ที่สุดของผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่น 1: Anna Wintour
vandajtp179สวัสดีค่าาา
หลังจากเขียนกระทู้ที่แล้วไปเมื่อวานนี้ ( The Cannes report :http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=170089 ) มีคนมาตอบนิดนึง แต่รู้สึกดีใจและขอบคุณมากนะคะ >< วันนี้กระทู้ที่ 2 ออกแล้ว ว่าด้วยเรื่อง
ผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่น
เนื่องด้วย จขกท มีความสนใจในเรื่องนี้มากค่ะ
เพราะไม่ว่าเธอจะหยิบจับอะไร สิ่งเหล่านั้นก็กลายเป็น trend ไปซะหมด
เธอเป็นใคร เรามารู้จักเธอกันเลยค่ะ
หลังจากเขียนกระทู้ที่แล้วไปเมื่อวานนี้ ( The Cannes report :http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=170089 ) มีคนมาตอบนิดนึง แต่รู้สึกดีใจและขอบคุณมากนะคะ >< วันนี้กระทู้ที่ 2 ออกแล้ว ว่าด้วยเรื่อง
ผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่น
เนื่องด้วย จขกท มีความสนใจในเรื่องนี้มากค่ะ
เพราะไม่ว่าเธอจะหยิบจับอะไร สิ่งเหล่านั้นก็กลายเป็น trend ไปซะหมด
เธอเป็นใคร เรามารู้จักเธอกันเลยค่ะ
Anna wintour ( แอนนา วินทัว )
บรรนาธิการนิตยาสาร VOGUE (America)
VOGUE ไม่ใช่แค่นิตยสารแฟชั่น แต่มันเป็นตัวกำหนดแนวทาง fashion ถ้าอันไหน vogue บอกเกิด คือ เกิด อย่างเมือกลางปีที่แล้ว มีกระแสวิภาควิจารณ์เกี่ยวกับนางแบบ size 0 vogue ได้ส่งจดหมายไปยังแยรนต่างๆว่าห้ามจ้างนางแบบ size 0 ถ้าจ้างจะไม่ลงผลงานให้ เป็นไงล่ะ 5555 นิตยสาร VOGUE นำโดย บก ที่เรียกได้ว่าทรงอิทธิพลที่สุดในวงการ fashion , Anna Wintour
ถ้าใครเคยดู the devil wear prada เขียนโดย Lauren Weisberger จะเห็นว่า ตัวละครที่ชื่อ มิรันด้า บก.นิตยสาร มีต้นแบบมาจาก Anna wintour นี่แหละค่ะ เพราะ lauren เนี่ย เคยเป็นลูกน้องเก่าของ Anna ค่ะ
กว่าจะประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ แอนนาเป็นลูกสาวของ Charles และ Eleanor Wintour คุณตาของเธอเป็นนายทหารระดับนายพล ส่วนพ่อของเธอเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ Evening Standard ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ประเภทรายงานข่าวและเรื่องคนดังสไตล์ Tabloid ของอังกฤษ แอนนาได้รับการศึกษาในโรงเรียนแห่งหนึ่งในลอนดอนและมีประวัติในวัยเรียนว่า เป็นคนชอบทำตัวฝ่าฝืนระเบียบการแต่งตัวของโรงเรียน ด้วยการสอยชายกระโปรงให้สั้นขึ้น ซึ่งบ่งบอกได้เลยว่าเป็นคนชอบแฟชั่นตั้งแต่เด็ก เปรี้ยวมาแต่ไหนแต่ไร
พออายุ 14 แอนนาตัดผมบ๊อบตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ และผมบ๊อบก็เป็นสัญลักษณ์ของเธอมาเป็นสิบๆปี
แอนนาสนใจแฟชั่นตั้งแต่วัยทีนเธอติดตามหนังสือแฟชั่นมาตลอด เธอออกจากโรงเรียนเมื่ออายุเพียง 16 ปีและสมัครเป็นพนักงานฝึกหัดงานที่ห้างสรรพสินค้า Harrods ทันที นอกจากนี้ยังได้ไปเรียนหลักสูตรพิเศษเกี่ยวกับแฟชั่นด้วย แต่ไม่นานก็เลิกเพราะมีความคิดว่า ถ้าใครจะรู้เรื่องแฟชั่น ก็เพราะมันรู้อยู่แล้ว หรือถ้า (เกิดมา) ไม่รู้เรื่องแฟชั่น มันก็คงไม่รู้อยู่นั่นแหละ!
