[แชร์ประสบการณ์] ดูแลผมทำสีอย่างไรไม่ให้เสียและให้ผมสวยเหมือนไปสระไดร์ซาลอนทุกวัน! + รีวิวผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมทำสีเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ :D

11 11

สวัสดีค่า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราที่จะขอพูดถึงเกี่ยวกับเส้นผม สืบเนื่องจากเราเป็นคนที่ลองทำสีผมมาประมาณหนึ่ง อาจจะไม่ได้ทำมาครบทุกสี แต่ก็ทำต่อเนื่องกันมาประมาณสองปีแล้วค่ะ เลยอยากจะแชร์ความรู้เกี่ยวกับการทำสีผมประมาณหนึ่งเท่าที่เข้าใจ หากใครมีข้อแนะนำเพิ่มเติมก็คอมเมนท์ไว้ได้เลยนะคะ

กระทู้นี้โดยหลักจะขอพูดถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำเส้นผม และผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้คุณผู้อ่านที่ทำสีผม สามารถดูแลเส้นผมให้สวยเงางามเหมือนเพิ่งออกจากซาลอนได้ที่บ้านในทุกวัน โดยไม่ต้องรีดผมให้เมื่อยค่ะ ไดร์เย็นธรรมชาติผมก็เรียงตัวเป็นเส้น สวยงามเหมือนจ่ายเงินสระไดร์ได้นะ :D

ขออนุญาตเริ่มเลยนะค้า :D

Q: การทำสีผมคืออะไร?

A: ตามความเข้าใจของเรา การทำสีผมมีสองแบบ คือการทำสีผมแบบกัดหรือฟอกสีผม กับการทำสีผมปกติ

  • การทำสีผมแบบปกติ คือการลงสีทับเม็ดสีธรรมชาติของเราไปเลย เม็ดสีก็จะเคลือบอยู่ข้างนอกเส้นผม สำหรับคนไทยสีผมเข้มอย่างเราๆ การทำสีผมด้วยวิธีนี้จะให้แค่ประกายสีผมเมื่อออกแดด พออยู่ในร่มสีผมก็จะออกดำตามธรรมชาติ
  • การทำสีผมแบบกัด/ฟอก ก็คือการดึงเม็ดสีผมธรรมชาติออก เช่น เม็ดสีดำ ด้วยเคมี ก่อนการลงสีใดๆ ที่ต้องการทับลงไป เราทำสีผมโดยการกัดร่วมด้วยมาตลอดเลยค่ะ ส่วนมากการทำสีโดยการกัดสีผมก่อนจะให้สีที่ชัดเจน สว่าง (ตามระดับการกัดผม) ส่วนมากถ้าอยากทำสีอ่อน พาสเทล (ที่กำลังเป็นที่นิยมม๊ากมากเลย) ก็จะต้องกัดผมก่อนทั้งนั้น ยิ่งสีโทนเย็น อย่างสีน้ำตาลเทา น้ำตาลชมพู การกัดผมก็จะทำให้เห็นประกายเส้นผมชัดขึ้น ดูเป็นสีเดียวกันทั้งตอนอยู่ในร่มและตอนออกแดด ผมที่ถูกกัดสีผมก่อนลงสีนั้น แม้จะลงสีเข้มตามมาก็ตาม ก็จะให้ประกายและสีผมกลางแจ้งต่างกับผมสีทำสีเข้มเหมือนกันโดยวิธีปกติค่ะ

รูปตอนสมัยทำผมสีแดงค่ะ เป็นสีผมที่แต่งหน้า แต่งตัวแล้วสนุกมาก คนที่สนใจทำสีผมอยู่แล้วสีนี้เป็น a-must เลยค่า พูดแล้วก็อยากทำอีกสักครั้ง ฮี่ๆ

Q: การทำสีผมโดยใช้กล่อง กับการทำสีผมที่ร้านต่างกันอย่างไร?

