กลับมารีวิวการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หายไปนานต่อจากกระทู้ที่แล้วเล่ากันแบบหมดเปลือกเท่าที่จะเล่าได้เลยคร่า555

1 5

สวัสดีค่ะต่อจากกระทู้ที่แล้วนะค่ะที่เราบอกจะมารีวิวเล่าประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เพื่อนๆดูและอ่านกันเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนลุกขึ้นมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น อาจยาวหน่อยใครทนอ่านได้ก็อ่าน 5555 อันไหนดีก็เอาไปลองทำอันไหนไม่ดีก็ไม่ต้องทำตามเน้อออก่อนอื่น เราขอแนะนำตัวก่อนเลยนะ เราชื่อเบ็นเท็นน่ะ จริงๆชื่อเบ็นอย่างเดียวแต่เรากระแดะอ่ะ 555 มันเป็นชื่อเรียกติดหูเราที่สุดในตอนนี้บางคนก็เรียกเท็นก็มี เอาเป็นว่าช่างมันจะเรียกไรก็เรียกเนอะ เอิ๊กๆๆเราก็เป็นเด็กบ้านๆคนหนึ่งที่อยู่ต่างจังหวัด นิสัยก็ห้าวๆ เหมือนผู้ชาย ติ๊งต้อง ขี้เล่นตามประสาเรานี่แหละเมื่อก่อนเราเป็นคนผิวดำมากแบบดำปิ๊ดปี๊ ยิ้มเห็นแต่ฟัน หน้าก็กลมเป็นซาราเปาเลย ฟันก็ซ้อนกัน แต่มีเขี้ยวคือปัจจุบันกับสมัยก่อนเราต่างกันคนละขั้วมาก เหมือนเกิดใหม่อ่ะ555 ตอนเกิดมาเราว่าเราก็ไม่ดำน่ะแต่พอเริ่มจะเข้าขวบหนึ่งเห็นรูปตัวเองแล้วงงเลยว่าทำไมด้ำดำขนาดนั้น ดำอยู่คนเดียวทั้งบ้าน ถูกล้อมาตลอดว่าอิดำดอทคอม อิชอกโกแลต อิดำตับเป็ด โอ้ยยสารพัดคำว่าดำ ญาติก็ล้อว่าแม่เก็บเรามาเลี้ยงบ้างแม่ไม่รักบ้างถึงเกิดเรามาตัวดำ แต่เกิดพี่สาวมาขาวจั๊วะ แม่ลำเอียงโน่นนี่นั่นหึหึ ตอนนั้นก็เด็กอ่าน่ะก็คิดแค้น้อยใจอ่ะ ทำหน้าบึ้งตึงตามประสา แล้วก็คิดเหมือนกันว่าทำไมๆๆแล้วชอบถามแม่ประจำทำไมถึงเกิดเรามาตัวดำ แล้วก็จะทะเลาะกับแม่โดนด่าประจำ ร้องไห้เบยยย ฮือๆๆ TT ด้วยความที่เป็นเด็กเราก็ไม่เข้าใจจริงๆ คือมันดำอ่ะ 55555 คนในครอบครัวขาวหมดอ่ะโถ่วววว แต่ถ้าใครมะพูดเราก็ลืมอ่ะ

รูปตอนเรา 2-3 ขวบได้ ถึงดำเราก็ว่าน่ารักอยู่น่ะ ( 5555 ชมตัวเอง )

ช่วงสมัยเรียนประถม

ตอนนี้ตอนอยู่ประถมค่ะ เราเป็นเด็กเรียนเก่งคือเครียดกับการเรียนกับกิจกรรมมาก เรียนดีเกรดดีมาตลอดกลัวมากตอนนั้นเวลาเกรดลดนี่คือกลัวที่บ้านว่า กลัวโดนพูดจาดูถูกแบบคิดมากแต่เด็กอ่ะค่ะกลัวแม่ผิดหวังแล้วชอบทำกิจกรรมของโรงเรียนมาก แต่คือหน้าเราไม่น่าจะเป็นเด็กกิจกรรมได้อ่ะ นี่ความสามารถล้วนๆบอกเลย เอิ๊กๆๆๆๆ

แล้วด้วยนิสัยที่ซน นิสัยห้าวๆเหมือนเด็กผู้ชาย แล้วก็บ้านอยู่ติดทะเลเราชอบเล่นน้ำทะเลมากเล่นเสร็จต่อด้วยน้ำสระสลับกันวันละหลายๆรอบเป็นอย่างนี้ทุกวันไม่สนใจไร ดำอยู่แล้วก็ยิ่งเกียมไหม้เลยทีนี้ ทั้งที่โดนล้อว่าอิดำ ทั้งที่เป็นเด็กขี้โรค เข้าโรคพยาบาลบ่อยมาก สายตาก็สั้นเอียงแถมน้ำเหลืองไม่ดีแพ้ยุงแพ้แมลงเวลาโดนกัดนี่บวมยังกะผึ้งต่อย ดำไม่พอขาลายเต็มไปด้วยรอด่างดำ แต่เราไม่แคร์เพื่อความสนุกแดดแรงแค่ไหน ถึงรู้ว่าป่วยเราก็สู้ ขอให้ได้เล่นสนุก