พออายุได้ 20 ระหว่างที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี เธอก็ควงกับผู้ชายอายุมากกว่าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอดีตคู่ควงของเธอก็คือ ริชาร์ด เนวิลล์ ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังชาวออสเตรเลี่ยน ที่ย้ายมาอยู่ในลอนดอน ริชาร์ดคนนี้แหละที่ชักนำให้เธอได้รู้จักกับกระบวนการผลิตนิตยสารเป็นครั้ง แรกในชีวิตของแอนนา เพราะเธอชอบไปนั่งที่ออฟฟิศของเขาบ่อยๆ
เพราะเครือข่ายที่ดีของหนุ่มที่เธอควงทำให้เธอได้ งานใหม่เป็น บก.แฟชั่นของนิตยสาร Viva เป็นนิตยสารแรก ซึ่งจากตำแหน่งนี้ทำให้เธอได้มีผู้ช่วย (เลขานุการ) เป็นครั้งแรก และนับแต่นั้นมาเธอก็เริ่มเป็นเจ้าของตำนานของการเป็น “เจ้านายที่เอาใจยากที่สุด” และทำงานด้วยยากที่สุด นี่คือจุดกำเนิดของภาพยนตร์เรื่อง The Devil Wears Prada ที่สร้างจากหนังสือที่แต่งโดย Lauren Weisberger ลูกน้องเก่าของแอนนาสมัยที่แอนนาได้งานเป็นหน.บก.ของ Vogue ในเวลาต่อมานั่นเอง
ภาพจากหนังเรื่อง The Devil Wears Prada ค่ะ บก.สุดเฮี๊ยบ รับบทโดย Marly Streep
ขอบอกว่าเรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สาวๆไม่ควรพลาด นอกจากกลิ่นอายของ NY เมืองศริวิไล
เสื้อผ้าหน้าผมของตัวละครขอบอกว่าเป๊ะมาก รวมทั้งฉากสวยๆของ Paris ฝรั่งเศส ด้วยค่ะ
หน้าตาเลือดเย็นมากจริงๆ 555555555
แจกแจงงงาน
อ้อ ลืมบอกไป บทผู้ช่วย รับบทโดย Anne Hayhaway ค่ะ
เธอว่างงานอยู่ 2 ปี จึงได้งานเป็นบก.แฟชั่นของนิตยสารออกใหม่ชื่อ Savvy ซึ่งเน้นแฟชั่นผู้หญิงทำงาน ทำอยู่ที่นี่ได้หนึ่งปีก็ย้ายไปเป็น บก.แฟชั่นให้กับนิตยสาร New York ช่วงนี้งานของแอนนาเริ่มเข้าตา บก.อาวุโสอย่างเอ็ดเวิร์ด คอสเนอร์ ของ New York ที่ไว้วางใจแอนนาให้คุมงานด้านอื่นๆ ของนิตยสารนอกเหนือจากการถ่ายแฟชั่นด้วย ที่นี่เองเป็นที่ซึ่งเธอเรียนรู้ว่าการมีดาราคนดัง และเหล่า “เซเล็บ” (ย่อจาก Celebrity - บุคคลที่มีชื่อเสียง) มาเป็นปกให้นิตยสารจะช่วยเสริมให้ยอดขายพุ่งกระฉูดได้เป็นอย่างดี
