TOP 15 of 2015: รีวิวสุดยอดเมคอัพที่คุ้มค่าแก่การเสียเงิน
catchathechick3718คันไม้คันมือมานาน ในที่สุดก็มีเวลามาทำรีวิวสุดยอดเมคอัพประจำปี 2015 ซักที ในกระทู้นี้แคทก็จะรวบรวมไอเท็มที่คิดว่าคุ้มค่ากับการควักกระเป๋า จะมีทั้งถูกมากไปจนถึงแพงกลางๆ ข้อสำคัญคือจะต้องเป็นเครื่องสำอางที่สอยมาแล้วคุ้ม ได้ใช้จริง ประเภทซื้อมาสวยๆไว้ประดับโต๊ะเครื่องแป้งไรงี้ไม่เอาค่า
1) Mineral make up base vanilla green SPF30/PA++ 40ml
ตามหาเบสเขียวสำหรับสาวผิวแห้งมาหลายปี สุดท้ายก็ได้ตัวนี้มาลองตอนเพื่อนไปเกาหลี เราว่ามันเหมาะมากสำหรับคนที่เคยใช้เบสเขียว The Face Shop แล้วพบว่ามันแห้งเกินไปมากๆ เกลี่ยทีนึงหนังหน้าแทบจะหลุดติดออกมาด้วย พอมาลองเทียบเนื้อสัมผัสดู เบสเขียวตัวนี้คือมันจะไม่ข้นมาก แต่มีความชุ่มชื้นกว่าอีกตัวมาก ทาแล้วได้ผิวที่ฉ่ำวาวเล็กน้อย แถมยังมีส่วนผสมของกันแดดมาให้ด้วย บางทีเราก็ใช้ผสมกับรองพื้นให้สีสว่างขึ้นแล้วก็ทาเลย ประหยัดเวลาดี
พิกัดและราคา: ซื้อที่เกาหลีประมาณสามร้อยบาท ที่ไทยมีช็อปตรงดิจิตอลเกตเวย์ สยามสแควร์
2) Rimmel Wake Me Up Foundation สี 100 Ivory
พอดีรองพื้นลูกรักตัวเก่าหมด (Bourjois Healthy Mix Foundation) เลยอยากลองหารองพื้นตัวใหม่ที่ให้ลุคฉ่ำๆและปกปิดได้ดี แคทว่ารองพื้นตัวนี้เป็นอะไรที่คนหน้าแห้งต้องรักเลย เนื้อรองพื้นค่อนข้างข้นต่างจากบูชัวร์ที่จะเหลวและเบาสบาย ปกปิดได้ใกล้เคียงกัน คือเป็นแบบปกปิดปานกลางแต่สามารถทาทับเพื่อเพิ่มการปกปิดได้ ที่ชอบมากๆคือมันมีชิมเมอร์เนื้อละเอียดมากๆผสมมาด้วย ทาแล้วหน้าหน้าโทรมๆดูไบรท์มีออร่าขั้นสุด เคยใช้รองพื้นตัวนี้ไปแต่งหน้าเพื่อนที่หน้าแห้งระดับสิบ นางบอกประทับใจความฉ่ำวาวของผิวมาก Nar Sheer Glow ที่นางใช้นี่ตกกระป๋องไปเลย ข้อติเพียงอย่างเดียวคือเรารู้สึกว่ามันติดไม่ค่อยทนเท่าไหร่ เวลาซับหน้าในวันที่เหงื่อออกเยอะๆรองพื้นหลุดมากับทิชชู่เลย
พิกัดและราคา: ตัวนี้ไม่มีขายในไทย เราฝากอี้ซึ้อมาจากออสเตรเลียประมาณ 300 บาท ยังไงลองเสิชดูตามเว็บพรีออเดอร์นะคะ
3) Collection Lasting Perfection Ultimate Wear Concealer
เป็นคอนซีลเลอร์ที่ดีงามทั้งคุณภาพและราคา เนื้อครีมมี่แต่ไม่ตกร่องหรือเป็นคราบ ปกปิดได้ทั้งแพนด้าใต้ตาและรอยสิวรอยดำรอยแดง เวลาเป็นสิวอักเสบก็ได้เจ้าตัวนี้ช่วยชีวิตไว้ไม่ให้ชาวบ้านตกใจมากนัก ติดทนสมกับที่แบรนด์เคลมมาว่าอยู่ได้นาน 16 ชั่วโมง ติดอยู่ที่ว่ามีสีให้เลือกน้อยและค่อนไปทางโทนชมพู สำหรับแคทจะใช้เบอร์ 1 สีออกขาวอมชมพู ผสมกับเบอร์ 3 สีเนื้ออมเหลืองในอัตราส่วน 1:1 จึงจะได้เฉดใกล้เคียงกับผิวขาวเหลืองของตัวเอง
