การกำจัดขนแบบถาวร
zaadee3การกำจัดขน มี 2 แบบ คือ แบบชั่วคราวโดยทำลายก้านขน และแบบกึ่งถาวร
ที่มา http://www.zaadee.com/hair-laser-removal.html
โดยทำลายเนื้อเยื่อต่อมขน
การกำจัดเส้นขนอาจใช้ยาละลายเส้นขน (depilatory) เป็นสาร thioglycolate ผสมในครีมหรือโลชั่น สารจะทำให้เกิดการแยกพันธะของกรดอะมิโน (cysteine bond) ของก้านขน หลังทาไว้เพียง 5-10 นาที เส้นขนจะละลายกลายเป็นของเหลวข้น สามารถล้างออกได้ แต่สารนี้ค่อนข้างระคายผิวอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้
การกำจัดเส้นขนโดยการถอนก้านขนออกด้วยแหนบถอน การถอนขนทำได้ครั้งละเส้น จึงเสียเวลา ส่วนเครื่องมือจับเส้นผมเป็นกระจุกจะช่วยให้กำจัดขนได้เร็วขึ้น หลังถอนผิวหนังจะเรียบดูสะอาดตา แต่ข้อเสียคือ เจ็บ อาจเกิดขนคุด และการอักเสบตามมาภายหลัง
การถอนก้านขนอาจแวกซ์ด้วยขี้ผึ้งร้อนหลอมเหลว ทาไปตามแนวนอนของเส้นขน เมื่อขี้ผึ้งเย็นสามารถกระตุกแผ่นซึ่งมีขนติดอยู่ออก การแวกซ์สามารถกำจัดเส้นขนได้รวดเร็ว แต่ก็เกิดปัญหาเช่นเดียวกับการถอนขน
การกำจัดขนโดยการโกนออกทำได้ง่ายรวดเร็ว แต่ขนจะยาวขึ้นเร็วกว่าการถอน เพราะกำจัดได้เฉพาะขนซึ่งโผล่พ้นผิวเท่านั้น เมื่อขนยาวขึ้นปลายเส้นขนจะแข็ง จึงทำให้หลายคนคิดว่าการโกน กระตุ้นให้ขนหยาบหนา แต่จากการศึกษาพบว่าเส้นขนจากการโกนจะเหมือนเดิม
การกำจัดขนด้วยวิธีทำลายเนื้อเยื่อต่อมขน ด้วยเครื่องมือเปลี่ยนกระแสไฟเป็นความร้อน (electrolysis) โดยสอดเข็มขนาดเล็กเข้าไปตามแนวขน ให้ปลายเข็มอยู่ลึกถึงระดับรากขนจึงปล่อยกระแสไฟขนาดต่ำ การทำลายแต่ละเส้นขนจะใช้เวลานาน 1-2 นาที จึงเสียเวลาที่จะทำลายเส้นขนในแต่ละพื้นผิว เช่น บนใบหน้าอาจต้องทำทุก 4-8 สัปดาห์ นาน 2-3 ปี ในประเทศไทยยังขาดผู้ชำนาญเฉพาะ และ แพทย์ผิวหนังก็ไม่มีเวลาทำ จึงไม่เป็นที่นิยม และการจี้ด้วยไฟฟ้า ไม่สามารถทำลายเส้นขนแบบถาวร ต้องเลือกทำลายเฉพาะขนระยะเจริญเติบโต แต่ก็ไม่สามารถเลือกชนิดของเส้นขนได้จากการดูลักษณะ เส้นขน อาจใช้การโกนขน 2-3 วันก่อนจี้และเลือกทำลายเฉพาะ เส้นขนซึ่งยาวออกเท่านั้น แต่เส้นขนเส้นนั้นอาจเข้าสู่ระยะพักตัวพอดีก็จะไม่มีประโยชน์เช่นกัน เส้นขนระยะพักตัวเนื้อเยื่อต่อมขนจะเคลื่อนลงลึก และไม่สามารถทราบได้ว่าอยู่บริเวณใด การจี้จึงไม่ได้ผล