ทำงานกับ New York ได้สักพัก ก็มีคนรู้จักชักนำให้ไปสัมภาษณ์งานกับ บก.ของ Vogue คือ Grace Mirabelle แต่ปรากฏว่าการสัมภาษณ์จบลงอย่างรวดเร็วเพราะแอนนาได้กล่าวกับเกรซว่า ตำแหน่งงานที่เธออยากได้คือ ตำแหน่งของเกรซนั่นเอง อ่าวว... อย่างไรก็ตามแม้เกรซจะไม่ไฟเขียวให้แอนนา แต่อเล็กซ์ ไลเบอร์แมน ผู้อำนวยการกองบก.ของ Condé Nast ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่เป็นเจ้าของ Vogue สนใจในความสามารถของแอนนา และได้สร้างตำแหน่งใหม่ใน Vogue ให้เธอโดยเฉพาะนั่นคือตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายคิดโฆษณา (Creative Director)
ผู้หญิงผมแดงนี่คือ Grace Coddington ค่ะ ผู้ช่วย anna ถ้าใครเคยดู september issue จะรู้ว่า Grace คือ ผญ ที่เก่งมากกก
มีครั้งนึกที่ Grace ถ่ายรูปคอลเลคชั่นนึง เพื่อที่จะเอาลงนิตยสาร เป็นออกสีย้อนยุค ซึ่งในความเห็นเราคิดว่าสวยมากก
แต่ พอแอนนามาเห็นเท่านั้นแหละ ไม่เอา คำเดียว จาก 20 กว่ารูป นางดึงออกเกือบหมด เหลือไม่กี่รูป เกรซหัวเสียมากกก
เพราะถ่ายรูปทีนึึง ใช้เงินหลายบาท พอนางบอก ไม่ ! คำเดียว เงินหายวับ 5555555
One of the fashion books I most recommend is In and Out of Vogue, Grace Mirabella’s 1995 memoir of her early years as an editor, then editor-in-chief at Vogue (from 1971 until Anna Wintour took over in 1988)
ทั้งนี้ Grace Mirabella ไม่รู้เลยว่า “เบื้องบน” รับแอนนาเข้าทำงานแล้ว แอนนาทำงานแบบไม่มีเกรงใจเกรซเลย สั่งเปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่โดยไม่บอกเกรซ คนที่ลำบากใจก็คือ เหล่าทีมงานที่หัวหมุนเพราะนาย 2 คนนี่แหละ ไม่รู้จะฟังใครดี! ทำงานในตำแหน่งนี้ได้ประมาณ 3 ปี เธอก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นบก.ของ Vogue ฉบับประเทศอังกฤษบ้านเกิดของเธอเอง
เธอเปลี่ยนทุกอย่าง ทุกซอก ทุกมุมของสำนักงาน Vogue ที่อังกฤษ เธอโละพนักงานเก่า จ้างพนักงานใหม่ เข้าไปตรวจสอบควบคุมดูแลทุกอย่างแบบที่พนักงานของ Vogue ที่อังกฤษกล่าวว่าไม่เคยมี บก.คนใดเข้ามาล้วงลูกแบบนี้มาก่อน เธอถูกตั้งฉายาลับหลังจากพนักงานว่า “Nuclear Wintour” ซึ่งหมายความว่าเธอแทรกซึม
ไปทุกอณูอย่างทั่วถึง และเมื่อไปถึงไหน ก็แหลกกระจุยถึงนั่น!
ไปทุกอณูอย่างทั่วถึง และเมื่อไปถึงไหน ก็แหลกกระจุยถึงนั่น!
