ผลข้างเคียงของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่คุณไม่เคยทราบ

 วิตามิน ซี ( Ascorbic acid )
       - หากได้รับวิตามิน ซี ในปริมาณสูง 1-3 กรัมต่อวัน ติดต่อกันหลายวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
       - การได้รับวิตามินซีในปริมาณสูง เพื่อหวังเสริมภูมิต้านทานและป้องกันโรค ยังไม่มีผลการวิจัยยืนยันที่ถือเป็นข้อสรุปได้ว่าทำได้จริง
       - ผลการวิจัยในหลอดทดลอง พบวิตามิน ซี อาจทำให้ดีเอ็นเอ ในเซลล์เป็นอันตราย
       
       วิตามิน อี (Tocopherols)
       - ประโยชน์ของวิตามินอี ยังไม่พบแน่ชัด แต่ไม่มีพิษ หากรับประทานไม่เกิน 1000 หน่วยสากลต่อวัน
       - ภาวะการขาดวิตามินอี ยังไม่พบในคนสุขภาพปกติ เพราะวิตามินอี มีมากในอาหารที่คนรับประทาน จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินอี เสริม
       
       วิตามินเอ และ เบต้าแคโรทีน
       - การบริโภควิตามินเอบางชนิดในรูปอาหารเสริม อาจทำให้ได้รับในปริมาณสูงเกินไป เสี่ยงต่อการเกิดพิษในร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดตามข้อ ตับทำงานมากขึ้น ในหญิงตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติ
       - มีรายงานว่า การรับประทานวิตามินเอ เสริม อาจทำให้กระดูกบางลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก
       -มีรายงานการวิจัยขนาดใหญ่ในฟินแลนด์พบว่า การใช้เบต้าแคโรทีน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด
       
       ซีลีเนียม (Selenium)
       - ไม่ควรรับประทานซีลีเนียม เกินกว่า 400 ไมโครกรัม/วัน อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
       - ยังไม่มีข้อมูลมากพอจะบอกว่าปริมาณซีลีเนียมเท่าไรจึงจะสามารถลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง

        สังกะสี ( Zinc )
       การได้รับในปริมาณสูง (ประมาณ 25 มิลลิกรัม) สามารถขัดขวางการดูดซึมทองแดง
       
       แคลเซียม ( Calcium )
       -การได้รับในปริมาณสูง (ประมาณ 25 มิลลิกรัม) สามารถขัดขวางการดูดซึมทองแดง
       
       แคลเซียม (Calcium )
       - การได้รับแคลเซียมเกินขนาด อาจทำให้คลื่นไส้ ท้องผูก เฉื่อยชา และอาจสะสมทำให้เกิดนิ่วได้
       - ปริมาณสูงอาจยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กและสังกะสี
       
       ซุปไก่สกัด
       - มีคุณค่าทางโภชนาการเพียงแค่ไข่ไก่ ครึ่งฟอง
       - การบริโภคเนื้อสัตว์ที่ต้มหรือตุ๋นในระยะเวลานาน ทำให้ได้รับสารก่อมะเร็งกลุ่ม เฮ็ตเตอโรไซคลิก อะโรเมติกเอมีน มากกว่าปรกติ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลายอวัยวะ
       
       โปรตีน (Protein)
       - การรับประทานอาหารโปรตีนสูง ร่างกายจะไม่ได้นำโปรตีนไปสร้างกล้ามเนื้อ แต่จะกำจัดออก เป็นการเพิ่มภาระให้กับตับและไตต้องทำงานหนักขึ้น
       - คนที่ลดน้ำหนักโดยการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนสูง อาจเสี่ยงต่อภาวะโรคหัวใจ

       สาหร่ายสไปรูไลน่า
       - ระวังภาวะเสี่ยงที่สาหร่ายอาจปนเปื้อนสารโลหะหนักและสารพิษอื่น ๆ จากน้ำที่เพาะเลี้ยง
       - มีปริมาณกรดนิวคลิอีกสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเก๊าท์
       
       รังนก
       - คุณค่าทางโภชนาการต่ำ แต่มีราคาสูง ได้ประโยชน์ต่อร่างกายไม่คุ้มค่าเงิน
       - ไม่เคยมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า กินแล้วทำให้ผิวพรรณอ่อนวัย
       
       การ์ซีเนีย (Garcinia)
       ไม่มีหลักฐานการวิจัยที่ยืนยันชัดเจนว่า HCA สามารถช่วยลดน้ำหนักได้
       
       น้ำมันปลา(Fish oil )
       -ในการทดลองพบผลเสียจากการรับประทานน้ำมันปลาคือ เกิดเลือดกำเดาไหลไม่หยุด อาจทำให้เกิดสภาวะขาดวิตามินอีได้ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เสี่ยงต่อสารพิษตกค้าง เนื่องจากภาวะมลพิษทางทะเลในถิ่นที่ปลาซึ่งเป็นวัตถุดิบอาศัย
       -ขึ้นทะเบียนเป็นอาหาร หากจะบริโภคเพื่อการรักษาต้องรับประทานในปริมาณสูงมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่อร่างกาย
       