A: การทำสีผมโดยซื้อเป็นกล่องสำเร็จรูป จะมีองค์ประกอบของสีที่ต่างจากที่ใช้ที่ร้านแน่นอน เนื่องจากเป็นสีแบบกล่องทำเอง จึงต้องให้เม็ดสีที่ชัดเจน และอยู่ทนนานตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งความทนนานที่ว่านี้บางทีก็นานเกินไป เพราะถึงแม้สีผมจะหลุดออกไปตามการสระแล้ว แต่ยังหลงเหลือเม็ดสีเติมเต็มเส้นผมค้างอยู่ในเส้นผม ทำให้เมื่อลงสีอื่นทับก็จะลงไม่ติด ซึ่งเราแน่ใจว่านี่น่าจะเป็นปัญหาของใครหลายๆ คนแน่นอน ว่าซื้อสีกล่องอ่อนๆ มาทำก็แล้ว ทำไมผมยังเข้มเหมือนสีแรกที่ทำไป

ข้อสำคัญก็คือ

  • ถ้าอยากทำสีผมโดยใช้สีผมกล่อง แนะนำให้ทำสีอ่อนไปเลยค่ะ เช่นสีบลอนด์ เพราะในน้ำยาทำจะผสมสารกัดผมมาให้ ทำให้ผมเราไม่ได้โดนเคลือบด้วยสีผมเหมือนกับสีกล่องที่เป็นสีเข้ม แล้วหลังจากนั้นถ้าหากอยากทำสีเข้ม ก็ให้ซื้อสีกล่องเบอร์สีบลอนด์มาลงก่อน (เปรียบเสมือนการกัดผม) แล้วตามด้วยสีเข้ม ทำแบบนี้ทุกครั้งนะคะ อย่าลงสีทับลงไปทันที เพราะยากมากเลยล่ะค่ะที่จะติดแบบสีกล่องอีก เนื่องจากผมโดนเคลือบไปด้วยเม็ดสีเข้มจากการทำสีกล่องครั้งแรกแล้ว
  • ถ้าทำสีกล่อง (สีเข้ม) แล้วเปลี่ยนใจอยากไปทำสีที่ร้าน ต้องแจ้งที่ร้านนะคะว่าเคยทำสีกล่องมาก่อนแล้ว บางทีทางร้านไม่ถามและไม่สังเกต เมื่อทางร้านลงสีให้แล้วล้างออกมา สีก็จะไม่ติดตามที่ต้องการในบริเวณที่เคยทำสีกล่อง แต่สีติดในบริเวณโคนผมตามปกติ กลายเป็นสีผมทูโทนไปเลยค่ะ ไม่สวยเลยเนอะ

Q: อยากทำสีผม แต่ไม่อยากกัดผมเพราะกลัวผมเสีย ทำยังไงดี

A: การทำสีผมนั้นทำให้ผมเสียแน่นอนค่ะ และการกัดผมนั้นก็ทำให้ผมเสียแน่นอนอีกเหมือนกัน แต่ว่าทุกปัญหาผมมีทางออกแน่นอน สำหรับเรา เราอยากให้คิดไว้ค่ะว่าผมเสียตลอดไปนั้นไม่มี บางคนตัดปัญหาโดยการขยันตัดปลายผมเสียๆ ทิ้งไป ทั้งที่จริงๆ การลงทุนกับแชมพู ครีมนวดผม ลีฟออนบำรุงผม และการทำทรีตเมนต์อย่างสม่ำเสมอนั้นสามารถพาผมที่ดีกลับมาให้เราได้โดยไม่ต้องขยันตัดเลยค่ะ ย้ำเลยนะว่าต่อให้ผมเสียไปแล้ว แต่มีทางที่ผมจะหายเสียแน่นอน! เพียงแค่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่ใช้อยู่ และเปลี่ยนวิธีการดูแลผมเท่านั้นเองค่ะ เราจะขอยกตัวอย่างการดูแลผมของเราเองนะคะ เผื่อจะเป็นแนวทางให้กับผู้ที่อยากรักษาเส้นผมให้กลับมาเงางามปิ๊งๆ หรือผู้ที่ผมสวยดีอยู่แล้ว ให้สวยยิ่งๆ ขึ้นไปอีกค่ะ

