ไปญี่ปุ่นกันเถอะ ภาค 2

12 5
          อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน 

หลังจากที่ได้รีวิว ไปญี่ปุ่นกันเถอะภาค 1ไปแล้ว 
https://www.jeban.com/viewtopic.php?t=193571
เนื่องจากกระทู้ยาวมาก คือรูปเยอะมาก 
วันนี้จะขอมาเล่าประสบการณ์ต่อ ภาค2นะค่ะ

ขอเริ่มต่อจากคราวที่แล้วเลยนะค่ะ ลุยยยย!!!

Day 5

          วันนี้โปรแกรมที่วางไว้ คุณพ่อจะพาไปเดิน ฮาราจุกุ กับชิบุย่าค่ะ สิ่งที่ตั้งใจไว้คือต้องไปถ่ายรูป
กับน้องหมา "ฮาจิ" ที่ชิบุย่าให้ได้ คือมาแล้วต้องถ่ายเดี๋ยวเหมือนมาไม่ถึง  อิอิ และที่สำคัญย่านฮาราจุกุ 
เป็นแหล่งช็อปปิ้ง  วัยรุ่นเยอะมาก  มีร้านขายตลอดสองข้างทาง 



พร้อมเดินทาง พอวันใกล้จะกลับรู้สึกอากาศเป็นใจขึ้นมาทันที 555 เริ่มมีแดดค่ะ แต่ก็ยังคงมีลมเย็นพัด อยู่ตลอด
เรารู้สึกชอบอากาศที่นี่มากค่ะ เย็นสบาย ทำให้หน้าไม่มันด้วย แต่งหน้าทนดี๊ดี 



ถึงฮาราจุกุแล้ว  สิ่งแรกคือกินไอศครีม  ไม่น่าเชื่อว่ามันจะอร่อยขนาดนี้คุณพ่อบอกว่า
เด็กญี่ปุ่นชอบซื้อกินกันค่ะขึ้นชื่อของที่นี่เลย ใครมีโอกาสได้ไปแล้วอย่าลืมลองสั่งมาทานดูนะค่ะ
เราสั่งชอกโกบานาน่าค่ะ อร่อยดี สั่งก็ชี้ๆเอา ภาษาอังกฤษนิดหน่อย พอไปวัดไปวาได้ 






ร้านแรกที่เราแวะทางซ้ายมือ เป็นร้านขายของจุกจิก เสื้อผ้า รองเท้า แบบคิขุมากๆค่ะ
ไปร้านแรกก็เจอเลย เราสังเกตว่าญี่ปุ่นใส่ส้นสูงกันเก่งมากค่ะ วัยรุนนี่ใส่แทบจะทุกคนเลย
ที่เราเห็น  แต่ละคนใส่แบบน่ารักอะ ชอบมากๆ อดไม่ได้ที่จะจัดมา 2คู่ แบบเนียนๆ



เดินทะลุซอยออกมาจะเจอ อีกด้านของฮาราจุกุ ซึ่งมี Shop ใหญ่มากๆ ของ H&M , Forever XXI 
3-4 ชั้นค่ะ อิชั้นเดินกับน้องจนขาลาก ให้คุณพ่อนั่งรอข้างนอกเล่นไอแพตไปพลางๆ 5555
ของเยอะ และถือว่าถูกกว่าเมืองไทยนะค่ะ ถ้าคิดตามเลทเงินแล้ว จัดมาแบบเบาๆ (อีกแล้ว)



คู่นี้ตอนซื้อน่าจะยังไม่มีในไทย ได้มาในราคา 984 บาทไทย (3280เยน)  ไม่คิดเลยว่าจะซื้อด้วยซ้ำ
น้องเราก็ได้เสื้อผ้ามา 2-3ตัว แล้วไปต่อกันที่ Disney Store



เห็นแล้วอยากจะหิ้วกลับมาให้หมด  ตกตัวละประมาณ 600บาทไทยนะค่ะ น่ารักมากๆ ยิ่งของด้านใน
มีแต่ของดิสนี่ย์ ตอนแรกพ่อเราตั้งใจจะพาไปซื้อบัตรเข้าดิสนี่ย์แลนด์ แต่พยากรณ์อากาศช่วงนั้น 
ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะเล่น อากาศไม่ค่อยดีค่ะ จึงแคนเซิ่ลโปรแกรมนี้ไป เสียดายเหมือนกัน
คิดว่าคราวหน้าถ้ามีโอกาสไปแน่นอนค่ะ 