พิกัดและราคา: ซื้อจากอีฟแอนด์บอย 249 บาท 1 แถม 1
4) Laura Mercier Loose Setting Powder สี Translucent
ได้ยินกิตติศัพท์นางมานาน เพิ่งมีปัญญาสอยมาเมื่อไม่นานนี้แล้วพบว่า อู้หูววววว นางดีงามจริงๆด้วยอะ คือเป็นแป้งโปร่งแสงที่เซ็ทรองพื้นได้ผ่องทีสุดในสามโลก เนื้อแป้งบางเบาและคุมมันบริเวณทีโซนได้ดีที่สุดเท่าที่เคยลองมา ส่วนตัวยังไม่เคยใช้ศรีจันทร์อย่างจริงจังเลยอาจเปรียบเทียบให้ไม่ได้ว่าตัวไหนเริ่ดกว่ากัน ถ้างบถึงแนะนำให้ลองจริงๆค่ะ
พิกัดและราคา: งานเซลล์ประจำปีอีฟแอนด์บอย 999 บาท เคาท์เตอร์ 1490 บาท
5) Butae Super Oil-control Powder No.3 สี Golden Brown
ไอเท็มเด็ดที่ราคาถูกจนตกใจ เราได้มาในราคา 30 บาทเท่านั้น เป็นแป้งพัฟสีเข้มโทนเหลืองที่เอามาทำเฉดดิ้งสำหรับสาวผิวขาวเหลืองสวยมาก ราคานี้ไม่ต้องคิดมากไปลองดูเองแล้วจะรู้ว่ามันเริ่ดยังไง
พิกัดและราคา: 20-50 บาท ตัวนี้อาจหาซื้อยากนิดนึง ลองดูตามตลาดนัดหรือร้านขายส่งเครื่องสำอาง
6) Sleek Contour Kit สี Medium
ตัวนี้แคทไม่ได้ใช้เอง แต่ใช้เวลาแต่งหน้าให้กับลูกค้าผิวเข้ม ทางแบรนด์ออกแบบมาได้ดีคือช่องบรอนเซอร์ใหญ่กว่าช่องไฮไลท์ เพราะเอาจริงๆในชีวิตประจำวันเราก็คงไม่ได้ฟาดไฮไลท์หนักเท่าคอนทัวร์ใบหน้าให้มีมิติอยู่แล้ว ตัวบรอนเซอร์เป็นเนื้อแมทสีน้ำตาลเข้ม พิกเมนต์แน่นกำลังดี เนื้อสัมผัสค่อนข้างละเอียดไม่เป็นแป้ง สามารถใช้แปรงเบลนได้ง่ายไม่เป็นปื้น ส่วนตัวไฮไลท์นี่จะบอกว่าคุณภาพเกินราคามาก วิ้งละเอียดสวยงาม เราว่าเนื้อไฮไลท์ใกล้เคียงกับ The Balm Mary Lou Manizer ที่เป็นไฮไลท์ตัวดังเลย
พิกัดและราคา:550 บาทจากเคาท์เตอร์ในวัตสัน
7) Mistine Brows' Secret Compact Eyebrow สี น้ำตาลเทา
กว่าจะหาซื้อเบอร์นี้ได้เลือดตาแทบกระเด็น สุดท้ายไปเจอในร้าน Boots ตัวนี้เป็นตลับเขียนคิ้วแบบฝุ่น 3 สี ได้แก่ สีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม และสีเทา เขียนแล้วได้สีสวยดูเป็นธรรมชาติ แคทจะใช้ตัวนี้คู่กับแปรงเขียนคิ้ว MTI เพราะแปรงที่ให้มาแข็งมากและใช้ไม่เวิร์ก
ราคา: 109 บาท คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วจ้า
8) Etude House Drawing Eye Brow Pencil
ตัวนี้คงไม่ต้องสาธยายสรรพคุณกันให้มาก ใช้ตั้งแต่เริ่มหัดเขียนคิ้วจนตอนนี้มาทำงานแต่งหน้าแล้วก็ยังใช้อยู่ หมดเป็นแท่งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ สีที่ชอบที่สุดคือเบอร์ 3 สีน้ำตาลอ่อน เพราะสีสวยเป็นธรรมชาตฺิเหมาะสำหรับคนที่ผมสีน้ำตาลกลาง-อ่อน
ราคา: ปกติจะสอยมาแท่งละไม่เกิน 100 บาท