สมัยเรียนมัธยมต้น

อันนี้ตอนมัธยมต้นค่ะ ประถมดำแค่ไหนตอนนี้ยิ่งดำหนักกว่าเดิมค่ะ ไม่วายเป็นเด็กกิจกรรมเหมือนเดิม เต้น รำ อะไรกลางแจ้ง ตะกร้อ บอลเล่ บาส เล่นหมดค่ะ 555 ด้วยนิสัยที่ห้าวๆเหมือนผู้ชายแต่ก็ชอบทำกิจกรรม เพื่อนก็ไม่ค่อยคบค่ะไม่ค่อยมีใครชอบหรือจริงใจกับเราเท่าไหร่ตอนนี้ ด้วยนิสัยเฟรนลี่ก็ดูเหมือนเหมาว่าแรดด้วย มีแต่คนเกลียดเราค่ะพูดเลย ส่วนเพื่อนผู้ชายที่ไม่ชอบเรานอกจากจะไม่ชอบเราเพราะนิสัยบุคลิกแล้วคงจะไม่ชอบเราเราเพราะเราไม่สวยตัวดำด้วยละมั้ง งี้แหละค่คนไม่สวนทำไรก็ผิด แอบน้อยใจ บอกแล้วหน้างี้ไม่น่าเป็นเด็กกิจกรรมได้ค่ะแต่ความสามารถล้วนๆถึงจะดำ5555 แดดไม่เคยกลัว แต่ป่วยขี้โรคก็ตามมาติดๆค่ะเด่วหยุดๆเรียนๆ แต่เรื่องหนึ่งที่เปลี่ยนค่ะคือเรื่องเรียนจากเรียนเก่งๆก็กลายมาเป็นกลางๆเพราะช่วงประถมเครียดกับการเรียนมากเลยทำให้ป่วยบ่อย มามัธยมเลยอยากชิลๆเรียนพอที่ตัวเองไหว

รูปสมัยเรียน ปวช.1

หลังจากจบมัธยมต้นค่ะเราก็เริ่มโตขึ้น เราเรียนต่อ ปชว.1 เริ่มอยากจะดูแลตัวเองมากขึ้นจากที่เคยเล่นน้ำสระน้ำทะเลกลางแดดทั้งวันเราก็เริ่มไม่เล่น ใส่รีเทนเนอร์จัดฟันแฟชั่นด้วย 555 แต่เราก็ป่วยหนักขึ้นแบบโดนแดดก็เป็นลม มือหยิก หายใจหอบ ปวดหัวไมเกรนขั้นรุนแรง อาเจียน ไข้ขึ้นสูง จริงเราเป็นมาแต่ประถมแล้ว แต่พอโตมันกลับหนักขึ้นช่วงอยู่ประถมเราเข้าค่ายลูกเสือ เนตรนารี ไม่ได้เลยแม่ไปรับกลับมา รพ. ตลอด จนพอมีเข้าค่ายเราก็ไม่เคยได้ไป จนมาถึงมัธยมต้น แต่เราชอบเต้นชอบรำมากเราเลยไม่ค่อยสนใจโรคเราซักเท่าไหร่ แล้วด้วยเป็นเด็กที่ห้าวๆโลดโผนอีกแต่พอมา อยู่ ปวช.1 แม้แต่ยืนหน้าเสาธงกลางแดดเรายังนอคคาที่ เราก็ไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็นพอมีวิชาลูกเสือเราก็เข้าทำกิจกรรมปกติ แต่เราก็ล้มทั้งยืนเลย เข้า รพ . อีกตามเคย เราเรียน ปชว.1 ถึงสองที่แต่เราเรียนไม่จบ เพราะเราเรียน อาทิตย์ เข้า รพ. สองอาทิตย์ จนเราเรียนตามไม่ทันเพื่อนพอมาตามงานเราก็เครียดไมเกรนขึ้นอีกวนอยู่แบบนี้ จนตัดสินใจพักเพราะเสียดายเงินที่แม่ส่ง เพราะดูเราจะไม่ไหวจริงๆ เราก็แปลกใจน่ะที่ผ่านมาเราก็โดนแดดมาตลอดแต่ไมโตขึ้น โดนแดดนานๆเรากลับกลายเป็นคนแพ้แดดไปซะงั้นเราจะหอบหายใจไม่ออก ทั้งที่เราก็พยายามทำตัวเองไม่ให้ดูอ่อนแอมาตลอด ตอนนั้นแม่ก็เคืองเราว่าเราทุกวัน แต่เราแบบอยากเดินตามความคิดเราแล้วคือเราเริ่มเอาความคิดตัวเราเราเป็นหลัก

