[รีวิวคิวชูเหนือ เจแปน] ชะนีป่วยน้ำมูกไหล ไป slow life ที่คิวชูเหนือ :: ลุยเดี่ยว 8 วัน 8 เมือง 8 องศา เหย..ไหวนะ

สวัสดีฮ่า ทุกคน กระทู้นี้บีจะมารีวิวทริปคิวชูเหนือครั้งแรกในชีวิตของบีกันนะ

จะเรียกรีวิว ก็เขินๆ เพราะเอาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่ารูทที่บีไปเนี่ย มันโอเครึเปล่า เรียกว่าเป็นบันทึกการเดินทางที่เปี่ยมสุขมาก ๆ แล้วกัน แม้ว่าก่อนไปนี่ป่วยหนักมาก ทั้งไอ น้ำมูก ตาบวม คือผ่าน ตม.ออกไปได้นี่ถือว่าเก่งมากจริงๆ

Warning!

  • กระทู้นี้อวดรูปตัวเอง (เน้นวิว ไม่เน้นหน้า เพราะหน้าไม่ดี แต่ขอให้ชั้นได้อยู่ในรูปหน่อยเถอะ ไม่งั้นก็ google หรือดูวิวใน postcard เอานะแก)
  • รูปก็แต่งบ้าง ไม่แต่งบ้างนะ ที่แต่งก็เอาไว้ลง IG แต่ไม่คุมโทนค่ะ เน้น feel ตอนนั้นเป็นหลัก
  • ข้อสุดท้าย มีภาษาวิบัติบ้าง เพื่ออรรถรสในการอ่านนะคะ
(ลบข้อความบางส่วน ไม่อนุญาตให้โปรโมทโซเชียลส่วนตัวในกระทู้จ๊ะ : จีบันทีม)

เริ่มเถอะ!

เริ่มจากโปรแกรมกันเลยนะจ้ะ เป็นแพลนกึ่งชะโงก กึ่งทิ้งตัว

คือไปทั้งที ก็อยากจะไปมันครบทุกที่เลย ยุฟุอิน คุมาโมโต้ เบปปุ แต่ก็ต้องค้างนะจ้ะ ไม่อยากแค่เดิน ๆ แป๊ป ๆ แล้วก้กลับ มันต้องดื่มด่ำจั๊กหน่อย

บีไป 6-13 ธ.ค. ได้ตั๋วถูกราคาไปกลับ 11,572 บาท

โปรแกรมคือ

Su6 ไปถึงฟุกุ 9.30 > ไป Mojiko port > นอน hakata green hotel no.2

Mo7 ไปเกาะแมว เกาะ Ainoshima (藍島) > นอน hakata green hotel no.2

Tu 8 ไป Beppu> นอน Beppu : Ryokan Nogami Honkan

We 9 ไป yufuin > นอน yufuin Hasuwa inn

Th 10 เดินทางจาก yufuin > ไปนอน Kumamoto APA Hotel Kumamoto Koutsu Center Minami

Fr 11 จาก kumamoto > นั่งบัสไป Kurokawa onsen > กลับมานอน kumamoto APA Hotel Kumamoto

Sat 12 ออกจาก kumamoto > ไป Mt.Aso > นอน hakata green hotel no.2

Sun 13 กลับ 10.20

บีลากกระเป๋าเดินทาง 28 นิ้วไปพักทุกที่ฮ่ะ

บีว่าการลากกระเป๋าไปต่างเมืองไม่ได้ลำบากมาก เพราะรถไฟเค้าก็มีที่เก็บกระเป๋าดี และสถานีก็มีลิฟท์ ...บีว่าโอเคเลยนะ กับแพลนนี้

เริ่มวันแรก!

แลนดิ้งปุ๊ป ผ่านตม.ปั๊ป ก็ต้องหารถไปโรงแรมนะจ้ะเด็กๆ

ถ้าเอาสะดวกที่สุดก็น่าจะเป็นบัสหน้าแอร์พอร์ต หมายเลข 2 ไปลง bus stop ที่ hakata ได้เลย

แต่บีแลกเงินไปแบงค์หมื่นล้วน ๆ กลัวโดนด่าเหมือนตอนขึ้นสาย 8 บ้านเรา เลยไป subway จะได้จัดการแตกแบงค์ด้วยการเติมเงินใน suica ที่สถานีรถไฟ

ดังนั้น บีต้องนั่งรถเวียนจาก International terminal ไปขึ้นรถไฟที่ Domestic terminal และต่อ subway ไป hakata station อีกที

ไปถึงสถานี hakata ก็จัดการซื้อ JR Kyushu Pass ให้เรียบร้อยนะ บีเลือกไปแค่ Northern Area ก็จะประหยัดไปอีกคือ เอา 5 วัน ราคา 10,000 เยน จะใช้แค่วันที่ 8-12 Dec ส่วน 6-7 ก็เที่ยวๆแถวฮากาตะ ใช้ suica เอา

