แบ่งปันประสบการณ์....เมื่อส้นสูงแสนสวย เป็นปัญหาด้านความมั่นคงของ (ข้อเท้า) สาวไทย

7 5

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆพี่น้องชาวจีบัน วันนี้จะขอมาแชร์เรื่องราวที่ถือว่าเปลี่ยนชีวิต (บนส้นสูง) ของเราไปเลยให้อ่านกันค่ะ ถือว่าเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อเตือนภัยสาวๆค่ะ

เราเรียนจบมาสักพักแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ทำงานเป็นพนักงานออฟฟิตอยู่บริษัทนึงย่านอโศก

แลเวก็เป็นธรรมดาของผู้หญิงที่รักการแต่งตัวนะคะ

ยิ่งแถวที่ทำงานมีที่ให้ละลายทรัพย์เต็มไปหมด แต่จะให้เราปล่อยโทรมเป็นคุณป้าก็ดูจะไม่ใช่

อีกอย่างด้วยงานที่ทำ ก็ต้องแต่งตัวดีหน่อยค่ะ เลยทำให้เรามีพร็อพจัดเต็มมากกกก

ที่ขาดไม่ได้คือ รองเท้าส้นสูง ที่เราชอบซื้อมากๆ เฉพาะรองเท้าที่เป็นสันสูง

ตอนนั้นเรามีอยู่ประมาณ 30 กว่าคู่ แทบไม่มีที่เก็บค่ะ แต่มันหยุดซื้อไม่ได้จริง

แบบว่าในชีวิตนี้ เราขาดรองเท้าส้นสูงไม่ได้ ต้องใส่ตลอดอ่ะค่ะ

ถ้าไม่ได้ใส้จะไม่มั่นใจเลย คงเป็นเพราะเราเป็นชะนีไทยไซส์กระทัดลัดด้วยมั้งคะ เลยติดส้นสูงเป็นพิเศษ

และแล้วมันก็มาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตเรา..... ปัญหามันเริ่มจากการที่ต้องใส่ส้นสูงมาทำงานเกือบทุกวัน

จนเมื่อปีที่ก่อน เราเริ่มพบความผิดปกติของเท้าตัวเองค่ะ คือกลับจากเลิกงานมาตอนเย็นมันเมื่อยขาและปวดระบมเท้าไปหมด ตอนนั้นคิดว่าคงเดินทั้งวันเท้าเลยระบม เลยแช่เท้าด้วยน้ำอุ่นรักษาอาการ แล้วก็นวดๆ

พอตื่นมาอาการปวดมันก็หายไปนะคะ เป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่ๆ

พอนานวันเข้ามันเริ่มปวดถี่ขึ้น อย่างพอยืนเดินสักพักต้องนั่งพัก เพราะปวดมากค่ะ เดินไม่ไหว นังเพื่อนที่ออฟฟิตก็แซวนะคะว่า "ยังไม่ทันแก่เลย บ่นปวดเมื่อยไปได้" กว่าจะกลับถึงบ้านแต่ละครั้ง แทบจะคลานกลับค่ะ บางครั้งปวดหนักมากก็ต้องกินยาคลายกล้ามเนื้อให้หาย

ช่วงนั้นมีรองเท้าลำลองแบรนด์นึงที่คนชอบหิ้วมาจากอเมริกาหลายๆคนคงชอบใส่กัน ก็คือแบรนด์ Flip flop ค่ะตอนแรกก็ไม่ชอบหรอกนะคะ รองเท้าหน้าตาประหลาดๆ ดอกไม้ใหญ่กว่าของลู่ลู่ ลาล่า โปงลางสะออนอีกค่ะ 555 แต่พอเพื่อนๆนางชอบใส่กันค่ะ แล้วเชียร์ออกนอกหน้ายังกะมีหุ้นส่วนในบริษัทว่า ดีนะแก ไปอ่านรีวิวแหมเค้าบรรยายสรรพคุณไว้อย่าเลิศเลอ ว่าช่วยลดการปวดขา ปวดหลัง ยืนเดินได้ทั้งวัน ใส่แล้วขากระชับ ส้นเท้าหายแตก บลาๆ พอเงินเดือนออกเราก็วิ่งหน้าตั้งตรงดิ่งไปสอยมาใส่อย่างไวเลยค่ะ ใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง คือแบบรองเท้ามันนิ่ม และใส่สบายมากค่ะ เราปลื้มมาก