จากตรงนี้ไปชิบุย่านี่ถือว่าใกล้มาก ก็ไม่มีอะไรมากแค่อยากมาถ่ายกับ เจ้าฮาจิ แล้วก็เดินทางกลับบ้าน 
555555 เรามาถึงชิบุย่าแล้ว เย้ๆ



หลังจากที่เราถ่ายยังคงมีคนเข้ามาถ่ายด้วยอยู่ตลอดนะค่ะ มาถึงชิบุย่าแล้วต้องถ่ายเป็นอนุสรณ์เก็บไว้ให้ได้ค่ะ



แต่ละวันนี่เราใช้เวลาหมดกับมันอย่างคุ้มค่ามาก คือตื่นเช้า เดินทางตลอด คนญี่ปุ่นเดินกันเร็วมากๆค่ะ
บางทีรู้สึกเหมือนเค้ากำลังวิ่งกันอยู่ เดินเร็วจนเดินตามพ่อแทบไม่ทัน ซึ่งพ่อเราจะคล่องแคล่วมาก
เพราะเป็นความเคยชินค่ะ แวะทานราแมงกันอีกครั้งก่อนเข้าบ้าน 



เป็นร้านที่ให้บรรยากาศอบอุ่นเข้าถึงญี่ปุ่นจริง จะมีคนเดินเข้ามาทานแล้วออกไป 
เป็นกิจวัตรประจำวันของเค้าค่ะ  อากาศเย็น ซดราแมงร้อนๆ อร่อยจริงๆ 
และแล้วก็จบไปอีก 1วันค่ะ สำหรับวันนี้ 

Day 6

      
         วันนี้พ่อเรากลับไปทำงานตามปกติค่ะ เพราะลางานติดต่อมา 3วันแล้ว พลัดกันกับน้าเรา
โปรแกรมวันนี้คือ ไปเดิน ตึกม่วง Ueno (เวโนะ/เอโนะ)  ตึกนี้จะเป็นตึกที่ขาย แต่ขนมทั้งตึกและราคาค่อนข้างถูก 
แต่เราว่าเป็นบางอย่างค่ะ เพราะบางอย่างที่อื่นเซลล์ก็ถือว่าถูกกว่าค่ะ



ดอกไฮเดรนเยีย กำลังบานสพรั่ง ตลอดข้างทางถ้าเจอเราจะถ่ายเก็บไว้ตลอดค่ะ สะดุดตามากเลยทีเดียว


วันนี้มีฝนตกปรอยๆ ค่ะ เดินทางกันต่อ ไม่มีผลกับการเดินทางของเราค่ะ เราโชคดีมากที่ตัดสินใจ
ใส่คอนเวิสมา คือลุยได้ทุกที่เราใช้เวลาเดินทางตลอด ถ้าใส่คัตชูคงไม่ถนัดแน่ๆ ผ้าใบดีที่สุดค่ะ
แบ๊วๆกันไปวันนี้  




ได้มาจากตึกม่วงและย่านนั้นค่ะ ราคาค่อนข้างถูก อาจจะเป็นเพราะว่า ยิ่งเราเดินทางออกไปห่างจากเมือง
ราคาของก็จะยิ่งถูกตามสถานที่นั้นๆ แต่ถ้าคิดค่ารถแล้วอาจจะพอกันนะค่ะ 





น้าเราบอกว่าร้านนี้อร่อยมากและขึ้นชื่อของ เวโนะเลยค่ะ บางทีคนยืนต่อคิวยาวมาก 
ยาวจนเป็น 2 แถว บังเอิญจริงๆ ว่าวันนี้ฝนตกทำให้คนน้อย เราเลยมีโอกาสได้กินค่ะ
เป็นคนชอบทานทาโกยากิอยู่แล้ว มาทานที่นี้อร่อยมาก เรากับน้องกินกันไปคนละ 6ลูก
ด้านใน มีปลาหมึกชิ้นใหญ่มาก ๆ แล้วซอสเครื่องปรุงที่ร้านใส่เองตามใจชอบ ใส่เต็มที่ค่ะ
กินกันสะแทบจุกเดินต่อไม่ได้กันเลย ลูกมันใหญ่มากก