การทำลายเส้นขนด้วยแสงเลเซอร์ และแสง IPL (intense pulsed light) วิธีดังกล่าวกำลังอยู่ในกระแสการกำจัดขน แบบกึ่ง ถาวร เนื่องจากเส้นขนสีดำในระยะเจริญจะมีการสร้างเม็ดสีเมลานินในเนื้อเยื่อต่อมขน และในเนื้อเยื่อหุ้มรากผม จะไม่พบการสร้างเม็ดสีในรากผมซึ่งพักตัว สีเมลานินดูดแสงได้ดีในเกือบทุกช่วงแสง เมื่อยิงแสงช่วงมองเห็น (visible light) และรังสีอินฟราเรด (infrared) ซึ่งมีความยาวคลื่นแสงผ่านลงลึกถึงต่อมขน แสงจะถูกดูดซับด้วยเม็ดสี เมลานินในต่อมขน แสงในปริมาณสูงเปลี่ยนเป็นความร้อนทำลาย เนื้อเยื่อต่อมขนในระยะเจริญ แต่จะเป็นการทำลายเพียงบางส่วนจึงมักมีเส้นขนงอกใหม่ได้
แสงเลเซอร์กำจัดขนเป็นรังสีมีช่วงคลื่นเฉพาะ (monochromatic) เช่น เลเซอร์ทับทิม (ruby lasers) เป็นแสงสีแดงความยาวช่วงคลื่น 694 นาโนเมตร หรือแสงเลเซอร์ 755 นาโนเมตร (Alexandrite lasers) รังสีช่วงอินฟราเรด 800 นาโนเมตร (Diode lasers) หรือ 1,064 นาโนเมตร (Neodynium : YAG lasers) ยังมีการใช้แสงช่วงมองเห็น
แบบช่วงกว้าง (polychromatic) 800-1,200 นาโนเมตร (intense pulsed light = IPL) เพื่อทำลายเส้นขน เครื่องมือแต่ละชนิดมี ข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน และยังอยู่ในขั้นทดลองว่าสามารถกำจัดขน แบบถาวรได้หรือไม่ ยังไม่มีเลเซอร์ที่ทำลายเนื้อเยื่อรากผมหมดใน การยิง 1-2 ครั้ง แต่พบว่าหลังการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง เส้นขนจะมีขนาดเล็กลง จึงต้องมีการยิงซ้ำหลายครั้ง และไม่สามารถรับรองได้ว่า เครื่องมือเลเซอร์ชนิดใดทำลายเส้นขนได้อย่างถาวร
การทำลายเส้นขนแบบถาวรแสงเลเซอร์จะต้องทำลายเส้นขนในระยะเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ไม่เหลือเนื้อเยื่อต่อมขนที่จะงอกเป็นขนเส้นใหม่ แต่ธรรมชาติของเส้นขนแต่ละเส้นจะอยู่ในระยะเจริญหรือพักตัวแตกต่างกัน เส้นขนในแต่ละแห่งจะมีอายุของการเจริญของแต่ละเส้นแตกต่างกัน บางแห่งอาจอยู่ในระยะพักตัวนานกว่าระยะเจริญ และยังมีความแตกต่างของธรรมชาติของขนในแต่ละคน ส่วนความสามารถของเครื่องเลเซอร์ก็ยังอยู่ในขั้นทดลองว่าควรจะใช้รังสีชนิดใด ในปริมาณพลังงานเท่าใด ระยะความถี่ของการยิงควรเป็นเท่าใด และการประเมินผลจะต้องรอนานพอ เพราะขนที่ขึ้นในระยะแรกอาจมีขนาดเล็กลงจริง แต่เส้นขนอาจหนาขึ้นในชุดหลังได้
การกำจัดขนด้วยแสงจะทำได้เฉพาะขนที่มีสีดำ ส่วนขนหงอกจะต้องใช้การจี้ไฟฟ้า ผลข้างเคียงจากการใช้เลเซอร์ และ IPL พบน้อย อาจมีรอยไหม้ ถ้าผิวหนังมีเม็ดสีเมลานินสูงอาจดูดซับรังสีไว้จนเกิด การไหม้ ในบางรายอาจเกิดรอยดำหรือรอยด่าง การพัฒนาการทำลายเส้นขนกำลังก้าวหน้า มีการใช้คลื่นวิทยุร่วมกับ IPL ทำลายเส้นขน ทุกชนิด เทคโนโลยีการทำลายเส้นขนคงจะมีมากขึ้นให้เลือกใช้กัน ดังนั้นการรออาจมีผลดี คือ ค่าใช้จ่ายจะลดลง และประสิทธิภาพการทำลายเส้นขนดีขึ้น