แต่ความสบายใจอยู่กับเราไม่นานค่ะ เพราะพอสักระยะหนึ่งอาการปวดเท้ามันเริ่มกลับมาอีก แต่ไม่ได้มาอย่างเดียวค่ะ ปวดหลังตามมาด้วยค่ะ คราวนี้หนักเลย เข้าใจเลยค่ะที่พวกป้าๆ ยายๆชอบบ่นปวดหลังกันอาการมันเป็นยังไง คือช่วงแรกๆก็พอทนได้นะคะ ทนๆไป สักพักพอจะก้มหลังทีก็เริ่มปวดหลังมากขึ้น ยิ่งก่อนหน้านี้เราชอบเข้าไปวิ่งในฟิตเนสด้วย ก็กลายเป็นว่าวิ่งไม่ได้เลยค่ะ น่ากลัวมากตอนที่เท้ากระแทกพื้น รู้สึกร้าวไปทั้งตัวเลยค่ะ อาการแย่มากจนสุดท้าย เราตัดสินใจไปพบคุณหมอ

พอไปตรวจคุณหมอก็ซักประวัติละเอียดยิบ ถามไปถึงชีวิตประจำวัน

ถามทุกอย่างเลยค่ะดีนะคะไม่ถามชื่อพ่อชื่อแม่ นี่ถ้าคุณหมอหนุ่มกว่านี้สักหน่อย

คงจะขอนัดคุณหมอไปกินข้าวกัน 2 คนแล้วเล่าประวัติตั้งแต่อนุบาลให้ฟังแน่ๆค่ะ 5555

สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าเรา เป็นโรคเท้าแบนค่ะ ตายแระตอนได้ยินชื่อครั้งแรกมันคือโรคอะไรค่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน เท้าแบนไม่รู้จักค่ะ แต่ถ้ากระเป๋าแบนมันจะมาทุกสิ้นเดือนค่ะ 555

เป็นเท้าแบนไม่พอนะคะ คุณหมอบอกด้วยค่ะว่าเราเป็นเท้าแบนแบบยืดหยุ่น

ในใจก็คิดว่านี่มันเท้าหรือหนังสติ๊กคะ มีแบบยืดหยุ่นด้วยเดินๆไปแล้วมันจะเด้งดึ๋งๆ รึเปล่านะ

แต่มันไม่ใช่นะสิคะ พอลองถามข้อมูลจากคุณหมอก็ตาสว่างขึ้นมาว่า ไอ้อาการเท้าแบนมันไม่อันตรายถึงชีวิตหรอกนะ แต่มันทำให้เส้นเอ็นที่เท้าและขาเขม็ง เวลายืนเดินจึงปวด คุณหมอยังบอกอีกว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงไทยเป็นโรคนี้กันเยอะมาก มีทั้งแบบที่รู้ตัวกับคนที่เป็นแต่ไม่รุ้ตัว เพราะคนปกติจะมีอุ้งเท้า ก็เจ้าส่วนโค้งเว้าตรงฝ่าเท้านั้นแหละ ทำให้เกิดความยืดหยุ่นเวลาเดิน การทำงานของกระดูกเท้าและกล้ามเนื้อขาจึงเหมาะสม คนผิดปกติแบบ เรานะหรอดูผิวเผินอาจจะมีอุ้งเท้า แต่พอเวลาเดินแล้วอุ้งเท้าก็จะหายไป เพราะน้ำหนักตัวที่กดลงบนเท้า ดูง่ายๆเลยนะคะ เวลาเท้าเราเปียกน้ำ แล้วไปเดินบนพื้นคอนกรีต ถ้าเห็นรอยเท้าเต็มๆ ชัดๆ ก็ชัดเลยเท้าแบนแน่นอน แถมเรายังมีโอกาสที่เท้าจะบิดเข้าได้ในอีก

อุ๊ต๊ะ! เอามือทาบอก ร้องคุณพระ! เท้าแบนอันตรายพอๆกับกระเป๋าแบนเลยนะคะ

มันทำให้เรา ปวดฝ่าเท้า ขา และปวดหลังตามมา หรือบางคนเนี่ยอาจจะปวดไปถึงต้นคอก็ได้ค่ะ และยิ่งเดินแล้วยิ่งมีอาการเจ็บเมื่อลงน้ำหนักเท้า หรือเกิดตาปลาใต้ฝ่าเท้า ก็จะส่งผลเสียในระยะยาวนะ จนทำให้เราเป็นโรคเข่าเสื่อมได้เลยค่ะ นี่เรายังไม่แก่แต่เข่าต้องเสื่อมก็ไม่ไหวนะคะ

คุณหมอหน้าตี๋ก็ใจดีแนะนำการรักษาเบื้องต้นให้ค่ะ

- ทำแผ่นรองในรองเท้าสำหรับผู้ป่วยเท้าแบนซึ่งมันจะรองรับกระดูกเท้าพร้อมกับการเสริมอุ้งเท้าไปในตัวด้วย และการใส่รองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่เป็นเท้าแบนจะสามารถสร้างให้อุ้งเท้ากลับให้มันได้อีกด้วย

- ทำกายภาพบำบัดเพื่อปรับแนวโครงสร้างเท้าให้กลับมาตรงตามธรรมชาติเหมือนเดิม ข้อนี้ค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างเยอะ ต้องไปตามนัด ซึ่งเราไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่