หลังจากนั้นเราก็พักเรียนไป 1 ปี แล้วย้ายมาอยู่บ้านพี่สาวที่กรุงเทพ มาเรียนต่อ กศน. จนจบ ระหว่างนั้นก็อย่างที่เห็น 5555 นี่แค่ส่วนหนึ่งน่ะ เราขี้เกียจค้นรูป อิอิ เราก็หันมาดูแลตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมอีกแดดเรานี่แทบไม่ค่อยโดนเลย เราเป็นตัวเองมากขึ้น ลุกขึ้นมาแต่งตัว แต่งหน้า เป็นตัวของตัวเองมากขึ้นอย่างที่เห็น ขัด ฟอก ทา กัดผิว อะไรที่ทำให้เราขาวตอนนั้นเราลองหมดทุกอย่าง มีสารไม่มีสารเราไม่สนคือตอนนั้นเราบ้าอยากขาวมากอ่ะ ของตลาดนัด ถูกเราก็ใช้ เรานั่งหมกมุ่นเซิทกูเกิ้ลทุกวันว่าทำไงถึงขาว ลองหมดไม่ว่าถูกว่าแพง ที่สำคัญเราไม่เอาเงินจากแม่เลย ตอนนั้นนอกจากดูแลตัวเอง เราอยากทำไรทำไม่แคร์อะไรใครเป็นตัวเองถึงขั้นสุดๆอ่ะ แบบเราก็ไม่อยากให้ใครมองเราอ่อนแอด้วยแหละ เลยทำลุคให้ดูโหดๆไว้ก่อน อิอิ อีกอย่างเราชอบแบบนี้ อิอิ เราเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควรจนเพื่อน ญาติและคนที่เคยเห็นเราทักลือ เม้าสนั่นกันว่าเราไปฉีดผิว โดฟยาขาว บลาๆๆๆ แต่สมัยนั้น ฉีดผิวมันแพงเราก็มะค่อยมีตังขาดนั้นแล้วรู้มาคือต้องฉีดแบบต่อเนื่องตลอดอ่ะ เราไปเน้นขัดถูๆฟอกๆทาๆมากกว่า เราตั้งใจมาก ขยันฝุดๆ เราขัดผิวทุกวัน อาบน้ำเป็นชั่วโมงทุกวัน ทาครีมอีกเป็นชั่วโมงอีกคือทาทั้งตัวทั้งหน้าอ่ะ กลัวขาวไม่เท่ากัน 555 คือขยันมากจนติดเป็นนิสัยอ่ะ บอกเลยขาวขึ้นเพราะขัดกับทาเป็นหลักน๊ะจ๊ะอีกอย่าง มันอยู่ที่ใจและความตั้งใจด้วยน่ะ

พอจบ กศน. เราก็เข้าเรียนมหาลัย บอกก่อนเราย้ายมหลัยตอนนี้ปัจจุบัน มหาลัยที่ 3 แล้วค่ะและสาเหตุที่ออกนอกจากปัจจัยด้านการเงินการงานแล้ว สาเหตุที่ออกก็มีเรื่องผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้องที่ทำให้ต้องย้ายมหาลัย แต่เราจะให้ดูเริ่มจากมหาลัยแรกก่อนเลยนะค่ะ

รูปตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปี1-ปี2 เทอม1

จริงๆแล้วเราตั้งใจจะเข้ามอกรุงเทพค่ะใฝ่ฝันเลยแต่แม่เราดันไม่อยากให้เราเรียนซะงั้น เพราะพูดว่าเรียนไปก็เรียนไม่จบอีก ป่วยอีก แต่เราอยากเรียนอ่ะเราเลยทำทุกวิธีทางที่จะได้เรียนแต่ตอนนั้นหาเงินสมัครเข้ามอกรุงเทพไม่ได้ไม่พอเราเลยตามเพื่อนมาเรียนที่มอธุรกิจบัณฑิตย์ บอกเลยเราไม่รู้จักมอนี้เลยไม่เคยเข้าเว็บ เราหาเงินมาได้ เราก็มาสมัครเลย กู้เรียนเรียบร้อย คืออยากทำให้แม่เห็นอ่ะ ว่าอยากเรียน จนแม่ใจอ่อน แต่แม่ก็ให้เงินใช้น้อยเราเองก็ไม่ค่อยขอเงินแม่ใช้เล่นมาแต่แรกแล้ว แม่เราเป็นคนไม่ค่อยตามใจเราเลยแต่เด็กล่ะ เวลาอยากได้อยากทำไรเลยต้องหาเอง หรือบางทีก็ครึ่งๆกับแม่ รวมทั้งค่าหอค่ากินที่มหาลัยด้วย มันดีน่ะมันทำให้เราดิ้นรนดี ช่วยเหลือตัวเองและแก้ปัญหาต่างๆได้ และรู้สึกโตขึ้นด้วย อีกอย่างเราก็ไม่ได้รวยอะไรด้วย บางทีการหาเงินด้วยตัวเองก็ดีอยากใช้ไรก็ใช้อยากได้ไรก็ซื้อไม่เดือดร้อนใคร แต่ก็อย่างว่ามาเรียนมหาลัยก็ คึกอ่ะ เรียน เที่ยวกินเหล้าเมากินเก่งมาก พอมีแฟนอกหักก็กินเหล้าๆ คือเป็นความคิดที่เด็กของเราอ่ะ ว่าต้องเมาจะได้หายเศร้าจะได้ลืม แต่จริงมันไม่ลืมแล้วไม่ดีหรอกน่ะ นอกจากเมาเล่นเที่ยวเรียนก็หวงสวยช่วงนั้นเราเองก็ทดลองครีมมาพอสมควรเลย จนแบบมีความรู้เกี่ยวกับครีมมากแล้วมีโอกาสไปรู้จักกับโรงงาน กับแลปครีม แล้วก็สนิทเราก็สั่งครีมสั่งสูตรครีมใช้เองจนก็ผิวดีขึ้นเปลี่ยนสูตรใช้ทุกเดือนคือต้องขาวเร็วขาวไวถึงจะพอใจเราอ่ะ เปลี่ยนทุกเดือนเสียเงินเพื่อความขาวไม่เคยยอมแพ้ แต่ก็ยังไม่พอใจ แล้วเราก็ลองหยุดกินเหล้า มาลองฉีดผิวดูอยู่ประมานเดือนกว่าได้ มันขาวน่ะแต่ขาวแค่แขนอ่ะ พอหยุดเท่านั้นแหละดำกว่าเดิมอีกเราก็เลยไม่กลับไปฉีดอีกเลย กลับมาใช้วิธีเดิมขัดๆฟอก ถูๆ ทาๆ สั่งผลิตครีมจากแลปมาใช้เองสูตรของตัวเองและกินเหล้าเหมือนเดิมทุกวันค่ะกินจนเมาไม่เป็นอ่ะหนักมาช่วงนั้น เราแค่กินน่ะแต่ไม่ไม่ได้ทำตัวเละเทะไรคือวัยรุ่นอ่ะสนุกกับเพื่อนๆ แบบไม่สนใจอะไร จนเริ่มมีโรคกรวยไตอักเสบเข้ามากินทั้งเหล้าแล้วชอบกินเค็มอีก เข้าๆออกๆ รพ. ออกมาก็ไม่หยุดกินอีก

