Beaty Arrival

ยูนิโคล่ดึง ‘ญาญ่า’ จัดเฟซบุ๊กไลฟ์เปิดตัวคอลเลคชั่น UNIQLO x Marimekko

ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลกจากญี่ปุ่น พร้อมดึง ญาญ่า - อุรัสยา เสปอร์บันด์ มาร่วมจัดเฟซบุ๊กไลฟ์สดเป็นครั้งแรก กับการเปิดตัวลิมิเต็ดอิดิชัน คอลเลคชั่นล่าสุดระหว่าง UNIQLO x Marimekko ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2020 ในธีม “Say hello to the sun” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตของชาวฟินแลนด์ในช่วงซัมเมอร์ ผ่านผลิตภัณฑ์ไลฟ์แวร์ (LifeWear) ของยูนิโคล่ที่ถูกจับคู่มากับลวดลายและสีสันที่โดดเด่นสะดุดตาของมารีเมโกะ ติดตามรับชมได้พร้อมกันก่อนใครในเวลา 18.00 – 18.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายนนี้ ทางเฟซบุ๊กและยูทูป “UNIQLO THAILAND”

สำหรับ UNIQLO x Marimekko ลิมิเต็ดอิดิชันนี้สามารถช้อปพร้อมกันได้ 12 มิถุนายนนี้ ที่ทุกร้านสาขาและบนออนไลน์ https://www.uniqlo.com/marimekko20ss/th/

Jurlique Activating Water Essence อีกหนึ่งขั้นตอนสู่ผิวสวย

น้ำตบ Activating Water Essence เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น บำรุงและฟื้นฟูผิว ทำให้น้ำตบตัวนี้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของเจอร์ลีค (Jurlique)

เอสเซ้นส์เนื้อบางเบาผสานกับสารสกัดจากธรรมชาติและได้กลายเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกต่างในการดูแลผิวทั่วโลก ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติถึง 14 ชนิด Activating Water Essence ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและผิวสัมผัสได้จริง โดยการันตีได้จากประสบการณ์การใช้จริงของผู้หญิง 52 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 25 ถึง 50 ปี ทดลองใช้เป็นเวลา 14 วัน
- 92% ของผู้หญิงบอกว่าผิวของพวกเธอรู้สึกนุ่มและเรียบเนียนขึ้น *
- 90% ของผู้หญิงบอกว่าผิวของพวกเธอดูอิ่มน้ำและมีสุขภาพดี *
- 88% ของผู้หญิงบอกว่าผิวของพวกเธอรู้สึกชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง *

Activating Water Essence นับเป็นผลิตภัณฑ์ระดับโลกที่เหมาะกับทุกสภาพผิวอย่างไม่ต้องสงสัย และนี่คือความลับของผิวเนียนใสของแบรนด์เจอร์ลีค

● พลังแห่งธรรมชาติ: สารสกัดจากธรรมชาติ 14 ชนิดที่อัดแน่นในขวดเดียว
น้ำตบ Activating Water Essence เต็มไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 14 ชนิดที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น บำรุง และฟื้นฟูผิว ส่วนผสมที่ถือเป็นนางเอกของ Activating Water Essence ก็คือ สารสกัดจากราก Marshmallow ซึ่งได้รับการปลูกและดูแลอย่างดีที่ฟาร์มของเจอร์ลีคในเทือกเขาเมืองแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ซึ่งราก Marshmallow นั้นมีคุณสมบัติพิเศษในการดึงดูดกักเก็บน้ำและให้ความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่องยาวนานให้แก่ผิว นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากดอกดาวเรือง และยาร์โรว์ ที่ช่วยในการปรับสภาพผิวเพื่อผิวนุ่ม รวมถึงสารสกัดจากใบพีชและใบโรสแมรี่ช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูสุขภาพดี ผิวมีความสมดุลรู้สึกสดชื่นและพร้อมสำหรับการบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป

● วิธีใช้ Activating Water Essence
เพิ่มการบำรุงผิวด้วยน้ำตบ Activating Water Essence ในขั้นตอนการดูแลผิวของคุณ
หลังจากทำความสะอาดใบหน้า ฉีดพรมมิสท์จนทั่วแล้ว แล้วให้หยด Activating Water Essence สองสามหยดลงบนฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ถูฝ่ามือเข้าด้วยกันเบาๆ เพื่อเป็นการอุ่นตัวเอสเซ้นส์ จากนั้นจึงกดลงเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าลำคอและหน้าอก ตามด้วยเซรั่ม ครีมบำรุงรอบดวงตา และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ชื่นชอบ เพื่อจบขั้นตอนการดูแลผิวทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างสมบูรณ์



วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน Jurlique และทางออนไลน์ที่ 1) เจอร์ลีค สาขา เกสร วิลเลจ ชั้น 2 โทร 02-656-1480 2) เจอร์ลีค สาขา กรูฟ เซ็นทรัลเวิลดิ์ ชั้น 2 โทร 090-906-1134 3) เจอร์ลีค สาขา เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 1 โทร 064-184-2730 4) เจอร์ลีค สาขา เซ็นทรัล พระราม 2 ชั้น 1 โทร 090-906-1802 5) เจอร์ลีค สาขา เซ็นทรัล บางนา ชั้น 1 โทร 090-906-1417 6) เจอร์ลีค สาขา เมญ่า เชียงใหม่ ชั้น G โทร 064-184-2731 7) เจอร์ลีค สาขา เซ็นทรัล ภูเก็ต ชั้น 1 โทร 063-850-4403 8) เจอร์ลีค สาขา เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 1 โทร 097-114-7609 Instagram: @Jurlique_th/ Facebook: JurliqueThailand / Line: @Jurliquethailand / Lazada: Jurlique Official

#jurliquethailand #NatureEvoved #Jurlique

“DIOR UNTOLD” ประวัติความเป็นมาของน้ำหอม DIOR ในรูปแบบซีรีส์ใหม่ผ่านช่องทาง PODCAST

“FOR THE LOVE OF FLOWERS”
“เพื่อความรักที่มีให้แก่มวลพฤกษา”