แชมพูและครีมนวดผม

สองอย่างนี้มีบทบาทสำคัญมากๆ สำหรับผู้ที่รักการทำสีผม เพราะแชมพูสำหรับผมทำสีที่ดี จะทำความสะอาดหนังศีรษะและเส้นผมอย่างล้ำลึกและอ่อนโยน ช่วยชะลอการหลุดของเม็ดสีผมที่เราทำไว้ และครีมนวดผมทีดี ก็จะบำรุงอย่างล้ำลึก และปิดเกล็ดผมอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราไม่ต้องสระผมบ่อยๆ การสระผมถือเป็นหายนะของคนทำสีผมเลยค่ะ เพราะว่าไม่ว่าจะทำสีสวยปิ๊งขนาดไหน ล้างออกประมาณ 30-50 น้ำสีก็จะมีการ fade หรือหลุดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน (ไม่ว่าจะใช้แชมพูดีขนาดไหนก็ตาม) ดังนั้นการสระผมน้อยๆ ย่อมดีกว่า แต่หลายๆ คนอาจจะบอกว่า เราติดการสระผมทุกวัน ไม่งั้นหนังศีรษะมันทำไงดี? ตรงนี้แชมพูและครีมนวดผมที่ดีจะช่วยได้มากค่ะ แต่ยังมี secret item อีกอย่างที่จะช่วยไม่ให้ผมของเราที่โดนแสงแดดและผลภาวะบ่อยๆ ไม่มันง่าย ติดตามกันอีกนิดนึงนะ

สำหรับตัวเราเอง เราจะใช้แชมพูรักษาสีผมระดับดีมากในช่วงสองเดือนแรกของการทำสีผม นั่นก็คือ CHI - Ionic Color Protect Shampoo นั่นเองค่ะ (เราจำราคาไม่แม่นนะคะ น่าจะประมาณ 1,xxx บาท)

เรารู้จักเจ้า CHI จากคำแนะนำของซาลอนค่ะ และเมื่อลองใช้แล้วก็ไม่คิดเปลี่ยนใจนะ เคยเป็นกันไหมคะ เวลาที่เราทำสีผม เราจะรู้สึกว่าผมเราบางกว่าปกติมาก สระผมกับแชมพูธรรมดารู้สึกเหมือนผมจะขาดให้ได้ จับผมตอนเปียกก็แอบคิดว่านี่ผมเราหรือไม้กวาดเนี่ย แต่กับ CHI แล้วหลังสระและลงครีมนวดผม สามารถสางผมได้สุดปลายทั้งที่ผมยังเปียกอยู่เลยค่ะ O_O ดีเนอะ นอกจากนี้ยังล้างออกง่ายกว่าแชมพูทั่วไป และให้ effect ที่ดีม๊ากหลังการสระ ที่เราลองใช้แชมพูยี่ห้ออื่นที่เขาว่าดีก็ให้ไม่ได้ นั่นคือความเงางามของเส้นผมหลังไดร์ค่ะ ดูตามรูปเล้ย (ในรูปแค่ไดร์เป่าเย็นธรรมดา ไม่รีดผมหรือใช้หวีช่วยไดร์เลยค่ะ)

สองเดือนหลังทำสีผม คือช่วงที่โคนผมเริ่มขึ้น และสีผมที่ทำมาเริ่มเฟดแล้ว เราจะย้ายมาใช้แชมพูที่ราคาถูกลงเพื่อประหยัด CHI ไว้สำหรับการทำสีครั้งหน้าค่ะ ฮ่าๆๆ ตัวเลือกของเราก็คือ LOREAL Everpure shampoo/conditioner ค่ะ (ถ้าจำไม่ผิดราคาขวดละ 299 บาท มีช่วงโปรโมชั่นที่ watson/boots ลดได้อีกนิดหน่อยค่ะ)

