Eminem - Life Through Music

เขาไม่ใช่เพียงแร็พเพอร์ที่สามารถทำให้แฟนๆหลั่งน้ำตาได้ในคอนเสิร์ต

เขาไม่ใช่แค่เพียงศิลปินที่ประสบความสำเร็จถึงขีดสุดแล้วหนีหายไปเพราะไม่สามารถจัดการกับปัญหาในจิตใจของตัวเองได้

เขาไม่ใช่แค่พ่อที่พยายามไขว่คว้าหาความสำเร็จเพื่อจะให้แน่ใจว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาจะไม่ได้พบกับชีวิตย่ำแย่ที่เขาเคยผ่านมา

เขาไม่ใช่แค่ราชาเพลงฮิปฮอปที่นิตยสาร Rolling Stone ตั้งสมญานามให้

แล้วเขาคือใคร ?

Discussion (32)

- คนที่ติดภาพSlim Shady ในช่วงที่โด่งดังแรกๆอาจจะติดภาพว่า เขาเป็นพวก Bully คนอื่น อย่างโมบี้ที่ถูกเขาสับเละ แต่ย้อนไปนะคะ เป็นโมบี้ที่วิจารณ์ผลงานของเอ็มก่อนว่ารับไม่ได้ที่เนื้อเพลงต่อต้านเกย์และผู้หญิง (ซึ่งถามว่าเพลงแร็พของศิลปินคนอื่นเป็นแบบนั้นมั้ย?) รวมไปถึงคริสติน่า อากิเลร่า ที่เคยบอกว่า เอ็มมิเนมก็หล่อน่ารักดีแต่ผู้หญิงเราต้องระวังผู้ชายที่หยาบคายอันตรายแบบนี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ถูกเอ็มแต่งเพลงจิกกัดแบบไม่เลิก และก็ค่อยซาๆไปหลังจากที่ติ๊นามีเพลง Can't Hold Us Down ที่หลายคนเห็นตรงกันว่าเนื้อหาสาดไปที่แร็พเพอร์ผู้อื้อฉาวโดยตรง (น่าสมเพชจังที่นายสร้างชื่อด้วยการสร้างความแตกแยกให้คนอื่น/ ที่ทำท่าทีใหญ่โตแบบนี้กะจะปกปิดว่ามีอวัยวะที่เล็กจิ๋วอยู่ล่ะสิ) ศึกศิลปินนั้นจางหายไปตอนที่เอ็มมิเนมรับการบำบัดเลิกยาได้ แล้วแนวเพลงเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนค่ะ เรื่องจิกคนอื่นจะน้อยลงมาก แต่ก็ยังมีแซมๆอยู่

ส่วนคนดังที่รับการแซวของเอ็มมิเนมได้คือคิมเค นางบอกว่าถึงแซวนางยังไง นางก็ภูมิใจนะที่ศิลปินคนโปรดเอ่ยถึงใน MV

- เอ็มมิเนมพยายามอ่านดิคชันนารี่เพื่อจะได้ซึมซับคำศัพท์ได้มากที่สุด วันๆหนึ่งเขานึกแต่คำคล้องจองสวยๆเพื่อเอา่มาแต่งเพลง เขาเขียนไอเดียลงในกระดาษที่ใกล้มือที่สุดแล้วก็เก็บไว้เต็มกล่อง

- เขาไม่เคยเจอพ่อ ไม่ไม่คิดว่าอยากจะเจอ พ่อทิ้งเขากับแม่ที่เป็น teen momไปตั้งแต่อายุขวบกว่าๆ เขาให้เหตุผลว่า ถ้าเป็นเขา ให้เดินทางข้ามเขาก็จะตามไปเจอลูกให้ได้แม้ว่าจะไม่มีเงินเลยก็ตาม


 

- เขาถูกประนามและมีคนประท้วงเรื่องภาษาหยาบคายที่เขาใช้ เช่น "นังมาร ชั้นจะฆ่าแก" หรือ"ไอ้ตุ๊ด" และเขาโต้กลับว่า เขาไม่ใช่แร็พเพอร์คนเดียวที่มีถ้อยคำเหล่านี้ในเพลง เขาไม่ได้เป็นคนแรกที่ประดิษฐ์คำหยาบคายในเพลงขึ้นมา มีศิลปินคนอื่นแต่งบทเพลงที่ฟังหยาบคายเหมือนกัน แต่ไม่กลายเป็นเป้า หรือนั้นเป็นเพราะเขาเป็นคนขาว ? ส่วนเรื่องเกลียดเกย์ เขายืนยันว่าไม่ เเขาไม่ได้ต่อต้านใครเลย แค่เขียนสิ่งที่คิดลงไป (คนที่มีบทบาทสำคัญช่วยให้เขาเลิกยาได้คือเอลตัน จอห์น ไอคอนเกย์คนหนึ่ง)