ตอนนั้นวงการครีมยังไม่ดังเลย โซเชียลแคม หรือเน๊ตไอดอลใหม่ๆก็ยังไม่มี เราก็ใช้ๆมาเรื่อย จนเพื่อนเริ่มทักเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของเราขึ้นทุกวัน เพื่อนเลยมาของแบ่งซื้อครีมที่เราใช้ หลังจากนั้นเราก็ขายให้เพื่อนมีค่าขนมกินอาทิตย์ละ 3000-5000 บาท ขายคนที่ทักที่สนิทที่เค้าอยากลองจริงๆ ส่วนมากก็ปากต่อปาก เอาง่ายคือเราขายเล่นๆอ่ะ แบ่งความขาวให้เพื่อนไม่กั๊ก ไม่ได้จริงจังอะไรแต่ได้ค่าขนมกินก็ดีอ่ะ แล้วที่มันแย่คือเราอ้วนมากค่ะตอนนั้นอ้วนแบบน้ำหนักขึ้นสุดในชีวิต 51 กิโล อ้วนหน้าบานแล้วก็หน้าขาวกว่าแขนแบบกลับมาดูรูปเก่าเรายังขำ คือตอนนั้นเราคิดว่าเราดูดีขึ้นมากๆแล้วน่ะ 55555 แต่คือแบบมาดูรูปตอนนี้เราแบบเงิบค่ะ เอิ๊กๆๆๆ แล้วช่วงนั้นฟิลเลอร์กำลังดัง ด้วยความอยากลองเพราะเค้าว่ากันว่าฉีดแล้วดั้งโด่งไม่ต้องผ่าตัด เท่านั้นละค่ะ เราเทียวไปถามคนโน้นคนนี้หาข้อมูลไปฉีดเลยค่ะ ฉีดๆเติม อยู่ 3 ครั้ง ครั้งที่สามเพิ่มร้อยไหมจมูกเพิ่มด้วย มันก็ยังมะขึ้นเท่าไหร่ คือแบบเราอ้วนแล้วมันลงหน้าลงต้นแขนต้นขา ฉีดหลายคั้งจนเราพอร่ะ 555 มันไม่ได้ขึ้นให้เราเลยอ่ะ ตอนนั้นประมาณช่วงปี 2553 แล้วน้ำหนักเราก็ขึ้นๆลดๆ เราเองก็อกหักครั้งแล้วครั้งเล่า จนน้ำหนักคงที่อยู่ที่ 48 กิโล

รูปตอนเรียนมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปี2

จนช่วงปลายปี 2554 ช่วงก่อนน้ำท่วมจนน้ำท่วม เราอยู่ปี 2 ได้ตอนนั้น เราผิดหวังเรื่องความรักมามาก บอกก่อนเลยเราเป็นรักใครรักจริงมาก ทุ่มเททุกอย่างแต่ที่ผ่านมาคือเราโดนหลอกมาตลอด เช่นคบกับคนที่เมียอยู่แล้วโดยไม่รู้พอเลิกมารู้ว่าเมียเค้าท้อง คบกะเพื่อนสนิทที่มีแฟนอยู่แล้วอันนี้เรารู้สึกผิดมาก แต่สุดท้ายเราก็ต้องทำใจเพราะสงสารแฟนเค้า คบซ้อนโดยที่ไม่รู้ตัว และอีกมากมายเยอะอ่ะ แล้วตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราอ่อนไหวและยังไม่เรียนรู้ตำว่ารักดีพอ พออกหักทีก็กินเหล้าใครทำดีพูดว่ารักเราก็เชื่อให้ทั้งใจแล้วใจง่ายนั่นเอง แต่ครั้งสุดท้ายที่อยู่มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เราโดนหนักมากถึงขั้นแบบโดนทิ้งเดินลุยน้ำท่วมไม่มีที่นอนไม่มีคนมีแต่น้ำในที่มืดๆ เดินในที่เปลี่ยวเป็๋นกิโลๆเกือบโดนทิ้งอยู่ที่รถท่ารถทัวร์หมอชิต เป็นที่ๆเราไม่เคยไป คือแบบเค้าใจร้ายกับเรามากพูดเลยและอีกหลายๆที่เค้าทำกับเราๆคาดหวังกับผู้ชายคนนี้มากอ่ะ แบบพอเราคาดหวังมากๆ ไม่เคยคิดว่าเค้าจะร้ายเราพอตกลงมาคือเสียศูนย์ อย่างเราเองก็ไม่ได้ดีไรมากแต่เรามีแค่ความจริงใจไม่เคยนอกใจ โดนทุกอย่างที่แย่ๆ เราผิดหวังจนเราจะบ้าเลยครั้งนั้น แบบคร่าวๆมันแย่มากค่ะ ทำให้เราเลิกกินเหล้า น้ำหนักเราลดเหลือ 42 เหม่อลอย สะดุ้งร้องไห้ ผวา นอนละเมอ ทุกอย่างอยากตายมากค่ะ อยากฆ่าตัวตายตอนนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เราซึ้งมากๆคือแม่เราแม่เราคอยดูแลปลอบเรา แม่ไม่เคยปลอบเราเลย แต่ตอนนั้นแม่ทั้งปลอบพาเราไปโน่นนี่ ซื้อของให้เรา ของที่เราอยากได้ เรางงมาก แต่ตอนนั้นเราก็ร้องไห้แบบเจ็บใจตัวเองอ่ะ แบบเห็นความรักความห่วงใยที่แม่มีมันมีมากจริงๆคือแม่ไม่เคยตามใจเราขนาดนี้ ไม่เคยพูดดีอยู่ข้างๆเราขนาดนี้เราคงสภาพแย่มากๆอ่ะ เราอยู่เดือนหนึ่งที่เรากลับไปอยู่กับแม่ในสภาพแย่ๆ เราก็กลับมาอยู่หอตอนนั้นเราเริ่มดีขึ้นสติเริ่มกลับมาเราคิดแค่ว่าเราต้องอยู่คนเดียวให้ได้เราทำแม่ไม่สบายใจและเป็นห่วงเรามามากพอแล้วเราต้องไปอยู่กับความจริง ต้องเข้มแข็งแต่กลับมาเราก็เก็บตัวในหอ 3 เดือนเต็มๆ เชื่อมั้ยเราไม่ออกไปไหนเลย ไม่อยากเจอใคร ไม่เที่ยวไม่กินเหล้า นอกจากเซเว่นล่างหอ เก็บตัวไม่ไปเรียน จนเราตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่ในที่ใหม่ๆที่ไม่ใช่ตรงนี้มันเหมือนหนีความจริงน่ะ แต่เรายอมเพราะเราว่ามันยังดีที่ยังอยู่ตรงนี้อ่ะก่อนไปตอนนั้นเราน้ำหนักลงมาก เราเลยไปจัดฟัน หาไรทำให้ตัวเองดูดี ทำเพื่อตัวเองดูแลตัวเอง ผ่านมา3 เดือน เราขาวขึ้นมากอ่ะ แบบไม่รู้ตัวด้วยน่ะ คือขาวกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด ผอมลงจัดฟันหน้าตอบ ผิวขาวขึ้นแบบบอกเลยหน้าเราเปลี่ยนไปจริง คอนเฟิมผอมแล้วจัดฟันนี่หน้าเปลี่ยน ถอนฟันบน 4 ซี่ ล่าง 2 ซี่ ผ่าฟันคุดล่างอีก 2 ซี่ หน้าไปเลยจร้าเปลี่ยนไปฝุดอ่ะ จมูกก็มา จนคนทักว่าไปศัยกรรมทำจมูกทำหน้าแต่ตอนนั้นคือไม่ได้ทำไรเลย อกหักโดนทิ้งล้วนๆค่ะ 555 แล้ว เราก็ตัดสินใจย่้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพปี1เริ่มใหม่ แบบเป็นคนใหม่ ตอนนั้นต้องขอบคุณเพื่อนที่อยู่ข้างเรามากๆขอบคุณแม่ไม่งั้นเราคงไม่ผ่านช่วงเวลาแย่ๆเหล่านั้นมาได้ เราคงคิดไม่ได้ ต้องขอบคุณจริงๆ