9) Fasio Eyebrow Mascara Waterproof
ใช้มาสคาร่าคิ้วตัวนี้แล้วไม่เปลี่ยนใจไปลองของใหม่เลย อย่างแรกมีสีให้เลือกหลากหลาย สำหรับคนทำสีผมอ่อนและเข้ม ปกติแคทใช้สี Light Brown กับ Golden Brown สลับกัน อย่างที่สองคือปัดแปรงขนาดพอดี ปัดง่ายและเนื้อมาสคาร่าไม่เกาะกันเป็นก้อน เซ็ทคิ้วได้อยู่ทรงสวยงามทั้งวัน ที่สำคัญคือราคาเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋ามาก มีโปร 1 แถม 1 หรือลดครึ่งราคาอยู่ตลอดทั้งปี
ราคา: 210 บาท ซื้อ 1 แถม 1
10) Wet n Wild Color Icon Eyeshadow Palette สี E738 Comfort Zone
พาเลตแต่งตาแนะนำสำหรับทั้งมือใหม่หัดแต่งหน้าและสาวๆที่รักการแต่งหน้าประจำ จริงๆปี 2015 เป็นปีที่ได้ลองอายแชโดว์ใหม่ๆเยอะมาก แต่ขอเลือกตัวนี้ให้เป็น Favorite item ประจำปีนี้ เพราะนอกจากจะคุณภาพเกินราคาแล้ว แบรนด์ยังแมทช์สีในพาเลตมาให้ง่ายต่อการใช้จริงในชีวิตประจำวันด้วย คือจัดสีมาสองฝั่งเป็นโทนน้ำตาลและโทนเขียว สีอ่อนอยู่บนสุดและเข้มขึ้นตามลำดับ เนื้อสีเป็นแบบชิมเมอร์ให้สีสันชััดเจนมากๆ อาจมีสีร่วงบ้างแต่ถ้าใช้อายไพร์เมอร์ก็จะไม่มีปัญหาตรงนี้ สีโปรดของแคทคือสีล่างสุดทางขวามือ เอาไว้แต่งตาแบบ Smokey Eye ก็ได้ หรือใช้แปรงหัวตัดแตะมาเขียนขอบตาก็ดี เนื้อสีเข้มสะใจน้องมากค่ะ
พิกัดและราคา: 299 บาท ตอนนี้ Wet n Wild มีเคาท์เตอร์กระจายตามห้างต่างๆเยอะอยู่
11) มาสคาร่าด้ามชมพูลายจุดจากไดโซะ รุ่น Volumn mascara
เป็นมาสคาร่าไว้ปัดขนตาแบบใสๆไปเรียนหนังสือ ปัดขนตาได้เรียงเส้นสวย ดูเป็นธรรมชาติ ปัดแล้วดูหนาและยาวขึ้นเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แปลกใจตรงที่ว่าแท่งนึงใช้ได้นานหลายเดือนมาก เนื้อมาสคาร่าไม่แห้งหรือเกาะกันเป็นก้อนเลย
พิกัดและราคา: ร้านไดโซะ 60 บาทเท่านั้น
12) Kueimei Double Eyelid Tape ไซส์แอล
เกิดเป็นสาวหมวยตาสองชั้นหลบในไม่พอ วันดีคืนดียังตาบวมจนชั้นตาสองข้างไม่เท่ากันอีก สติกเกอร์ตาสองชั้นเป็นนวัตกรรมที่มาช่วยชีวิตสำหรับวันที่อยากหน้าเป๊ะ 360 องศามากๆ อันที่จริงเราก็ลองมาหลายยี่ห้ออยู่ เทป 3M ก็เคยตัดแปะตาเองมาแล้ว แต่แบบนางติดแน่นเกิ๊น ดึงออกทีนี่ทรมานผิวเปลือกตามาก แถมติดทีก็ดูรู้เลยว่าติดสติกเกอร์ตาสองชั้น แต่สติกเกอร์ตัวนี้ต่างออกไปตรงที่ว่าลักษณะจะเป็นเทปพลาสติกบางๆที่มีเส้นสีเนื้อเป็นตารางถี่ๆบนเนื้อเทป ติดเสร็จก็จะค่อนค้างเนียนและดูไม่ออกว่าทำอะไรมาตาสวยจังเลย 55555 ข้อแนะนำคือควรติดก่อนลงรองพื้นหรือเบสเมคอัพที่เปลือกตาจะอยู่ทนทั้งวัน
พิกัดและราคา: อีฟแอนด์บอย กล่องละ 59 บาท มี 200 คู่
