[Review] L'Oreal Studio Secrets anti-shine mattifying primer
jaohhyde 14 19สวัสดีค่าห่างหายไป 1 เดือนเต็มๆวันนี้กลับมาพร้อมกับรีวิวไพรเมอร์ตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาจากวัตสัน
L'Oreal Studio Secrets anti-shine mattifying primer
ราคา 399 บาท
หลังเปิดใช้แล้วเก็บรักษาได้นาน 1 ปี
ไพรเมอร์เนื้อใสที่โฆษณาไว้ว่าเสมือนผิวหน้าชั้นที่สองเนื้อบางเบาไม่หนักหน้าทาง่ายและช่วย
ทำให้ผิวหน้าไม่มันวาวแถมยังไม่ทิ้งความรู้สึกมันเยิ้มไว้ให้อีกต่างหาก
ออกตัวแรงขนาดนี้ก็คงต้องลองพิสูจน์ดูซะหน่อย
โดยขอชี้แจงสภาพผิวหน้าของโอ๋ก่อนละกันนะคะว่าเป็นยังไงเพื่อความกระจ่าง
สภาพผิวของ จขกท.
ผิวมันมีปัญหารูขุมขนกว้าง
มีสิวและรอยแผลเป็นจากสิว
ขนบนใบหน้าค่อนข้างเยอะ
มีปัญหาหลุมสิวบริเวณแก้มทั้งสองข้าง
อันนี้ภาพใบหน้าเปลือยๆจ้า
(แต่ละรูปอาจจะสว่างบ้างมืดบ้างเพราะมุมที่ยืนถ่ายต่างกันทำให้แสงส่องไม่เหมือนกันนะคะ)
โดยเบสเมคอัพที่จะใช้คู่กับไพรเมอร์ลอรีอัลวันนี้คือตัวที่เคยใช้กับไพรเมอร์ของ Smashbox มาแล้ว
เพื่อเปรียบเทียบดูว่าต่างกันมากหรือไม่ นั่นก็คือรองพื้น
Revlon ColorStay และ Revlon Touch&Glow Loose Powder
ปริมาณไพรเมอร์ที่ใช้คือแค่นี้ ทาให้ทั่วทั้งหน้าเน้นบริเวณ T-Zone และแก้ม
(เพราะมีหลุมสิวเลยต้องการปรับสภาพเป็นพิเศษ)
ทาแล้วเป็นแบบนี้ไม่เกิดความแตกต่างเท่าไหร่
ทารองพื้น Revlon ColorStay ด้วยมือตามปกติ
เสร็จแล้วก็ทาแป้งฝุ่น Revlon Touch&Glow หน้าวอกไปหน่อยนะคะเพราะเพิ่งไปทะเลมา
เมื่ออาทิตย์ก่อน รองพื้นที่เคยใช้เลยขาวไปโดยปริยาย T^T
ภาพเปรียบเทียบชัดๆตั้งแต่ก่อนทาจนถึงขั้นตอนทาแป้ง
ทีนี้ก็ปล่อยทิ้งไว้แล้วใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่มีการเติมหน้าเลยเป็นเวลา 6 ชม.
สภาพอากาศในวันที่ทดลองคือ ฟ้าครึ้ม มีเมฆฝน อากาศชื้นและร้อนนิดหน่อย
โอ๋จะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในห้องแอร์ 25 องศา (ประมาณ 4-5 ชม. เรียกได้ว่าเกือบตลอด)
แต่ก็มีออกมาอยู่ด้านนอกที่ไม่ได้ปรับอากาศบ้างประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่เจอแดดอยู่ดี
ผลที่ได้คือดังนี้จ้า
เปรียบเทียบ Before กับ After กัน
สรุปผลคะแนน
ทาง่าย - 4/5 เนื้อค่อนข้างเหลวเกลี่ยง่ายมากๆ
สัมผัสหลังทา - 2/5 หลังจากทาลงบนหน้าแล้วมันจะลื่นมากๆลื่นกว่าของ Smashbox อีก
ไม่ค่อยชอบแต่ไม่หนักหน้า
ควบคุมความมัน - 2/5 ทั้งหลังจากทาเสร็จทันทีและทั้งผ่านไป 6 ชั่วโมงหน้าก็ไม่ได้แมท