ตอนแรกออกอากาศวันที่ 10 มิถุนายน 2020

เป็นครั้งแรกที่เรื่องราวของน้ำหอม DIOR กลิ่นต่างๆ จะกลายเป็นเรื่องเล่าผ่าน PODCAST รายการเสียง-ผ่าน-สื่อระบบออนไลน์ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจ และเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะผ่านการใช้งานทางอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ซีรีส์เสียง-ผ่าน-สื่อชุดนี้ เปิดโอกาสให้ผู้รับฟังได้ก้าวเข้าสู่อาณาจักรอัศจรรย์ของคริสเตียน ดิออร์ กับรกรากความเป็นมาของน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ซึ่งทำให้นักออกแบบแฟชั่นผู้นี้กลายเป็นบุรุษแห่งตำนานในวงการน้ำหอม เสน่ห์ของเรื่องราวผ่านเสียงอันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอารมณ์ แสดงให้เห็นถึงภาพบรรยากาศประทับใจในสถานที่ต่างๆ จากโพรว็องซ์สู่มหานครปารีส และแคว้นนอร์มังดี เรื่องราวทั้งหลายยังทวีความโดดเด่นด้วยถ้อยพรรณนาจนเห็นภาพของเหล่าบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์น้ำหอม DIOR

เรื่องราวเริ่มต้นในกราซ เมืองเล็กๆ ซึ่งเป็นสถานที่โปรดปรานในดวงใจของคริสเตียน ดิออร์ และยังเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำหอมของ DIOR อยู่ในปัจจุบัน ส่วนฤดูร้อนในอินเดียเมื่อปี 1954 คือช่วงเวลาอันงดงามเป็นพิเศษสำหรับนักออกแบบแฟชั่น-น้ำหอม ระหว่างช่วงพักการแสดงเสื้อผ้าแต่ละคอลเลคชั่นในกรุงปารีส ในที่สุด เขาก็สามารถตักตวงความเพลิดเพลินในวันสงบสุขยามหลบพักกาย คลายใจที่คฤหาสถ์ลา ก็อลล์ นัวร์ ในแขวงมงเตอรูซ์ ใจกลางเขตฟาย็องซ์ ที่นี่เอง ซึ่งเขาได้เพาะปลูกกุหลาบร้อยกลีบ, ต้นอัลมอนด์, องุ่นผลิตไวน์ และต้นมะกอกบนพื้นที่หลายเอเคอร์รอบตัวคฤหาสน์ เคียงคู่ไปกับลาเวนเดอร์ และมะลิ เพื่อเติมเต็มความฝันของชาวนอร์มังดีโดยกำเนิดที่จะมีสวนกสิกรรมรอบตัวบ้าน ดารดาษไปทั้งไม้ต้น และไม้ดอก เบื้องหน้าที่ทอดยาว กว้างไกลคือไร่มะลิเขี้ยวงูกรุ่นไออบอวล ในขณะที่ข้างกายคือเอ็ดมังด์ รูดนิตสก้า นักออกแบบน้ำหอมผู้โด่งดัง เขากำลังสดับสรรพเสียงสดใสในมวลธรรมชาติ สลับกับจังหวะการทำงานอย่างหนัก และขะมักเขม้นแต่เช้าตรู่ของกลุ่มคนงานเก็บดอกไม้ ซึ่งจำเป็นต้องเร่งมือจนเที่ยงวัน งานเก็บเกี่ยวนั้นก็ยุติ

ทัศนียภาพตระการตาอันดับแรก เรืองรองอยู่ภายใต้แสงอรุณ คลอเสียงจักจั่นร้องระงม ราวกับเป็นปฐมบทแนะนำซีรีส์ในรายการเสียง-ผ่าน-สื่อระบบพ็อดแคสท์: ความรัก และหลงใหลที่คริสเตียน ดิออร์มีต่อมวลดอกไม้ ได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อน และหล่อเลี้ยงกระแสความคิดสร้างสรรค์สุดมหัศจรรย์อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตของเขา
ในบางฉากที่คัดสรรมานำเสนอ เราได้เดินทางออกจากหมู่บ้านกร็องวิลล์ไปสู่กรุงปารีส จากความวิจิตรอลังการของยุคแบ็ลล์ อีพ็อคมาสู่วิถีมัธยัสต์ กับข้อกำหนดเคร่งครัดของช่วงเวลาหมองหม่นหลายปีระหว่างสงคราม จากน้ำหอมกลิ่นหนึ่งไปยังน้ำหอมอีกกลิ่น สถานที่แห่งหนึ่ง สู่อีกสถานที่ ทันใดนั้น เสื้อผ้าคอลเลคชั่นนิวลุคพลันปรากฏออกมาเพื่อปฏิวัติวงการแฟชั่นทั่วโลก ประกอบกับเสียงพูดของคริสเตียน ดิออร์เอง การใช้ถ้อยคำละเอียดอ่อน กินความ ก่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจน จุดประกายจินตนาการให้เราได้เข้าใจมุมมองใหม่ของเขาที่มีต่อผู้หญิง-เหมือน-ดอกไม้ ผ่านความกล้า และท้าทายในงานออกแบบโครงสร้างทรวดทรงเสื้อผ้าซึ่งสะกดทุกสายตาด้วยงานซ้อนสุ่มซับในฟูฟ่อง และบานกว้าง อาศัยแรงบันดาลใจจากความทรงจำครั้งเยาว์วัยในอดีต นำมาซึ่งชัยชนะจวบจนปัจจุบัน

เราได้เรียนรู้ถึงอิทธิพลเชิงสุนทรียศิลป์แง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฉดต่างๆ ของสีชมพู และสีเทา, กุหลาบ และวิถีชีวิตอารยะ - จากคฤหาสน์ประจำตระกูลในกร็องวิลล์ กับแต่ละช่วงเวลาในแต่ละยุคสมัย ถ้อยวิจักษ์แสดงความคิดเห็นสอดแทรกอารมณ์ ช่วยขยายความชัดเจนของเรื่องราว คำพูดสละสลวยราวกับบทกวีจากปากของฟรองซัวส์ เดอมาชี นักสร้างสรรค์-ผู้ปรุงน้ำหอมของ DIOR ที่เขาใช้พรรณนาถึงน้ำหอมต่างๆ ซึ่งกลายเป็นตำนานของ DIOR อย่างกลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ และใบไม้เขียวขจีในตระกูลกลิ่นผสมของ MISS DIOR หรือแนวกลิ่นหอมหวาน และสดชื่นของดอกลิลลี ออฟ เธอะ วัลเลย์ของ DIORISSIMO

