++ REVIEW : My Fave 15 Skincare Must-Haves for Acne-Prone and Sensitive Skin รีวิวสกินแคร์ละเอียดยิบสำหรับสาวเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย ++
Laksamee's Sister 59 29สวัสดีค่ะสาวๆจีบันทู๊กกกกกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ขออนุญาตแนะนำตัวหน่อยนะคะ เราชื่อมะนาวนะ อายุยี่สิบต้นๆ ชอบสีฟ้า ชอบเลี้ยงแมว แล้วก็ชอบดอกทานตะวัน ไม่เกี่ยวเนอะ 555 เอาล่ะเข้าเรื่องเลยละกัน วันนี้เราจะมารีวิวสกินแคร์ทั้งหลายในกรุที่เราใช้แล้วชอบ ใช้แล้วใช่ ใช้แล้วหนังหน้าดีงาม โดยเรียงตามลำดับการใช้ของเราเอง ขอบอกว่าเราผิวค่อนข้างมัน มีสิวบ้าง และแพ้ง่ายนะจ๊ะ
คำเตือน: เราเน้นเล่าความรู้สึกและแชร์ประสบการณ์ลองผิดลองถูกในการใช้สกินแคร์ อาจจะยาวไปบ้างนะคะ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ใครอยากอ่านจับใจความแบบเร็วๆ เลือกอ่านเฉพาะสรุปผลลัพธ์และคะแนนของแต่ละตัวได้เลยค่ะ
1.Bifesta Cleansing Lotion Acne Care
- ผลลัพธ์ : สะอาดดี หน้าไม่ตึง รู้สึกสดชื่น
- คะแนนความพอใจ :9/10 >>>> หักที่ทำชั้นแสบตา
- ปริมาณ : 300 ml.
- ราคา : 350-390 บาท
- หาซื้อได้ที่ : Watson, Boot, Eve & Boy, ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
คงไม่มีใครไม่รู้จักคลีนเซอร์เช็ดเครื่องสำอางสูตรน้ำยี่ห้อบิเฟสต้า ส่วนตัวเคยใช้สูตรสำหรับผิวมันสูตรเดิมมาก่อนค่ะ แต่ตัวนั้นไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่เพราะรู้สึกหน้าตึงๆหลังเช็ด พอเปลี่ยนมาใช้สูตรสำหรับผิวธรรมดา-แห้งก็รู้สึกว่าดีกว่ามาก หลังเช็ดจะรู้สึกหน้านุ่มๆ ชุ่มชื้น ไม่ตึง ปกติเลยใช้สูตรนั้นมาตลอด พอเห็นตัวใหม่นี้ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะก็เลยจัดไปสิ เค้าเคลมว่าใช้ส่วนผสมยอดฮิตอย่าง Micellar ในการดึงสิ่งสกปรกต่างๆให้หลุดออกมาอย่างง่ายดายด้วยนะ หลังใช้ก็ประทับใจค่ะ ไม่แพ้ หน้าไม่แห้งตึง ทำความสะอาดได้หมดจดดี แต่ถ้าเข้าตาก็แสบบ้างเหมือนสูตรอื่นๆ (ก็เค้าไม่ได้ให้ใช้รอบดวงตาอะเนอะ) ส่วนเรื่องสิวไม่แน่ใจว่าช่วยมั้ย เพราะปกติสิวไม่ค่อยขึ้น หรือถ้าสิวขึ้นก็จะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นรักษาเอา สรุปว่าชอบค่ะ คุณภาพดี ราคาเป็นมิตร
2.Cetaphil Gentle Skin Cleanser
- ผลลัพธ์ : อ่อนโยนมากกกก เข้าตาก็ไม่แสบ ไม่มีกลิ่น ไม่แห้งตึงหลังล้าง แต่จะรู้สึกลื่นๆแทน
- คะแนนความพอใจ : 10/10
- ปริมาณ : มีหลายขนาดมาก ทั้ง 125, 250, 500 ml. ไปจนถึง 1 ลิตร
- ราคา : ราคาในเว็บหลัก 225, 415, 615, 950 บาทตามลำดับ แต่ร้าน Watson/Boot ราคาน่าจะต่ำกว่านี้นะคะ ที่ใช้อยู่คือขนาด 500 ml. ซื้อจากร้านอีฟแอนด์บอย ราคาไม่ถึงสี่ร้อยมั้งถ้าจำไม่ผิด
- หาซื้อได้ที่ : Watson, Boot, Eve & Boy, ห้างสรรพสินค้าและร้านขายยาทั่วไป
เซตาฟิลตัวนี้คือโอเคเลยนะสำหรับเรา เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายมากๆ อ่อนโยนขนาดใช้เช็ดทำความสะอาดแทนน้ำได้เลย ไม่ต้องล้างออก เหมาะกับใครที่แพ้น้ำเวลาไปต่างจังหวัด ตัวนี้ไม่มีสบู่และน้ำหอม ปกติเราเป็นคนไม่ค่อยแต่งหน้า หรือถ้าแต่งก็ไม่หนามาก แล้วก็ใช้ที่เช็ดเครื่องสำอางก่อนล้างหน้าเป็นประจำอยู่แล้ว ใช้ตัวนี้ล้างก็เลยรู้สึกว่าทำความสะอาดเพียงพอ แต่ถ้าวันไหนแต่งหน้าจัดหนักจริงๆก็อาจจะใช้โฟมตัวอื่นแทนค่ะ ตอนล้างออกจะมีความรู้สึกลื่นๆเหมือนล้างไม่หมด จริงๆแล้วเป็นธรรมชาติของเค้าค่ะที่จะทิ้งฟิล์มเคลือบไว้บนผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง คนที่เพิ่งใช้อาจไม่ชินก็ไม่ต้องตกใจนะ
