ไปญี่ปุ่นกันเถอะ ภาค 1

13 5
              สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวจีบันที่น่ารักทุกคนนะค้ะ 
เชื่อว่าหลายๆคนที่เปิดมาเจอกระทู้นี้คงไม่พลาดที่จะกดเข้ามาดูกันแน่นอน

          วันนี้อยากจะมารีวิว แชร์ประสบการณ์ที่มีค่าและน่าจดจำมากสำหรับเรา ก่อนอื่นต้องบอกให้ทราบก่อนว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศในฝันของเราเลยค่ะเคยมีความฝัน เพราะเป็นคนชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นม๊ากก อยากมาเห็นของจริงค่ะและเราอาจจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ตรงที่คุณพ่อทำงานที่ญี่ปุ่นค่ะ ตั้งแต่เราอยู่อนุบาล2-จนถึงปัจจุบัน เจอกันปีละครั้ง เคยมีคนพูดหลายคนบอกเราว่า พ่อไม่คิดจะพาไปเที่ยวมั่งเลยหรือ? ซึ่งถามว่าอยากไปมั้ย? อยากไปมาก แต่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่สมควร  
แพลนที่ตั้งใจไว้คุยกันมาตั้งแต่ปี2555ค่ะ  ตัดสินใจจะเดินทางช่วงเทศกาลที่ซากุระออกดอก
แต่ไปๆมาๆโดนเลื่อนออกไปอีก 





ที่นี้เราตัดสินใจเด็ดขาด รอไม่ได้แล้วน๊ะะ เงินเก็บที่จะเก็บไว้ช็อปก็เริ่มหมด 5555
เราบุ๊คตั๋ววันที่ 6/6/2014-16/6/2014 รวม 11วันค่ะ เราเลือกนั่งของสายการบินไทย
ราคาค่อยข้างสูง ขนาดไม่ใช่เทศกาลนะค่ะ  ราคาประมาณ20,XXXบาท
แต่เป็นเพราะเรานั่งครั้งแรก พ่อจึงไม่แนะนำให้เรานั่งราคาถูก แบบต่อเครื่อง
ไฟว์บินวันที่ 6/6/2014 เวลา 23.35น. สุวรรณภูมิ-สนามบินนาริตะ 7/6/2014 เวลา 8.10น.
อาจมีเลทนิดหน่อยไม่เกิน10นาทีค่ะ  ขอเล่าไปพร้อมกับลงรูปภาพประกอบนะค่ะ



        เพื่อนร่วมการเดินทางครั้งนี้ น้องสาวฝาแฝดของเราเองค่ะ ^^ ขณะนี้กำลังเช็คอินและโหลดกระเป๋านะค่ะ  ปล.จุดนี้เพิ่งได้รู้อะไรใหม่ 1เรื่อง คือประเป๋าเดินทาง1ใบ ใส่น้ำหนักได้ไม่เกิน28 Kg.ค่ะ
(เป็นเงื่อนไขของทางญี่ปุ่นค่ะ) จะนำกระเป๋าไปกี่ใบก็ได้ แต่ต้องไม่เกินน้ำหนักที่เค้าจำกัดนะค่ะ
และคือเราไม่มีข้อมูล พ่อก็ไม่ได้บอกอะไร จัดเต็มไป1ใบ 35 Kg. โชคดีมากที่มีอีกใบ
ไม่งั้นตายค่ะเราเลยต้องถ่ายน้ำหนักไปอีกใบเพื่อให้โหลดได้ นำ้หนักขาไป 42 Kg. แบกอะไรหนักหนา


เพื่อนมาส่งก่อนเตรียมตัวขึ้นเครื่องค่ะ จริงๆแล้วนางตั้งใจเอาเงินเยนมาฝากซื้อของมากกว่า5555