13) Wet n Wild Color Icon Blusher สี Heather Silk & Pearlescent Pink
บลัชออนตัวนี้เป็นไอเท็มที่ดีเกินความคาดหมายมาก ตอนแรกได้สีชมพูเข้ม Heather Silk มาก่อนตอนที่ทำกิจกรรม monthly contest กับพี่แพร แพรี่พายเมื่อปีที่แล้ว ส่วนอีกสีเพิ่งได้มาจากการร่วมกิจกรรมกับทาง Wet n Wild ซึ่งตอนได้มาเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอก แต่พอลองแล้วติดใจเลย เพราะเนื้อสีละเอียด พิกเมนต์แน่น และติดทนทั้งวัน ขนาดแคทเป็นพวกชอบนอนเลื้อย เอาแก้มถูแขนบ้าง ซุกกับเสื้อหนาวบ้างสียังเหลือพอเห็นถึงตอนเย็น สี Heather Silk จะเป็นสีชมพู แบบชมพู้ ชมพูววว เวลาปัดต้องเบามือนิดนึงเพราะพิกเมนต์นางมาเต็มมาก ปัดเสร็จจะได้ลุคสาวหวานน่ารัก ส่วนสี Pearlescent Pink เป็นสีชมพูอมส้มมีชิมเมอร์ผสมมาด้วย เป็นสีที่ปัดง่ายเข้ากับเมคอัพหลายแบบ ดูจากสีในตลับเหมือนชิมเมอร์อลังการแต่พอลองปัดแล้วได้ลุคโกลวๆมากกว่า
ราคา: 199 บาท
14) Gino McCray the Artist Eyelash Curler
ใช้มากี่ยี่ห้อก็ต้องกลับมาตายรังที่ตัวนี้เพราะมันพอดีกับรูปตาเรามากๆ เวลาใช้เราแค่หนีบเบาๆไม่กี่ทีขนตาก็เด้งสวยแล้ว เคยลองใข้ที่ดัดขนตาแบบไม่มีสปริงแล้วรู้สึกว่าใช้ยากแปลกๆ อย่างที่ดัดขนตาชูอูเอมูระที่ใครๆว่าดี แต่พอลองแล้วกลับไม่ค่อยพอดีกับเบ้าตาเราเท่าไหร่ อีกอย่างคือที่ดัดขนตาตัวนี้ราคาต่างจากแบรนด์ดังๆสี่ห้าเท่าตัว เราใช้ตั้งสองปีกว่าจะพังแน่ะ
พิกัดและราคา: ร้าน Beauty Buffet 125 บาท
15) Urban Decay All Nighter Long-lasting Makeup Setting Spray
ตัวนี้เป็นไอเท็มเด็ดสำหรับการแต่งหน้ารับปริญญาเลยก็ว่าได้ เอาไว้ใช้ฉีดตอนแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อย หน้าที่ของมันคือจะช่วยทำให้เมคอัพบนหน้าเราติดทนมากยิ่งขึ้น สเปรย์ตัวนี้ไม่ได้ช่วยในการคุมมันเท่าไหร่ แต่จะทำให้เครื่องสำอางไม่ไหลย้อยมากองรวมกันมากกว่า สิ่งที่เราชอบมากๆคือไอเท็มนี้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ไม่ทิ้งฟีลลิ่งความเหนียวเหนอะหรือเป็นฟิล์มเคลือบผิวจนหน้าตึง เอาจริงๆถ้าเป็นคนชอบให้หน้าเป๊ะเช้าจรดค่ำแคทคิดว่าใช้ได้ทุกวันเลยนะ ขวดนึงน่าจะใช้ได้นานอยู่
พิกัดและราคา: ไซส์ 118 มล. ราคาเต็ม 1300 บาท จากเว็บเซ็นทรัล
ครบแล้วสำหรับ 15 ไอเท็มเด็ดแห่งปีที่แคทอยากมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองกัน ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและปัจจัยแวดล้อมอื่นๆด้วย เอาเป็นว่าขอให้กระทู้นี้เป็นแนวทางให้สาวๆซื้อเครื่องสำอางที่คุ้มแค่แก่การเสียเงินละกันนะค้า
Discussion (18)