สำหรับคลีนเซอร์ล้างหน้าสำหรับผิวแพ้ง่ายเดี๋ยวนี้ก็มีออกมาหลายแบรนด์นะคะ นอกจากเซตาฟิล เราก็เคยใช้แอคเน่เอด (Acne Aid) สูตรสีแดงมาแล้ว (เมื่อหลายปีก่อนนู้นนนน) เลยอยากจะเม้าท์มอยซักหน่อย ตอนแรกก็ดีนะ สิวหาย แต่พอหยุดใช้ไปแล้วกลับมาใช้อีกรอบ ปรากฏว่า แพ้ค่ะ! สิวขึ้นมากรุบกริบพอให้หน้าดูมีอะไร ฮือออ เราเลยต้องลาขาดจากแบรนด์นี้ไปอย่าง หน้าเสียดาย ทีนี้เปลี่ยนมาใช้ของฟิสิโอเจล (Physiogel) ค่ะ ตัวนี้คล้ายเซตาฟิลมากกก แต่ต่างกันตรงไหนรู้มั้ยให้ทาย.....กลิ่นค่ะคุณผู้ชม! คือแรกๆที่ซื้อมาก็เฉยๆนะ ไม่มีอะไรผิดปกติ ใช้จนขวดเล็กใกล้หมดก็จัดขวดใหญ่มา มั่นใจว่าใช้ดี 555 พอใช้ไปเรื่อยๆ มีอยู่วันนึงล้างหน้าแล้วเกิดได้กลิ่นแปลกๆขึ้นมา มันเหม็นๆยังไงบอกไม่ถูก พอได้กลิ่นเท่านั้นละ ได้กลิ่นเลย! ได้กลิ่นมันทั้งขวดเล็กขวดใหญ่ หลังจากนั้นก็ได้กลิ่นทุกวัน ด้วยความงกก็ทนใช้ตั้งนานกว่าจะหมด TT ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนเราบ้างมั้ย พอเปลี่ยนมาใช้เซตาฟิลก็ชีวิตดี ไม่มีกลิ่น
3.Paula's Choice Skin Perfecting 2% BHA Liquid Exfoliant
- ผลลัพธ์ : ช่วยให้สิวผุดออกมาแบบไม่มีกั๊ก แล้วก็หายไป หน้าดิฮั้นเป็นคนได้อย่างยั่งยืนก็เพราะตัวนี้
- คะแนนความพอใจ : 1000000/10 เอามงไปเลยค่ะ ชนะเลิศ
- ปริมาณ : 118 ml.
- ราคา : 1,150 บาท
- หาซื้อได้ที่ : แต่ก่อนหาซื้อยาก เราซื้อจากร้านตัวแทนจำหน่ายในจามจุรีสแควร์ ชั้นสามมั้ง จำชื่อร้านไม่ได้ เดี๋ยวนี้ร้าน Eve & Boy ก็มี ไม่ก็หาตามเว็บต่างๆ ก็มีเยอะอยู่ค่ะ
ช่วงเป็นสิว หลังล้างหน้าเราจะทาตัวนี้ค่ะ เป็น BHA 2% สูตรน้ำ ช่วยผลัดเซลล์ผิวและสิวอุดตันให้ออกมา วิธีใช้คือเทลงบนสำลีหรือบนมือเลยก็ได้ ทาทั่วหน้าหรือเฉพาะบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วค่อยทาครีมตัวอื่นต่อ แต่ส่วนตัวจะเช็ดออกเพราะรู้สึกว่ามันค่อนข้างเหนอะหนะ ถ้าเพิ่งเริ่มใช้แนะนำว่าทาทิ้งไว้แค่ 5 นาทีก่อนค่ะ และอาจจะไม่ต้องทาบ่อย แค่สัปดาห์ละสองสามครั้ง หรือวันเว้นวัน มันจะแสบผิวยิบๆ พอผิวปรับสภาพได้ค่อยเพิ่มเวลาและความถี่ขึ้นเรื่อยๆจะดีกว่า ไม่งั้นหน้าอาจจะลอกเป็นขุยๆ
ตอนแรกเคยใช้ตัวที่เป็นโทนเนอร์นะคะ 2% เหมือนกัน แต่รู้สึกจะแรงน้อยกว่าตัวนี้หน่อย ใช้ทุกวันเฉพาะตอนเย็น คือดีงามมมม สิวเล็กสิวน้อย สิวอักเสบ สิวอุดตัน เจ้แกดันออกมาหมด อดรนทนรอให้สิวเหล่านั้นหาย หน้าก็เริ่มใสจนเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ทัก ปลื้มมากกกกกก ตัวนี้อยากบอกว่าแนะนำมากๆสำหรับผู้ที่สิวอุดตันเยอะๆ เพราะมันช่วยขับออกมาจริงๆ แรกๆใช้แล้วอาจจะตกใจที่เห็นสิวโผล่มาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด มันคือสิวอุดตันที่ซ่อนตัวอยู่นั่นเองค่ะ อย่าไปแคะแกะเกาใดๆนะจะได้ไม่เป็นรอย ไม่งั้นไปให้หมอกดออกก็ได้ พอสิวหายหน้าเราก็จะใสขึ้นเอง พอหน้าใสแล้วก็ใช้น้อยลงได้ค่ะ เช่นสัปดาห์ละครั้ง หรือสองสัปดาห์ครั้ง แค่พอให้ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดโอกาสเกิดสิวอุดตันที่คลีนเซอร์ต่างๆของเราล้างออกไม่หมดก็พอเนาะ
4.Klean & Kare-Normal Saline
- ผลลัพธ์ : หน้าสะอาดดีค่ะ ใช้แทนโทนเนอร์ได้เลย
- คะแนนความพอใจ : 10/10
- ปริมาณ : มีหลายขนาดมาก เราใช้ 200 ml.