มหาวิทยาลัยกรุงเทพปี 1 พ.ศ 2555

เราย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพคิดเลยคงแบบสู้ใครไม่ได้เลย จะมีใครคบมั้ยเพราะมีแต่คนสวยๆ รวยๆ เราจะอยู่ได้มั้ย แต่ผิดคาดค่ะ เพื่อนเราเยอ555 มีทั้งเพื่อนดีไม่ดีปะปนกันไปคนเข้าหาเราเยอะจนแบบไม่น่าเชื่ออ่ะ แต่เราไม่ใช่คนเดิมละค่ะ ใครไม่ดีเราก็ไม่คบ ไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนที่เข้ามจีบ เราเข้มแข็งขึ้นมากอ่ะ ใช่ค่ะย้ายมามันอาจจะแย่ตรงเสียเวลา แต่บทเรียนที่ผ่านมามันคุ้มค่ะเพราะเราเข้มแข็งและเรียนรู้มาพอสมควร ไม่ไว้ใจใคร รอบคอบขึ้น ไม่ใจง่ายเชื่อคำพูดใคร เราก็มีพลาดหลงเชื่อแต่เราไม่ฟูมฟายเหมือนแต่ก่อน เราเที่ยวน้อยลงโลกส่วนตัวสูงขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ไม่กินเหล้า ชอบอยู่คนเดียว มั่นใจมากขึ้นแคร์เฉพาะคนที่แคร์เราแต่เรื่องมีแฟน ก็เดิมๆค่ะเก่งแค่ไหนก็โดนหลอกอยู่ดีเพราะลึกๆไงมันก็คือเราที่ใจดีใจอ่อนคนเดิม แต่แค่เรียนรู่ที่จะอยู่เรียนรู้ที่จะเสียใจโดยไม่ทำร้ายตัวเอง แล้วก็ทำงานส่งตัวเองเรียนแม่ก็ช่วยเรื่องเรียน เรื่องกินแบบครึ่งๆ งานก็งานเดิมๆค่ะขายครีม ฮ่าๆแต่เริ่มทำเต็มตัวขึ้น

รูปตอนหมอสั่งห้ามไม่ให้ใส่คอนแท็คแล้วก็ทำจมูกค่ะ ม.กรุงเทพ ปี2 2556-2557

อยู่มาพักหนึ่งตาเราที่สั้นเอียงเราใส่คอนแท็คมาตลอดเริ่มแย่ อยู่ดีๆก็ตาแดงบวมจนตาปิด น่ากลัวมาก ไปหาหมอๆบอกว่าเป็นภมูแพ้ตา แพ้แสงแบบรุนแรงและมีภาวะตาแห้งมากๆ อะไรซักอย่างจนหมอสั่งห้ามใส่คอนแท็ค ไม่งั้นตาอาจบอดได้ เราก็ต้องเลิกใส่แว่นเราก็ไม่ชอบใส่ เพราะเราใส่แล้วมันมึนเหมือนจะอ้วกอ่ะ เลยกลายเป็นคนเหมือนตาบอดอ่ะ แบบมองไรไม่ค่อยเห็น เดินผ่านใครก็เหมือนหยิ่ง555 แต่คือไม่ได้หยิ่งมันมองไม่เห็นจริงๆ เพื่อนที่อยู่กับเราจะรู้เลย แล้วตอนนั้นก็มีปัญหากับจมูกอีก ( แต่เราจะรีวิวศัยกรรมให้ในกระทู้หน้าน่ะ ) เราเลยต้องทำจมูก แต่ทำออกมาก็ไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ตอนนั้นก็แบบ ปี 2555 ได้ เพื่อนก็เรียกเราเผือก นีออน 555 แอบปลื้มน่ะ จากอีดำ มาเป็นอีเผือก ถึงจะไม่ได้ขาวมากมาย แต่เพื่อนใครทักแบบนั้นมันก็ดีกว่าอีดำอ่ะ อิอิ เราก็ทำครีมทาครีมกูแลตัวเองจนเริ่มทำมากขึ้น กระแสครีมก็มีมากขึ้นช่วงนั้นเราก็ขายๆจนเริ่มมาทำแบรนด์ให้ลูกค้า ทำขายมาตลอด เงินก็เพิ่มขึ้น จนเราแบบทำแต่งานๆเรียนก็ไม่ค่อยได้ไปคือสนุกกับงานมาก แล้วเรามีเพื่อนคนหนึ่งมาเป็นหุ้นส่วน ช่วงนั้นเราทำงานหนัก ทำแบรนด์ครีมให้ลูกค้าไม่มีเวลาพักเลย เพลินแบบไม่ไปเรียนเลย จนเราซื้อรถไดคันหนึ่งอ่ะ ทำงานหนักจริงๆ จนก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้เรามีปัญหากับหุ้นส่วนเราถึงขั้นงานพัง เพราะเรามีแฟน เราเอาแฟนเข้ามายุ่งกับงานของเราจนเรากับเพื่อนต้องมีปัญหากันจนต้องแตกหักกันเลย เราก็ไม่โทษเค้าทั้งหมดหรอกแต่เราเองที่เป็นคนพาเค้าเข้ามาทำลายการงานการเรียนของเราอนาคตของเรา เค้ามาดีเราไม่ว่าหรอกเนอะแต่เค้าเข้ามาหลอกเรานี่ดิเราเองก็รักให้ทุกอย่างพูดง่ายๆว่าเลี้ยงเลยแหละ คิดว่าฉลาดแล้วแต่มาพลาดแบบโง่ๆซ้ำๆเดิมๆ หลอกทั้งเงินหลอกทั้งความไว้ใจทั้งหมด แล้วผู้ชายคนนี้ไม่มีความสำนึกเลย เราเคยเจอผู้ชายที่แย่มามากแต่ต้องยอมกับความเลวของผู้ชายคนนี้ เค้าขี้โกหกหลอกลวงและก็สร้างภาพมาก แล้วช่วงนั้นลูกค้าก็เข้าข่ายโกงเราเพราะสั่งของไม่ยอมเอาอีก เสียเงินขาดทุนหลักแสนแบบมีแต่ปัญหาถาโถมเข้ามา แบบของก็ขายไม่ได้คือมันแย่มากๆโดนแฟนหลอกอีก ตอนนั้นถึงขั้นล้มหนักอีกครั้งในชีวิตเป็นอีกครั้งที่อยากตาย เพราะงาน เรียน รัก ไม่เหลือเลย เงินเก็บก็เอามาหมุน ใช้กิน แถมเลี้ยงผู้ชายอีก ใช้จนหมด แล้วคือแบบของขายไม่ได้เลยลูกค้าไม่มี เรางงมากว่ามันเกิดไรกับชีวิตเรา ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ตัวว่าโดนแฟนหลอกด้วยน่ะ เค้าเองมาอยู่กับเราตลอดแปดเดือนไม่เคยมีเงินซักบาทเสื้อผ้าหน้าผมของใช้ยั้นกางเกงในเรายังต้องซื้อให้อ่ะ จนช่วงเรามีปัญหาหนักมากๆนั่นแหละเงินหมดเค้าทิ้งเราแบบ หนีเก็บเสื้อผ้าแล้วหายไปเลย จนมารู้ความจริง รู้ความเลว ทั้งหมดของเค้าทีหลังว่าที่ผ่านมาเค้าโกหกหลอกเรามาตลอดแทบทุกเรื่อง ถึงขั้นจุก เราเสียใจน่ะเกือบจะเข้าโหมดบ้าอีกครั้งในชีวิตแต่อาจเป็นเพราะเรารู้ความจริงบวกกับการเคยเจอเรื่องแนวนี้มาแล้วเราเลยคิดว่าต้องสู้ดิแบบต้องเรียกสติกลับมา ต้องกอกกู้ทุกอย่างกลับมาดีแค่ไหนแล้วที่รู้ตอนนี้ปล่อยคนเลวๆ แบบเตื่อนตัวเองในใจเสมอทั้งที่แบบเสียใจมากไม่น้อยเลย เราเริ่มหาทางที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นโดยการไปเที่ยวคนเดียวขับรถไปคนเดียว คิดแค่ว่า เมื่อก่อนอยู่คนเดียวได้ตอนนี้ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ตอนนี้ล้มคนที่ควรจะนึกถึงมากที่สุดคือครอบครัวคือแม่ไม่ใช่หรอ เราเลยทำครีมใหม่ หาลูกค้าใหม่ จนดีขึ้น มีลูกค้ามีเงินเข้ามาแบบตั้งตัวได้ตั้งแต่ที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งเราไป