สังเกตว่ามีราคาที่ถูกกว่ากันมากๆ แต่ยังคงจุดยืนที่ใช้แชมพูที่เป็น non-sulphate ค่ะ สำหรับผู้ที่ทำสีผมขอให้ยึดเป็นหลักในการเลือกซื้อแชมพูและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเลยเนอะ เราจำกลไกไม่ได้ชัด แต่ซัลเฟตถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการทำให้สีผมของเราเฟดง่ายค่ะ

อาจจะมีผู้อ่านหลายท่านสงสัยว่า แล้วใช้ LOREAL แต่แรกเลยได้ไหมอ่ะ เราขอตอบตรงว่า ไม่ได้ค่ะ! (จริงจังไปไหม...) สำหรับเราแล้ว LOREAL ยังคงสภาพสีผมได้ไม่ดีเท่า CHI มีประสบการณ์ตรงจากตอนที่เราทำผมสีแดง ใช้ CHI สีแดงอยู่ได้เกือบสามเดือนเลยนะ และยังคงความสดของสีได้ดีมาก แต่ครั้งล่าสุดที่ทำผมน้ำตาลสีชมพู เผลอไปสระ LOREAL ครั้งเดียวสีเฟดอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ เศร้ามาก ฮือๆๆ อีกจุดหนึ่งที่ LOREAL ทำได้ไม่ดีเท่า CHI ก็คือความเงางามของเส้นผมหลังสระค่ะ สังเกตเห็นได้ชัดว่าต่างพอสมควร

ถามว่า CHI คุ้มไหม? เราตอบได้เลยว่าการลงทุนไม่แพงอย่างที่คิดแน่นอนค่ะ เพราะว่าใช้ในปริมาณที่น้อยต่อครั้ง แถมเรายังสระผมน้อยครั้งอีก และเมื่อสีผมเฟดลง เราก็ไปเปลี่ยนไปใช้แชมพูอีกตัวที่ราคาย่อมเยาว์กว่า เราทำสีผมมาแล้วห้าครั้ง เจ้า CHI ขวดแรกที่ซื้อมายังไม่หมดเลย เหลืออีกประมาณครึ่งนึงเลยล่ะ :D

ทรีตเมนท์บำรุงผม

อย่างที่ได้เล่าไปว่าการทำสีผมนั้นทำให้ผมเราเสียแน่นอน และทรีตเมนต์บำรุงผมตามร้านทำผมเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผมของเราแข็งแรง พร้อมกับการทำสีผมได้ระดับนึงเลยนะคะ ส่วนตัวแล้วเราไม่ชำนาญเลยกับการทำทรีตเมนต์ และทำอยู่แบบเดียวก็คือทรีตเมนต์ของ Kerastase ในหมวดหมู่ของการเติมเคราตินค่ะ (ทรีตเมนต์นี้ทำได้ที่ซาลอนทั่วไปที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Kerastase ค่ะ ส่วนหนึ่งที่เราชอบเพราะว่าเดินทางไปทำสะดวกนี่แหละ ฮี่ๆ)

สำหรับผู้ที่ทำสีผม อยากให้สนใจคำว่าเคราตินนิดนึงนะคะ การบำรุงผมด้วยเคราตินนั้นสำคัญมาก เพราะเป็นการเติมโปรตีนเข้าไปโดยตรงที่เส้นผม ทำให้ได้การบำรุงที่แท้จริงและยั่งยืนกว่าการบำรุงแบบอื่นๆ ถึงจะราคาแพงกว่าทรีตเมนต์แบบอื่นแต่ขอให้สู้ค่ะ! คุ้มค่าแน่นอน การที่เราหมั่นเติมเคราตินให้กับเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ ยังทำให้ผมเราทนทานกับบรรดาเคมีในการทำสีผมได้ดีขึ้นด้วยค่ะ ผลที่ได้ก็คือเมื่อเรากัดสีผม/ฟอกสีผมก็จะได้สีที่สว่างมากขึ้น ทำสีผมอ่อนๆ ตามที่ต้องการได้ง่ายขึ้นค่ะ แต่มีข้อระมัดระวังเล็กน้อยนะคะ การทรีตเมนต์ผมอาจจะทำให้สีผมเปลี่ยนได้ ทำตอนสีหลุดๆ หรือทำเตรียมไว้ก่อนทำสีผมจริงๆ ก็น่าจะดีกว่าค่ะ (แต่คิดว่าพนักงานที่ร้านน่าจะให้คำแนะนำได้ดีกว่านะคะ ในเรื่องการทำทรีตเมนต์ แหะๆ)