- จริงๆแล้วเป็นคนตลก แค่มายืนทำหน้าโหดๆอยู่ใน talk show คนก็ขำแล้ว ถ้าไม่ได้มีอารมณ์ขันจริงๆก็คงแต่งเพลงจิกตัวเองไม่ได้ และคงถ่ายซีรีย์สั้นตอนกลับไปเรียนไฮสคูลไม่ได้อีกนั่นแหละ และถึงแม้จะไม่ค่อยปรากฏตัวเท่าไร แต่ถ้าเป็นแนวขำๆแบบจิมมี่ คิมเมลแบบนี้เขาก็ไปจอยมาหลายครั้งแล้วนะ



Facts

เอ็มโทรหารีแอนน่าเพื่อทำเพลง Love the way you lie ที่เนื้อหาเพลงเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในความสัมพันธ์ ซึ่ง ตู้ม! ริริเคยถูกชายหนุ่มที่เธอรักมากอย่างคริส บราวน์ตั๊นหน้าจนแตกบวมปูด  แน่นอนว่ามันเป็นอดีตที่เลวร้ายและจริงๆแล้วเธอไม่อยากพูดถึงมันนัก (เคยเปิดอกกับโอปราห์และสื่ออื่นบ้าง แต่เธอไม่ได้ประนามคริส บราวน์อย่างที่ใครๆคาดคิด และเธอยังกลับไปคบกับเขาอยู่ระยะหนึ่งด้วย ตรงกับเพลงเป๊ะเลย)  แต่ถ้าพูดถึงคนที่จะร่วมร้องเพลงนี้ได้เข้าถึงอารมณ์ที่สุด จะเป็นใครอื่นได้ นอกจากคนที่เคยตกเป็นเหยื่อในความรุนแรงนี้  เราคิดว่ามันต้องสะเทือนใจริริ แต่เธอก็ยอมรับค่ะว่า เธอไม่สามารถปฏิเสธเอ็มมิเนมได้    



ริริยืนยันว่า พอเห็นเนื้อเพลงแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่คนอื่นคิดเลยว่า เอ็มมิเนมต้องการใช้เธอที่เคยถูกคนรักทำร้ายร่างกายมาเป็นจุดขาย เพราะเนื้อเพลงลุ่มลึกเจ็บปวดกินใจมาก แนวทางการนำเสนอเรื่องความรุนแรงนั้นยอดเยี่ยมที่สุดและทำให้หลายๆคนเริ่มหันมาเข้าใจ  และเราคิดว่าที่เอ็มทำเพลงที่ดีแบบนี้ออกมาได้เพราะมีประสบการณ์ร่วมเหมือนกันค่ะ เพราะความสัมพันธ์ของเขากับคิม อดีตภรรยานั้นป่วยมากเลยทีเดียว ซึ่งเพลงนี้ก็กลายเป็นอีกหนึ่งในเพลงที่คนจดจำได้มากที่สุดในผลงานของเอ็มมิเนม

 
และรีแอนน่าก็ได้พบว่าแฟนๆคลั่งเพื่อนร่วมงานคนนี้เพียงไหนตอนที่แสดงสดด้วยกัน โดยเฉพาะตอนที่เป้นแขกเซอร์ไพรส์แบบแฟนๆไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน ลองตามลิงค์ไปดูว่าเราพูดจริง  https://www.youtube.com/watch?v=yNbd_1Frl8Y
และเสื้อผ้าเริ่มจะพอดีขึ้นค่ะ


แม้จะเป๋ไปหลายครั้ง overdose เกือบตายก็มี แต่พยายามดูแลตัวเองนะ กล้ามเนื้อจะมีให้เห็นตลอด มีช่วงที่เห็นล่าสุดนี่แหละที่ซูบไป


ภาพคลาสสิคสำหรับเรา เอ็มกะกาก้า




ถ้าตามดูไลฟ์ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา นี่คือแฟชั่นแนวเอ็มค่ะใน live ค่ะ









คนเริ่มจะสังเกตความเท่มากขึ้นตอน 8  Mile ค่ะ เพราะตอนดังจาก Slim Shady ใหม่ๆ ปากฮ่งมากจนคนลืมไปว่าความจริงแล้วอีตานี่หน้าตาดีนะ


ไอ้การแร็พไปดึงกางเกงไปนี่ก็เหนื่อยแทนนะ


ชุดวอร์มโคร่งๆนี่เขารวมเป็นหนึ่งในเทรนด์แฟชั่นยอดแย่ของผู้ชายล่ะ