รูปตอนเรียนมหาวิทยาลัยรังสิตปี 1 พ.ศ 2557-2558

แล้วเราก็โอนหน่วยกิตมาสมัครเรียนที่มหวิทยาลัยรังสิต เริ่มต้นใหม่อีกครั้งแต่ครั้งนี้พี่สาวเข้ามาส่งค่าเทอมให้เราก่อนเราจะเข้าหรือย้ายมาเรียนที่นี่เราก็ได้ปรึกษากับที่บ้านกับพี่สาวเรา ที่ผ่านมาตั้งแต่ใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยเราตัดสินใจด้วยตัวเองมาตลอดจะเรียนจะทำไรลุยด้วยตัวเอง แล้วจริงๆเรากับพี่สาวไม่ค่อยสนิทถูกกันไม่พูดกันเท่าไหร่มาแต่แรกแล้ว แต่ครั้งนี้มันดีมากเราเลิกกับแฟนคร้ังนี้มันทำให้เราดีกับพี่สาวเรา ดีที่มีพี่เราเข้ามาเรากลับมาคุยกับพี่สาวเรามากขึ้น พี่สาวเราเข้ามาช่วยเรื่องงานเรื่องเรียน มาเป็นที่ปรึกษาให้เรา เราก็ทำงานเรียนปกติ ถึงตอนนี้งานยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ แต่หลายอย่างก็พิสูจน์ว่าถึงจะมีเรื่องแย่ๆเข้าแต่ก็ยังมีเรื่องดีๆเข้ามา เพียงแค่อย่าท้ออย่าหมดความตั้งใจ พลาดได้ล้มได้ แต่ก็ต้องลุกได้ และรู้จักที่จะเรียนรู้กับมัน เราไม่ได้เก่งมากน่ะแต่เราก็เข้มแข็งขึ้น เอาทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตดูแลตัวเองรักตัวเองให้มากขึ้น ทำเพื่อตัวเองและครอบครัว คิดไว้ว่าไม่มีใครจะสำคัญและดีไปกว่าคนในครอบครัวพอสุดท้ายแล้วเวลาเราล้มก็มีแต่ครอบครัวนี่แหละที่อยู่ข้างๆเรา