ด้วยความประทับใจอันมีต่อความงดงามของสถานที่ต่างๆ ซึ่งกล่าวถึงไว้ข้างต้น เขายังปลุกวิญญาณแห่งคฤหาสถ์ลา ก็อลล์ นัวร์ให้กลับมารุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง
ไม่ต่างอะไรจากสารคดีที่เรียบเรียงมาอย่างดีอยู่ในบทรจนาการเดินทางผ่านยุคสมัย และสถานที่ต่างๆ “DIOR UNTOLD” คือซีรีส์ชุดใหม่ในรายการเสียง-ผ่าน-สื่อช่องทางพ็อดแคสท์ ซึ่งราวกับเชื้อเชิญให้เราได้ล่วงเข้าสู่อาณาจักรมหัศจรรย์ และต้องมนตราจากเรื่องราวของนักสร้างสรรค์อัจฉริยบุคคล ถ้าน้ำหอม DIOR พูดได้...

รับฟังตอนแรกของซีรีส์ชุดใหม่นี้ได้ในวันที่ 10 มิถุนายน 2020 กับ “FOR THE LOVE OF FLOWERS”: “เพื่อความรักที่มีให้แก่มวลพฤกษา” ได้ผ่านช่องทาง DIOR.COM, SPOTIFY, DEEZER, APPLE PODCAST, YOUTUBE, SOUNDCLOUD...สำหรับคนรัก PODCAST

#DIORUNTOLD

Hublot เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ BIG BANG e

อูโบลท์ (Hublot) ผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิส ได้เปิดตัวนาฬิการุ่น Big Bang เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2005 และนับตั้งแต่นั้น นาฬิการุ่นนี้ก็ได้สะท้อนถึงสไตล์การผลิตนาฬิกาแบบสวิสในสหัสวรรษที่สาม

เมื่อปี 2018 นาฬิการุ่น Big Bang ที่รองรับคุณสมบัติการเชื่อมต่อรุ่นแรกก็ได้เผยโฉมขึ้น และวันนี้ อูโบลท์ ขอเปิดตัว BIG BANG e

ผลงานใหม่นี้เป็นการสานต่อปรัชญาศิลปะแห่งการผสมผสาน (Art of Fusion) ของแบรนด์ ซึ่งเป็นการหลอมรวมขนบธรรมเนียม นวัตกรรม วัสดุสุดล้ำ และเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุดเข้าด้วยกัน

เนื่องในโอกาสมหกรรมฟุตบอลโลก 2018 FIFA Football World Cup™ ที่ประเทศรัสเซีย อูโบลท์ ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นแรกที่รองรับการเชื่อมต่ออย่างรุ่น Big Bang Referee 2018 FIFA World Cup Russia™ นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่ที่ก้าวล้ำที่สุดในขณะนั้น โดยอุปกรณ์อันน่าเกรงขามนี้ปรากฏบนข้อมือของทั้งผู้ตัดสินบนสนามและแฟน ๆ กีฬาฟุตบอล เพื่อให้บรรยากาศสนามกีฬาเสมือนจริงที่พวกเขาร่วมการแข่งขันไปด้วยได้ และนับจากนั้นอีก 2 ปีต่อมา อูโบลท์ ก็ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมนาฬิการุ่นใหม่ นั่นคือ BIG BANG e นาฬิกาที่รองรับการเชื่อมต่อ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่สะท้อนให้เห็นสไตล์ทั้งหมดอันเป็นสัญลักษณ์ของ Big Bang

ริคาร์โด กัวดาลูป ซีอีโอของอูโบลท์ กล่าวว่า “สวิตเซอร์แลนด์ได้ใช้แร่ควอทซ์สร้างนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเมื่อช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 จากนั้น 50 ปีให้หลัง เราขอสานต่อจิตวิญญาณในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วยการคิดค้นนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นที่สอง ซึ่งอัดแน่นด้วยสุดยอดเทคโนโลยีอันเป็นที่สุด พร้อมแฝงภาพลักษณ์อันงดงาม คุณสมบัติทางเทคนิค และความเป็นเลิศต่าง ๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สร้างชื่อให้กับคอลเลคชัน Big Bang ของเรา BIG BANG e ยึดมั่นในปรัชญา “ศิลปะแห่งการผสมผสาน” อย่างเหนียวแน่น โดยเราต้องการให้นาฬิการุ่นนี้ผสมผสานวัสดุทางเทคนิคขั้นสูงของอูโบลท์ เข้ากับนวัตกรรมล่าสุดจากโลกดิจิทัลยุคนี้”

นาฬิการุ่นใหม่นี้อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและเหนือชั้น ซึ่งสอดรับกับธรรมเนียมในการสร้างสรรค์นาฬิกาของอูโบลท์อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อมองดูแล้วก็จะพบเอกลักษณ์ทั้งหมดที่ได้เข้ามาช่วยสร้างแบรนด์นี้ให้โด่งดังได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นคนในวงการนาฬิกาหรือบุคคลทั่วไป เพราะประวัติความเป็นมาที่โดดเด่นจะปรากฏให้เห็นเด่นชัดเสมอ ตัวเคสทำมาจากเซรามิกดำหรือไทเทเนียมในโครงสร้างแบบ “แซนด์วิช” ซึ่งเป็นสไตล์อันแปลกใหม่ที่ทางอูโบลท์ได้คิดค้นขึ้นเมื่อปี 2005 นาฬิการุ่นใหม่นี้มีโครงสร้างซับซ้อน โดยมีชิ้นส่วนมากถึง 42 ชิ้น ในจำนวนนี้เป็นชิ้นส่วน K Module ถึง 27 ชิ้น อันเป็น “โครงค้ำ” ที่คอยปกป้องหัวใจดิจิทัลของตัวนาฬิกา นอกจากนี้ยังมีการออกแบบสกรูและตัวดัน คริสตัลแซฟไฟร์กันรอยขีดข่วน และสายนาฬิกายาง พร้อมหัวสายนาฬิกาแบบพับที่อูโบลท์เป็นผู้คิดค้นเมื่อปี 1980 สำหรับรุ่น Classic และระบบ One Click อันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทที่ทำให้เปลี่ยนสายได้สะดวกง่ายดาย ทั้งหมดนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นาฬิการุ่นนี้มีความเป็น Big Bang อย่างแท้จริงในทุกองค์ประกอบ