ซื้อ JR Kyushu Pass เสร็จก็จองที่ันั่งรถไฟให้เรียบร้อยนะ เพราะว่าคิวชูเนี้ย เค้าเด่นเรื่องการนั่งรถไฟ ยิ่งขบวนเด็ดๆ อย่าง yufuin no mori กับ aso boy เต็มได้นะจ้ะ อย่าชล่าใจ รีบจองก่อนเลย

โหลดฟอร์มจองรถไฟ เขียนไปตั้งแต่ไทยแลนด์ได้เลยฮ่ะ http://www.jrkyushu.co.jp/english/pdf/hakata_form.pdf

ไปถึงต่อแถว ยื่นใบเลย ไม่ต้องเสียเวลาเขียน

พอจองรถไฟแล้วก็สบายแล้วทีนี้ เดินออกจากสถานีไปโรงแรม 2 คืนแรกบีนอนที่ hakata green hotel no.2 ใกล้สถานีมาก ๆ แฮปปี้ ราคาก็ไม่แพง 2 คืนแรก โดนไป 3,550 บาท จองผ่าน agoda ห้อง single room

โรงแรมใกล้สถานีรถไฟแค่ไหนดูวิวเอา นั่งดูชินคันเซนเข้าๆ ออกๆ สถานีเพลินเลยล่ะ

อยู่ย่านนี้ไม่ต้องกลัวอดค่ะ เดินออกมา หน้าโรงแรมมีห้าง DEITOS ซึ่งมีร้านอาหารเปิด 24 ชั่วโมง....หิวเมื่อไหร่ ก็แวะมา ได้เลยล่ะ

บรรยากาศสถานี Hakata ทั้งกลางวัน และกลางคืน...สวยงามมม

ตอนที่บีไปมี christmas markets ด้วย ดี๊ดี

อ๊ะ เชคอิน เก็บกระเป๋า นั่งพักบนห้อง ใช้ free wifi โหลด LINE ติ๊กเกอร์ฟรีญี่ปุ่นเสร็จ ออกไปลั๊ลลากันเถอะ

(นี่พูดเลยนะ LINE ติ๊กเกอร์ฟรีญี่ปุ่นเนี่ย นั๊ลล๊าคคคมาก แฮปปี้ ลิมิเต็ดอิชั่น ส่งหาเพื่อนที่ไทยให้ได้อิจฉารัวๆกันแบบเรียลไทม์)

วันแรกบีนั่งชินคันเซนไป MOJIKO เลย แต่ไม่รู้เพราะป่วย น้ำมูกไหล ไอตลอดทางรึเปล่านะ รู้สึกวันนี้ไม่ค่อยจ๊าบเท่าไหร่

หรือเพราะ MOJIKO ย่านท่าเรือเล็ก ๆ ไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไหร่

ที่น่าสนใจก็จะมีสถานีรถไฟนำเที่ยว ชิโอคาเซ่ (Kyushu tetsudokinenkan) ซึ่งเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดของญี่ปุ่น และเวิ้งท่าเรือริมน้ำ มีร้านอาหาร ร้านขายของมากมาย

และที่นี่ยังมักจะมีกลุ่มนักแสดงเปิดหมวกอยู่ด้วย บีเจอคุณลุงกับน้องลิงกำลังทำการแสดงเปิดหมวกอยู่ น้องลิงนี่แสนรู้มากๆ เลยอ่ะ

ใครสนใจที่นี่ก็นั่งรถไฟ JR สายคาโงะชิมะ(Kagoshima Line)ไปลงที่สถานีโมจิโกะ(Mojiko) แล้วเดินเที่ยวได้เลยค่ะ

น้ำมูกยืดย้อย ไอเป็นหมาเห่า วันนี้เลยรีบเข้านอน พรุ่งนี้เช้า เราต้องไปเกาะแมวกันเฮ้!

วันที่ 2

รีบออกจากโรงแรม นั่ง JR ไปลงสถานี FUKKODAIMAE แล้วออกจากสถานีมายืนรอรถบัส แต่บีแอบแวะเข้าห้องน้ำที่สถานีนานไปหน่อย ออกมาบัสไปแล้ว ก็เลยนั่ง Taxi จากสถานี FUKKODAIMAE ไปที่ท่าเรือเลย บอกเค้าว่าไปท่าเรือเกาะแมว เมี๊ยวๆ คนขับ taxi เก็ทเลยข่า

ถ้าไปบัสก็ 100 เยน ถ้า Taxi ก็ประมาณ 1000 เยนนิดๆค่ะ

พอถึงท่าเรือก็ซื้อตั๋วเรือกันที่ตู้ขายอัตโนมัติได้เลย คนละ 460 เยน บีเอาตารางเวลาเรือทั้งขาไป ขากลับมาฝากค่ะ

ที่ท่าเรือนี่บีก็หมดอาหารแมวไป 1 หลอดเรียบร้อย เพราะเจ้าน้องแมวนี่มารอกันตั้งแต่ท่าเรือเลยทีเดียว