          จากนั้นผ่านจุดตรวจ บลาๆๆ เตรียมตัวไปนั่งรอเวลาเครื่องออกค่ะ 
ขอบอกตรงนี้ว่าจุดนี้กว่าจะเดินไปจนถึงที่พักผู้โดยสารขาออก ไกลม๊ากกกเป็นกิโลเชียวค่ะ
ระหว่างทางมีร้าน Shop หรูหรามากมาย (ดูจากภาพด้านหลัง)  Dutyfree ฯลฯ ล่อตาล่อใจกันไป



          เราได้ที่นั่งที่ดีมาก เสียดายที่ติดห้องน้ำไปหน่อย ซึ่งทำให้เรานอนไม่ค่อยหลับ เพราะมีคนเดินเข้าห้องน้ำตลอด จำได้ว่าวันนั้น ทุกคนหลับหมดแล้วยกเว้นเรา เพิ่งจะได้นอนตอนตี3 กว่าๆ 555
หลังจากที่ได้รับแซนวิชแจกแล้ว1รอบ ประมาณ 6โมงเช้าโดนปลุกเพื่อมาทานอาหารเช้า
(เอ๊ะเพิ่งจะได้นอนตี 3!!) มีให้เลือก2อย่างค่ะ สเต็กปลาแซลมอน กับ ออมเล็ตไส้กรอกรมควัน
ในความรู้สึกเรานะค่ะไม่อร่อยเลย  รสชาติแปลกๆแต่คนอื่นอาจจะชอบนะค่ะ
          จากนั้นประมาณ 8โมงกว่าๆ ถึงสนามบินนาริตะรู้สึกได้ถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป 
มีฝนตก เย็นและหนาว ผิดกับตอนที่นั่งมากจากไทยคนละเรื่องเลยค่ะ จุดนี้ค่ะที่มีเรื่องตอนขาเข้านี่ละ 
เราก็เดินๆ ตามเค้าไปกะน้อง 2คนมองไปทางไหนก็เจอแต่คนญี่ปุ่นหมด

           (เอ๊ะนี่ชั้นเป็นต่างด้าวสินะ) แต่เรารู้สึกว่านาริตะเดินง่ายกว่านะค่ะ และดูเป็นสัดส่วนมากกว่า
 ไม่งงด้วยเพราะมีภาษาอังกฤษแทบทุกจุด เราก็งูๆปลาๆเอาค่ะ ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนกัน 
เราโดนเปิดกระเป๋าค่ะ มีจนท.เดินเข้ามาถาม เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ เท่าที่เดานะค่ะ มีของสดมั้ย
มีกระดาษรูปผลไม้มาให้เราดู เราบอกว่าไม่มี แต่เค้าขอค้นกระเป๋าเนื่องจากใบมันใหญ่มาก
และน้ำหนักค่อนข้างเยอะ 28Kg. สุดท้ายโดนยึดลูกชิ้น+ไส้กรอก6แพค เสียดายมากค่ะ
(พ่อบอกถ้าไม่เอากระเป๋าใบใหญ่มาผ่านได้สบายค่ะ กระเป๋าเราใส่คนได้1คนเลยนะค่ะเลยดูน่าสงสัย)
จุดนี้หลังจากออกจากสนามบิน นั่งลีมูซีน(คล้ายรถทัวร์ปอ2 บ้านเราค่ะ) มุ่งหน้าไป
TAKADAOBABA คือจุดที่พ่อเราพักอยู่ค่ะใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่งถึงที่พักค่ะ

DAY 1


          เหยียบพื้นดินแล้วเย้ๆ อากาศดีมากมีฝนตกปรอยๆ แต่ตกทั้งวันเป็นละอองแค่นี้ก็เปียกได้เลยค่ะ คือจะบอกว่าไม่ได้เตรียมตัวมาเรื่องความหนาวเลยค่ะ มีแต่คนบอกญี่ปุ่นร้อนมากเอาเสื้อไปบางๆพอ อิฉันจัดบางๆ เอวลอยไปเลยคร่า 55555 บ้านเมืองเค้าสะอาดน่าอยู่มากๆ บนถนน ในซอยไม่มีหมาเดินผ่านซักตัว ขยะก็ไม่มีเลยนะค่ะ ค่อนข้างรักษาความสะอาดมาก