แสงเลเซอร์กำจัดขนเป็นรังสีมีช่วงคลื่นเฉพาะ (monochromatic) เช่น เลเซอร์ทับทิม (ruby lasers) เป็นแสงสีแดงความยาวช่วงคลื่น 694 นาโนเมตร หรือแสงเลเซอร์ 755 นาโนเมตร (Alexandrite lasers) รังสีช่วงอินฟราเรด 800 นาโนเมตร (Diode lasers) หรือ 1,064 นาโนเมตร (Neodynium : YAG lasers) ยังมีการใช้แสงช่วงมองเห็น
แบบช่วงกว้าง (polychromatic) 800-1,200 นาโนเมตร (intense pulsed light = IPL) เพื่อทำลายเส้นขน เครื่องมือแต่ละชนิดมี ข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน และยังอยู่ในขั้นทดลองว่าสามารถกำจัดขน แบบถาวรได้หรือไม่ ยังไม่มีเลเซอร์ที่ทำลายเนื้อเยื่อรากผมหมดใน การยิง 1-2 ครั้ง แต่พบว่าหลังการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง เส้นขนจะมีขนาดเล็กลง จึงต้องมีการยิงซ้ำหลายครั้ง และไม่สามารถรับรองได้ว่า เครื่องมือเลเซอร์ชนิดใดทำลายเส้นขนได้อย่างถาวร
การทำลายเส้นขนแบบถาวรแสงเลเซอร์จะต้องทำลายเส้นขนในระยะเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ไม่เหลือเนื้อเยื่อต่อมขนที่จะงอกเป็นขนเส้นใหม่ แต่ธรรมชาติของเส้นขนแต่ละเส้นจะอยู่ในระยะเจริญหรือพักตัวแตกต่างกัน เส้นขนในแต่ละแห่งจะมีอายุของการเจริญของแต่ละเส้นแตกต่างกัน บางแห่งอาจอยู่ในระยะพักตัวนานกว่าระยะเจริญ และยังมีความแตกต่างของธรรมชาติของขนในแต่ละคน ส่วนความสามารถของเครื่องเลเซอร์ก็ยังอยู่ในขั้นทดลองว่าควรจะใช้รังสีชนิดใด ในปริมาณพลังงานเท่าใด ระยะความถี่ของการยิงควรเป็นเท่าใด และการประเมินผลจะต้องรอนานพอ เพราะขนที่ขึ้นในระยะแรกอาจมีขนาดเล็กลงจริง แต่เส้นขนอาจหนาขึ้นในชุดหลังได้
การกำจัดขนด้วยแสงจะทำได้เฉพาะขนที่มีสีดำ ส่วนขนหงอกจะต้องใช้การจี้ไฟฟ้า ผลข้างเคียงจากการใช้เลเซอร์ และ IPL พบน้อย อาจมีรอยไหม้ ถ้าผิวหนังมีเม็ดสีเมลานินสูงอาจดูดซับรังสีไว้จนเกิด การไหม้ ในบางรายอาจเกิดรอยดำหรือรอยด่าง การพัฒนาการทำลายเส้นขนกำลังก้าวหน้า มีการใช้คลื่นวิทยุร่วมกับ IPL ทำลายเส้นขน ทุกชนิด เทคโนโลยีการทำลายเส้นขนคงจะมีมากขึ้นให้เลือกใช้กัน ดังนั้นการรออาจมีผลดี คือ ค่าใช้จ่ายจะลดลง และประสิทธิภาพการทำลายเส้นขนดีขึ้น
Discussion (3)