เรือก็เป็นเฟอรี่ลำใหญ่ นั่งสบายเลย นั่งไป 15 นาทีก็ถึงเกาะแล้วจ้า

ลงเรือปุ๊ป ลงนั่งซึ๊ดขี้มูกปั๊ป เจ้าน้องแมวตัวอ้วนก็เข้ามาเคล้าคลอเคลียเลย

อร๊างงงง สวรรค์ของเจ๊ แมวเหมียวที่นี่เฟรนด์ลี่มากเลยนี่นา

เดินบริจาคอาหารแด่แมวอ้วนผู้หิวโหยไปตามทางเรื่อย ๆ ก็แมวเยอะอยู่นะคะ

แมวที่นี่ก็น่าจะมีเจ้าของนะ บางตัวก็มีปลอกคอ บางตัวบีเล่น ๆ อยู่ เจ้าของก็มาเรียกให้นางเข้าบ้าน ก็มี

อะ..ลงรูปแมวรัวๆ

อากาศเย็นจริงค่ะ แต่วันนั้นแดดก็แรงไม่แพ้กัน คนป่วยเดินต่อไปไหว นั่งเล่นแมวอยู่แถวท่าเรือนั่นแหละ เลยไม่รู้ว่าในเกาะมันมีอะไรน่าสนใจบ้างจริงๆ เท่าที่ดูก็เป็นบ้านคนปกตินะ

พอได้เวลาเรือขากลับ ก็ซื้อตั๋วกลับ (จากตู้อัตโนมัติเช่นเดิม) และไปรอเรือที่ท่าเรือ แล้วก็กลับเส้นทางเดิมค่ะ ขึ้นบัสจากท่าเรือมาที่สถานีรถไฟ กลับ hakata

เย็นนี้บีไป subway ไปหาอะไรทานที่ tenjin ไปเจอร้านมุ้งมิ้งๆ ที่ Fukuoka PARCO คือออกจาก subway tenjin ก็ทะลุขึ้นห้างได้เลย ร้านอยู่ชั้น 5 เป็น pop-up store เปิดถึง 28 ธันวาคมนี้นะ ใครไปช่วงนี้ อย่าลืมไปมุ้งมิ้งกัน

บีกิน The Kiki and Lala Starlit Sky Eclair ราคา 1,280 เยน ผมของ Kiki and Lala ทำมาจากสายไหม น่ารัก อร่อยใช้ได้ฮ่ะ

กินอิ่มก็กลับไปโรงแรม กินยา นอน Zzzzzz

พรุ่งนี้ไป beppu กันแต่เช้านะเด็กๆ

วันที่ 3

นั่งรถไฟ yufuin no mori 3 ไป beppu

yufuin no mori ที่จะไปลง beppu เลยมีน้อยรอบ ต้องจองก่อนนะ อย่าลืม!

บีไปรอบ 10.25 ถึง เบปปุ 13.35

อ้อตารางรถไฟ yufuin no mori ไม่มีใน hyperdia นะคะ ใครอยากรู้ตารางรถไฟในคิวชูโดยเฉพาะให้ดูในลิงค์นี้ดีกว่า https://www.jrkyushu.co.jp/english/pdf/time_tabel02.pdf

ระหว่างอยู่บน yufuin no mori ก็เดินไปถ่ายรูปที่ตู้โน้นนี้ ตู้สุดท้าย เป็นกระจกให้เห็นทางรถไฟ บรรยากาศดี๊ๆ

และมีตู้ที่นั่งชมวิวกว้างได้ด้วย ที่สำคัญอย่าลืมหยิบ postcard มาเก็บไว้เป็นความทรงจำ (คนละ 1 ใบพอนะ)

บีจัด Yufuin Wappa Bento Lunch Box มาด้วย 1 กล่อง ราคา 720 เยน

เพราะเป็น bento ที่ popular มากสำหรับสาวๆชาวมุ้งมิ้ง

แต่อ่า....นี่มันข้าวปั้นคลุกผักนี่นา แล้วบีไม่กินผักอ่ะ เหม็นเขียวปักมากเลย บัยยยส์ (ปิดฝา ใส่ถุง ทิ้ง จบปึ้ง!)

ระหว่างทางวิวดีมาก ๆ เห็น Minou Mountains ตลอดแนว จากว่าจะหลับนี่ ไม่ได้หลับเลยเอาจริงๆ

พอถึงเบปปุ ก็ลากกระเป๋าไปที่พักชื่อ Ryokan Nogami Honkan แต่ห้องที่บีจองเป็น modern Japanese style นะคะ ราคา 1,283 บาท จองผ่าน agoda เหมือนเดิม

การเดินทางก็ไม่ไกลจากสถานี beppu มากค่ะ ออกมาทางสถานี ทางรูปปั้น Shiny Uncle เดินตรงไปเรื่อยๆ พอถึงห้าง tokiwa ก็เลี้ยวขวาเข้าซอยเรื่อย ๆ ก็เจอเลย