BIG BANG e มาพร้อมกับเคสขนาด 42 มม. เลือกเคสได้ว่าจะเป็นไทเทเนียมหรือเซรามิก ตัวเลขบอกชั่วโมงมีการเคลือบชั้นโลหะ เบื้องบนเป็นคริสตัลแซฟไฟร์กันรอยขีดข่วน ครอบด้วยทัชสกรีน AMOLED ความละเอียดสูง ส่วนเม็ดมะยมแบบหมุนพร้อมตัวดันในตัวนั้นเหมือนกับ Big Bang รุ่นระบบกลไก โดยสามารถใช้เพื่อสั่งเปิดการควบคุมโมดูลอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ BIG BANG e ยังพัฒนาขึ้นร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ LVMH Group เพื่อปรับให้สอดรับกับความต้องการของอูโบลท์อย่างสมบูรณ์แบบ

นักออกแบบในเมืองนียงได้พัฒนาฟังก์ชันการใช้งานใหม่ ๆ ของนาฬิกา โดยถ่ายทอดทักษะความเชี่ยวชาญที่มีมาแต่เดิมลงสู่นาฬิกาดิจิทัลรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ นอกจากฟังก์ชันอนาล็อก “Time Only” แล้ว นาฬิการุ่น BIG BANG e ยังได้นำกลไกซับซ้อนของนาฬิกาแบบดั้งเดิมมาผ่านการตีความใหม่ให้พิเศษยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิทินถาวร (Perpetual Calendar) ที่บอกข้างขึ้นข้างแรมได้แม่นยำ หรือฟังก์ชันเทียบโซนเวลาที่สองในระบบ GMT ที่แสดงช่วงเวลาบนโลกตามที่เป็นจริง ฟังก์ชันบอกเวลาเหล่านี้ได้ผ่านการรังสรรค์ขึ้นใหม่และพัฒนาเพื่อเสริมความได้เปรียบให้กับคุณสมบัติที่นาฬิกาดิจิทัลมีอยู่แล้ว และแม้จะใช้เทคโนโลยีบิลต์อิน อูโบลท์ยังรับประกันประสิทธิภาพในการกันน้ำลึก 30 เมตรสำหรับเรือนเวลานี้

ประดิษฐกรรมแห่งเวลา BIG BANG e ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Wear OS by Google™ ยังสามารถปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานตามสไตล์สมาร์ทวอทช์ได้ ผู้สวมใส่สามารถเข้าถึงแอปใน Google Play ค้นหาคำตอบด้วย Google Assistant และชำระเงินได้รวดเร็วผ่าน Google Pay นอกจากนี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น เพียงแค่ปัดนิ้วไปบนหน้าปัดก็ดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อัปเดตข้อมูลด้วยการแจ้งเตือนและข้อความต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น หน้าปัดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดยแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่โดดเด่นและพันธมิตรของอูโบลท์จะค่อย ๆ เผยโฉมปรากฏออกมา

นาฬิกา BIG BANG e ได้เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและจะวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ โดยรุ่นแรกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ #HublotLovesArt ประกอบด้วยหน้าปัด 8 สไตล์ที่เกิดจากจินตนาการของมาร์ก เฟอเรโร ศิลปินนักเล่าเรื่อง โดยทุก ๆ 3 ชั่วโมง หน้าปัดของนาฬิกาจะเปลี่ยนสีเพื่อแสดงภาพการสร้างสรรค์ทั้ง 8 ภาพต่อเนื่องไปจนครบ 24 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละภาพจะใช้สีสันที่ไม่ซ้ำกัน ได้แก่ สีเหลืองสดใส สีน้ำเงินลุ่มลึก สีส้มโฉบเฉี่ยว สีขาวบริสุทธิ์ สีเขียวนำโชค สีแดงร้อนแรง สีรุ้งสุดหรรษา และสีดำชวนค้นหา ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทุก ๆ 1 ชั่วโมงยังมีภาพแอนิเมชันปรากฎขึ้นเป็นเวลา 5 วินาที สะท้อนถึงวิถีแห่ง #HublotLovesArt ที่แต่งแต้มด้วยสีสันและจังหวะแห่งช่วงเวลาที่เคลื่อนผ่านไปจนครบรอบวันได้อย่างชัดเจน!

นาฬิกา BIG BANG e ผลิตออกมา 2 รุ่น คือรุ่นตัวเรือนไทเทเนียมและตัวเรือนเซรามิกสีดำ และยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอูโบลท์ที่นาฬิาการุ่นนี้จะวางจำหน่ายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของแบรนด์ รวมถึงเครือข่าย Wechat ในจีน โดยหลังจากนั้นจะวางจำหน่ายที่ร้านค้าและเครือข่ายของแบรนด์ Google, Google Play, Wear OS by Google, Google Pay รวมถึงเครื่องหมายอื่น ๆ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC

#Hublot #BigBangE #HublotLovesArt

Konstantin Chaykin เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ "Mars Conqueror Mk3 Fighter"

ดาวอังคารไม่เคยอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านี้มาก่อน แบรนด์นาฬิกาสัญชาติรัสเซีย Konstantin Chaykin เชื่อว่าความปรารถนาของมนุษยชาติในการพิชิตดาวอังคารได้ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์หลายสิ่งหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการพัฒนานาฬิกาจักรกลที่มีความแม่นยำสูงและสามารถทำงานอัตโนมัติทั้งในอวกาศและบนดาวอังคาร ด้วยเหตุนี้ ในปี 2017 ผู้เชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์นาฬิการายนี้จึงเปิดตัวโครงการพิชิตดาวอังคารของตัวเองในชื่อ "Mars Time"