- ราคา : ประมาณ 40-45 บาท
- หาซื้อได้ที่ : 7/11, Watson, Boot, ร้านขายยาทั่วไป
น้ำเกลือที่หลายๆคนน่าจะคุ้นตากันอยู่แล้ว อันนี้เอามาใช้เช็ดหน้าแทนโทนเนอร์ค่ะ เพราะสะอาดดี ราคาถูก หาซื้อง่าย ตาม 7/11 ก็มีนะ มันไม่ได้ช่วยบำรุงอะไรค่ะ แค่เช็ดหน้าให้สะอาดขึ้นเฉยๆ ถ้าใช้ BHA ของป้าพอลล่า เราจะเอาตัวนี้เช็ด BHA ออกก่อนลงบำรุงตัวอื่น ถ้าไม่ได้ใช้ก็เอาตัวนี้เช็ดหลังล้างหน้าได้เลย อ้อ แต่ขวดนึงใช้ได้แค่ 30 วันหลังจากเปิดขวดนะคะ สำหรับเราใช้ขนาด 200 ml. จะพอดีหนึ่งเดือน
5. Evian Brumisateur Face and Body Spray
- ผลลัพธ์ : สดชื่นตามประสาน้ำแร่ แต่ไม่ได้เห็นผลด้านการเยียวยารักษาอะไร หัวฉีดไม่ค่อยโอเค
- คะแนนความพอใจ : 7/10
- ปริมาณ : เราใช้ขวดใหญ่เบิ้ม 300 ml.
- ราคา : ซื้อมา 250 บาทมั้ง จากร้านอีฟแอนด์บอยเจ้าเก่า ถูกจริงจัง ที่อื่นขายเท่าไหร่ไม่แน่ใจ
- หาซื้อได้ที่ : Watson, Boot, Eve & Boy
เห็นชื่อแปลกๆ ไม่ต้องงงค่ะ มันคือสเปรย์น้ำแร่นี่แหละ เราใช้ยี่ห้อนี้เพราะราคาถูก 5555 เอาไว้ฉีดให้หน้าชุ่มชื้น รู้สึกสดชื่น อะไรแบบนี้ ไม่ได้คาดหวังการบำรุงรักษาอะไรมากมาย เท่าที่ใช้ก็ดีค่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษ ขอติที่หัวสเปรย์ฉีดแล้วน้ำออกมาไม่นุ่มนวลกับหน้าซักเท่าไหร่ แรกๆก็ฟุ้งฝอยดี ใช้ไปเรื่อยๆเริ่มนึกว่าปืนฉีดน้ำเล่นสงกรานต์ แต่ยอมใจเพราะราคา
6. Hada Labo Super Hyaluronic Acid Hydrating Lotion
- ผลลัพธ์ : ชุ่มชื้นดีงาม เหมาะกับผิวขาดน้ำจริงๆ แต่ระวังแพ้ได้ในบางคน
- คะแนนความพอใจ : 9.5/10 หักโทษฐานที่เคยทำให้ชั้นแพ้ ฮึ!
- ปริมาณ : 170 ml.
- ราคา : ซื้อตอนวัตสันลดราคามา 459 บาทค่ะ
- หาซื้อได้ที่ : Watson, Boot, Eve & Boy, ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ชื่อเสียงของฮาดะลาโบะตัวนี้คงไม่ต้องสาธยายกันให้ยืดยาว เอาง่ายๆว่าเป็นโลชั่นน้ำที่ดี ชุ่มชื้น มีไฮยาลูโรนิคแอซิดถึงสี่ชนิด เหมาะกับผิวแพ้ง่ายเพราะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ น้ำหอม และสี แต่ช้าก่อน...คุณคะ...ดิฮั้นก็เคยแพ้มันค่ะ! แพ้แบบที่หลายๆคนเป็น แล้ววันนี้มันกลายมาเป็นลูกรักได้อย่างไร ขอเล่าซักหน่อยละกัน
ตอนฮาดะลาโบะเพิ่งเข้าไทยใหม่ๆ เห็นบล็อกเกอร์หลายคนรีวิวว่ามันดีนักดีหนา จนเราอยากลองมาก พอดีช่วงนั้นกำลังจะไปอังกฤษ เลยซื้อขวดเล็กที่เซเว่นมาลองใช้ กะว่าเอาเจ้านี่ไปทาพลางๆก่อนกันผิวแห้ง แล้วค่อยไปหาซื้อครีมเอาที่นู่น เพราะตอนนั้นครีมบำรุงตัวเดิมที่เคยใช้หาซื้อไม่ได้เลย ปรากฏว่ามันดีมาก ปลื้มมากกกก เก็บความชุ่มชื้นชนิดที่ไม่ต้องซื้อครีมบำรุงอะไรมาทาซ้ำเลยแม้ว่าอากาศจะหนาว (ตอนนั้นที่นู่นฤดูใบไม้ผลิค่ะ แต่ลูกเห็บยังตกอยู่เลย TT) พอกลับไทยปุ๊บก็ไม่ลังเลค่ะ สอยขวดใหญ่มาเลย แต่...แม่เจ้าเอ๊ยยย แพ้ค่ะคุณ งงไปสิ เริ่มสงสัยว่าขวดเล็กกับขวดใหญ่นี่คนละสูตรกันรึเปล่า??? แต่ก็เป็นไปได้ว่าเพราะอากาศต่างกันด้วยมั้ง จริงๆก็ไม่ได้แพ้รุนแรงอะไรมากนะคะ แต่ก็พอให้รำคาญอะ ส่องกระจกเห็นสิวเล็กๆขาวๆผุดมาทุกวันมันก็ปวดใจนะ เลยตัดใจ หยุดใช้ มีบ้างที่เอากลับมาลองใช้ใหม่เป็นพักๆ แต่สุดท้ายก็ยังแพ้อยู่ดี ทุกวันนี้ขวดนั้นยังไม่หมดเลย 5555
ทีนี้ได้มีโอกาสใช้ตัวที่เป็นเจลครีมกระปุกทองของเค้าอีกครั้ง จริงๆก็กลัวนะว่าจะแพ้ แล้วก็แพ้จริงๆ 555 แต่ด้วยความงก คราวนี้ตัดสินใจใช้ต่อไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าสิวเล็กๆค่อยๆขึ้นน้อยลง จนกระทั่งไม่ขึ้นเลย เราเลยใช้จนหมดกระปุกได้อย่างสบายใจ พอเจ้าโลชั่นน้ำสูตรใหม่ออกมา เราเลยอยากลองอีกครั้ง (รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง...เพลงพี่บิ๊กแอสก็มา) เราซื้อสูตรสำหรับผิวแห้งมาค่ะ (ถึงจริงๆเราเป็นคนผิวมัน แต่ชอบใช้อะไรที่ให้ความชุ่มชื้นแบบสุดๆมากๆ เพราะเราผิวมันแบบขาดน้ำ ริ้วรอยมาง่าย) ผลลัพธ์คือ แต่นแตนแต๊นนนน ไม่แพ้! ฮิ้วววว ดีใจหนักมาก ทุกวันนี้เลยทาทั้งเช้าและเย็น ขาดไม่ได้เลย ไม่งั้นจะรู้สึกหน้าไม่ชุ่มชื้นพอ ส่วนตัวคิดว่าผิวเราคงค่อยๆปรับสภาพอะค่ะ เลยอยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครซื้อมาแล้วแพ้แต่ไม่รุนแรงมาก จะทิ้งก็เสียดาย ก็ลองใช้ต่อไปเรื่อยๆดูก็ได้ค่ะ ถ้าผิวปรับสภาพได้ก็อาจจะหายแพ้เหมือนเรา
7. Dr.Somchai Acne Lotion
- ผลลัพธ์ : สิวหายได้จริง ทั้งสิวผด สิวอักเสบ สิวอะไรไม่รู้คันๆ แต่อาจจะแสบๆหน่อยตอนใช้
- คะแนนความพอใจ : 10/10
- ปริมาณ : 24 ml. , 50 ml.
