กระทู้เปรียบเทียบ--ESTEE double wear vs. REV.colorstay แถมด้วย naked1,3

24 8
สวัสดีค่ะสาวๆจีบัน
 
จะเรียกกระทู้นี้ว่ารีวิว คงไม่เชิง วันนี้อยากเอาของที่มีมาเปรียบเทียบให้ดูกัน

เริ่มเลยละกัน กับรองพื้นสองยี่ห้อ ที่มักจะมีคนถามและสงสัยกันบ่อยๆ รวมทั้งเราเองด้วย ว่ามันต่างกันยังไง

ESTEE DOUBLE WEAR stay in place foundation กับ REVLON colorstay


 
สำหรับ REV. เราใช้สี Sand beige  ส่วน Estee ใช้ 36 sand 

ตัวบนเป็น REV. ส่วนตัวล่าง คือ ESTEE

ด้วยความที่เรา undertone เหลือง (เราว่านะ) เส้นเลือดเขียวขนาดนั้น เทียบกันเลยดีกว่า

1. ปกปิด   สูสีค่ะ จะเห็นเลยเส้นเลือดสีเขียวเราหาย กลบมิด ทั้งสองตัว เรียบมิดปิดสนิท ใช้ในวันสิวบุกได้ดีพอๆกันทั้งสองตัว
2. ความหนักเบาบนใบหน้า   อันนี้บางคนบอก REV. หนักกว่า อันนี้ก็ส่วนหนึงนะ  ด้วยความที่ texture ของ REV. หนืดกว่า ย่อมทำให้ลุคออกมาดูอาจจะหนากว่า  แต่ว่า..มันอยู่ที่วิธีการลงด้วยนะคุณ แน่นอนว่า การลงด้วยฟองน้ำ REV. จะดูไม่หนาเลย ลงง่าย แต่เปลืองนิด (ช่างเหอะ 500 บาท) แต่ในขณะที่ ESTEE สามารถเกลี่ยได้ด้วยมือสบายๆ เพราะเนื้อ texture ที่บางเหลวกว่า แน่นอนสำหรับมือใหม่ เกลี่ยรองพื้นไม่ค่อยเป็น ESTEE ย่อมเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่า
3. ความติดทน  อันนี้ขอบอกเลยว่า REV. กินขาดกว่า ESTEE เด้งทนทั้งวันไม่มีดรอป ไม่ต้องเติมใดๆ ส่วน ESTEE สีนี้สำหรับเรา สวยตอนแต่งเสร็จ งามไปครึ่งวัน เสร็จแล้วดรอปค่ะ  ไม่อยากจะโทษรองพื้นเคาเตอร์แบรนด์ เอาเป็นว่าน่าจะอยู่ที่สีละกัน (เราน่าจะลอง 62 vanilla ดู) โอเค แต่ถ้าจะคอมเม้นท์เรื่องติดทน ก็สูสีค่ะ
4. ราคาและความพอใจ  แน่นอนสำหรับ แบรนด์ drug store อย่าง REV. ถือว่ากินขาดกับราคาห้าร้อย แต่จากความรู้สึกเรา เคาเตอร์แบรนด์เสียคะแนนข้อ 3 ไปนิด กับราคา 1700 บาท แต่จะไปอะไรมากมายสำหรับความพอใจของคนใช้ ที่มักจะรู้สึกว่า วันไหนฉันทาเคาเตอร์แบรนด์แล้วรู้สึกสวยกว่า Drug store ก็ว่าไป
 
สำหรับเรา .. ที่เคยสงสัย เคาเตอร์แบรนด์ มันดีกว่าตรงไหน วันนี้บอกเลย มันดีกว่า ในแง่ความรู้สึก คนที่ไม่เคยลอง อาจจะกำลังทรัพย์ไม่พอ หรืออะไรก็ตามแต่  แบรนด์เทพๆ มันไม่ได้ทำให้เราเลิศเลออย่างที่หวังเสมอไป อย่าไปยึดติดกับค่านิยมทางการค้า อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ

 
ไปต่อกันดีกว่า กับที่พูดถึง เคาเตอร์แบรนด์อีกตัวที่กำลังมาแรง ขอเอามาลงในกระทู้เดียวกันเพื่อความสะดวก
 
URBAN DECAY NAKED1 , NAKED3



 
ดูสีกัน



 
เราได้มาในตลับละ สองพันนิดๆ  เราไม่สวอชสีล่ะนะ มีให้ดูเยอะเลยในเนท


อยากเทียบกับตัวนี้ Fasio eye color
 


 
บางคนบอก เอามาเทียบกันได้ไง้ คนละชั้น

อันนี้ขอวิวสั้นๆ naked น่ะ อันนี้เทพจริง ยอมรับ เนื้อสัมผัสนุ่ม เบลนด์ง่าย สีละมุนแบบผู้ดี ทาแล้ว ให้ความรู้สึก(อีกแล้ว) ว่าวันนี้ฉันสวย ก็มันเคาเตอร์แบรนด์นิ

แต่สำหรับพาเลทฟาสิโอ สีฟ้าน้ำเงินซ้ายมือ ทาออกมาแล้ว มันช่างให้ลุคที่คล้าย naked1 สองสีด้านขวานะ ถามจริงเหอะ ไม่บอกใครจะรู้ ว่าคุณใช้ Naked นะยะ

เนื้อสัมผัสสำหรับฟาสิโอ ใช้ได้เลยล่ะ สิ่งที่เทียบ naked ได้ คือเม็ดสีแน่น  เบลนด์ง่าย  แต่ให้ประกายที่ระยับกว่า ขอบอกเลยว่า ฟาสิโอทำประกายได้ลุคแบบผู้ดีด้วย ไม่ใช้กลิตเตอร์เม็ดโตแบบตลาดนัด ในราคาสี่ร้อย             เราว่ามันโอ เทียบกันได้นะ


สิ่งที่อยากบอกจากกระทู้นี้  อย่าตกเป็นทาสของค่านิยมทางการค้า และกระแสสังคม

เราเลือกของดี ราคาเหมาะสมใช้ได้ แบบไม่เดือดร้อนกระเป๋า

สำหรับจขกท. ถ้าใครถามว่า อ้าว แล้วจขกท.ซื้อของแบรนด์ใช้ทำไมล่ะ
อยากบอกว่า จขกท.ทำงานแล้ว เงินเดือนประมาณ 100k ดังนั้น จึงสามารถหามาใช้ได้โดยไม่ลำบาก เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน ที่ประมาณว่าไม่เคยใช้อ่ะ ของเทพ ดียังไง ต่างยังไง บางอย่างมันก็ดีจริงนะ แต่บางอย่างมันก็ไม่จำเป็น (สัจจะธรรมนี้ค้นพบด้วยตัวเอง)

เอาเป็นว่า ใครมีกำลังพอใจใช้ก็ใช้ มันเป็นเรื่องความพอใจ แต่อย่าให้ถึงขนาดลำบากมากไป ตอนนี้สังคมไทยเป็นยังงั้น บางคนทนตัวเองไม่ได้ ถ้าต้องควักตลับแป้งมิสทีนออกมา ในขณะที่เพื่อนควักแมคออกมาทา

BE YOURSELF ค่ะ

กระทู้นี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ


 








 


summer sunshine

summer sunshine

FULL PROFILE