● เสียงเรียกจากดาวอังคาร: นาฬิกา Mars Conqueror รุ่นใหม่

นาฬิกา "Mars Conqueror Mk3 Fighter" รังสรรค์ขึ้นเพื่ออนาคต จึงมาพร้อมดีไซน์สุดล้ำ และให้ความรู้สึกเข้มแข็งแบบทหาร โดยมีจุดเด่นอยู่ที่หน้าปัดย่อยบอกเวลา 24 ชั่วโมง และกลไกเฟือง "Martian" ที่ประดิษฐ์โดย Konstantin Chaykin ซึ่งบอกเวลาบนดาวอังคารได้อย่างแม่นยำ

กลไกการทำงานอันซับซ้อนของ "Mars Conqueror Mk3 Fighter" สร้างสรรค์ขึ้นในรัสเซียทั้งหมดโดย Konstantin Chaykin Manufactory โดยประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนมากถึง 125 ชิ้น แต่ละชิ้นรังสรรค์ด้วยมืออย่างพิถีพิถันตามธรรมเนียมปฏิบัติของช่างทำนาฬิกามืออาชีพ

● นาฬิกาเรือนแรกในประวัติศาสตร์สำหรับผู้พิชิตดาวอังคาร

นาฬิกา "Mars Conqueror Mk3 Fighter" รังสรรค์ขึ้นเพื่ออนาคต จึงมาพร้อมดีไซน์ยานอวกาศสุดล้ำตามจินตนาการและการออกแบบของ Konstantin Chaykin ตัวเรือนให้ความรู้สึกดุดันแต่ก็คำนึงถึงหลักการยศาสตร์ด้วยทรงสี่เหลี่ยมคางหมูและขอบรูปสามเหลี่ยม กรอบหน้าปัดยึดกับตัวเรือนด้วยสกรู 24 ตัว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกลไกการเทียบท่าของยานอวกาศ

นาฬิกาเอดิชันแรกทำจากไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้กับเครื่องบินและยานอวกาศ จึงเข้ากับวัตถุประสงค์และการใช้งานของนาฬิการุ่นนี้ ซึ่งมีเพียง 8 เรือนเท่านั้น

นาฬิกา "Mars Conqueror Mk3 Fighter" ติดตั้ง Automatic Caliber K.15-0 พร้อมหน้าปัดบอกเวลาท้องถิ่น, เวลาสากล (UTC) 24 ชั่วโมง, เวลาดาวอังคาร (MCT) โดยมีเม็ดมะยมสองเม็ดบนตัวเรือนไทเทเนียมที่ประดิษฐ์โดย Konstantin Chaykin ส่วนสายนาฬิกาใช้หนังแท้สีดำ ตะเข็บสีส้ม และซับในสีส้ม

Maison Berger Paris สร้างสรรค์กลิ่นหอมใหม่ล่าสุด Heavenly Sun สำหรับคอลเลคชั่น The Resonance

เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) ผู้นำเครื่องหอมบ้านระดับพรีเมี่ยมจากประเทศฝรั่งเศส สร้างสรรค์กลิ่นหอมใหม่ล่าสุดประจำฤดูกาล ในชื่อ Heavenly Sun กลิ่นที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มลูกค้าชาวเอเชียโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับในช่วงหน้าร้อน ช่วยสร้างบรรยากาศคลายร้อนได้ดี ให้ความรู้สึกสดชื่นและ สะอาด ท็อปโน้ต ให้กลิ่นของส้มแทนเจอรีน ดอกส้ม มะกรูด มิดเดิลโน้ต ให้กลิ่นของดอกกุหลาบ ดอกแมกโนเลีย ดอกการ์ดีเนีย ส่วนเบสโน้ต ให้กลิ่นของวานิลลา มะพร้าว ให้ความรู้สึกหวานจากส่วนผสมของดอกไม้นานาชนิด ผสมผสานความหอมละมุนของวานิลลาและความสดชื่นจากมะพร้าว ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้กับทุกห้องภายในบ้าน โดยกลิ่น Heavenly Sun มีให้เลือกใช้งาน 2 รูปแบบ ได้แก่ เทียนหอม และน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ คอลเลคชั่น The Resonance ช่วยเติมแต่งความหรูหราสง่างามพร้อมกลิ่นหอมอันเย้ายวนให้บ้านของคุณน่าอยู่ในทุกสถานการณ์ พร้อมส่วนลดพิเศษ 30% ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป

● เทียนหอม The Resonance Collection กลิ่น Heavenly Sun บรรจุมาในแก้วที่มีลวดลายกราฟฟิคสีทอง มาพร้อมฝาครอบเทียนโลหะสีทอง ลายฉลุกราฟฟิคอันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่น ดูเลอค่าสะท้อนรสนิยม และยังมีคุณประโยชน์ในการป้องกันเปลวเทียนจากกระแสลม และช่วยเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดแอ่งน้ำตาเทียน หรือ Pool เร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้หอมเร็วขึ้น เนื้อเทียนทำจากไขมันพืช 100% ไม่แต่งสี ใช้งานได้นาน 45 ชั่วโมง ราคาปกติ 2,970 บาท (ลด 30% เหลือ 2,079 บาท)

● น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ The Resonance Collection ตลับทำจากโหะสีทอง ฉลุลายกราฟฟิค Resonance ดูหรูหราเลอค่า มาพร้อมกลิ่นหอม Heavenly Sun ให้ความรู้สึกสดชื่น หอมหวานจากส่วนผสมของดอกไม้นานาชนิด ผสมผสานความละมุนและสดชื่นของวานิลลาและมะพร้าว ในกล่องมาพร้อมตลับ 1 ชิ้น และเซรามิคน้ำหอม 1 ชิ้น พร้อมใช้งานได้ทันที 1 ชุดสามารถใช้งานได้นาน 4-6 สัปดาห์ ราคาปกติ 1,190 บาท (ลด 30% เหลือ 833 บาท)



สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่ ร้านสาขาไอคอนสยาม ชั้น 2 เมกาบางนา ชั้น 1 สยามพารากอน ชั้น 1 เซ็นทรัล ชิดลม ชั้น 5 แฟชั่นไอส์แลนด์ ชั้น 1 เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ ชั้น 1 และ เดอะ เบดรูม คอมพานี สาขาถนนชิดลม ชิค รีพับบลิค ประดิษฐ์มนูธรร ชิค รีพับบลิค รามอินทรา ชิค รีพับบลิค พัทยา และช่องทางออนไลน์ www.maisonbergerthailand.com, Facebook: https://www.facebook.com/maisonbergerthailand, Instagram: https://www.instagram.com/maisonbergerthailand, @line: https://page.line.me/maisonbergerthai หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 254 2780