ห้องสะอาด นอนสบาย แต่ต้องใช้ห้องน้ำรวมนะ ห้องอาบน้ำก็เป็นออนเซ็นรวม (แต่แยกชาย หญิง)

สำหรับคนไทยขี้อาย มี private onsen ซึ่งเสียเงินเพิ่ม 1080 เยน และต้องจองตอนเชคอินค่ะ

บีไม่หวั่น อาบมันออนเซ็นรวมนี่แหละ ก็มีคุณป้าชาวญี่ปุ่น 1 คนอาบด้วยกัน ต่างคนต่างหันคนละมุม ไม่แอบดูกัน แฟร์ๆค่ะ 55555

เชคอินเสร็จบีก็ออกมาจะซื้อทัวร์ไปบ่อนรก 8 บ่อ แต่เจ้าหน้าที่บอก แก๊....บ่อมันปิดห้าโมง แกมาซะป่านนี้แล้ว อย่าไปเล้ยยย

แต่เราก็ เหย.....แล้วจะให้เราไปไหนอ่า ไม่เอาๆ ดิ้นๆ จะไปๆ

นางเลยบอกว่า งั้นยูก็นั่งบัสไปดูแค่บ่อ 2 บ่อแล้วกันนะ ถ้าจะกระเหี้ยนกระหือรือขนาดนี้ พร้อมยื่นตารางรสบัสมาให้

บีก็เลยนั่งบัสไปเอง ไม่ต้องซื้อบัตรทัวร์บุฟเฟ่ต์

ค่าบัสขาไป 330 เยน ค่าเข้าน้ำพุร้อน บ่อละ 400 เยน วันนี้เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไป Umi-Jigoku (Sea Hell)

นอกจากบ่อน้ำพุร้อน ก็ยังมีส่วนของสวนญี่ปุ่น และเสาแดงให้ถ่ายรูป เรียกว่าทิ้งตัวยาวจนถึงเวลาปิดเลยล่ะค่ะ

พอ Umi-Jigoku ปิดบีก็นั่งบัสกลับไปที่ beppu station หาอะไรกิน ก่อนกลับไปแช่ออนเซนกับคุณป้าที่เล่าไป ก่อนกินยา ....นอน

ทริคการขึ้นรสบัสนะจ้ะ (เป็นแบบนี้ทุกที่ทั้งเบปปุ, kumamoto นะ)

คือขึ้นประตูหลัง ลงประตูหน้า

ตอนขึ้นถ้ามี suica แตะโลด ถ้าไม่มีหยิบกระดาษใบน้อยๆมาด้วย ในนั้นจะมี number ของเรา

พอตอนลงก็ดูที่จอหน้ารถว่า number ของเราค่าโดยสารเท่าไหร่แล้ว

ถ้าเหรียญไม่พอ เค้ามีตู้แลกเหรียญตรงที่หยอดค่าโดยสารนั่นแหละ ใส่แบงค์พันเยนไปได้ เดี๋ยวเครื่องจะคายเหรียญให้เรา แล้วค่อยไปหยอดค่าโดยสารให้พอดีอีกที

ถ้ามีแบงค์หมื่นก็ไม่ต้องตกใจอีก ยื่นให้คุณคนขับรถได้เลยค่ะ นางมีซองเงินไว้ให้แลกแบงค์ใหญ่ ไม่โดนด่าและโยนมาเป็นถุงเหรียญแบบสาย 8 บ้านเรา (แลดูมีปมกับสาย 8)

แต่เพื่อความสะดวก สบายและคูล แนะนำให้เตรียมไปพอดี หรือใช้ suica โลดค่ะ

Suica ก็แตะทั้งขาขึ้น และขาลงนะคะ คูลๆ

วันที่ 4

ตื่นจ้า ตื่น วันนี้แหละ เราจะไปบ่อนรกที่เหลือ แต่วันนี้เราต้องออกจากเบปปุ 13.30 เพื่อไป yufuin ต่อ

ไม่อยากรีบเป็นทัวร์ 9 วัด ก็เลยไม่ซื้อทัวร์บุฟเฟ่ นั่งบัสตรงไปบ่อ Chinoike Jigoku ที่เป็นน้ำสีแดง

ระหว่างทางที่บัสมา Chinoike Jigoku แอบเห็นวิวเมืองมุมสูงดีมากกก ขากลับก็เลยนั่งบัสมาลงป้ายใกล้ ๆ ตรงนี้ เดินย้อนมาแวะถ่ายรูปซะหน่อย

ชอบอ่ะวิวมุมสูง ที่มีควันจากบ่อน้ำร้อน ลอยอยู่ทั่ว อเมซิ่ง ขนาดท่อระบายน้ำควันยังลอยออกมาเลย ยุงลง ยุงลายตายเรียบ ดีย์!

