7 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดูแลผิว

0 11
7 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดูแลผิว
ความเชื่อผิด ๆ ที่ 1 การใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้นจะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
ความจริง: “จากผลพิสูจน์ส่วนใหญ่ การประโคมครีมบำรุงต่าง ๆ เข้าไปมาก ๆ แค่จะทำให้คุณต้องไปที่คลินิกรักษาผิวเร็วขึ้นเท่านั้น” น.พ.เคนเน็ท เบีย ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังจากปาล์มบีช ในฟลอริดากล่าว “ทุกอย่างที่ประกอบไปด้วยส่วนผสม จะทำให้เกิดการระคายเคืองของผิว ถ้าคุณใช้มันมากเกินไป” แต่ส่วนผสมที่ได้ผลมากที่สุดคือ วิตามินซี เรตินอล และกรดอัลฟาไฮดรอคไซต์ ซึ่งทำให้ผิวนุ่มขึ้นและช่วยลดริ้วรอยต่าง ๆ และเบต้าไฮดรอคไซต์ (คล้ายสารซาลิไซลิค Salicylic) และเบนซอยเปออ็อคไซด์ ซึ่งจะช่วยทำให้ริ้วรอยหายไป ถ้าคุณใช้อะไรก็ตามที่มีส่วนประกอบของสารเหล่านี้ ให้ใช้แค่พอประมาณเท่านั้น และใช้บริเวณที่จำเป็น เช่น ถ้าคุณใช้ครีมทาใต้ตาก็แค่แตะเนื้อครีมให้เท่า ๆ กับเม็ดถั่วเม็ดหนึ่งเท่านั้น
 
ความเชื่อผิด ๆ ที่ 2 โทนเนอร์เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ (ขาดไม่ได้)
ความจริง: “90% ไม่ควรจะใช้โทนเนอร์” ราเนลล่า เฮิร์ช ผู้เชี่ยวชาญด้านโคผิวหนังจาดแคมบริดจ์ ในแมชชาซูเซจ กล่าว “ในสถิติส่วนใหญ่ โทนเนอร์แค่ขัดความมันบนใบหน้าออกจนหมดและทำให้หน้านุ่ม” ดังนั้นแค่ล้างหน้าธรรมดาก็เพียงพอสำหรับการขจัดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้า แต่ถ้ายังสงสัยเกี่ยวกับคราบดำ ๆ ที่เกิดขึ้นบนก้อนสำลีหลังจากเช็ดหน้า สั่งนั้นไม่ใช่สิ่งสกปรกแต่เป็นน้ำมันบำรุงผิวหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อกระทบกับอากาศ ดังนั้นผิวแบบไหนจึงควรจะใช้โทนเนอร์? แค่กลุ่มที่มีใบหน้ามันมาก ๆ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับสิวบนใบหน้ามาก ๆ และถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์และชาลีไซลิค
 
ความเชื่อผิด ๆ ที่ 3 ครีมกันแดดมีส่วนผสมของ SPF ยิ่งมีมากเท่าไร ยิ่งช่วยปกป้องคุณจากแสงแดดได้มากเท่านั้น
ความจริง: ถ้าการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีค่า SPF ที่ 30 ควบคู่ไปกับครีมรองพื้นที่มีค่า SPF ที่15 และตบท้ายด้วยแป้งพัฟที่มีค่า SPF ที่ 10 คุณอาจจะคิดว่าถ้ารวมทั้งหมดแล้วเท่ากับ 55 ใช่ไหม? คำตอบคือไม่ใช่ ระหว่างที่คุณกำลังปลื้มกับการคิดตัวเลขจากค่า SPF ในการปกป้องคุณจากแสงแดด มันอาจจะโชคไม่ดีนักที่ค่า SPF ไม่สามารถเอามารวมกันได้ ดังนั้นถ้าคุณทาผิวตามชั้นของ SPF คุณก็อาจจะได้แค่ปกป้องผิวของคุณ จากตัวเลขสูงสุดของผลิตภัณฑ์ที่คุณได้ทาลงไป จากกรณีตัวอย่างคือ ค่า SPF 30+15+10 คุณก็จะได้ SPF ที่ 30 คือค่าสูงสุดเท่านั้น
 
ความเชื่อผิด ๆ ที่ 4 คุณอาจจะเสพลิปบาล์มรสโปรดของคุณได้
ความจริง: ไม่มีทฤษฏีไหนบอกว่าส่วนประกอบของลิปบาล์มจะยิ่งทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งมากขึ้น “ลิปบาล์มจะช่วยทำให้ริมฝีปากของคุณดูน่าสัมผัสและนุ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงพยายามเติมมันบ่อย ๆ ทุกครั้งที่รู้สึกว่ามันถูกลบออก” ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนัง โดริส เด จากนิวยอร์ค กล่าว “แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เราเสพติดลิปบาล์ม” เรื่องจริงคือ ลิปบาล์มจะหมดไปบ่อย ๆ จากการเลียปาก “เมื่อความชุ่มชื้นหายไป ร่างกายจะทำให้ชุ่มชื้นกลับมาจนกลายเป็นนิสัย การเลียปากคือความต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นกลับคืนมา” น.พ. เบีย อธิบาย ดังนั้นการหยุดการเลียริมฝีปากและควรเริ่มต้นด้วยการทาครีมคอติโซนบนริมฝีปากคุณ และทาทับด้วยวาสลีน ทำอย่างนี้ 1 อาทิตย์ จากนั้นก็เริ่มใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของวาสลีน กลีเซอรีน หรือน้ำมันแร่ที่ทำให้ลิปบาล์มไม่หลุดออกง่าย ๆ และไม่ทำให้ริมฝีปากเกิดการระคายเคือง
 