ย่านนี้จะมีโซนร้านที่ขายมือ 2 ทั่วไป เราเดินเข้าแทบจะทุกร้าน อยากได้ หลุยส์Speedy 25" ค่ะแต่
ไม่มีปัญญาขนาดนั้น 5555 เดินเข้าไปเช็คราคาเฉยๆแล้วเดินออก ของมือสองที่นี่ยอมรับเลยใหม่มาก
และราคาไม่ได้แพงมากนักถ้าเทียบกับคุณภาพ บางใบแทบไม่เคยผ่านการใช้งานเราจึงตัดสินใจ 
ซื้อเป็นกระเป๋าตังค์แทน Vivienne westwood เมดอินลอนดอนค่ะ ชอบแบรนด์นี้อยู่แล้ว เคยคิดจะซื้อราคามือ1
แต่6000บาทค่ะ ตัดใจเลยค่ะ ที่นี่กลื่อนมาก ราคาถูก และใหม่มาก ได้มาในราคา 1260 บาท(4200เยน)
กลับบ้านนอนหลับฝันดีล่ะ 5555





ของที่ได้ติดไม้ติดมือมาวันนี้ น้ำหอมของ CK ค่ะ ราคาถือว่าถูกกว่าบ้านเราค่ะ 
กลิ่นหอมอ่อนๆ ดี และของว่างหลังทานข้าวเสร็จชีสเค้ก ละลายในปาก อร่อยนุ่มลิ้นมาก
จบการเดินทางวันนี้นะค่ะ ^^

Day 7

          วันนี้ตั้งใจเดินทางไปวัดDaibutsu ที่เมือง Kamakura (วัดพระองค์ใหญ่)
หลายๆคนบอกว่า ถ้ามายังญี่ปุ่นแล้วไม่ไปที่วัดนี้ก็เหมือนว่าจะมาไม่ถึงที่นี่ค่ะ
และคุณพ่อจะพาไปดูรอบๆ เมืองโตเกียวค่ะ พ่อบอกว่าวิวในเมืองสวยมากๆ
และผิดกับบริเวณรอบๆที่เราอยู่ 



แชะก่อน 1รูป เส้นทางสายที่เราจะเดินทาง รถไฟขัดข้องดันหยุดวิ่งสะงั้น แต่ก็ยังยิ้มได้ 
หาทางกันต่อไป พ่อเราไม่เคยไปนะค่ะ นี่ครั้งแรกที่จะงมหาทางไปเอง เราก็จำเส้นทางไม่ได้
ถ่ายรูปอย่างเดียว กำลังเพลินค่ะ


ระหว่างเดินทางนั่งรถไฟไปยาวนานมาก จะเห็นสองข้างทางมีวิวที่แตกต่างออกไป เริ่มเข้าสู่ความเป็นชนบทค่ะ
เราเพิ่งเคยทะเลของญี่ปุ่นครั้งแรกเลยค่ะ พ่อเราบอกว่าทะเลที่นี่ไม่สวย ถ้าอยากไปทะเลจริง
ต้องไปแทบโอกินาว่าค่ะ ถึงจะเป็นทะเลจริงๆ 





และแล้วก็เดินทางสู่จุดหมายปลายทางค่ะ พระองค์ใหญ่มาก รูปที่เราถ่ายออกมาสีของท้องฟ้า
เป็นสีฟ้าที่ดูธรรมชาติมากค่ะ  ใต้ฐานขององค์พระสามารถเข้าไปดูด้านในได้นะค่ะ 
เข้าว่าถ้าลอดใต้องค์พระจะโชคดีค่ะ 


ใต้ฐานขององค์พระ


ด้านข้างขององค์พระค่ะ  



หลังจากที่ไหว้พระกันเสร็จแล้ว แวะซื้อของากก่อนกลับ เราเห็นมีคนซื้อขนมแบบนี้เดินทีตลอดทาง
น่าสนใจค่ะ ลองซื้อมาชิมเป็นคุกกี้รูปไก่ อร่อยด้วยค่ะ เสียดายที่ซื้อมานิดเดียว 



รอรถไฟ เพื่อเดินทางไปเยี่ยมชมโตเกียว ไปนั่งรถไฟฟ้าดูบริเวณรอบเมืองกันนะค่ะ





ดูเผินๆ แล้วเหมือนเมืองนอกเลยนะค่ะ ซึ่งแตกต่างจาก โซนที่เราอยู่รอบๆเมือง และต่างจังหวัดสิ้นเชิง 
ดูหรูหรา  สะอาด ตึกสวยสูง ดูไฮโซสุดๆ สภาพแวดล้อมดีจริงๆ 