- ราคา : จำราคาไม่ได้ค่ะ ขวดเล็กน่าจะประมาณร้อยกว่าบาท
- หาซื้อได้ที่ : Watson, Boot, Eve & Boy, ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ตัวนี้เป็นยาทาสิวแบบน้ำที่เราปลื้มมากกกก ต้องมีติดเอาไว้ตลอดเลย คือปกติเวลาเป็นสิวเราจะไม่ค่อยใช้ยาแต้มสิวพวกเจลหรือครีมที่เป็นหลอดๆค่ะ เพราะขี้เกียจแต้มทีละเม็ด ติดนิสัยมาจากแต่ก่อนตอนสิวขึ้นเยอะๆ เคยใช้แบบยาแต้มมาแต้มทีละเม็ด...กว่าจะทั่วหน้า เฮ้อ เหนื่อยค่ะ ตัวนี้เป็นน้ำ ใช้ง่าย เทใส่มือแล้วป้ายทั่วหน้าเลย ทีเดียวจบ 5555 ถ้าเป็นสิวอักเสบแล้วคันไม้คันมือจนบีบมันออกมา เราจะเอายาสีฟันแต้มทิ้งไว้ให้มันดูดของเสียออกมาให้หมด แล้วก็ทาตัวนี้หลังล้างหน้า ถ้าเป็นสิวแพ้แบบเป็นเม็ดเล็กๆใสๆ เราก็เอาตัวนี้ทาหลังล้างหน้าเลยค่ะ เช้ามารู้เรื่อง ยุบค่ะ หรือถ้าเริ่มรู้สึกคันๆหน้า มีแนวโน้มว่าสิวจะขึ้น เราก็เอาตัวนี้ทาค่ะ ไม่กี่วันก็หายคัน สิวไม่ขึ้นด้วย ประทับใจ
8. Biotherm Life Plankton Essence
- ผลลัพธ์ : ใช้แล้วหน้าใส ใช้แล้วหน้าเด็ก สิวเล็กสิวใหญ่ แพ้อะไรมา นางจัดการได้หมด
- คะแนนความพอใจ : 1000000/10 รักข่าาา ชนะเลิศอีกตัว
- ปริมาณ : 125 ml. , 200 ml.
- ราคา : 2,500 และ 3,200 บาท ตามลำดับ ถ้าลดราคาหรือซื้อที่ร้านอีฟหรือตามเว็บก็ถูกกว่านี้ค่ะ
- หาซื้อได้ที่ : Eve & Boy, เคาน์เตอร์ Biotherm ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป, เว็บต่างๆ
นี่เป็นเอสเซ้นที่บอกเลยว่ายอมมมม รักมากอะไรมาก นางดีงามจริงๆ ตอนนี้ใช้มาขวดที่สามแล้วค่ะ ขวดแรกที่ซื้อคือเมื่อประมาณต้นปี 57 คือคิดแล้วคิดอีกกว่าสิบตลบ พอตัดใจซื้อได้ แค่วันแรกที่ใช้ก็เห็นผลเลย ตอนนั้นเราเป็นสิวหัวช้างที่แก้มค่ะ แบบยิ่งใหญ่อลังการมาก แล้วเราอดไม่ได้ แกะเอาหัวออกจนเป็นรอยเด่นชัดเจน วันแรกที่เราทาไลฟ์แพลงตอนตัวนี้ลงไป รู้สึกว่ามันค่อนข้างเหนอะ แถมยังรู้สึกร้อนๆผ่าวๆทั้งหน้า พอตื่นเช้ามาเท่านั้น โอ้ววว สภาพสิวตรงนั้นดีขึ้นมาก คือมันไม่ถึงกับหาย เพราะมันใหญ่และช้ำมากจริงๆ แต่เหมือนขนาดความใหญ่ของซากสิวมันดูเล็กลง ส่วนที่เป็นแผลก็เริ่มตกสะเก็ด รอยแดงรอบๆสิวก็จางลง ตอนนั้นอึ้งจริงจังว่ามันทำได้ขนาดนี้เลยหรอ ก็ใช้ไปเรื่อยๆ เราใช้แค่ตอนกลางคืนนะ ไม่นาน จำไม่ได้ว่ากี่วันหรือกี่สัปดาห์ ส่วนที่เป็นสะเก็ดก็ค่อยๆแห้งแล้วก็หลุดออกไปเอง ผิวใหม่ข้างใต้มีรอยแค่จางๆ ชนิดดูไม่ออกว่าเพิ่งเป็นสิวหัวช้าง พอใช้ต่อๆไป รอยตรงจุดนั้นก็จางหายไปชนิดไม่เหลือร่องรอยอะไรอีกเลย ประสบการณ์นี้ทำเอาเราหลงเจ้าแพลงตอนหัวปักหัวปำ ทุกวันนี้ใช้มาเรื่อยๆ ถึงแม้สิวใหญ่ๆแบบนั้นจะไม่ค่อยขึ้นอีกแล้ว เอาไว้ช่วยให้รอยสิวเล็กๆน้อยๆจางไว รูขุมขนกระชับ (นางเคลมว่าช่วยให้หน้าดูเด็กลงสามปีในแปดวันนะตัวเธอ) คุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างของนางคือช่วยให้เราลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้อย่างมั่นใจมากขึ้น คือพอทาตัวนี้ด้วยแล้วรู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น แพ้ยากขึ้นค่ะ เคยเอาตัวนี้ทาคู่กับฮาดะลาโบะตอนที่ยังแพ้อยู่ ก็ปรากฏว่าใช้ฮาดะได้โดยไม่มีสิวขึ้นนะ