          ตั้งใจว่ามาถึงที่นี่จะต้องมากินไทยากิให้ได้ 555 เพราะมีอยู่วันนึงนั่งดูรายการ Say Hi!
แล้วพาไปกินไทยากิค่ะ เห็นแล้วอยากกินขึ้นมาทันที ก็อร่อยดีนะค่ะ เป็นรสชาติที่หวานแบบธรรมชาติค่ะ มีไส้ถั่วแดง ถั่วเหลือง ครีมบลาๆ หลังจากนั้นน้าเราก็พาไปเดินดูบริเวณรอบๆค่ะ ที่พักเราใกล้กลับห้างเล็กๆที่ชื่อว่า ดองกี้(Don Quijote) แต่ก็เหมือนซุปเปอร์มาเก็ตนะค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีขายทุกอย่างหัวจรดเท้าเลยนะค่ะแม้กระทั่งกระเป๋าเดินทางยังมี  เราเห็นแล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก เห็นอะไรอยากได้ไปหมด ต้องคอยห้ามใจอยู่หลายรอบทีเดียว
          แล้วเราก็แวะซื้อขนมมีเยอะน่าทานมากค่ะ มีแต่ขนมแปลกๆน่าสนใจมาก เมื่อซื้อเสร็จแล้วน้าเราพามาทานร้านนี้ค่ะ คล้ายๆฮาจิบังราเมน บ้านเราเลย แต่รสชาติอร่อยกว่ามากโดยเฉพาะปลาหมึก อิอิ กรอบชิ้นใหญ่มาก ทานเสร็จแล้วเข้าบ้านนอนเพื่อเตรียมตัวสำหรับไปฟูจิพรุ่งนี้ต่อ ^^




DAY 2

          วันนี้อากาศเย็นเป็นพิเศษ มีฝนตกอยู่ตลอดทั้งวันค่ะ ไม่เป็นใจเอาสะเลย
ระหว่างทางเราจะสังเกตเห็นได้ว่าถ้าขับออกไปตจว. จะคนละอารมณ์กับในเมืองเลยนะค่ะ
สองข้างทางจะมีแต่ต้นไม้แทบไม่มีตึกสูงๆเหมือนในเมือง และถนนโล่งค่ะ 







        วันนี้เราคิดว่าเราเตรียมพร้อมพอแต่เราก็ไม่สามารถทนต่อความหนาวของที่นี่ได้ 555
เนื่องจากมีฝนตกด้วยจึงทำให้อากาศเย็นขึ้นค่ะ เย็นสบายมากๆ เดินทางไปโดยรถตู้ค่ะ 
พ่อเราจ้างคนไทยที่ทำงานที่นี่ขับรถพาไป แชะซัก 1 ภาพระหว่างรอ 




          ถึงจุดชมวิว แวะแชะอีกซัก 1 ภาพกับคุณพ่อ เคยได้ยินมั้ยค่ะว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว จริงๆเลยค่ะ
เพราะเป็นทางขึ้นเขา และยังคงมีฝนตกอยู่ตลอด 




          ถึง Mt. Fuji 5 th แล้วนะค่ะ อากาศดี๊ดี  จริงๆ เค้าจะมีทางที่สามารถเดินขึ้นเขาเพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิได้นะค่ะ 
แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ คือขึ้นไปยังไงก็มองไม่เห็นค่ะ เพราะมีหมอกปกคลุมอยู่ ด้านในเมื่อเดินเข้าไปก็จะมีทางเข้าวัดนะค่ะ เราแวะเข้าไปไหว้พระ ขอพร (ขอว่าขอให้ได้มาเที่ยวอีกปีหน้า5555) 