วาโก้ อาสาคลายทุกข์ ออกโปรฯ “ถุงปันสุข” เพื่อขอบคุณลูกค้าคนพิเศษ

เมื่อเจอวิกฤติก็จะเจอกำลังใจ วาโก้ร่วมให้กำลังใจสาวไทยขาช้อป พร้อมเต็ม 100 กับการเปิดบริการทั้งวาโก้ช็อปและเคาน์เตอร์วาโก้ หลังปลดล็อกดาวน์ พร้อมเสิร์ฟโปรโมชั่นคลายทุกข์ “วาโก้ถุงปันสุข” เมื่อซื้อสินค้าวาโก้ทุกรุ่นตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไปต่อใบเสร็จ (จำกัด 1 คนต่อ 1 สิทธิ์) รับฟรีวาโก้ถุงปันสุข มูลค่ารวมกว่า 2,000 บาท โดยในถุงปันสุขจะประกอบด้วยเสื้อชั้นในวาโก้ 1 ตัว ที่สามารถเลือกไซซ์ได้ในรุ่นที่ร่วมรายการ พร้อมน้ำยาซักชุดชั้นใน หน้ากากผ้าวาโก้และสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ อาทิ มาม่าแพ็ค 30 ซอง, น้ำยาล้างมือคิเรอิ, น้ำยาล้างจานไลปอนเอฟ เป็นต้น รวมทั้งสิ้น 17 รายการ โปรแรงแซงโควิดมีเพียง 3 วันเท่านั้น เริ่มวันที่ 5 มิถุนายน 63 ถึง 7 มิถุนายน 63 รีบด่วนของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด ณ วาโก้ช็อป สาขาที่ร่วมรายการ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด (จำกัด 50 สิทธิ์ ต่อ 1 สาขา เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ)

รายชื่อร้านค้าที่ร่วมรายการถุงวาโก้ปันสุข
● Wacoal Shop ได้แก่ สาขา MBK Center, สาขา CPN รัตนาธิเบศร์, สาขา CPN ชลบุรี, สาขาซีคอนบางแค, สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, สาขาเมกาบางนา, สาขา Terminal 21 Korat, สาขา J-PARK ศรีราชา, ห้างสหไทยสรรพสินค้า สาขานครศรีธรรมราช
● Wacoal Studio ได้แก่ สาขาโลตัส หาดใหญ่ 2, สาขาโลตัส สมุทรสาคร, สาขาโลตัส สามพราน, สาขาโลตัส ขอนแก่น, สาขา Big C ลพบุรี 1, สาขา Big C เมืองสุโขทัย, สาขา Big C เชียงราย 2, สาขา Big C เมืองสุราษฎร์ธานี, สาขา UD Town อุดรธานี, สาขา TOP Plaza สิงห์บุรี และ Mood Shop สาขาโลตัส พิษณุโลก 2

DOLCE&GABBANA FRUITS COLLECTION สัมผัสกลิ่นสดชื่นของผลไม้ ในน้ำหอมคอลเลคชั่นล่าสุด

Dolce & Gabbana Beauty ขอมอบเครื่องบรรณาการเลอค่าจากเกาะซิชิลีในอิตาลีตอนใต้ แรงบันดาลใจจากสวนผลไม้ Conca d’Oro อันเลื่องลือบนผืนดินภูเขาไฟแสนอุดมสมบูรณ์แห่งโกล์ดเดน ฮร์อน ที่ทอดตัวยาวไปตามอ่าวปาแลร์โม พาล่องไปสัมผัสกับวัฒนธรรมชาวเกาะที่ถูกถ่ายทอดผ่านเครื่องเคลือบดินเผา มายอลิคา (maiolica) ที่ประดับประดาให้ตึกรามบ้านช่องและบันไดทุกขั้นกลายเป็นผลงานศิลปะหลากสีสันสวยสด ลิ้มรสผลงานชิ้นเอกอย่างขนม ซาปันเดโทเลโด ที่สร้างสรรค์จากผลไม้รสชาติหวานหอมวางอวดโฉมเย้ายวนอยู่บริเวณหน้าต่างแทบทุกร้านเบเกอร์รี่ในเมืองซิชิลี

Fruit collection จาก Dolce & Gabbana Beauty กรุ่นกลิ่นแห่งความสนุกสนาน ปลุกความมีชีวิตชีวา ชวนให้คิดถึงความสุขที่เรียบง่ายขณะได้ลิ้มรสหวานฉ่ำของผลไม้สุกงอมภายใต้แสงแดดอบอุ่นแห่งซิชิลี ร่ายมนต์แห่งความเริงร่าด้วยเสน่ห์ของกลิ่นหวานรัญจวนที่บรรจุอยู่ในขวดงามวิจิตร


THE FRAGRANCES

กลิ่นเลมอนสดชื่นซุกซน กลิ่นส้มหวานอบอวล และกลิ่นสับปะรดจากแดนไกล น้ำหอมคอลเลคชั่นผลไม้สามแบบ ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น โดยแต่ละไอเท็มในคอลเลคชั่นนี้จะเน้นกลิ่นอันโดดเด่นของผลไม้เพียงชนิดเดียว แล้วคลุกเคล้าเข้ากับกลิ่นรองที่มีความซับซ้อนอย่างมีศิลปะปราณีต น้ำหอมคอลเลคชั่นนี้ได้เก็บพลังแห่งสีสันสดใสและกลิ่นที่มีชีวิตชีวาของสวนผลไม้เมดิเตอเรเนียนยามแย้มบานเต็มที่ เปิดสู่โลกจินตนาการกรุ่นกลิ่นผลไม้