รูปปัจจุบันถ่ายล่าสุดนี้เลยค่ะ ค่ะ ผ่านการทำจมูกจัดฟัน เคยลองฉีดโบท็อค 2 ครั้ง ร้อยไหม 1 ครั้ง เมื่อปีสองปีที่แล้วค่ะไม่ได้เสพติดการฉีดอ่าค่ะแค่อยากลองไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่เพราะไม่ฉีดต่อเนื่อง

และปัจจุบันของเราถามสรุปว่าเราเปลี่ยนไปเพราะอะไร

เปลี่ยนไปเพราะความคิดค่ะ คิดว่าต่อไปจะรักตัวเองดูแลตัวเองให้มากขึ้นต่อให้ล้มหรือเจออุปสรรคอะไรก็ตาม จะไม่ปล่อยตัวโทรมและคิดว่ต้องมีคนที่ดีกว่าเข้ามา เรื่องงานจริงแล้วเราลองมาหลายงานน่ะแต่ถ้าเล่าละเอียดกว่านี้คงยาวหนักกว่านี้ เราเคยไปร้องเพลงตามร้านตามผับ เป็นพนักงานเสริมบลาๆ ทำงานโรงแรม ทำมาเยอะอยู่น่ะแต่ทำได้แปปๆ แต่เป๊นประสบการณืที่ดี ทุกอย่างมันเป็นเพราะความตั้งใจอยากได้แต่สร้างด้วยตัวเอง แม่ไม่ตามใจ อยากได้อยากมีก็ต้องทำงานค่ะ จำไว้ว่าทุกอย่างมีอุปสรรคแค่อย่าท้อต้องสู้ ส่วนเรื่องเรียนที่นี่คงเป็นที่สุดท้ายค่ะ 555 เริ่มใหม่ไม่สายแต่ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าเริ่มใหม่ซ้ำๆแบบเรามันเสียเวลาทำไรต้องคิดเยอะๆ แต่ถ้าพลาดแล้วก้ต้องตั้งใจให้มากอย่าพลาดอีก ส่วนการเปลี่ยนแปลงตัวเองศัยกรรมเป็นองค์ประกอบอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดกระทู้นี้เราอยากให้โฟกัสที่ผิว พอผิวดีเรื่องศัยกรรมนั้นก็อาจตามมา ผิวดีผิวขาวมีชัยไปกว่าครึ่งน่ะค่ะ เราขาวได้เพราะขัดสครับกับทาเป็นหลักขัดทุกวันจนทุกวันนีก็ยังขัดทุกวันอยู่ แต่สำหรับเพื่อนๆที่อยากทำตามแนะนำให้ขัดอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็พอเด่วผิวจะบางเอา ในความคิดเราๆเลยเริ่มจากการดูแลผิวมาตลอดต่อมาก็เรื่องน้ำหนักค่ะ น้ำหนักนี่ก็อีกหนึ่งผลพลอยได้ที่มาจากการอกหัก การดีท็อกการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญน่ะค่ะ ส่วนดูแลผิวกายแล้วก็ดูแลผิวหน้าด้วย หาที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า อาหารเสริมก็อาจช่วยน่ะเราก็เคยกินๆ หยุด ๆแบบขี้เกลียดกินอ่ะ ส่วนฉีดสำหรับเราว่าไม่ค่อยเวิคความคิดเราน่ะเราคงขี้เกลียดด้วยแหละ เน้นทาสครับผิวดีกว่า เรานี่แบบถึงน้ำไม่อาบแต่ครีมเราไม่เคยขาดน่ะ555 สำคัญเลยออกแดดต้องทากันแดดเสมอๆด้วย มันช่วยได้เยอะน่ะ ถึงใช้อะไรมาแล้วไม่รู้จักป้องกันหรือบำรุงยังไงก็กลับมาดำได้เหมือนเดิม เพราะเราไม่ได้ขาวจั๊วะมาตั้งแต่เกิด เรานี่เห็นแดดตอนนี้หลบกลัวแดดยิ่งกว่าไรซะอีก 555 ถ้าไม่จำเป็นเราจะไมาไปตากแดดเลย หรือถ้าจำเป็นก็โบกกันแดดหาเสื้อคลุมใส่เสื้อผ้ามิดชิดเวลาต้องโดน แล้วก็ทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ เก็บเงินสร้างอนาคตให้คนที่ทิ้งเราไปเสียดายเล่น ตอนนี้เราก็ไม่ได้ขาวมากมายอะไรยังน้ำเหลืองไม่ดีโดนยุงกันก็ยังเป็นรอยเหมือนเดิม แต่ก็เปลี่ยนตัวเองมาได้ไกลเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้อง ขาว สวย เด่น ดัง เหมือนใครๆ แต่เราว่าเราดูดีกว่าที่เคยเป็นจากเมื่อก่อนก็มากพอแล้วสำหรับเรา ไงเราก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองน่ะ สู้ๆ ขาวผอมหมั่นดูแลตัวเองมารักตัวเองกันให้มากๆนะค่ะ


Bentenz

Bentenz

FULL PROFILE