ความเชื่อผิด ๆ ที่ 5 คุณจะไม่เห็นผล ถ้าไม่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเป็นยี่ห้อเดียวกันทั้งหมด
ความจริง: นี่เป็นคำตอบที่พนักงานขายบอกคุณก่อนจะถามถึงบัตรเครดิตของคุณ แต่คุณอาจจะช่วยปกป้องผิวของคุณได้มากยิ่งขึ้น โดยการเลือกผลิตภัณฑ์จากหลาย ๆ ยี่ห้อ “มันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากบริษัทดี ๆ อีกมากมาย ไม่มีใครสามารถครองตลาดได้คนเดียว เดวิด แบงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังจาก เมาท์ดิสโก ในนิวยอร์ค กล่าว “บางบริษัทอาจะผลิตมอยเจอไรเซอร์ได้ยอดเยี่ยมมาก แต่อีกที่หนึ่งอาจจะผลิตครีมล้างหน้าที่มีประสิทธิภาพเจ๋งสุด ๆ แต่คุณควรหาสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุดและคละกันก็ได้” ดังนั้น สะสมผลิตภัณฑ์ตัวอย่างต่าง ๆ ไว้ เพื่อที่คุณจะได้ทดลองหลาย ๆ แบบหลาย ๆ ยี่ห้อ โดยไม่ต้องเปลืองเงิน
 
ความเชื่อผิด ๆ ที่ 6 ครีมทาตาใช้ครีมอื่นแทนไม่ได้
ความจริง: ผิวหนังรอบ ๆ ตาเป็นส่วนที่บางที่สุดในร่างกายคุณ ดังนั้นมันก็ต้องการความพิเศษมากกว่าส่วนอื่น แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเปลืองเงินเพิ่มขึ้นในการซื้อกระปุกครีมสำหรับทาตา “ถ้าคุณใช้ครีมบำรุงหน้าที่มีส่วนประกอบของน้ำมาก ๆ มันก็ไม่มีเหตุผลที่คุณจะไม่ใช้มันกับตาของคุณ” น.พ. แบงค์ กล่าว “ถ้ามีคุณก็ไม่ต้องซื้อครีมทาตาให้สิ้นเปลือง” และในการหลีกเลี่ยงปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมา เช่น การแพ้หรือระคายเคือง ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า มอยส์เจอร์ไรเซอร์ของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะมันเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ผิวรอบตาเกิดการระคายเคือง และถ้ามันมีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีจากแสงแดดอย่าง ซิงค์ออกไซด์และไทเทเนียมไดออกไซด์ สารเหล่านี้แทบจะไม่ทำให้ตาระคายเคืองได้เท่าสารเคมีอย่าง avobenson และ oxybenzone เหนือสิ่งอื่นใด จำไว้ว่าสำหรับดวงตาให้ใช้นิ้วนางเท่านั้นในการทาผิวบริเวณรอบดวงตา
 
ความเชื่อผิด ๆ ที่ 7 มาสคาร่าของคุณอาจจะเสีย แต่ไม่ใช่สำหรับครีมบำรุงผิว
ความจริง: โชคไม่ดีนักที่ครีมบำรุงผิวสำหรับกลางคืนที่คุณวางไว้ในตู้มา 2 ปีแล้ว อาจจะไม่ค่อยให้ผลอะไรกับคุณในตอนนี้ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ในระยะเวลานาน ๆ ส่วนผสมของครีมบำรุงผิวหน้าจะมีคุณภาพต่ำลง ทำให้ไม่ได้ผลดีเหมือนเดิม ยิ่งถ้าผลิตภัณฑ์ค้างนานมากเกินไป อาจจะทำให้ส่งผลในการเกิดแบคทีเรีย “กฎที่ต้องจำไว้ก็คือ ควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าต่าง ๆ ทุก ๆ ปี” ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง เอเรียล คาวาร์ จากนิวยอร์ค กล่าวและตอนนี้ผลิตภัณฑ์บางอย่างมากับป้าย และบอกว่าควรใช้ในเวลากี่เดือน (6 หรือ 12 หรือ 15 เดือน) และเริ่มนับจากเมื่อคุณเปิดมันออกมาใช้ แต่ทำอย่างไรถึงจะจำได้ว่าเริ่มใช้เมื่อไร ให้ใช้ปากกาเขียนวันที่ที่คุณเปิดเอาไว้ใต้ขวด จะช่วยย้อนความจำได้
 
Credit : https://www.supanun.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5344055


deeppii

deeppii

หวัดดีจ้า

ชื่อ ดีฟ นะ

16ปี เชียงใหม่ๆ

*กำลังเริ่มสนใจเครื่องสำอางค์ๆ*

FULL PROFILE