      ด้านหลังนี่ชั้นล่างมีร้านขายของฝากมากมาย ส่วนมากจะเป็นพวกโมจิ  คัสตาร์ด ของจิปาถะ 
ด้านบนมีร้านขาย Ramen ค่ะ 



    อากาศหนาวๆแบบนี้ซด ramen ร้อนๆ มันใช่มากค่ะ และรสชาติดีด้วยนะค่ะ



          ตรงนี่จากภาพที่เห็นอยู่ มันคือบ่อน้ำพุค่ะ ซึ่งบ่อจะมีกำมะถันออกมาตลอดเวลา เป็นที่มาของไข่ดำค่ะ
ก็คือนำไข่ไก่มาจุ่มลงไปในบ่อน้ำพุ และเปลือกไข่ด้านนอกจะเป็นสีดำ ซึ่งด้านในก็คือไข่ต้มปกตินี่ล่ะค่ะ
คนญี่ปุ่นเชื่อว่า เรากินไข่ดำ 1 ฟอง จะมีอายุยืนขึ้นอีก 7 ปี เป็นความเชื่อค่ะ 



          ซื้อของเสร็จก็แวะชิมซอฟครีมสะหน่อย เห็นว่าที่นี่มีซอฟครีมหลายรสชาติที่แปลกมาก
น้องเราเลือกรสวนิลา  พ่อเราเลือกไม่แน่ใจว่ารสอะไรสีดำๆ 555  เราเลือกทานรสวาซาบิค่ะ พลาดมาก
ไม่ถึงขนาดมีรสของวาซาบิ มีแค่กลิ่นของมันค่ะ ต้องกล้ำกลืนฝืนกินจนหมด ด้วยความเสียดาย

        จบไปแล้วอีก 1 วันสำหรับการเดินทางนะค่ะ ปัญหาที่เจอตั้งแต่มาคือ
-  เรื่องของฝนค่ะ ตกตลอดทั้งวัน แต่ก็ยังโชคดีบ้างที่ตกไม่หนักมาก แต่เราก็สู้ค่ะ
มาแล้วต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด ^^
-  ความหนาวค่ะ ด้วยความที่ไม่ได้เช็กสภาพอากาศก่อน เสื้อที่เอามามีแต่ชิ้นน้อยๆ
จริงๆแล้วหนาวเพราะมีฝนตก และญี่ปุ่นเป็นเกาะที่มีทะเลล้อมรอบ จึงทำให้อุณหภูมิเย็นและทั่วถึง
ไม่เหมือนบ้านเราที่นกตกแต่จะร้อนอบอ้าวค่ะ
.......................พรุ่งนี้จะมาเพิ่มเติม วันต่อไปให้นะค่ะ (พิมพ์ไม่ทันจริงๆ ทำงานไปพิมพ์ไป 5555).......................
 
อัพเดต......

DAY  3

           วันนี้ไม่มีโปรแกรมอะไรพิเศษค่ะ  คุณพ่อพาเข้าเมืองไปชินจุกุพาคุณพ่อไปซื้อไอแพตมินิค่ะ ตรงใจกลางมีตึกที่เป็น Big camera 3ชั้น ใหญ่มากๆค่ะ  ขายอุปกรณ์+เคส ทุกอย่าง 






วันนี้อากาศเหมือนจะเป็นใจ มีแดดค่ะ บ้านเมืองสะอาดน่าอยู่มากๆค่ะ เราชอบที่เวลาถ่ายภาพออกมา
ท้องฟ้าที่นี่ ดูเป็นสีฟ้าชัดเจนมากๆ ค่ะ สวยงามจริง




   แวะเติมพลังซักนิด โค้กที่นี่สะใจมาก กระป๋องใหญ่ ราคาก็ใหญ่ตามกระป๋องที่เราถืออยู่ 
30+ บาทนะค่ะ ราคาค่อนข้างแพงกว่าบ้านเราค่ะ 