● LEMON – Solar Fruity Fresh สดใสเริงร่ากลางดวงตะวัน
ด้วยการร่วมมือของสุคนธกร Jérôme Épinette เราได้สร้างสรรค์ผลงานที่จะทำให้นึกถึงบรรยากาศอันคึกครื้น เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาของตลาดในปาแลร์โม เปิดนำด้วยกลิ่นสดชื่นของเลมอนที่เติบโตภายใต้แสงอาทิตย์ตามแนวชายฝั่งซิชิลี สัมผัสได้ถึงคลาสสิคโคโลนญ์ที่ผสมผสานระหว่างซิชิเลี่ยนเลมอน และ น้ำมันมะกรูดสกัดเย็นเข้มข้น อุดมด้วยน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์เพตติเกรนกลั่นจากส่วนใบและราก บิดกลิ่นให้เข้มข้นขึ้นด้วยจินเจอร์ที่ผ่านขั้นตอน Supercritical CO2 อันเป็นวิธีการสกัดแบบออร์แกนิคเพื่อรักษากลิ่นแท้ๆของวัตถุดิบจากธรรมชาติ ปิดท้ายด้วยเบสโน้ตคละกลิ่นละมุนของหญ้าแฝกเฮเชี่ยนและพฤกษาหอม

● ORANGE – Playful Fruity Floral สุคนธรสอันหวานหอม
กลิ่นซาบซ่านหวานหอมของสวนส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของซิชิลี เชื่อมโยงถึงกลิ่นแห่งความรัก ความอุดมสมบูรณ์ และพลังบวก ความเลิศล้ำของกลิ่นหอมจากผล ใบ และดอกส้ม ถูกดึงมาผสมผสานเข้ากับช่อสมุนไพรหอมที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สวนผลไม้ท่ามกลางไอแดดนี้กลับมามีชีวิตชีวา Dolce & Gabbana Beauty และสุคนธกร Jérôme Épinette เลือกใช้ผลส้มซิชิลีคุณภาพเลิศผสมเข้ากับน้ำมันผิวมะกรูดคาลาเบรียที่ถูกนำมาเข้ากระบวนสกัดเย็นทันทีหลังเด็ดใหม่จากต้น กลิ่นหอมเขียวของใบเบเซิลประสานกับกลิ่นไซตรัสอุ่นไอแดด ดอกส้มสีขาวให้กลิ่นหอมละมุนบางเบา แทรกสัมผัสของกลิ่นดุจแป้งหอมของดอกไอริส ก่อนแผ่ความหอมนวลของแอมเบอร์ผสมเข้ากันอย่างลงตัวกับมัสก์

● PINEAPPLE – Exotic Fruity Gourmand กรุ่นกลิ่นผลไม้จากแดนไกล
สับปะรด สัญลักษณ์ของการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากอเมริกาใต้ ผลไม้ที่เดินทางมาสู่แผ่นดินซิชิลีและหยั่งรากเติบโตเป็นเวลานับศตวรรษ กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของสถาปัตยกรรมและศิลปะการตกแต่งประจำเกาะ สำหรับกลิ่นนี้ Dolce & Gabbana Beauty และ สุคนธกร Marie Salamagne ได้ดึงกลิ่นหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของสับปะรดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยีอันนำสมัยอย่าง Smell-The-Taste ™ ที่แปลงกลิ่นของสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นน้ำหอม น้ำมันสกัดจากส้มแมนดารินฉ่ำน้ำช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงเข้ากับความหอมสดชื่นของกลิ่นมะลิอุ่นไอแดดยามเช้า ตัดสัมผัสด้วยความหอมหวานของวานิลลาบริสุทธิ์ก่อนดึงกลิ่นเผ็ดร้อนของฝักกล้วยไม้อย่างโดดเด่น ก่อนปิดท้ายด้วยกลิ่นละมุนของแอมเบอร์และมอส


THE PACKAGING

ขวดเพรียวบาง ดูสนุกสนานด้วยฝารูปผลไม้ : ดีไซน์ของขวดที่ถูกแต่งแต้มด้วยส่วนฝาอันเลอค่าด้วยแรงบันดาลใจจากเซรามิกมายอลิคา ศิลปะเลื่องชื่อของซิซิลี เปลี่ยนให้น้ำหอม Fruit Collection นี้เป็นชิ้นงานศิลปะที่ควรค่าแก่การสะสม ดีไซน์หรูหราของขวดรูปร่างเพรียวขนาด 150 มล. นี้จะช่วยรำลึกถึงขวดน้ำหอม acqua di colonia ที่เป็นที่นิยมของครอบครัวชาวอิตาเลี่ยนในอดีตกาล น้ำหอม Fruit Collection นี้ได้ถ่ายทอดสัญลักษณ์แห่งเมดิเตอเรเนี่ยนและความร่ำรวยทางธรรมชาติมของซิชิลีอย่างแท้จริง

ORANGE Eau de Toilette 150 ml ราคา 7,000 บาท
LEMON Eau de Toilette 150 ml ราคา 7,000 บาท
PINEAPPLE Eau de Toilette 150 ml ราคา 7,000 บาท

DOLCE&GABBANA แนะนำน้ำหอมกลิ่นใหม่

DOLCE&GABBANA Beauty Light Blue มอบช่วงเวลาแห่งความสุข ด้วยการเติมเต็มความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด กับคู่เสน่ห์กลิ่นหอมใหม่! DOLCE&GABBANA Light Blue Love Is Love ที่ครั้งนี้โดดเด่นด้วยส่วนผสมฟรุ๊ตตี้ที่หอมหวาน พร้อมความสดชื่นมีชีวิตชีวาตลอดซีซั่นนี้ มอบความแปลกใหม่กับกลิ่นที่จะความรู้สึกมีความสุขเสมือนคุณรับประทานไอศกรีมในรสชาติต่างๆ ที่ชื่นชอบ ICE-CREAMY KISS & THRILL กลิ่นหอมใหม่ที่ท้าให้คุณได้ลิ้มลอง พร้อมสร้างเสน่ห์ความประทับใจอีกครั้งที่ได้สัมผัสกลิ่นจาก DOLCE&GABBANA Light Blue Love Is Love

● DOLCE&GABBANA Light Blue Love Is Love Eau De Toilette ขนาด 100 ml. ราคา 4,600 บาท
น้ำหอมสำหรับคุณผู้หญิงกลิ่นใหม่! จาก DOLCE&GABBANA Light Blue มอบเสน่ห์ความหอมสดชื่นหวาน รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ด้วยกลิ่นท็อปโน้ตจากส่วนผสมเบอรี่สีแดง ความหอมหวานอมเปรี้ยว ชวนให้น่าลิ้มลอง ผสานด้วยกลิ่น เจลาโต้รสราสเบอรี่ ให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำเสมือนการรับประทานไอศกรีม และปิดท้ายด้วยเบสโน้ต กลิ่นวิปครีม ให้ความรู้สึกสดชื่น มาในรูปแบบขวดสีฟ้าโปร่งใส