ผมบ๊อบและชุดเดรสเก๋ไก๋
อู้ว
Condé Nast ให้เธอไปเป็น บก. ของ Vogue อเมริกาแทน Grace Mirabella
ผู้ซึ่งทำให้ Vogue กลายเป็นนิตยสารเชิงไลฟ์สไตล์มากกว่าจะเน้นแฟชั่น
เมื่อแอนนาได้เป็น บก. Vogue สมใจอยากหลังจากที่รอคอยตำแหน่งนี้มานานถึง 15 ปี เธอได้ทำให้ Vogue ผงาด แต่พนักงานหลายคนใน Vogue ต้องผงะ เพราะเธอช่วงเป็นคนที่เอาแต่ใจที่สุด และเอาใจยากที่สุด เธอเปลี่ยนความคิดของเธอแทบจะทุกๆ5นาที บรรดาพนักงานหัวแทบหมุน เมื่อรีบปั่นงานสุดชีวิตให้เธอ แต่เมื่อทำเสร็จ เธอกลับเปลี่ยนความคิดของเธออีก ถึงแม้อย่างไรแล้ว ความเห็นของเธอถือเป็นที่สูงสุด ถึงในบางครั้งมันอาจดูไร้เหตุผล แต่เมื่อได้ทำออกมาแล้ว สิ่งที่ไร้เหตุผลนั้นได้รวมตัวกันเป็นนิตยาสารที่ขายดีอันดับ1ทั่วโลก
สำหรับดีไซเนอร์หน้าใหม่นั้น เธอเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณเลยทีเดียว เพราะมีดีไซเนอร์หน้าใหม่หลายคนที่มีผลงานโดดเด่นเข้าตาของแอนนา จนเธอผลักดันให้เขาคนนั้นสามารถก้าวเท้าเข้ามาสู่โลกแฟชั่นได้อย่างสวยงาม
อย่าง John Galliano หรือ Marc Jacobs หรือแม้แต่ดีไซน์เนอร์ชาวไทยอย่าง ฐากูร
ส่วนตัวคิดว่า นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ anna เป็นผู้มีอิทธิพลด้าน fashion ดีไซน์เนื้อรักนาง
ไม่ว่าโชว์ไหนๆ นางจึงได้นั้น front role ตลอด ดีไซน์เนอร์ต่างให้เกียรติ เพราะะถ้าหากผลงานเข้าตาแล้วหละก็
อาจได้ลงนิตยาสาร vogue และโด่งดังในชั่วข้ามคืน
แต่ก่อน ฐากูร เป็นแค่ดีไซน์เนอร์ธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ตอนนี้ ฐากูร เป็นดีไซน์เนอร์ให้กับแบรนหลายแบรน
และมีแบรนเป็นของตัวเอง ซึ่งตอนนี้แบรนของฐากูรกลายเป็นแบรน hi-end ไปแล้วค่ะ
ใส่ชุดจาก mark jacobs
แต่ว่าแม้จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ใครๆก็ต้องมีจุดอ่อน แม้แต่ anna wintour
จุดอ่อนของเธอไม่ใช่ใครที่ไหน ลูกสาวสุดที่รักของเธอเอง Bee Shaffer
สวยมากเลยใช่มั้ยยยยยย
แน่นอนว่า Anna อยากให้ลูกสาวเธอทำงานในวงการเดียวกับเธอ
แต่ตรงกันข้ามค่ะ bee นั้นออกแนวไปทางเด็กเรียน ฉลาดและสวย อยากเรียนกฎหมาย และอยากเป็นทนายความ
แต่ถึงกระนั้นแม่ลูกคู่นี้ก็ณักกันมากค่ะ ออกงานด้วยกันเสมอ เมื่ออยู่กับ bee จะเห็นมุมอ่อนโยนของ anna เลยค่ะ
wintour style
anna แต่งตัวหลากหลายค่ะ แต่เท่าที่เห็นบ่อยๆ anna จะชอบใส่เดรสเข้ารูป ,สร้อยเพชร หรือสร้อยเก๋ๆ
ทับด้วยเสื้อโคชขนfur หรือเสื้อ coat เก๋ๆที่พิมลาย หรือเสื้อ coat เรียบๆ classic ค่ะ
key : bob hair ,coat , fur, dress and necklace
fur - dress - jewelry (necklace)
fur coat - jewelry (necklace)
fur
fur (ไม่แน่ใจว่าใช่นางมั้ย น่าจะเป็นนางแบบ แต่ concept คือ anna)