ใกล้ถึงเวลาต้องกลับ และก็นั่งบัสกลับสถานีรถไฟเพื่อให้ทันเวลารถไฟออก เดี๋ยวเราจะไปยูฟุอินกัน คราวหน้านะ จะมาให้ครบ 8 บ่อเลย

จาก beppu ไป yufuin ก็มีรถไฟทั้งหมด 3 เที่ยว แต่บีเลือกเที่ยวแรก YUFU 4 เลย อยากไป yufuin แล้วนี่นา....

เมื่อไปถึง yufuin บีก็เปิด google map เพื่อไปยังที่พัก Hasuwa Ryokan ซึ่งเจ้า google map นี่พาหลง พาอ้อมเดินลากกระเป๋าข้ามทางรถไฟสุดฤทธิ์

ดังนั้น แนะนำไว้เลยนะคะทุกท่าน ส่งอีเมล์ไปยังที่พัก แล้วแจ้งให้เค้ามารับที่สถานีรถไฟได้เลย (เพราะขากลับบีให้เค้ามาส่งที่สถานี ซึ่งเค้ามารับคนที่จะเชคอินวันนั้นพอดี)

กล่าวถึงที่ที่พัก Hasuwa Ryokan คือดีงาม สามสิบแปดกะโหลกมากกกกกกกกกก

จองผ่าน booking.com ดังนั้นเตรียมเงินเยนไปจ่ายที่นั่น คืนละ 8000 เยนนะคะ

ที่ว่าดีงาม คือเป็นเรียวกังแท้ ๆ จริงจัง มีตู้เก็บฟูก เก็บผ้าห่ม เหมือนในการ์ตูนโดเรมอน

มีโต๊ะฮีทเตอร์ (โต๊ะโคะตะทสึ) ที่จุกกับพี่หมีแอบจูบกันในซีรีย์ซากะ

ทั้งเรียวกัง ทั้งหมดมี 6 ห้อง มีออนเซนส่วนตัว 2 ห้อง ห้องอาบน้ำอีก 2 ห้อง แต่ห้องส้วมส่วนตัวอยู่ในห้องนะ

เพราะงั้นรีบจองนะจ้ะ เต็มตลอด คนไทยทั้งนั้นแหละที่ไปพัก เค้าเลยมีพนักงานคนไทยเลย สบายเลยที่นี้ ให้เค้าช่วยแนะนำที่เที่ยว ที่กินสุดฤทธิ์

อ้อ....มีจักรยานให้ขี่ฟรี 3 คันด้วยค่ะ แต่ 3 คันจะไปพออาร้ายยยย เค้าเอาออกไปกันตั้งแต่เช้าแล้ว เราเลยต้องเดินเท้าไปต่อนะจ้ะ

ถึงจะมีพนักงานคนไทยบอกทาง... อีชั้นก็ยังหลงค่า เพราะด้วยความไม่รู้จักซ้ายขวา พนักงานให้แผนที่มาให้ไปซ้าย อีชั้นไปขวาค่ะ

เดินไป เดินไป เหยยย ทำไมไม่มีคนเลยวะ มีแต่ทุ่งนา แต่ก็ดี๊....ถ่ายรูปรัวๆ

แล้วก็เดินไปเรื่อยๆๆๆ อ่า ตูว่านานไปแระ เค้าบอก 20 นาที ทำไมฉันเดินมาจะชั่วโมงแล้วฟ่ะ เปิด google map แล้วเดินตามไปโลด

โอ้โหวว ทำไม google map พาเข้าป่า เข้าดง เข้าสวนหน้าบ้านคนอื่นเค้ายั้งงี้ล่ะเห้ย แต่ไม่เป็นไร เดินไป ถ่ายรูปไป จนถึงทะเลสาบ ก็เลยถึงกับบางอ้อว่า...ตายล่ะ เรามาผิดทาง

แอบเห็นผู้คนมากมาย เดินมาจากอีกฝั่งนึง

แต่ก็ดีนะ เราได้มาทาง unseen ได้เดินดูธรรมชาติจริง ๆ แฮปปี้จุง

(ภาพแผนที่ คุณพนักงานให้มาทางเส้นสีแดง บีมาทางสีฟ้าค่า....มั่นหน้ามาก)

เมื่อถึงทะเลสาบ Kirinko Lake ก็แบบ โอ้วว สวยสงบมากเลย มีสะพาน มีร้านอาหาร ใบไม้สีแดง

ทิ้งตัว ถ่ายรูปยาวๆ

เมื่อเริ่มจะเย็นแล้วก็เดินตามผู้คนกลับทางที่ถูกต้องแล้วล่ะ เดินไปเดินมา ก็จะถึงถนนคนเดิน

โอ้ววว ของกินเพียบเลยนะฮะ ดี๊ดี ร้านขนม ร้านของที่ระลึกก็มากมาย เดินกันยาวจนพระอาทิตย์ตกอ่ะค่ะ

พอพระอาทิตย์ตกเท่านั้นล่ะ เริ่มมืด เริ่มหนาว คนเริ่มหาย บีก็เดินดุ่มๆคนเดียวกลับที่พัก