รอบเมืองจะมีวิวทิวทัศน์ ให้ชม ยิ่งดูยิ่งสวยค่ะ  ญี่ปุ่นนี่ถือว่าเป้นเมืองที่สะอาดมากเลยนะค่ะ
การทิ้งขยะของเค้านี่จะจัดตามตารางเลย เราเห็นเค้าแยกขยะและจะทิ้งขยะตามวันที่เค้าจัดไว้ 
เรายังพูดกับพ่อเลย หนูขอมาเก็บขวดขายที่นี่ได้มั้ยค่ะ คงรวยน่าดู 55555 แยกขยะสะดีเชียว 



ก่อนกลับเข้าบ้านแวะห้างเล็กๆ ที่หนึ่งอยู่ตรงสถานีรถไฟ ประเด็นคืออยากได้ นาฬิกา G-Shock ดันได้
Seiko มาสะงั้น สวยมากค่ะ โดยส่วนตัวคิดว่าไม่แพงราคา 6000บาท (19900เยน) เพราะเมดอิน เจแปนค่ะ
กว่าจะสื่อสารกับคนขายรู้เรื่อง ทำเอาแทบหมดแรง 555   ของติดไม้ติดมือเล็กน้อย วันนี้คงจะจบลงตรงนี้นะค่ะ


Day 8

          การเดินทางวันนี้ พ่อเรากลับไปทำงานต่อค่ะ น้าเราเลยอาสาพาไปต่างจังหวัด kawaguchii (คาวางุจิ)
น้องเราอยากได้กระเป๋ามือสองค่ะ น้าเราบอกว่าย่านนี้มีของมือ 2 เยอะและราคาถูกน้าเราชอบมาซื้อที่นี่บ่อยๆ ค่ะ



นั่งรถไฟจากชินจุกุไป สาย Chuo line ค่ะ เดินทางประมาณ 30 นาที ไกลพอสมควร 
แต่ก็ถือว่าเร็วค่ะ รถไฟฟ้าที่นี่เทียบกับบ้านเราแล้ว เร็วกว่า3เท่าตัวเลยนะค่ะ มาตรงเวลามาก
การแต่งตัวค่อยเปลี่ยนไปทีละนิด 555 ถุงน่องได้มาจากฮาราจุกุ ราคา 360 บาทไทยค่ะ 
คนญี่ปุ่นเค้าไม่สนใจกันนะค่ะ ใครจะทำอะไรแต่งตัวยังไง เดินกิน ยืนกินที่ไหน เค้าไม่มองกันค่ะ
รู้สึกดีมากๆ แต่คนไทยอาจจะถือเป็นมารยาทก็ได้นะค่ะ เราลองทำดูแล้วมันจริงๆค่ะ 
ยังมีคนกินข้าวบนรถไฟเลยนะค่ะ แต่ก็ไม่มีใครสนใจใคร 



ร้านประจำที่น้าพาเราไป มีชื่อร้านว่า (จำชื่อร้านไม่ได้เด๋วมาแก้ให้นะค่ะ) เข้าไปถึงก็ได้หมวกเท่ๆเลยค่ะ
ราคาไม่แพง ใบนี้ที่เราได้มา 150บาทไทย(500เยน) เป็นหนังกลับทั้งใบสีเบจ 



เสื้อผ้าเยอะมากค่ะ ทั้งแบรนด์และโนแบรนด์ปนๆกันไป เลือกจนตาลาย แถมยังมีสองชั้นอีก
เราตั้งใจมาซื้อของฝากแฟนเราค่ะ ให้ดูกระเป๋ามือสองไปให้ 



ของGregory สภาพใหม่มากและเอี่ยม บอกก่อนเลยว่าถ้าราคาเมืองไทยไม่ได้ราคานี้แน่ๆค่ะ 
เมดอิน usa 2ใบนี้ได้มาในราคา 1500บาทไทย (3500+1500เยน) ซึ่งราคาถูกมาก ถ้าที่ไทยนี่
ใบเล็กน่าจะ 1500 ส่วนใบใหญ่น่าจะ3800บาทค่ะ โชคดีจริงๆ สำหรับญี่ปุ่นก็ถือว่าเกลื่อนมาก
เสียดายที่เจอแค่ 2ใบค่ะ แฟนเรานี่ดีใจน่าดู 