ลีฟออนบำรุงผม

เมื่อสระผมเสร็จเรียบร้อย สำหรับผู้ที่ทำสีผมก่อนไดร์ ก็แนะนำให้เติมอาหารผมให้เส้นผมสักเล็กน้อยนะคะ หลักการเลือกลีฟออนที่ดีก็คือ อ่านฉลากเลือกชนิดที่เขาบอกว่าเป็นอาหารผม ไม่ใช่เคลือบผมน่ะค่ะ ลีฟออนที่เราใช้แล้วชอบมีสองยี่ห้อด้วยกัน และแต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติที่ต่างกันด้วยค่ะ

Loretta night care cream (เครือ Moltobene ราคาประมาณ 1,000 บาทค่ะ)

เจ้า night care cream ตัวนี้มีจุดเด่นอย่างแรกเลยคือ หอมกลิ่นกุหลาบมากๆ สำหรับผู้ที่ชอบ (อย่างเรา) ก็ฟินไปเล้ย ถึงจะชื่อว่าครีมแต่ไม่ทำให้เส้นผมหนักหรือลีบแบนแต่อย่างใดค่ะ ตรงกันข้ามครีมจะซึมได้รวดเร็วมาก และทำให้เพิ่ม volume ของเส้นผมในระดับที่พอดี ไม่ชี้ฟู และไม่ลีบแบน สรุปแล้วเราชอบมากๆ ค่ะ ใช้จนหมดแล้วก็จะซื้อต่อด้วย

uniq one ALL IN ONE treatment (ราคา 1,200 บาท/ 150ml ค่ะ)

ลักษณะเนื้อจะเป็นครีมเหมือนกับลอเรตต้า แต่ว่าหัวสเปรย์จะทำให้เนื้อครีมพ่นออกมาเป็นฝอยละเอียดค่ะ (ใช้ขณะผมเปียกหลังเช็ดหมาดๆ เท่านั้นนะคะ จะให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด) เรื่องกลิ่นเจ้า uniq one นี้จะให้กลิ่นที่เป็นผู้ใหญ่กว่าลอเรตต้า (เด็กอย่างเราชอบตัวนี้น้อยกว่า) แต่เรื่องประสิทธิภาพในการบำรุงผม เราให้ชนะค่ะ! เจ้าตัวนี้ทำให้ผมเราทนทานต่อแสงแดดและผลภาวะมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้สีผมสม่ำเสมอกว่าทั้งหัว และให้ความเงางามมากกว่าค่ะ ในตอนนี้ก็เลยเป็น everyday treatment ของเราไปโดยปริยาย แอบกระซิบว่า เราว่าเจ้าตัวนี้ดีกว่า CHI silk infusion นะคะ (ฮ่าๆๆ ความเห็นส่วนตัวค่ะ)

Secret item!