แต่อย่างใด จะเห็นได้ว่าหน้ายังคงมีความมันวาวอยู่
เป็นคราบ - 4/5 คุณสมบัติข้อนี้ชอบมากกว่าของ Smashbox เพราะเมื่อครั้งที่ใช้ Smashbox คู่กับรองพื้นและแป้งสองตัวนี้ตกร่องรูขุมขนอย่างรุนแรง
เป็นคราบตรงจูมกแบบน่าเกลียดมาก แต่กับของลอรีอัลเป็นคราบ
ตรงจมูกนิดเดียวเท่านั้น
ช่วยให้เครื่องสำอางติดทน - 3/5 ข้อนี้ก็ช่วยได้นิดหน่อยแต่ไม่มากนักถือว่าแค่โอเค
แพคเก็จ - 5/5 ชอบแพคเก็จแบบนี้นะดูน่าใช้เก็บรักษาง่ายเวลาใช้ก็ง่ายพกพาสะดวก
ราคา - 3/5 ราคาไม่ถือว่าแพงมากแต่เปรียบเทียบกับประสิทธิภาพแล้วยังไม่คุ้ม
คะแนนรวม - 3/5 เป็นไพรเมอร์ที่พอไปวัดไปวาได้ ยังไม่ดีที่สุดในใจ
สัมผัสหลังทา - 2/5 หลังจากทาลงบนหน้าแล้วมันจะลื่นมากๆลื่นกว่าของ Smashbox อีก
ไม่ค่อยชอบแต่ไม่หนักหน้า
ควบคุมความมัน - 2/5 ทั้งหลังจากทาเสร็จทันทีและทั้งผ่านไป 6 ชั่วโมงหน้าก็ไม่ได้แมท
แต่อย่างใด จะเห็นได้ว่าหน้ายังคงมีความมันวาวอยู่
เป็นคราบ - 4/5 คุณสมบัติข้อนี้ชอบมากกว่าของ Smashbox เพราะเมื่อครั้งที่ใช้ Smashbox คู่กับรองพื้นและแป้งสองตัวนี้ตกร่องรูขุมขนอย่างรุนแรง
เป็นคราบตรงจูมกแบบน่าเกลียดมาก แต่กับของลอรีอัลเป็นคราบ
ตรงจมูกนิดเดียวเท่านั้น
ช่วยให้เครื่องสำอางติดทน - 3/5 ข้อนี้ก็ช่วยได้นิดหน่อยแต่ไม่มากนักถือว่าแค่โอเค
แพคเก็จ - 5/5 ชอบแพคเก็จแบบนี้นะดูน่าใช้เก็บรักษาง่ายเวลาใช้ก็ง่ายพกพาสะดวก
ราคา - 3/5 ราคาไม่ถือว่าแพงมากแต่เปรียบเทียบกับประสิทธิภาพแล้วยังไม่คุ้ม
คะแนนรวม - 3/5 เป็นไพรเมอร์ที่พอไปวัดไปวาได้ ยังไม่ดีที่สุดในใจ
ซื้อต่อมั้ย - ไม่
ภาพรวม - เนื้อผลิตภัณฑ์ทาง่าย ไม่หนักหน้า ใช้ปริมาณน้อยก็ทั่วหน้าแล้วแต่ทาแล้วทิ้งความรู้สึกลื่นเหมือน
น้ำมันไว้บนใบหน้า ไม่ค่อยช่วยให้ความมันวาวบนใบหน้าหายไป แม้จะอยู่ในสภาพอากาศที่ยังไม่ค่อยร้อน
ไม่ได้เจอแดดก็ยังไม่สามารถควบคุมความมันและความติดทนของเครื่องสำอางได้ แต่บรรจุภัณฑ์น่าใช้
พกพาและเก็บรักษาง่ายราคาไม่แพงมาก ถ้าเทียบกับของ Smashbox แล้ว ยังไม่ชนะ
จบแล้วค่าหวังว่าคงพอเป็นข้อมูลให้กับคนที่กำลังสนใจไพรเมอร์ตัวนี้อยู่ได้บ้างนะค้า
น้ำมันไว้บนใบหน้า ไม่ค่อยช่วยให้ความมันวาวบนใบหน้าหายไป แม้จะอยู่ในสภาพอากาศที่ยังไม่ค่อยร้อน
ไม่ได้เจอแดดก็ยังไม่สามารถควบคุมความมันและความติดทนของเครื่องสำอางได้ แต่บรรจุภัณฑ์น่าใช้
พกพาและเก็บรักษาง่ายราคาไม่แพงมาก ถ้าเทียบกับของ Smashbox แล้ว ยังไม่ชนะ
จบแล้วค่าหวังว่าคงพอเป็นข้อมูลให้กับคนที่กำลังสนใจไพรเมอร์ตัวนี้อยู่ได้บ้างนะค้า