ยังคงเห่อหมวกไหม ใส่เลย 555



หลังจากที่เดินดูของแล้ว น้าเราพามาเดินเล่นค่ะ ตึกที่เรายืนอยู่ คือตึกปาจิงโกะ 
สำหรับเล่นslot game ค่ะ แสงตรงนี้สวยมาก มองออกไปเจอพระอาทิตย์กำลังตกดินพอดีค่ะ 



ถ่ายจากไอโฟน 5 ได้แสดงออกมาสวยจริงๆ นึกถึงทีไรรู้สึกประทับใจตลอด 




ระหว่างที่เรายืนถ่ายรูปเล่นกับน้องสาว อยู่ๆ ก็มีวัยรุ่นญี่ปุ่นเข้ามาแซวเราค่ะ พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น
เราก็ทำหน้างง เค้าก็เดินหัวเราะกันในกลุ่มและจากเราไป ทิ้งให้เรายืนงงกันอยู่ 2 คน 5555



หลังจากชมวิวกันเสร็จ น้องเรายังคงตามล่าหากระเป๋าต่อไป นางอยากได้มากค่ะ ต้องซื้อกลับไปให้ได้ 
น้าเราพาเราไปแวะ ดองกี้ (Don Quijote) เป็นร้านคล้ายซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ มีขายแทบจะทุกอย่าง
คสอ. ของใช้ ของกิน  กระเป๋าเดินทาง เยอะมาก เดินเข้าไปนี่ตาลาย อยากจะใช้เวลาอยู่ในนั้นเป็นวันๆ
เลยค่ะของเยอะมาก เดินเข้ามาด้านในจะมีของมือสองขาย ตามรูป ราคาถูกและใหม่ เหมือนเดิม 
เห็นแล้วกิเลสเกิดค่ะ แต่ตังค์หมดแล้ว T^T 



และแล้วนางก็จบที่ Vivienne เหมือนอิชั้นค่ะ ซึ่งราคาที่ได้มา คงหาในไทยไม่ได้แน่ๆ 
นอนตายตาหลับแล้วค่ะ 5555



หลังจากซื้อของเสร็จแล้วก่อนเข้าบ้าน เราแวะถ่ายกับต้นของดอกไฮเดรนเยียมาให้ชมค่ะ 
เป็นพุ่มๆใหญ่มาก บางพุ่มใหญ่กว่าหน้าเราเลยนะค่ะ 

Day 9 

         วันนี้จะอยู่ในช่วงอารมณ์หนังจบแต่อารมณ์ยังไม่จบค่ะ ไม่อยากจะกลับไทยเลย
ชอบบรรยากาศที่นี่ ความเป็นอยู่ คนญี่ปุ่นถึงได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะวัตถุดิบที่เค้าเลือกใช้
คัดสรรแต่ของคุณภาพดีค่ะ สะอาด ปลอดภัย สิ่งแวดล้อมดี มันมีผลกับการใช้ชีวิตจริงๆนะค่ะ



ทิ้งท้ายด้วยชุดคาวาอิ้ ของเราอีก 1 ชุด ชอบจริงๆเลยแต่งตัวเยอะ ๆนี่อยู่เมืองไทย
แต่งไม่ได้แบบนี้ ประมาณว่าออกจากบ้านหมาคงเห่าสะก่อน เราก็แค่ได้ไปเดินเล่นแถวบ้าน
หาอะไรกินก่อนกลับ แวะดองกี้อีกรอบ ซื้อของฝาก จิปาถะ คสอ. วันนี้วันแห่งการช็อป





ใครที่ชอบทานวาซาบิแนะนำ ยี่ห้อนี้นะค่ะ อร่อยกรอบมาก มีถั่วลันเตา
และถั่วปากอ้าผสมกันค่ะ ราคาถุงละ 173บาทไทย(578เยน) 



หลังจากซื้อขนมเสร็จ เราต้องกลับมาแพคของเพื่อเตรียมตัวบินค่ะ จัดกระเป๋าให้เรียบร้อย
จัดไปจัดมาน้ำหนักทำมันไมเยอะอย่างนี้ ปาไป 57 กิโลกรัม 2คนค่ะแบกเยอะมาก