เราไม่รู้จะเรียกเจ้านี่ว่าอะไรดี มันคือ Moe Moe hair fragrance ค่ะ ตัวนี้เราได้มาฟรีเป็นของขวัญปีใหม่จากร้านทำผม (ใจดีจริงๆ เลยเนอะ >_<) เท่าที่สืบราคามาประมาณ 6xx บาทค่ะ ถึงชื่อจะบอกว่าเป็นน้ำหอม แต่คุณสมบัติที่เราประสบกับเจ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้นั้นถือว่าเปลี่ยนประสบการณ์การดูแลผมของเราไปเลย เป็นสิ่งที่ทำให้เราผู้ซึ่งติดการสระผมทุกวัน (ตอนทำสีผมเปลี่ยนมาสระวันเว้นวัน แต่ก็ทำได้ยากมาก เพราะรู้สึกว่าผมมันและมีฝุ่นเกาะ) เปลี่ยนมาสระผมสามวันครั้งได้ค่ะ

เท่าที่เรารู้สึก เจ้าตัวนี้จะช่วยเรื่องการเคลือบเส้นผมให้ทนทานต่อกลิ่นจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งเวิร์คมากกับเราผู้ซึ่งชอบทานปิ้งย่าง สเปรย์เจ้านี่ก่อนออกจากบ้าน ทานเสร็จแล้วผมยังหอมอยู่เลย O_O และไม่ทำให้ผมและหนังศีรษะมันง่ายอย่างมีนัยสำคัญเลยค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยยกโคนผม ให้ผมมีสปริงดูเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องไดร์ยกโคนผมให้เมื่อย และทำให้ผมเงางามปิ๊งๆ เหมือนเพิ่งสระใหม่ด้วย :D

ข้อดีสุดท้ายคือหอมมาก! น่าจะเป็นเพราะผลิตภัณฑ์นี้เครือเดียวกับ Loretta ค่ะ คือเครือ Moltobene ผลิตภัณฑ์ในค่ายนี้หอมทู้กตัวเลย อยากจะลองให้ครบภายในชาตินี้ถ้าเป็นไปได้ค่ะ ฮ่าๆๆ

สีผมที่ไปทำมาล่าสุด และหลุดออกอย่างรวดเร็วค่ะ คิดแล้วเสียดาย T_T ต้องไปทำซ้ำแก้มือ

Q: เรื่องอะไรอีกที่ต้องคำนึงถึงในการดูแลผมทำสี?

A: สำหรับพาร์ทการดูแลผม (ของเราเอง) ก็จบแล้วค่ะ แต่มีทริคเล็กๆ น้อยๆ อีกนิดหน่อยสำหรับผู้ที่ทำสีผมแล้วอยากให้ผมสุขภาพดีนะคะ

  • เลือกหวีที่ดี เพราะจะทำให้ผมเราเรียงตัวเป็นระเบียบค่ะ และไม่ทำให้ผมขาดง่าย (ปัญหาผมขาดพบได้มากในผู้ที่ทำสีผม ควรระวังนะคะ) อย่างเราชอบใช้หวีของ Goody ค่ะ มีขายที่ห้างเซ็นทรัลและพารากอน เท่าที่เห็นนะ มีหลายรุ่นให้เลือกตามสภาพผมเลยค่ะ
  • เลือกซาลอนที่ดี เพราะซาลอนที่ดีจะให้คำแนะนำในการทำสีให้เหมาะกับบุคลิกภาพ ให้ความรู้เกี่ยวกับการกัด/ฟอกผม แนะนำการดูแลเส้นผมหลังทำสีอย่างไม่ฮาร์ดเซลล์จนเกินไปค่ะ :P ซึ่งความรู้ทั้งหมดที่เราเขียนในกระทู้นี้ล้วนมาจากการแนะนำของซาลอนที่ดีของเราทั้งนั้นเลย ดังนั้นก่อนจะทำสีผม การเลือกร้านที่ดีถือเป็นปัจจัยหลักเลยนะคะ
กระทู้นี้ยาวมากๆ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจทำสีผม และผู้ที่ทำสีผมแล้วอยากดูแลเส้นผมทำสีนะคะ :D ขอบคุณที่อ่านจนจบค่า หากมีข้อสงสัย ข้อติชม หรือแนะนำใดๆ สามารถคอมเมนท์ได้เลยนะคะ


toeiitoey

toeiitoey

FULL PROFILE