เราแวะกินซูชิระหว่างทาง  ลืมถ่ายรูปร้านค่ะ ร้านดูเข้าถึงบรรยากาศมากๆ เป็นซูชิจานเวียนค่ะ
มีกุ๊กปั้นให้กินกันซดๆ เลยค่ะ ราคาคิดตามเลทของจานนะค่ะ จะแบ่งแยกราคาตามสีของจาน 
ตกจานละ 40บาท (2คำ) ถือว่าคุ้มอยู่ค่ะ คำใหญ่มาก รูปเป็นยังไง ทำออกมาตามรูปเลยค่ะ



เราบอกพ่อให้ขอวาซาบิให้เพิ่ม จริงๆแล้ววาซาบิ กุ๊กจะแปะไว้ใต้ปลาทุกคำอยู่แล้วนะค่ะ 
แต่เราชอบทานวาซาบิค่ะ เลยขอเพิ่ม กุ๊กหยิบให้เราซดๆเลยค่ะ ใช้มือจก แอบตกใจเบาๆ 
ก้อนใหญ่มาก (กุ๊กแอบหล่อค่ะ กินไปมองหน้าไป อร่อยเลย อิอิ)



รสชาติดีและสดมากๆ สมแล้วที่มากินถึงที่ หวังว่าทุกคนคงจะพลาดการกินซุชิไม่ได้นะค่ะ 
มาถึงถิ่นแล้วต้องกินค่ะ  เราก็กินได้ไม่เยอะ เพราะข้าวคำใหญ่มาก กินจนจุกมือหนี้หมดไป 
1500+บาทไทยค่ะ วันนี้คงจบโปรแกรมแค่นี้พรุ่งนี้มาเริ่มเดินทางกันใหม่นะค่ะ 


Day 4

          วันนี้โปรแกรมที่เราวางไว้ ไปTokyo skytree แล้วต่อด้วยวัดฮาซาคุสะค่ะ ออกเดินทางแต่เช้า
สังเกตุได้เลยหน้าตา จขกท. ดูอิดโรย อดหลับอดนอนมาก ตื่นเช้าทุก-นอนดึก บางวันเราอยากจะนอนเฉยๆไม่อยากออกไปไหน หนาวก็หนาว  แต่พ่อเราบอกมาแล้วต้องไม่เสียเปล่า ต้องใช้เวลาทุกวันให้คุ้ม 55555






วันนี้อากาศดีค่ะ เราว่าองศาประมาณนี้เป็นอากาศที่ดีสำหรับเรา กำลังเย็นสบายไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป
ดอกไม้ออกดอกบานสพรั่ง ดอกที่เราถ่ายมาเรียกว่า ดอกไฮเดรนเยียค่ะ มีหลากหลายสีมาก เราจะเจอตลอดข้างทางที่เดินผ่าน ถ่ายเก็บมาทุกที สวยสีสดงดงามจริงๆ อากาศแอบมีเมฆครึ้มๆ เหมือนฝนจะตกค่ะ เริ่มต้นจุดเดินที่ชินจุกุค่ะ 



วันนี้คุณพ่อพานั่งใต้ดินTokyo Metro สาย Ginzaค่ะ รถไฟฟ้าที่นี่ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้วเร็วกว่ามาก และมาตรงเวลาเสมอค่ะ นอกจากเกิดเหตุ เอ๊กซิเด้นท์ จริงๆ ถึงจะมาคลาดเคลื่อน หรือบางสายจะประกาศหยุดวิ่งค่ะ 



รายละเอียดการเดินทางเราจำไม่ค่อยได้มากนัก อาจจะบอกได้แค่คร่าวๆนะค่ะ เป็นตึกที่หรูหรามาก
และขึ้นไปด้านบนเพื่อซื้อตั๋วในการขึ้นไปชมต่อค่ะ ชั้นที่พ่อพาเราไปคือ Floor350 
 ทาวเวอร์เปิดให้ขึ้นชมได้ตั้งแต่ 8.00 ถึง 22.00 



