ดูแลผิวแพ้ง่าย.. เสี่ยงเป็นสิว ด้วยผลิตภัณฑ์คู่ใจ ไม่เกินชิ้นละ 555 บาท!!
WthoutQuote 37 23สำหรับกระทู้นี้ ขอหยิบยกเรื่องใกล้ตัวมาแชร์กันซะหน่อย เพราะเห็นกระทู้ของหลายๆคนที่เข้ามาถามเรื่อง "สิวๆ" กัน ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับเราแล้วมันเป็นเรื่องใกล๊...ใกล้ตัว! เนื่องจากเราก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่เคยผิวพังเพราะสิวปะทุมาก่อน เหตุจากฮอร์โมนเปลี่ยนเอย สภาพอากาศเอย วิธีการดูแลแบบผิดๆเอย แถมยังทะลึ่งไปใช้ครีมปรอทตามอินเตอร์เนทจนผิวติดสเตียรอยด์อีก พอหยุดใช้หน้าเลยปะทุสิวอุดตันและอักเสบ แถมทิ้งร่องรอยอารยธรรมไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยครัช T____T
ซึ่งระหว่างทางการรักษาสิวแพ้ ฮอร์โมน และสเตียรอยด์ เรารักษาด้วย Benzac 5% และ Retin-A 0.05% และรักษารอยด่างดำจากสิวด้วย Scar Esthetique แต่ตอนนี้เลิกใช้ Retin-A แล้วนะคะ หน้าหายแว้ว ^__^ แต่ปัจจุบันถ้าใครจะรักษาวิธีนี้เรา แนะนำให้ใช้ Differin 0.1% แทนนะคะ จะ(แทบไม่)ระคายเคืองกับผิว และไม่ไวแสงเท่า Retin-A ค่ะ
โดยเราอ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจในการรักษาจาก 2 กระทู้ในจีบันด้านล่างนี้เลยค่า
EP1. (เริ่มรักษา)https://www.jeban.com/viewtopic.php?t=108466
EP2. (ผลลัพธ์)https://www.jeban.com/viewtopic.php?t=111150
ในส่วนของการรักษาไม่ขอลงรายละเอียดมากนะคะ เพราะไม่ได้เก็บผลไว้แบบชัดเจน แต่ถ้าใครมีคำถามก็คอมเม้นได้เลย พร้อมตอบแบบละเอียดครัช
ซึ่งจากที่ได้รักษาสิวด้วย Benzac และ Retin-A โดยใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน บวกกับรักษารอยด่างดำจากสิวด้วย Scar Esthetique โดยใช้ระยะเวลา 2 เดือน จนหน้าเริ่มปกติ ไม่ปะทุสิว (มีขึ้นเป็นครั้งคราวเวลามีรอบเดือน) สภาพที่ได้คือ.. ดังนี้
ว่าแต่... มาดูกันดีกว่า ว่าผิวแพ้ง่ายและเสี่ยงเป็นสิวแบบเรา ใช้อะไรในการดูแลผิวบ้าง!
STEP 1 : เช็ดเครื่องสำอาง
หนึ่งสาเหตุหลักๆที่ทำให้หน้าเป็นสิวอุดตันและอักเสบ เกิดจากสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ซึ่งคนที่ไม่แต่งหน้าส่วนใหญ่มักคิดว่าแค่โฟมหรือสบู่ก็พอ แต่จริงๆแล้วคือพวกครีมกันแดดเนี่ยยยยมีบลานุภาพในการอุดตันสูงเชียวหล่ะ! เพราะส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบกันน้ำ กันเหงื่อ เพราะฉะนั้น... เช็ดหน้าให้สะอาดจนกว่าสำลีจะขาวก่อนนะครัช เพื่อผิวสะอาดห่างไกลสิวฮ่ะ
*TRICK*
เวลาเช็ดเครื่องสำอางเราจะเช็ดตามแนวโพรงขน (ตามภาพ) เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออกจากรูขุมขน ไม่อุดตันจนเกิดเป็นสิวค่ะ
STEP 2 : ล้างทำความสะอาดผิวหน้า
หลังจากเช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกจากผิวหน้าแล้ว ก็ล้างด้วยสบู่เหลวอีกครั้ง เพื่อชำระล้างสิ่งตกค้างบนผิว ผิวเราจะได้สะอาดอย่างล้ำลึก เจ้าขวดนี้เราชอบเพราะไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่มีฟอง ที่สำคัญหลังล้างผิวไม่แห้งตึงเอี๊ยดๆ แต่นุ่มและชุ่มชื้นมาก!
