่อจะไปกินโจ๊ก ซึ่งเป็นร้านที่เขาแนะนำกันนั้นก็คือ

Mui Kee Congee อยู่ในตลาดสด ตลาดนี้มีบันไดเลื่อนแล้วร้านจะอยู่ชั้นสาม

สังเกตุร้านง่ายมากๆเพราะตอนเช้าคนจะเยอะพอสมควร เดินเข้าไปก็จะเห็นคนแล้วก็ป้าย

เราได้สั่งโจ๊กหมู ชาเย็น แล้วก็ปาท๋องโก๋ (ต้องสั่งแยกนะคะไม่ได้มาเป็นเซ็ต)

ในรูปเป็นโจ๊กปลากับหมูสับค่ะ ต้องใส่พริกไทยเข้าไปด้วยจะมีรสชาติดีมากขึ้น

หมูสับ หมูชิ้น ปลาอร่อยมากๆค่ะ นุ่มมากๆไม่แข็งเกินไปแล้วโจ๊กก็นุ่มมากๆค่ะ

แนะนำถ้าหากใครไปร้านนี้เพื่อทานเป็นอาหารเช้าได้ค่ะ

นี้คือ Streamed Rice Roll จานนึง 14HKD

แนวเหมือนต๊อกบกกีแต่ซอสจะเปรี้ยวๆนิดนึงสำหรับส่วนตัวเราก็ไม่ค่อยพิศมัยเท่าไหร่

แต่กินได้ไหมก็กินได้ค่ะ

จากนั้นแนะนำร้าน Yardbird ต้องเดินขึ้นเนินตอนแรกคิดว่าจะไม่เจอร้านแล้ว

เพราะเดินไกลพอสมควรเป็นร้าน fusion ไม่ใช่ร้านอาหารจีนแท้ค่ะ

เป็นร้านอาหารผสมผสานญี่ปุ่นลงไปด้วย ถ้าถามว่าอร่อยไหมก็อร่อยค่ะ

แต่ราคาก็อาจจะแพงสำหรับจานเล็กๆไปซักนิดแต่ถือว่าพอใช้ได้เลยค่ะ

ที่นี้ไม่มี Service Charge ค่ะ ที่อื่นจะมีสิบเปอร์เซ็นต์

แต่ร้านนี้คือถ้าพอใจขนาดไหนก็ให้เขาไปตามที่เราอยากจะให้

ระบบก็คือโต๊ะเราจะมีพนักงานเสิร์ฟประจำเราแค่คนเดียวเท่านั้น

และเราก็ต้องให้ทิปคนนั้นไปค่ะ เราให้ทิปตามสิบเปอร์เซ็นต์ทั่วไปค่ะ

เพราะดูแลเอาใจใส่โอเคเลย เปลี่ยนจานได้ตลอด 555555555

น้ำไม่เคยหมดก็รินให้ตลอดเพราะฉะนั้นก็เลยให้สิบเปอร์เซ็นต์ตามมาตรฐาน

ตามมาด้วยร้านของหวานที่ชอบที่สุด

ร้านนี้อยู่ที่ทางออกรถไฟฟ้าเป็นร้านที่ผสมผสานมะม่วง สาคูแล้วก็กะทิ

ชื่นใจดีค่ะ ถ้าหากใครจะไป Lei Yue Mun ก็ลองแวะร้านนี้ได้ค่ะ

ร้านนี้ชื่อ One Dim Sum ได้มิชลินหนึ่งปี

ร้านนี้คนเยอะมากๆค่ะ ร้านเปิดสิบเอ็ดโมงแต่ไปก่อนเวลาประมาณสิบห้านาที

คนรอคิวเป็นสิบแล้วค่ะ กว่าจะได้กินปาไปสี่สิบนาทีแล้ว

ถ้าหากใครรอไม่ได้ต้องไปเร็วๆนะคะเพราะว่าร้านเล็กๆแต่คนเยอะจริงๆค่ะ

ด้วยความหิวอย่างหนักก็เลยจัดมาเยอะมากกกกกกก ย้ำกว่ามากกกกกกกก

กินกันไม่หมดค่ะ ต้องแค่นกินกันเลยทีเดียว ถ้าหากสั่งไม่เยอะก็คืออร่อยมากๆค่ะ

นี้สั่งเยอะเกินไปก็เลยกลายเป็นแน่นเกือบจุกทีเดียว

ราคาก็สูงในระดับนึงค่ะแต่คุ้มค่ามากจริงๆค่ะ

แนะนำเป็นมะม่วงห่อแป้งที่เป็นเหลืองๆข้างบน อร่อยมากค่ะ

จบท้ายด้วยวาฟเฟิล ทางด้านขวาจะอร่อยกว่าด้านซ้าย

เพราะว่าจะมีรสชาติมากกว่า ทางด้านซ้ายจะออกจืดไป (สั่ง Choc Chip ไปไม่ได้รสชาติช็อกโกแลตเลยค่ะ) เพราะฉะนั้นถ้าหากจะสั่งให้สั่งเป็นมิกซ์สี่รสเหมือนด้านขวา ร้านนี้ไม่มีชื่อร้านภาษาอังกฤษค่ะ อยู่ Sheung Wan คนเยอะพอสมควรค่ะ


einspatcha

einspatcha

ฝากติดตามด้วยค่ะ :D

Photography | Travel | Make up

FULL PROFILE