- ตัดรองเท้าเพื่อช่วยรักษาอาการเท้าแบน เกิดมาในชีวิตอยากจะมีรองเท้าที่สั่งตัดพิเศษสำหรับเราสักคู่ เอาที่ออกแบบเอง ใส่เองคนเดียว ดูเหมือนจะเกร๋ๆนะคะ แต่คือพอดูแบบรองเท้าแต่ละคู่ บอกตรงนะคะว่ามันโบมากเลยค่ะ และความโบนั้นก็มาพร้อมกับราคาที่แสนจะแพง หุหุ

เราเลยเลือกแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการไปซื้อแผ่นเสริมรองเท้าสำหรับคนเท้าแบนมาใส่เป็นยี่ห้อสกอลล์ ค่ะ เพราะเคยเห็นโฆษณาว่าเค้าขายแผ่นเสริมนี่ด้วยแนะนำเลยนะคะ เพราะว่ามันช่วยได้มาก แต่ตอนที่ใส่แรกๆจะมีอาการเจ็บฝ่าเท้ามากค่ะ ทนไม่ไหวเลยต้องหยุดใส่ไป แต่ด้วยความเสียดาย เลยกลับไปถาม พร้อมกับบ่นๆกับน้องพนักงานที่ร้าน เขาก็บอกว่าช่วงแรกจะมีอาการเจ็บฝ่าเท้าให้สลับใส่กับรองเท้าปกติ 2-3 ชั่วโมง พอใส่ไปสักระยะเริ่มหายเจ็บ ดีใจไปซื้อมาใส่เสริมอีกคู่

ดูเหมือนชีวิตดาวจะดีขึ้น แต่แผ่นเสริมรองเท้าเนี่ย ดาวพูดเลย ! ว่ามันไม่ใช่คำตอบของดาวพระศุกร์แต่อย่างใด!!!เพราะมันไม่ได้ทำมาให้ใส่กับรองเท้าเราได้ทุกคู่ เราต้องมานั่งตัดแต่งเล็มออกเอง แถมแผ่นเสริมมันยังไม่ค่อยจะเหมาะกับรองเท้าส้นเตี้ยเท่าไหร่ พื้นมันลอยๆ บอกไม่ถูก อยากจะลองเปลี่ยนยี่ห้อดูบ้างเพื่อจะเหมาะกับรองเท้าเราบ้าง เงินเดือนออกเลยกะจะไปจัดแผ่นเสริมรองเท้ายี่ห้ออื่นดูบ้าง เดินไปเดินมาเจอรองเท้าก็ดันไปเจอ closed shoes ที่ออกแบบมาสำหรับคนเท้าแบนโดยเฉพาะ ครั้งแรกที่เจอความรู้สึกนี่เหมือนเจอเนื้อคู่เลยค่ะ 555 ก็เว่อร์ไป มันคือรองเท้า Scholl อีกนั่นแระค่ะ บอกตรงเลยค่ะว่าแบรนด์นี้ในความคิดแวบแรกของเราคือ "แก่ค่ะ!" ยังจำไอรุ่นแคว๊กๆได้มั้ยคะ ใครจำได้เนี่ยรู้อายุเลยค่ะ 555 ยังเคยซื้อมาใส่เลย ตอนนั้นฮิตมากจริงๆ เราก็นึกนะคะว่าทำไมตอนแรกมันไม่มีรุ่นนี้ออกมา รองเท้ามันน่ารักฟรุงฟริ๊ง

ตอนนี้เท้าเราก็กลับเป็นปกติ หลังจากใช้เวลาต่อสู้กับเท้าแบน ทั้งปรับการเดิน ทำกายภาพบำบัด และเปลี่ยนรองเท้าที่ใส่ เท้าก็มีส่วนโค้งเว้าเหมือนคนทั่วไป แต่เอวตอนนี้ส่วนเว้าส่วนโค้งไม่ค่อยมีแล้วค่ะ 555 เรามาแชร์เรื่องนี้เพราะอยากจะเตือนสาวๆนะคะ เพราะการใช้ชีวิตประจำวันเราของเรา ทั้งที่ต้องยืนบนสันสูงทั้งวัน ไหนจะต้องเดินบนพื้นแข็งๆตลอดเวลาอีก เราต่างก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะเท้าแบนได้ทั้งนั้น ทางที่ดีควรหาทางป้องกัน เช่น เดินบนพื้นหญ้านุ่มๆ หรือพื้นทรายดูบ้าง เพราะธรรมชาติของเท้าเรา ถูกแบบแบบมาให้เหยียบพื้นดิน พื้นหญ้า

ท้าของเรามันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราใช้ชีวิตตามเป้าหมายได้ เราก็ควรจะให้ดูแลใส่ใจเท้าและร่างกายเราให้อยู่กับเราได้นานๆสุขภาพที่เสียไปมันใช้เงินซื้อกลับคืนมาไม่ได้นะเคอะ !!


orangegirl

orangegirl

FULL PROFILE