ทางเดินกลับ โอ้ยย ชิวมาก เป็นทางเดินริมคลอง มีจังหวะเดินข้ามคลองด้วยนะ โอ้ยย รักที่นี่มันธรรมชาติมากๆ

พรุ่งนี้จะตื่นเช้า ช่วงชิงจักรยานมาชิวแถวนี้ให้ได้เลยเชียว

วันที่ 5

ตั้งนาฬิกาปลุกตีห้าครึ่ง แอบเปิดกระจกดู โอ้ว ยังมืดอยู่เลยนอนต่อ

หกโมง แอบเปิดกระจกดู โอ้ว ฝนตกนี่น่า เปิด google เชคสภาพอากาศ ตายล่ะวันนี้ฝนตกทั้งวัน

แพลนขี่จักรยานชมเมืองเป็นอันต้องล่ม วันนี้ตอนเช้าก็เลยแช่ออนเซ็นแก้เซ็ง เอ้ย! แก้หนาว

แช่ออนเซ็นตอนฝนตกนี่มันสบายดีแท้....

พอ 10 โมงได้เวลาเชคเอ้าท์ ก็ให้พนักงานที่เรียวกังไปส่งที่สถานีรถไฟ

เดินเล่น หาร้านขนมกิน เพราะร้านอาหารส่วนใหญ่เปิด 11 โมง และยูฟุอินเด่นเรื่องขนมเค้กนะจ้ะ

พอเที่ยงก็มาเตรียมตัวขึ้นรถไฟ ไป kumamoto ครั้งนี้ต่อนั่ง 2 ต่อนะ คือ Yufuin no mori ต่อด้วย ชินคันเซน ให้ JR pass ยาวๆไป

มาถึง kumamoto ฝนก็ยังตกตลอดเว อยู่ บีเลยนั่ง taxi มาที่โรงแรมเลย จะได้ไม่ลำบากขนกระเป๋าขึ้น tram เดินลากกระเป๋า ถือร่มอีก โอ้ยย บ้าหอบฟางไป๊

โรงแรมที่บีพักคือ APA Hotel <Kumamoto Kotsu Center Minami> ถ้ามา taxi ก็ประมาณ 1000 เยน

ถ้านั่ง tram ก็ขึ้นบัสจากหน้าสถานีรถไฟ Kumamoto ไปลงที่ป้าย Keitokukomae ป้ายหมายเลข 7 ได้เลย

จากโรงแรมเดินไปปราสาท kumamoto ประมาณ 15-20 นาทีชิวๆ แล้วอยู่ใกล้ sunroad shinshiga แหล่งรวบรวมอาหาร และศูนย์รวมความบันเทิง (ปาจิงโกะ

เดินออกไปจนถึงปราสาทคุมาโมโต้แล้วก็บับ...ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ สงสารน้องกล้อง จะตั้งกล้องตากฝนยังไงไหว

ก็เลยกลับหลังหัน เดินกลับโรงแรม กินยา....นอน

วันที่ 6

วันนี้จับรสบัสไป kurokawa osen กันพวกเรา

วิธีการจองรสบัส คือเราส่งเมลล์ไปเปล่าไปที่ br-en@kyusanko.co.jp

แล้วเค้าจะมีเมลล์กลับมาพร้อมลิงค์ให้เราไปใส่รายละเอียด ว่าจะเดินทางวันไหน จากที่ไหน ไปลงไหนอะไรแบบเนี้ยยย

เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.kyusanko.co.jp/sankobus/english/rsv_kyushuodan/

บีเลือกขึ้นบัสจาก kumamoto station ยาวๆไป kurokawa เลยเกือบ 3 ชั่วโมง เพราะเค้าว่ากันว่า วิวข้างทางมันดีงามเหลือเกิน

ถ้าใครเลือกแบบนี้ ก็ไปยืนรอบัสที่ bus top ป้ายเลข 3 อยู่ขวามือ เมื่อเดินออกมาจาก kumamoto station นะ

ไปยืนรอจนบัสมาจอด ตรงเวลาเลย บีเลือกขาไป รอบเช้าสุดเลย 8.04 น. จะถึง kurokawa 10.44 น.

ซึ่งเราสามารถจ่ายเงินให้คนขับบนบัสได้เลย 2060 เยน ตอนลง

ระหว่างทางบัสจะจอดให้เข้าห้องน้ำที่สถานี aso station 1 ครั้ง

ถ้าใครสะดวกจะขึ้นบัสที่ aso station ก็สามารถทำได้เหมือนกัน

ผ่านวิวข้างทางที่ดีงาม แบบที่อยู่ในรถแล้วบีดิ้นๆอยากจะลงไปถ่ายรูปตลอดเวลา

และแล้วก็ถึง kurokawa osen ใครมีกระเป๋าใหญ่มาตรงนี้ลำบากหน่อยเน้อออ เพราะทางลงเป็นบันไดหลายขั้นเลยค่ะ