9. Burnova Gel Plus
- ผลลัพธ์ : อ่อนโยน กลิ่นอ่อนๆไม่ฉุน ใช้บำรุงทั่วไปทั้งหน้าและรอบดวงตา หรือเมื่อมีอาการแพ้ หรือหลังออกแดด
- คะแนนความพอใจ : 10/10
- ปริมาณ : 25 ml. >>> เสียใจที่มีแค่ขนาดเดียว มันเล็กไปอ้ะ เราใช้เปลือง ใช้แป๊บเดียวหมดละ
- ราคา : 52 บาท โอนลี่! ถูกมากกกกก ชอบบบบ
- หาซื้อได้ที่ : เราซื้อที่ Watson ตลอดนะ ไม่แน่ใจว่า Boot มีมั้ย แต่ไม่เคยเห็น ร้านขายยาก็น่าจะมี
นี่เป็นเจลวุ้นว่านหางจระเข้ค่ะ ชอบยี่ห้อนี้มากเพราะนางอ่อนโยนจริงๆ ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี เมนทอล และการบูร ทำให้ไม่เย็นๆแสบๆ แถมไม่มีกลิ่นเหม็นฉุนด้วย นอกจากว่านหางจระเข้ก็มีส่วนผสมของใบบัวบกและแตงกวา รวมแล้วเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติล้วนๆถึง 99.5% เราเอามาใช้ทาแทนมอยเจอไรเซอร์ในตอนเช้าค่ะ เพราะเนื้อเจลบางเบา ไม่หนักหน้าเกินไป แต่ต้องระวังถ้าวันไหนทาบีบีทับอาจจะเป็นขุยได้ ส่วนตอนกลางคืนเราเอามาใช้ทาทั่วหน้าหลังทาเอสเซ้นหรือเซรั่ม ก่อนทาครีม เพื่อบำรุงและเก็บความชุ่มชื้นอีกชั้นค่ะ (ชอบให้ชุ่มชื้นมากๆ แลดูโรคจิต *_*) นอกจากนี้เรายังเอามาทารอบดวงตาแทนอายครีมด้วยค่ะ ชอบที่ไม่แสบตาเลย รู้สึกชุ่มชื้นตามากขึ้นด้วย ไม่รู้มโนไปเองรึเปล่า อ้อ แล้วก็อย่างที่รู้ๆกันของสรรพคุณว่านหางจระเข้ ใช้ตัวนี้ทาหลังออกแดดจัดๆจะช่วยลดอาการผิวไหม้ แดง แสบ หรือระคายเคือง เวลาเราแพ้อะไรเราก็ใช้ตัวนี้แหละค่ะ โบกไปเยอะๆ ช่วยบรรเทาได้จริงๆนะ สารพัดประโยชน์เลย
10. RJK Dark Circles Eye Serum
- ผลลัพธ์ : ไม่แสบตา ให้ความชุ่มชื้นได้ค่อนข้างดี เนื้อแอบหนัก เหมาะกับทากลางคืน เรื่องรอยคล้ำต้องรอดูผลต่อไป
- คะแนนความพอใจ : 8/10 ที่เหลือเก็บไว้รอดูผลเรื่องรอยคล้ำละกัน
- ปริมาณ : 2 ml. >>> ขนาดทดลองค่ะ ดูเหมือนน้อยมาก แต่สำหรับรอบดวงตาเราใช้ทีละนิดเดียว ก็เลยใช้ได้หลายครั้งอยู่
- ราคา : 19 บาท ตอนวัตสันลด
- หาซื้อได้ที่ : Watson
จริงๆอายครีมตัวนี้เพิ่งไปสอยมาตอนวัตสันลดราคาเหลือซองละ 19 บาทนี่เอง เพิ่งใช้หมดไปซองเดียวค่ะ ยังไม่เห็นผลอะไรมาก แต่ที่เอามารวมด้วยเพราะคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งของนางคือ ไม่แสบตาเลย หลายคนอาจจะคิดว่าอายครีมก็ต้องออกแบบมาให้ไม่แสบตาสิ แต่คุณคะ เราเคยเจอจริงๆค่ะ ขอไม่เอ่ยนาม นางทำเราแสบตา ซื้อมาแพงแสนแพงก็ใช้ทารอบดวงตาไม่ได้ ทาหน้าก็สิวขึ้น ทิ้งไว้จนนางหมดอายุ TT เข็ดเลยกับอายครีม ปกติเลยทาแค่เจลว่านหางจระเข้อย่างเดียว แต่ตัวนี้เราไม่แสบค่ะ รู้สึกชุ่มชื้นพอควร เนื้อค่อนข้างหนัก เหมาะกับทาตอนกลางคืน ใครกำลังมองหาอายครีมก็ลองตัวนี้ได้นะคะ
11. Physiogel Daily Moisture Therapy Cream for Dry and Sensitive Skin
- ผลลัพธ์ : ผิวนุ่ม ยืดหยุ่น รูขมขนกระชับ ผิวแข็งแรง แพ้ยากขึ้น ช่วยลดสิวและอาการแพ้หรือคันได้ด้วย
- คะแนนความพอใจ : 1000000/10 คิดถึงมากตอนเธอหายไป ดีใจมากที่เธอกลับมา อย่าหายไปอีกนะ เค้าซื่อสัตย์กับเธอนะเตงงงง
- ปริมาณ : 75 ml.