● DOLCE&GABBANA Light Blue Pour Homme Love Is Love Eau De Toilette ขนาด 125 ml. ราคา 4,500 บาท
น้ำหอมสำหรับคุณผู้ชายกลิ่นใหม่! จาก DOLCE&GABBANA Light Blue ด้วยกลิ่นท็อปโน้ตจากส่วนผสมแอปเปิ้ลพันธ์ แกรนนี่สมิธ ให้ความรู้สึกสดชื่นถึงขีดสุด ผสานด้วยกลิ่น เจลาโต้รสแอปเปิ้ล ให้ความรู้สึกเย็นเสมือนคุณกำลังรับประทานทานไอศกรีม ปิดท้ายด้วยเบสโน้ตกลิ่น วานิลลา หอมละมุนชวนให้น่าหลงใหล มาในรูปแบบขวดสีฟ้าโปร่งใส



สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้เฉพาะที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล (ชิดลม ลาดพร้าว บางนา ปิ่นเกล้า พระราม2 เวสต์เกต อีสต์วิลล์ รังสิต,ภูเก็ต พัทยา เฟสติวัลเชียงใหม่ สมุย) เซน • สยามพารากอน • ดิ เอ็มโพเรียม• เดอะมอลล์ (บางกะปิ บางแค) • โรบินสัน (สุขุมวิท เชียงใหม่ จังซีลอน รามอินทรา เพชรบุรี พระราม 9 ราชบุรี มหาชัย ชลบุรี ลพบุรี) และเซ็นทรัลออนไลน์

#DGBeauty #DGLightBlue

IPSA THE TIME R AQUA LIMITED EDITION BOTTLE

The Time R AQUA Limited Edition Bottle (เดอะ ไทม์ อาร์ อควา ลิมิเต็ด เอดิชั่น บอทเทิ่ล) ปริมาณ 200 มล. ราคา 1,750 บาท

เซ็ตโลชั่นบำรุงผิวยอดขายดีอันดับ 1 ของแบรนด์ IPSA ในขวดบรรจุรุ่นพิเศษ มีจำนวนจำกัด ออกแบบมาเป็นพิเศษ 2 แบบ ได้แก่ ขวดสีฟ้า และสีชมพู เพื่อถ่ายทอด ความรู้สึกเย็นสดชื่นสบายผิวที่ได้รับจากโลชั่นสูตรน้ำ The Time Reset AQUA ผสานกับความงดงามของสีสันอันเกิดจากการตกกระทบของแสงบนผิวน้ำโปร่งใส ตอบรับช่วงเวลาการวางจำหน่ายเฉพาะฤดูร้อนที่ทุกสภาพผิวต้องการน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงความสดชื่นให้ดูอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวล ต้องแสงเป็นประกายสดใสเสมือนถูกคลุมไว้ด้วยม่านสายน้ำ

The Time Reset Aqua โลชั่นน้ำสูตรฟื้นบำรุงผิวด้วยปฏิบัติการป้อนน้ำหล่อเลี้ยงตามความต้องการของสภาพผิว ลดปัญหาผิวหยาบกร้าน สิววัยผู้ใหญ่ และปัญหาหน้ามัน อันเป็นผลมาจากผิวขาดความชุ่มชื้น และซีบัมส่วนเกิน ด้วย AQUA Presenter III ส่วนผสมเอกลักษณ์เฉพาะ มอบความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงผิว โดยก่อตัวเสมือนม่านน้ำจำลองอยู่บนพื้นผิวชั้นนอกลำเลียงส่วนผสมความชุ่มชื้นให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกควบคู่กับประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงแก่ผิวไม่ให้ระเหยออก คงความชุ่มชื่นอย่างต่อเนื่องยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมมอบความรู้สึกสดชื่นสบายผิว โดยไม่เหนอะหนะผิวแม้แต่นิดเดียว สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวแม้ผิวที่อ่อนบางไวต่อการระคายเคือง ด้วยส่วนผสมอ่อนโยนปราศจากน้ำหอม สี และแอลกอฮอล์ ฟื้นบำรุงเนื้อผิวให้อิ่มฟู ดูเปล่งปลั่ง รู้สึกชุ่มชื้น ดูเรียบเนียนไม่หยาบกร้าน ผิวดูอิ่มน้ำสุขภาพดี
*The Time R Aqua = The Time Reset Aqua

วิธีใช้                  
- ใช้เป็นประจำทุกวันทั้งตอนเช้าและยามค่ำคืน หลังขั้นตอนการปรับสมดุลผิว
- หยดผลิตภัณฑ์ปริมาณเหรียญ 5 บาท (ประมาณ 2 มล.) ลงบนแผ่นสำลีหรือฝ่ามือ ลูบไล้ให้ทั่วผิวหน้าแล้วใช้ฝามือตบๆ เบาๆ ในลักษณะผลักลมเข้าผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ยาวนานยิ่งขึ้น
- สามารถใช้โลชั่นก่อนขั้นตอนทาครีม หรือ ใช้ร่วมกับขั้นตอนใดๆ ก็ได้ ระหว่างกิจวัตรการดูแลผิวประจำวัน

พิเศษ! Aqua Unicorn Limited Edition Set ประกอบด้วย IPSA The Time R AQUA Limited Edition Bottle 2 ขวด (สีฟ้าและสีชมพู) ปริมาณขวดละ 200 มล. ราคา 3,000 บาท (จากปกติ 3,500 บาท) สินค้ามีจำนวนจำกัด วางจำหน่าย 12 มิถุนายน 2563



วางจำหน่ายที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางอิปซ่าเซ็นทรัล: ชิดลม 022556969 บางนา 023611072 ลาดพร้าว 025411993 พารากอน 026107697 เอ็มควอเทียร์ 022581801 อิเซตัน 022559585 และ Pop Up Store สยามเซ็นเตอร์ ชั้น M หรือ ช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Facebook Inbox : IPSAThailand

#IPSAThailand #TheTimeResetAqua