พอลงบันไดมา ก็เดินเลี้ยวขวาตามทางไปเรื่อย ท้าด่า...เจอแล้ววว สะพานข้ามคลอง

โอ้โหว เป็นเมืองที่สวย สงบมาก คนไม่พลุกพล่าน เดินไปได้ยินเสียงน้ำไหลไป มีความสุขมากจริงๆ

วันนี้ฝนก็ยังปรอย ๆ มาให้หนาวเป็นระยะๆ ดังนั้นการเข้าไปแช่เท้าในน้ำร้อน ระหว่างทาง (ฟรี) แล้วดูน้ำไหลในลำธารไปด้วย มันเป็นอะไรที่ชิวมากกก

ที่นี่มีออนเซ็นสาธารณะแบบหยอดเหรียญด้วยนะ 200 เยน เข้าไปเล้ยยย ออนเซ็นรวม แช่ตู้ม...สบายใจ

เชียงคานมีเซเว่นที่ไม่ใช่สีเขียวแดงฉันใด คุโรคาว่าก็มีตู้โค้กที่ไม่ใช่สีแดงฉันนั้น

ชอบนะที่เค้าคงความเก่า เก๋าไว้แบบนี้

เดินเล่น ฟังเสียงน้ำไหลไปมา ก็กลับเถอะ กลับไป kumamoto กัน

กว่าจะถึง kumamoto ก็ฟ้ามืดแล้ว ไปไหนต่อไม่ได้แล้ว บีเลยเดินหาอะไรกิน ซื้อของฝากที่ร้านดองกี้ (Don Quijote) แล้วกัน

ใกล้ๆร้านดองกี้ มีร้านปิ้งย่างเสียบไม้ (Yakizen) อยู่ร้านนึง โอ้ยย ซอสดีงามมาก จัดหัวใจไก่ กับเบค่อนพันใส้กรอกมา ...เบิ้ลด้วยข่า คือดีจริงๆ

พออิ่ม ก็เดินกลับที่พัก เตรียมตัวเก็บกระเป๋า วันพรุ่งนี้เราจะไป mt. aso กัน แล้วเย็นก็กลับ hakata โลด

วันที่ 7

ตื่นเช้า ลากกระเป๋าขึ้น tram ไปฝากใน locker ที่ kumamoto station

จากเดิมจอง aso boy 101 ไว้ออกจาก 10.28 น. แต่ก็อยากไปเร็วๆ อ่ะเนาะ เพราะวันนี้เชคมาว่า ปากปล่อง aso ไม่เปิด ไม่มี cable car ขึ้นไป ก็เลยกะว่า ถ้าเวลาเหลือๆ จะไปเยี่ยมปังคุงกับเจมส์ ที่สวนสัตว์ Cuddly Dominion ที่อยู่ไม่ไกลจาก aso station มากนัก

ก็เลยเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟ Kyushu-Odan-Tokkyu 2 รอบ 8.35 น. รีบๆขนาดนี้ เลยซื้ออาหารกล่องจาก family mart ไปกินบนรถไฟ

ถ้าไม่ได้จองตั๋วรถไฟก่อน เสี่ยงกับการที่นั่งเต็มมาก ซึ่งก็ถูกกกก ขบวนนี้ก็ seat เต็มจ้า

โชคดีที่ Kyushu-Odan-Tokkyu มีตู้สำหรับ non-reserved ด้วย

ก็เลยต้องไปรีบยืนต่อคิวเข้ารถไฟ จะได้นั่ง เพราะใครมาช้า ...ยืนตลอดสายนะจ้ะ

(ปล. Aso boy กับ yufuin no mori ไม่มีตู้สำหรับ non-reserved นะ ต้อง-จอง-เท่า-นั้น ห้ามแอบขึ้นด้วย ไม่ดี อายเค้า)

พอไปถึงสถานี ก็ไปซื้อตั๋วรสบัสซะ (มีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ) หรือจริง ๆ จะจ่ายบนบัสตอนลงก็ได้

ค่าโดยสารจาก Aso staion ไป Mt. Aso 650 เยน

แต่จาก Aso staion ไป Kusasenri 570 เยน

บีซื้อตั๋ว 650 เยน น่ะแหละ แต่พอถึง bus stop ของ Kusasenri ก็ตื่นเต้น ขอลงเลยค่า...ซึ่งพี่คนขับรถก็ไม่ว่าอะไร อยากขาดทุนก็ตามใจแก

ก็ดูวิวสิเธออออ.....ควันจาก Mt.Aso กำลังพวยพุ่งออกมา แล้วทุ่งหญ้า Kusasenri ก็ช่างกว้างขวางน่าวิ่งเล่นเสียจริง

คนก็ลงสถานีนี้น้อย เพราะเค้าไป Mt. Aso กันหมด

บีวิ่งเล่นอยู่ที่ทุ่งหญ้าแป้ปนึง ก็เดินขึ้นเนินไปดูควันจาก Mt.Aso ใกล้ๆ โอ้ยยย ลมแรงมาก ขาตั้งกล้องล้มฟ่ำไปหลายที