- ราคา : เราซื้อมา 472 บาท ราคาเต็มเหมือนจะห้าร้อยกว่าค่ะ
- หาซื้อได้ที่ : Eve & Boy, Boot, ร้านขายยาบางแห่ง
นี่คือครีมบำรุงผิวขั้นตอนสุดท้ายที่เราขาดไม่ได้เลยยยยยย รักนางมากกกกก ที่เห็นในรูปคือแบบใหม่ที่เพิ่งวางตลาดเมื่อไม่นานมานี้เอง ช่วงก่อนหน้านั้นนางหายไปเลย เราพยายามหนักมากเพื่อที่จะหาซื้อตัวนี้ ไปทุกที่ที่เคยมีขาย มองหานางเป็นอย่างแรกทุกครั้งที่เข้าร้านเครื่องสำอางหรือร้านขายยา (เว่อร์ไปมั้ย?) แต่ก็ไม่เจอเลย จำไม่ได้ว่านานแค่ไหน แต่นานมากกกกก ซื้ออย่างอื่นมาลองใช้บ้างแต่ก็ไม่มีอะไรแทนได้จริงๆ ดีใจมากที่นางกลับมา ฮืออออ เดี๋ยวๆ นี่ชั้นเวิ่นเว้ออะไร กลับเข้าเรื่องๆ
ตัวนี้เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ค่ะ เหมาะสำหรับผิวแห้งและแพ้ง่าย เนื้อครีมข้น ไม่มีกลิ่น ทาแล้วหน้าจะดูมันๆ คนที่ไม่ชอบความมันเหนอะอาจจะขอบายตัวนี้ แต่เราเป็นคนที่ชอบให้หน้าชุ่มชื้นเลยรับได้ เราชอบโบกนางหนักๆทับทุกสิ่งอย่างที่ทาไปแล้วเพื่อเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ตลอดคืน พูดง่ายๆคือใช้แทน sleeping mask น่ะแหละ แต่ขอบอกว่าในความรู้สึกเราตัวนี้ให้ผลลัพธ์ดีกว่า Water Sleeping Mask ของ Laneigh อีกนะ คือตื่นมาจะหน้าเด้งมากกก ตอนล้างหน้า รู้สึกได้เลยว่าผิวนุ้มนุ่ม หลังจากใช้ต่อเนื่องจะรู้สึกว่า รูขุมขนดูกระชับ ริ้วรอยเล็กๆดูจางลง ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น หน้าดูเด็กลง (อันนี้อาจจะมโน) ที่สำคัญคือผิวเราแข็งแรงขึ้น แพ้ยากขึ้น คือดีอะ เริดเว่อร์ ลาเนจยังทำให้เราไม่ได้ขนาดนี้ (เราแอบแพ้ลาเนจด้วยเอาจริง ผลลัพธ์อาจจะขึ้นกับสภาพผิวแต่ละบุคคลนะเคอะ) อีกอย่างหนึ่งที่นางช่วยเราไว้ตลอดเลยก็คือ นางรักษาสิวเราได้ด้วยจ้า (เอากับนางสิ นางฟ้าแม่ทูนหัวจริงๆ) ช่วยในที่นี้คือ เวลาเราเริ่มมีสิวขึ้น หรือแพ้อะไรมา พอใช้ตัวนี้ สองสามวัน สิวจะลดลงและหายไปเองต่อให้ไม่ใช้ยาแต้มสิวหรืออะไรรักษาสิวเลย ถ้าสิวเล็กๆแค่ทาก่อนนอน ตื่นมาก็หายไปละ หน้าคันอะไรมาก็ช่วยได้ ไม่รู้จะสาธยายอะไรต่อ ขอจบด้วยคำสั้นๆละกัน รัก
12. Mizumi UV Water Serum 100% Non-Chemical Spf 50+ PA++++
- ผลลัพธ์ : อ่อนโยนมาก ค่าปกป้องสูง บางเบา ไม่มัน ไม่วอก แต่เราทาบีบีทับแล้วเกลี่ยบีบียาก ไม่กันน้ำ
- คะแนนความพอใจ : 9.5/10 ถ้ากันน้ำได้จะเพอร์เฟ็คมากเลยน้า
- ปริมาณ : 40 ml.