fur
fur อีกค่ะ furเข้าไป 5555555555
เสื้อcoat แนว classic - jewelry (necklace)
เสื้อcoatเก๋ และสร้อยแนวเพชรๆ
dress
dress - jewelry (necklace)
coat - dress - jewelry (necklace)
dress - jewelry (necklace)
coat - jewelry (necklace)
coat - dress - jewelry (necklace)
dress - jewelry (necklace)
PRADA
furเยอะๆ เพชรเยอะๆ 5555555
จบแล้วค่าาา ขอบคุณที่รับชมนะคะ
เจอกันใหม่กระทู้หน้าค่ะ xxx
*แ้ก้ภาษาแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ comment เตือนนะค๊า
รักกระทู้หนูน้อยๆ แต่รักนานๆ นะคะ 55555
รักกระทู้หนูน้อยๆ แต่รักนานๆ นะคะ 55555
Discussion (9)
ขอบคุณมากนะคะที่หาข้อมูลมาให้ได้อ่านกัน ชอบมากๆๆๆค่ะ :)
ชอบๆ ชอบหนังด้วย เรื่องโปรดเลย Devil wear Prada
เราได้ดูทั้งเรื่อง เดวิล และ sebbtember issue เลยค่ะ แต่โดยส่วนตัว เราว่า sebtember issue มันเหมือนหนังสารคดีเบื้องหลัง นิตยสารโวค ฉบับ กันยา ซึ่งมันเป็นฉบับที่หนาที่สุดอ่ะค่ะ หลายร้อยหน้า คือ เท่าที่จำได้ ในเซปเมเบอร์ อิสชู่ เค้าว่า มันเป็นคล้ายๆคัมภีร์แฟชั่น ของแต่ละปี เพราะมันเป็นช่วงเปลี่ยนฤดู ที่สาวๆฝรั่งเค้าโละตู้เสื้อผ้ากันอ่ะค่ะ
จริงๆเราชอบดูพวกการทำงานเบื้องหลัง ของทั้งนิตยสาร หรือ รายการทีวีอยู่แล้ว แล้วพอมาดูมันเปิดโลกทัศน์เรามากอ่ะค่ะ ว่าเค้าทำงานกันยังไง มันเอามาประยุกต์ใช้กับชีวิตเราได้ด้วยค่ะ
เราดูแล้วเราชอบเกรซมากเลยค่ะ เป็นคนที่สร้างงานออกมาสวยมากๆเลย
เราดูแล้วเราไม่ได้เกลียดแอนนา นะคะ เพราะเราเข้าใจว่าสังคมฝรั่งเค้าเป็นแบบนั้น (แต่แอนนานี่อาจจะ ไม่เกรงใจไว้หน้าใครไปซักนิดนึง) แต่พอมาดูจริงๆจังๆทั้งหนัง และสารคดี หลายเรื่อง ทางฝั่งฝรั่ง คนที่มีบุคลิกแบบแอนนามักจะประสบความสำเร็จมากๆ มักจะเป็นผู้มีอิทธฺพลในด้านนั้นๆนะคะ (แต่คือเค้าต้องเก่งจริงๆนะ ไม่ใช่ว่าดีแต่ปากเหมือนที่เราๆเจอๆกันอยู่) คือแบบเค้าทำงานไม่สนหน้าไหนกันเลย แต่งานก็ออกมาประสบความสำเร็จ
เขียนได้ข้อมูลแน่นและอ่านสนุกดีค่ะ แต่อยากติเพื่อก่อนีดนึงว่า ผู้หญิงผมแดงคนนั้นคืิอ Grace Coddington อดีตนางแบบที่ผันตัวมาทำ stylist ให้กับ Vogue นะคะ คนละคนกับ Grace Mirabella ค่ะ
ขอเสริมคุณ Mild Barker อีกนิดว่า Fur ทับศัพท์ต้องเขียนว่า เฟอร์ค่ะ ไม่ใช่เฟลอ เช่นเดียวกับ coat ควรจะเป็น โค้ท นะคะ หวังว่าจะไม่โกรธกันน้าาาา
@ Mild Barker คือเราสับสนมากระหว่าง ชอช้างกับ รอเรื่อ อันไหนมาก่อนกัน 55555 ขอบคุณนะคะ
@Candy_Cane ขอโทษเรื่องภาษานะคะ คือ เราไม่ได้ตั้งใวจวิบัติจริงๆ 555555
ขอบคุณค่ะ บางทีรีบเขียน ไม่ได้คำนึงถึงการสะกดให้ถูกต้อง คราวหน้าถ้าเขียนทับศัพท์จะเปิดพจนานุกรมก่อนทุกครั้งเลย สัญญา <3