มีโอกาสอย่าลืมแวะซื้อน้ำหอมที่ Duty free นะค่ะ ราคาถูกว่าซื้อในเมืองอีกค่ะ 
เราได้ของ Chloe' มาขนาด 75 Ml ราคา 2310 บาทค่ะ หอมมากเป็นกลิ่นใหม่ด้วยนะค่ะ
เดินเข้าไปเจอBa ก็ชี้ๆ เอาค่ะตอนจ่ายตังค์ก็ยื่น Passport free tax นะค่ะ 
เหลือเงินในกระเป๋า 7700 เยน ใช้จนเกลี้ยงค่ะ 



โตเกียวบานาน่า ของที่พลาดไม่ได้ ชอบลายยีราฟค่ะ อร่อยดี เป็นคาราเมลครีม 
ไม่หวานมาก แพคเกจน่ารักน่าซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านค่ะ


ดอกไฮเดรนเยีย อาจจะไม่ครบสีที่เราเจอระหว่างทางและถ่ายมาได้ ชอบมากค่ะ
สวยเป็นธรรมชาติจริงๆ  ต้องขอตัวไปจัดกระเป๋าก่อนนะค่ะ

Day 10

         


          8โมงเช้าที่นาริตะ  เรานั่งรถลีมูซีน(รถบัส) จากบ้านเรามาใช้เวลา 1ชม.30นาทีค่ะ 
รู้สึกใจหาย เราใช้เวลา 10วันที่อยู่กับพ่อเรา เจอกันปีละครั้งค่ะ มันมีความสุขมาก รู้สึกเป็นนาที
ที่มีค่ามีความสุข แถมได้ประสบการณ์จากที่นี่ ใจนี่อยากจะอยู่ที่นี่ ถ้ามีโอกาส พ่อเรามารอส่งขึ้นเครื่องค่ะ
พ่อเราทำงานที่ มา 20กว่าปี มีID ของญี่ปุ่นทุกอย่างผ่านฉลุยค่ะ 



บ๊ายบาย ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จะมีปัญหาเรื่องห้องน้ำอยู่ตลอด ทุกครั้งที่เข้าไป สิ่งแรกที่เราหา
คือปุ่มกดชักโครกค่ะ 55555 ต้องหาก่อนเลยว่าอยู่ตรงไหน บางที่เรายังไม่ทันกดเลยค่ะ 
น้ำลงเฉย คือเซนเซอร์มันอยู่ด้านข้าง จังหวะที่เราสะบัดมือไปโดนเซนเซอร์มัน นึกว่าผีหลอกฮ่าๆ
ก็เป็นอะไรที่แปลกดีค่ะ 



ระบุวัตถุประสงค์ชัดเจนดีนะค่ะ 



ซักภาพก่อนกลับ แสงจะสวยไปไหน อิอิ 



บินแล้ววว บ๊ายบายย ญี่ปุ่น หวังว่าคงมีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีก คราวหน้าจะเตรียมตัว
ให้พร้อมมากกว่านี้ จะไม่หิ้วรองเท้ากลับ 3 คู่อีกแล้ว เพราะหนักมาก >< 



          เราแค่รู้สึกว่าเรามีโอกาส โอกาสที่เราได้รับมาจากพ่อเราค่ะ ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาวและพี่ชาย
ส่วนคุณพ่อทำงานที่ญี่ปุ่น เรารอคอยเวลานี้มานานมาก ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาสมใจอยาก 
อยากให้เพื่อนๆ ศึกษาให้ดีๆ ก่อนเดินทางนะค่ะ ค่อยๆเก็บตังค์วันละนิด เราว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะ
หลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องเจอ เช่น ไปซื้อของเอง บางทีต้องสื่อสารภาษาญี่ปุ่นกับเค้า ต้องกล้าพูด
กล้าออกเสียง เราก็จะชินกับมันเองค่ะ ไม่ได้น่ากลัวกว่าที่เราคิด คุ้มค่าจริงๆกับเงินที่เสียไป 


         จบแล้วนะค่ะสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณที่ติดตาม อาจจะยาวไปนิด อยากเล่าสู่กันฟัง
เพื่อนๆ คนไหนมีอะไรจะแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมได้เลยนะค่ะ เราหวังว่าจะมีโอกาสปีหน้าที่เรา
จะได้มาเยือนที่นี่อีก ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะค่ะ   
 


Rockxyy

Rockxyy

" จงเสพย์แฟชั่น และศิลปะ ให้เหมือนกับการกินข้าว "

FULL PROFILE