- ราคา : ลดเหลือ 790 บาท
- หาซื้อได้ที่ : เราซื้อจาก Eve & Boy ค่ะ
ครีมกันแดดแบรนด์ใหม่ เอาใจคนผิวแพ้ง่ายด้วยคุณสมบัติปราศจากสารกันแดดแบบเคมี 100% โดยให้ค่าการปกป้องที่สูงที่สุด คือ Spf 50+ PA++++ และด้วยความที่ใช้สารกันแดดแบบ physical ที่ใช้หลักการสะท้อนรังสียูวี กันแดดตัวนี้จึงสามารถปกป้องผิวได้ทันทีหลังทา แถมยังไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆเพราะมีความคงตัวสูง ไม่เพียงเท่านั้น นางยังปราศจากสารระคายเคืองผิว 5 ชนิดอีกด้วย ได้แก่ น้ำหอม น้ำมัน พาราเบน แอลกอฮอล์ และสีสังเคราะห์ โอ๊ย ความดีนางยังไม่หมดค่ะ นางเป็นครีมกันแดดสูตรน้ำบางเบาอีกต่างหาก สาวผิวมันและแพ้ง่ายอย่างเราสบายใจได้เลยว่านางจะไม่เมือก ไม่มัน ไม่วอก และไม่ทำให้หนังหน้าเราลำบากด้วยประการทั้งปวง แถมราคาก็เอื้อมถึง ไม่ได้ถูกมาก แต่ก็ไม่ได้แพงหูฉีกไร้สาระ อยากบอกว่ามองหาครีมกันแดดแบบนี้มานานมากกก ขอกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์
เท่าที่ใช้มาเกือบจะหมดหลอดนั้น เราปลื้มนางมาก อ่อนโยนจริง ทารอบดวงตาด้วยได้ และทั้งๆที่ไม่มีแอลกอฮอล์ แต่นางก็เซตตัวค่อนข้างเร็ว มีทริคนิดนึงตอนทาคือ ถ้าแน่ใจว่าครีมทั่วผิวแล้ว ก็ปล่อยนางเซตตัว อย่าทาถูซ้ำไปซ้ำมาแม้ว่ามันจะดูเหมือนยังเป็นรอยขาวๆอยู่ เพราะพอแห้งแล้วสีขาวๆจะหายไปเอง (ยกเว้นลงหนาจริงๆ) ถ้าถูๆไปตอนนางเริ่มเซตตัวแล้วนี่จะลำบากได้ เพราะนางจะเป็นคราบ ไม่เรียบเนียน แล้วก็จากประสบการณ์ เรายังไม่ค่อยโอเคกับการลงบีบีทับนางเท่าไหร่ เพราะเหมือนมันทายาก ครีมกันแดดที่เซตตัวแล้วนางแห้งๆ หนืดๆ พอลงบีบีเลยเกลี่ยไม่ค่อยจะไป เราใช้บีบีของเมย์เบลลีน ไม่รู้ว่าเป็นกับบีบีหรือรองพื้นยี่ห้ออื่นมั้ยนะ ใครมีประสบการณ์ยังไงแชร์ได้ค่ะ แต่ปกติเราไม่ค่อยแต่งหน้า แค่ทากันแดดแล้วลงแป้งฝุ่น เลยไม่เป็นไรมาก อีกอย่างหนึ่งที่เราเสียดายคือ นางไม่กันน้ำจ้ะ เพราะงั้นจึงเหมาะกับทาวันเบาๆ ทั่วๆไปเท่านั้น
13. Garnier UV Complete Spf 50 PA++++
- ผลลัพธ์ : อ่อนโยนใช้ได้ มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์แต่ไม่มาก ค่าปกป้องสูง เสถียร ค่อนข้างบางเบา
- คะแนนความพอใจ : 8/10 อยากให้กันน้ำได้อีกแล้ว และถ้าไม่มีแอลกอฮอล์กับน้ำหอมก็จะดียิ่งขึ้น
- ปริมาณ : 30 ml.
- ราคา : สองร้อยกว่าบาท
- หาซื้อได้ที่ : Watson, Boot, Eve & Boy, ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ครีมกันแดดอีกตัวที่เป็นทางเลือกของเรา ตัวนี้มีรีวิวแล้วค่อนข้างเยอะนะ เราก็ไปสอยตามเค้ามาเนี่ยแหละ จากที่ใช้มาเกือบสองหลอด เราว่ามันอ่อนโยนใช้ได้ ไม่แพ้ มีแอลกอฮอล์แต่ไม่เยอะเท่าไหร่ มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ เราใช้สีเบจ ก็รู้สึกว่าบางเบาดีถ้าทาไม่หนามาก แต่เนื่องจากเราเป็นคนชอบทากันแดดหนาๆ (มีอะไรที่หล่อนทาไม่หนาบ้างมั้ยยยย) และเราเป็นคนผิวแทน เลยแอบหน้าลอยๆนิดนึง แต่รับได้ค่ะ ตัวนี้ให้ค่าปกป้องที่สูงมากเช่นกัน คือ Spf 50 PA++++ และยังใช้เทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของลอรีอัลที่ช่วยให้ครีมกันแดดมีความเสถียร ปกป้องได้นานถึง 12 ชั่วโมง เราชอบคุณสมบัตินี้มากเพราะไม่สะดวกที่จะทากันแดดซ้ำๆ แล้วก็ไม่มั่นใจประสิทธิภาพการกันแดดของครีมกันแดดทั่วไปว่ามันจะเต็มที่แค่ไหนถ้าเลยสองชั่วโมงไปแล้ว ดังนั้นเราเลยมักจะมองหาคุณสมบัตินี้เป็นอย่างแรกๆเวลาเลือกครีมกันแดด แล้วตัวนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดีเลย ถามว่าทำไมไม่ใช้ของลอรีอัลล่ะ จริงๆเราใช้ค่ะ ชอบสูตรอควาของเค้าเพราะบางเบา แตไม่เอามาลงในนี้เพราะตัวนั้นแอลกอฮอล์เยอะ กลิ่นแรงอยู่ เกรงว่าจะไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย แต่เราใช้ได้นะคะ ไม่แพ้ แต่ถ้าใช้ไปนานๆก็กลัวว่าผิวจะแห้งเหมือนกัน ส่วนสูตรอื่นๆของเค้าก็ค่อนข้างมันเหนอะหนะเกินไปสำหรับเรา การ์นิเย่จึงอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า อ้อ ตัวนี้ก็ไม่กันน้ำเช่นกันนะ
14. Jonhson's baby powder
- ผลลัพธ์ : อ่อนโยน ไม่มีสีและสารกันเสีย เบาสบายผิว ควบคุมความมันได้ดี ไม่วอกเท่าไหร่
- คะแนนความพอใจ : 10/10
- ปริมาณ : 200 g.