ซึ่งผู้ใหญ่ราคาประมาณ 600+บาทไทย (เด็กจะคิดอีกราคาค่ะ) และพอเรามาถึงชั้นนี้ สามารถขึ้นไปต่อได้ค่ะ
แต่เราต้องไปซื้อตั๋วเพิ่มเพื่อขึ้นชั้นต่อไป น่าจะเป็นชั้นสูงสุด ความสูงที่ 634เมตร ถือว่าสูงที่สุดเลยทีเดียว
แต่เราคิดว่าแค่นี้เราโอเคแล้วค่ะ 



คิดว่าน่าจะเป็นจุดขายของเค้า Skytree cafe' สั่งซอฟต์ครีมมากินไป ชมบรรยากาศไปโดยรอบๆ 
สวยมากจริงๆค่ะ ถือว่าคุ้มที่ได้มาชมวิวสวยๆแบบนี้  



หลังจากที่ชมวิวสวยๆ เสร็จแล้วพ่อเราพามุ่งหน้าไปที่วัด อาซาคุสะต่อค่ะ ใช้เวลาเดินทางแปบเดียว 
แค่ 2 นาที เพราะอยู่ใกล้กันมากค่ะ ระหว่างสองข้างทางจะเห็นว่ามีของขาย ของที่ระลึกของกิน มีตลอดค่ะ
มีเด็กนักเรียน วัยรุ่น และทัวร์ เยอะพอสมควร เริ่มมีฝนตกปรอยๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค สำหรับการเดินทางครั้งนี้ค่ะ





ถึงหน้าวัดแล้ว ทุกวัดที่เข้ามาถึงจะมีจุดให้เราชำระล้างร่างกาย บางคนบ้วนปาก ล้างมือล้างหน้ากันไป
ตามความเชื่อ เพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ น้ำเย็นจับใจมาก 
 (ภาพนี้กว่าจะได้มา มีคนเดินตลอดค่ะ)



หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จ พ่อเราก็พาหาของอร่อยทาน อากาศแบบนี้คงพลาดไม่ได้ที่จะเป็นราแมง
(อีกแล้ว) มีฝนตกลงมาปรอยๆ ทำให้อากาศเย็นขึ้นมานิดๆค่ะ เราขอแวะร้านนี้ดูจากเมนูน่าทานมากๆ



เมนูที่เราสั่ง คล้ายๆ ซารุราเมนบ้านเราค่ะ แต่รสชาติไม่ต้องพูดถึง อร่อยกว่ามากๆ แอบติดใจเบาๆ 
เท็มปุระกรอบ โดยเฉพาะฟักทอง วัตถุดิบที่คัดสรรมาล้วนแต่เป็นของที่คุณภาพ รสชาติจึงทำออกมาได้ดีทีเดียวค่ะ



หลังจากแวะซื้อของที่ซุปเปอร์ก่อนเข้าบ้าน วันนี้คงจบการเดินทางแต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปชิบุย่า+ฮาราจุกุกันนะค่ะ บรรยายมาค่อนข้างเยอะมากกลัวว่าจะยาวเกินไป ขออนุญาตต่อที่กระทู้ ภาค2 นะค่ะ

ติดตามกันได้ใหม่ค่ะ ในกระทู้ ไปญี่ปุ่นกันเถอะ ภาค 2 !!
หวังว่าเพื่อนๆคงจะได้ความเพลิดเพลิน และข้อมูลเพิ่มเติมนะค่ะ

https://www.jeban.com/viewtopic.php?t=194362    <<<< ในนี้เลยค่ะ


Rockxyy

Rockxyy

" จงเสพย์แฟชั่น และศิลปะ ให้เหมือนกับการกินข้าว "

FULL PROFILE