STEP 3 : ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว + เตรียมผิวก่อนการบำรุง
หลังทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ซับหน้าหมาดๆแล้วตบๆเจ้าฮาดะลาโบะขวดนี้ตามได้เล้ย! เราชอบเพราะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่เหนอะหนะ แต่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวหยุ่นๆ ไม่แห้งตึง แล้วเวลาทาครีมบำรุงผิวตอนโลชั่นยังหมาดๆบนหน้า จะช่วยให้ครีมซึมเข้าผิวได้ง่ายขึ้นด้วย ^^
STEP 4 : เติมความชุ่มชื้นให้ผิวขั้นแรก + ลดเลือนรอยด่างดำจากสิว
หยดออยล์ลงฝ่ามือ 1-2 หยด วอร์มบนฝ่ามือให้ทั่ว แล้วตบเบาๆลงบนผิวหน้าที่ยังหมาดๆจากฮาดะลาโบะอยู่ จะได้ความชุ่มชื้นที่พอดี และออยล์ซึมลงผิวไวขึ้น ไม่เหนอะหนะอยู่บนหน้า ตบให้พอรู้สึกว่าออยล์ทั่วหน้า ก็ให้นำฝ่ามือที่มีออยล์เหลืออยู่มาลูบไล้คอต่อจนฝ่ามือแห้ง เจ้าขวดนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆนะคะ บางคนอาจไม่ชอบกลิ่นก็มี แต่เราโอเค
ปล. เราใช้ออยล์เฉพาะตอนกลางคืนนะคะ ตอนกลางวันจะเหนอะหนะไป
STEP 5 : บำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว
หลังมอบความชุ่มชื้นให้ผิวแล้ว เราก็จะล็อคความชุ่มชื้นให้อยู่ในผิวต่อด้วยโลชั่นขวดนี้ ถึงเป็น PM ก็จริงแต่เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะผิว เราเลยใช้ทาตอนเช้าด้วยเลย โดยคุณสมบัติตัวนี้นอกจากจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยลดอาการอักเสบของผิว และรอยแดงด้วยค่ะ
ปล. อาจหาซื้อยากหน่อย ไม่มีที่ไทย เท่าที่เคยเห็นตามร้านหิ้วราคาพรีออเดอร์จะอยู่ที่ 650 - 700 บาทค่ะ
STEP 6 : รักษาสิวเฉพาะจุด
ตราบใดที่เรายังมีฮอร์โมนและสภาวะรอบๆตัวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แน่นอนว่าเจ้าสิวยังต้องมีแวะเวียนมาทักทายเราบ้างเป็นครั้งคราว บางคนก็ตามรอบเดือน ^^" ดังนั้นจึงต้องมีสิ่งนี้ติดตัวไว้เสมอ เริ่มปูดๆนูนๆจับไปเจ็บๆก็แต้มก่อนนอนเลยค่ะ ตื่นมาก็ยุบพอดี เจ้าตัวนี้เภสัชบอกเราว่าไม่ทำให้ดื้อยานะคะ ซึ่งก็จริง เพราะแต้มทีไร สิวก็ยุบทุกครั้งค่ะ
STEP 7 : สเต็ปสุดท้ายยยย ปกป้องผิวจากแสงแดด
จริงๆเจ้าหลอดนี้มีไซส์เล็กนะคะ ขนาด 20 ml. ราคาประมาณ 250 บาทค่ะ ซึ่งปัจจุบันเค้าปรับหน้าหลอดให้เป็น SPF 50 PA+++ แทนแล้วนะคะ แต่เภสัชบอกว่าจริงๆก็ SPF 60 เท่าเดิมแหละ แต่ว่าทางอย. ไม่อนุญาตให้ระบุบนฉลากสูงกว่า 50 ค่ะ ซึ่งตัวนี้จะมันมากพอสมควร แต่ด้วย SPF ที่สูง ก็อาจเสี่ยงกับคนที่ผิวบางมากๆช่วงรักษาสิวหน่ะ เราแนะนำให้ลองใช้สูตร Sensitive SPF30 PA++ หรือ SC SPF40 PA+++ ก่อนซักพัก แล้วพอผิวเริ่มแข็งแรงค่อยใช้หลอดนี้ เนื่องจากตอนที่เราเริ่มใช้ มันยังไม่มีสูตรอื่นๆออกมาเราเลยใช้แต่หลอดส้มมาตลอด เคยลองสูตร Sensitive SPF30 PA++ อยู่ช่วงนึง ตอนแพ้ AHA แล้วผิวแสบๆ แต่หลังจากหายดีก็กลับมาใช้หลอดนี้แหละ :D
หมดแล้วนะคะสำหรับการดูแลผิวแพ้ง่าย และเสี่ยงเป็นสิวในแบบของเรา ทั้งหมดที่แชร์นี้เป็นสิ่งที่ทำทุกวันเป็นประจำอย่างต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีแล้วผลที่ได้มันดีค่ะ ซึ่งการที่เราใช้แล้วดี ไม่ได้การันตีว่าผลลัพธ์ของทุกคนจะเหมือนกันนะคะ บางคนอาจจะแพ้บางส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่เราแนะนำ ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละคนค่ะ ^^
สำหรับการดูแลผิวเพิ่มเติมก็มีมาส์กหน้าบ้างอะไรบ้างเป็นครั้งคราว โดยส่วนตัวที่ใช้แล้วไม่แพ้มี 2 ยี่ห้อ คือ Leader's Solution (หาซื้อได้ตาม Watson) และ Lululun *สูตรชาเขียว* (หาซื้อได้เฉพาะที่เกียวโตเลยซื้อมาตุนไว้เพียบ) ซึ่งสูตรที่ใช้ได้จะต้องเลี่ยงสูตรที่เป็น whitening หรือ AHA ค่ะ ใช้ได้แค่ครั้งสองครั้งต่อเดือน เพราะเคยใช้ติดต่อกัน สัปดาห์ละ 2 ครั้ง หน้าจะเป็นแดงๆดวงๆ คันยิบๆเลย T_T คือแพ้นั่นเอง... แล้วก็มีทานวิตามิน C และ Bรวม (B2,B6) ควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยเรื่องการฟื้นฟูผิวจากภายใน ผิวจะได้สดใส เปล่งปลั่งค่า
แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้าครัชชชชชช บ๊ายบายค่า!