- ราคา : จำราคาไม่ได้แล้วค่ะ
- หาซื้อได้ที่ : Watson, Boot, Eve & Boy, ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
อันนี้แป้งค่ะ ไม่เชิงจะเป็นสกินแคร์แต่เรารักนางเลยอยากเอามาลงด้วย 5555 เราชอบสัมผัสลื่นสบายผิวหลังทาแป้งเด็กมากๆ แต่ก่อนเราใช้แป้งเด็กแคร์ค่ะ ชอบที่ช่วยคุมความมันได้ทั้งวัน แต่มักจะมีปัญหาว่าทาแล้วหน้าวอกไปหน่อย แป้งจอห์นสันเบากว่าค่ะ ตอนทาก็ติดผิวง่ายกว่า ไม่ฝืดๆเหมือนแป้งเด็กแคร์ ที่สำคัญคือช่วยคุมความมันได้ดีพอๆกันโดยที่หน้าไม่ขาววอกจนเกินไป แต่ก็มีขาวแป้งๆนิดหน่อยตามสไตล์แป้งเด็กแหละ อย่างที่บอกไปแล้วว่าปกติเราไม่ทารองพื้นหรือบีบี หลังลงกันแดดเราจะทาแป้งเด็กเลย แค่นี้ก็ออกจากบ้านได้สไตล์หน้าสด ถ้าอยากให้หน้าไม่ซีดก็ทาแป้งฝุ่นเรฟลอนทับ ปัดแก้มเบาๆ เขียนคิ้วหน่อย จบ
ถามว่าทำไมไม่ทาแป้งเรฟลอนหรือยี่ห้อใดๆก็ตามที่ออกแบบมาสำหรับแต่งหน้าไปเลยหลังทากันแดด คือเราเคยทำแบบนั้นแล้วค่ะ แต่มันไม่โอเค เหมือนแป้งพวกนั้นมันเบาเกินไป พอทาหลังลงกันแดดหรือบีบีที่ทิ้งความเหนอะไว้ในระดับหนึ่งก็เลยเอาไม่ค่อยอยู่ ต้องใช้แป้งในปริมาณเยอะ แค่แตะๆแบบในโฆษณานี่หน้าเมือกระหว่างวันแน่นอน แล้วพอลงเยอะหน้าก็ดูหนา บางทีแป้งพวกนี้ไปผสมรวมกับครีมกันแดดเป็นคราบๆอีก ยิ่งถ้าทาพวกแป้งแข็งละก็ หน้าหนาแบบเห็นได้ชัดเลยค่ะ สำหรับคนที่ผิวเนียนอยู่แล้วอาจไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่สำหรับคนหน้ารูขุมขนกว้างและมีรอยสิวอย่างเราจะน่าเกลียดมากเวลาลงแป้งหนาๆ เพราะงั้นเราเลยจะพยายามใช้แป้งพวกนี้แค่บางๆหลังลงแป้งเด็กไปแล้วเท่านั้น ไม่เปลืองดีด้วย
15. Focal Deodorant Spray
- ผลลัพธ์ : อ่อนโยนดี แห้งสบาย ระงับกลิ่นกายได้ตลอดวัน
- คะแนนความพอใจ : 10/10
- ปริมาณ : 120 ml.
- ราคา : 95 บาท
- หาซื้อได้ที่ : เราซื้อจาก Boot ค่ะ
อันนี้ไม่ใช่สกินแคร์อีกเช่นกันแต่อยากแถม 555 สเปรย์ระงับกลิ่นกายโฟคัลตัวนี้อ่อนโยนดีค่ะ เป็นสารธรรมชาติ ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ และน้ำมัน แต่ก่อนเราใช้สารส้ม แล้วรู้สึกว่าระหว่างวันถ้าอากาศร้อนจนเหงื่อออกมากก็เอาไม่อยู่ ไม่มีกลิ่นจริงแต่รู้สึกเหนอะหนะเหงื่อ ตัวนี้แห้งสบายกว่าพอสมควร ตอนใช้ก็ฉีดไปแล้วรอสักพักให้แห้งก่อนค่อยใส่เสื้อผ้า ทีนี้ก็แห้งไปตลอดวันเลย เค้าเคลมว่าไม่ทำให้เสื้อผ้าเหลืองด้วย แต่เราเพิ่งใช้ไม่กี่ครั้ง ยังไม่แน่ใจข้อนี้เลยยังบอกอะไรไม่ได้ค่ะ
จบแล้วค่ะการรีวิวสกินแคร์แบบสาธยายยืดยาวของเรา 5555 ขอบอกว่านี่เป็นกระทู้แรกและเราตั้งใจทำมากๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย สิวขึ้นบ่อย ที่กำลังมองหาสกินแคร์คุณภาพดี เห็นผลจริงนะคะ ทุกชิ้นเราใช้กับตัวเองจริงๆ และส่วนใหญ่ใช้มาเป็นระยะเวลานานมาก ลองผิดลองถูกมาเยอะกว่าจะหาสิ่งที่ใช่กับตัวเองเจอเหมือนทุกวันนี้ เราว่ามันดีมากๆเลยนะเวลาเรารู้ว่าอะไรเหมาะกับเราแล้วไม่ต้องพึ่งพายารักษาจากหมอตามคลินิคเสริมความงามต่างๆอีกต่อไป รู้สึกเป็นไท 555 อย่างไรก็ตาม สกินแคร์ที่เราแนะนำอาจจะไม่ได้เหมาะหรือใช่สำหรับทุกคน เราแนะนำไว้เป็นทางเลือกหนึ่งเท่านั้นนะคะ ใครที่ยังไม่เจอสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองก็อย่าเพิ่งหมดหวังนะ ท่องไว้ว่าสักวันต้องเป็นของเรา สู้ๆค่ะทุกคน :))
ปล. ขออภัยที่รูปใหญ่ยักษ์มากค่ะ เก๊าย่อไม่เป็นอ้ะ
เพิ่มเติมค่ะ : เพื่อไม่ให้เป็นการสับสน เราจะขอเรียงลำดับการใช้แต่ละตัวดังนี้นะคะ
เช้า:Cetaphil ล้างหน้า >> เช็ดน้ำเกลือ >> (โลชั่นทาสิว ดร.สมชาย) >> ฮาดะลาโบะ >> Burnova >> กันแดด >> แป้งเด็ก
เย็น:
Bifesta เช็ดคสอ. >> Cetaphil ล้างหน้า >> (BHA 2%) >> เช็ดน้ำเกลือ >> น้ำแร่ >> (โลชั่นทาสิว ดร.สมชาย) >> ฮาดะลาโบะ >> Biotherm >> อายครีม RJK >> Burnova >> Physiogel cream
ที่อยู่ในวงเล็บคือใช้แค่เฉพาะตอนสิวขึ้นค่ะ