หนาวมาก ปากแข็ง มือแข็ง น้ำมูกย้อยยันหัวเข่า แต่คือวิวดีอ่ะแก ฉันชอบ ฉันก็ทิ้งตัวยาวๆเลยทีนี้

ตรงลานจอดรถมีรถตู้ขาย hotdog อยู่ ฉันก็ซื้อทานแก้หนาวไปได้จั๊กหน่อย

ตรงนี้ดีงาม ฉันอยู่ตรงทุ่งหญ้า Kusasenri 2 ชั่วโมงอ่ะแก แล้วก็นั่งบัสรอบ 12.39 ไป Mt.Aso

โอ้ย ข้างบนหนาวกว่ามาก อยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พยายามเดิน วิ่งข้ามเขาเป็นหนังอินเดียแล้วก็ยังไม่หายหนาว เลยมานั่งรอบัสเงียบๆในที่ขายของที่ระลึก พอบัสมา ก็ลงยาว ๆ ถึง aso station เลยค่ะ

ระหว่างก็ดีงาม มีพี่วัว ที่ขึ้นชื่อของ aso เดินกินหญ้าอย่างเอร็ดอร่อย นี่ถ้าไม่หนาวอยากจะลงไปถ่ายรูปใกล้ ๆ มาก ๆ เลย

ลงมาก็เย็นแล้วล่ะ อีกชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเวลารถไฟกลับ kumamoto จะทิ้งตั๋วไปหาปังคุงกับเจทส์ก็เสียดาย เพราะอยากนั่ง Aso boy ก็เลย เอาว่ะ! เจอกันรอบหน้านะ ปังคุง

ระหว่างรอรถไฟ ก็หาอะไรทานที่สถานี และข้าง ๆ aso station ก็มีร้านขายของที่ระลึก มีตุ๊กตุ่นพี่คุมะมงยืนยิ้มแก้มแดงอยู่

ที่นี่ขายพวกผัก ผลไม้ ขนม ของที่ระลึก แต่บีสะดุดที่สตอเบอรี่แพคใหญ่ wrap ลายคุมะมงนี่แหละ so cute จัดไป 4 แพคเบาๆ

พอได้เวลา 15:42 ก็จับรถไฟสาย Asoboy 104 กลับ komamoto กัน

อร๊างงงง รถไฟในคิวชูอันดับ 1 บียกให้ Asoboy นะ

น่ารักมุ้งมิ้ง มีพี่ Kuro ติดอยู่ทุกหนแห่ง มีตู้สำหรับเด็กน้อยด้วย แต่นั่งไม่นานก็ถึง kumamoto แล้ว

พอถึง kumamoto ซื้อของฝาก เอากระเป๋าใน locker เสร็จ ก็นั่งชินคันเซนกลับ hakata ไปนอนที่ hakata green hotel no.2 เหมือนเดิม

ใครที่ไม่อยากแวะซื้อของฝากขยักขย่อน ก็มารวบตึงที่ hakata station ได้เลยนะคะ ยิ่งกว่าเมอรี่คิง มีทุกสิ่งให้เลือกสรรค์มาก

ซื้อของฝากเสร็จ แพคกระเป๋า กินยา...นอน (จนวันสุดท้ายก็ยังไม่หายป่วย คือไร)

วันที่ 8.. ลากกระเป๋า AF ลง subway ไป Fukuoka airport station และนั่งรถเวียนฟรีจาก domestic terminal ไป international terminal กะว่าเห้ย! วันนี้แหละ ตูจะกินชาเขียวปั่น starbucks ให้จงได้ที่แอร์พอร์ท

(คืออยากกินตั้งแต่วันแรกแล้ว starbucks ก็อยู่หน้าโรงแรมเลย แต่ป่วยอะเนาะ ของเย็น ซอฟท์ครีมนี่ไม่ได้ตกถึงท้องเล้ย)

ปรากฎว่า.... Fukuoka airport ไม่มี starbucks ขายนะนักเรียน

#จบ

#ยังคงซึ้ดน้ำมูกหนึ่งที

#บัยส์

หมวดคำถามที่พบบ่อย

  • ใช้กล้อง xiaomi yi ที่เกาะแมว หลังจากนั้น fuji-xa2
  • ตั้งกล้องเองสิครัช ไปคนเดียวนี้นา ใช้ขาตั้งกล้องตัวน้อย ตั้งเวลาเอา 10 วิ.
  • ค่าใช้จ่ายทั้งทริป ค่าตั๋ว 11,572 บาท + ที่พัก 7 คืน 11,012 บาท + กิน เที่ยว ค่ารถไฟ บัส เรือ 21,500 บาทรวมเป็นทั้งทริป 44,084 ว้าาาาาาาาแกร.. ดี๊ดี

Discussion (6)

ดีงาม ขอตามไปด้วยค่าาา
ล็อกอินเพื่อมาตอบทู้นี้ค่าาา อยากไปปป รูปสวยมากเลยค่าา

เกาะแมว...แบบ...กรี๊ดดดดด แมวอวบมากกกก ><
อยากไปบ้างงงงง