       อีฟนิ่ง พริมโรส (EPO)
       -มีรายงานผลข้างเคียงในผู้ป่วยโรคลมชัก
       
       เลซิทิน (Lecithin)
       -คนปกติมักไม่ขาดเลซิติน การบริโภคในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเสีย
       -เลซิติน จากพืชดีกว่าในสัตว์ เพราะเลซิตินจากพืชมีส่วนประกอบของกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว หากซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เลซิตินจากแหล่งวัตถุดิบที่เป็นสัตว์อาจได้รับกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูง ยิ่งทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับโคเลสเตอรอล

        ใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba )
       -ยังมีรายงานการวิจัยที่ขัดแย้งกันในเรื่องการรักษาผู้ป่วยสมองเสื่อม จึงยังไม่มีข้อสรุป ฤทธิ์ข้างเคียงของแปะก๊วย ในผู้ใช้บางราย คืออาการปวดศีรษะ ท้องไส้ปั่นป่วน
       -เกิดภาวะแทรกซ้อน เลือดไหลไม่หยุดในขณะผ่าตัด ในรายของผู้ป่วยที่รับประทานแปะก๊วยควบคู่ไปกับการรักษาโรคแผนปัจจุบัน
       
        บุก
       - หากรับประทานกลูโคแมนแนนชนิดเม็ด ต้องดื่มน้ำตามให้มาก ๆ มิฉะนั้นจะเกิดเจลอุดตันในทางเดินอาหาร ทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้
       - การรับประทานอาหารไฟเบอร์ติดต่อกันนาน ๆ ส่งผลให้เกิดภาวะการขาดสารอาหารในร่างกายได้
       - ไม่มีรายงานว่าสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งในลำไส้ใหญ่
       
       มะขามแขก (Senna)
       -ในการระบายของเสีย ร่างกายจะสูญเสียน้ำออกไป ไม่ใช่ไขมัน ดังนั้นน้ำหนักที่ลดลงคือ น้ำที่หายไป หลังจากดื่มน้ำกลับเข้าไปร่างกายจะกลับมาน้ำหนักเท่าเดิม
       -การใช้ยาระบายติดต่อกันเป็นประจำจะมีอันตรายทำให้ลำไส้บีบตัวเองไม่เป็น เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรัง
       
       กระเทียมอัดเม็ด
       - ผลการวิจัยในระยะหลัง พบว่า สารสกัดจากกระเทียม ในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ค่อยมีผลต่อการลดระดับของโคเลสเตอรอล หรือมีก็ในระดับที่น้อยมาก เนื่องจากปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือดถูกควบคุมด้วยปัจจัยมากกว่าหนึ่งปัจจัย
       - เกิดกลุ่มรณรงค์ในอเมริกายื่นคำร้องให้ อย.ของสหรัฐฯ สั่งห้ามบริษัทอาหารเสริมโฆษณาสรรพคุณของกระเทียมอัดเม็ดว่า ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลได้และช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง

ปล. อยากให้สาวๆ ทุกคน สวยและมีสุขภาพ ที่ดีควบคู่กันไป


ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=2000000029577  ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดี นะคะ


Discussion (10)

เอ่อ... แล้ว โอเมก้า3 อ่ะคะ.. กินเพื่ออะไรอะ..

เหงแม่เราบังคับหั้ยกินทุกวันเรยอ่ะ..
ยังไม่รุเรยอ่ะ ว่าเพื่ออะไร................
เรากินทีละครึ่งเม็ด เป็นบางวันอ่า Vit C นะ กินเฉพาะวันที่คิดว่าไม่ค่อยได้กินผักผลไม้เท่าไร (แบบกินแต่แป้งกะเนื้อสัตว์ไรงี้) เลยเสริม Vit C ไปหน่อย 55+
เคยเรียนเหมือนกันว่าพวกวิตามินเกลือแร่ไรงี้กินมากๆก็มีผลข้างเคียง เลยไม่กล้ากินเยอะ 55+ เพราะเค้าบอกว่าส่วนใหญ่เราจะได้ปริมาณสารอาหารครบอยู่แล้วค่า ถ้าไม่เกี่ยงว่าไม่ชอบกินนู่นกินนี่มากมาย หรือในภาวะเป็นโรค 
ถ้ากินผักผลไม้เยอะอยู่แล้วก็ไม่ต้องเสริมพวก Vit มากก็ได้มั้ง(คิดว่านะ)
คุณ Nuampza   วิตามินC ส่วนใหญ่แล้วปริมาณ จะ 1000 Mg./เม็ด 

ถ้ากินเพื่อ สุขภาพ 500Mg. ก็พอคะ ถ้าเม็ดใหญ่ ก็แบ่งครึ่งทา ประหยัด+ไม่มากเกินความต้อง

การของร่ายกายด้วยคะ

เดินทางสายกลางดีกว่า

ไม่มากไป ไม่น้อยไป 

นะคะ

เป็นข้อมูลที่ดีมากเลยค่ะ เพราะตอนนี้ทานวิตามินเสริมอยู่หลายอย่างเลยค่ะ จะได้ระมัดระวัง
แต่กระเทียมอัดเม็ดนี่ไม่ช่วยจิงเหรอ คือเราให้คุณแฟนทานติดต่อกัน แล้วตอนตรวจเลือดปรากฏว่าระดับคอเรสเตอรอลลดลงนะคะ
กลับมาอยู่ในระดับปกติด้วยหละ