

ก้าวสู่ช่วงปลายปีด้วยเหล่ารองเท้ารุ่นใหม่จาก Birkenstock (เบอร์เคนสต๊อก) ที่มีทั้งการนำวัสดุและลวดลายแปลกใหม่มาใส่ลงในรองเท้ารุ่นยอดนิยมเพื่อเพิ่มสีสันในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็น Arizona Embossed Leather Snake / Arizona Gator Gleam และ Gizeh Gator Gleam นอกจากนี้ยังมีรองเท้ารุ่นใหม่อย่าง รุ่น Milano (มิลาโน) ออกมาเอาใจสาวกของ เบอร์เคนสต๊อกผู้ชื่นชอบรองเท้าแตะสไตล์กึ่งลำลองได้เลือกสวมใส่
● รองเท้ารุ่น Arizona Embossed Leather Snake (Brown & Beige) ราคา 4,690 บาท
เบอร์เคนสต๊อกรุ่น Arizona นับเป็นรองเท้ารุ่นคลาสสิกที่สามารถใส่ได้ให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ด้วยดีไซน์สุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมมานานหลายทศวรรษ โดยในซีซั่นนี้ ทางแบรนด์ได้เพิ่มความโดดเด่นให้รุ่น Arizona ด้วยลวดลายหนังงู พร้อมพื้นผิวมันวาวดูหรูหรา ทำให้ได้รองเท้าที่มีรูปลักษณ์และสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมแผ่นซับในรองพื้นทำจากหนังสีเรียบเนื้อนุ่ม และหัวเข็มขัดที่เข้ากันดีกับสีของหนังงูช่วยเสริมให้รองเท้ารุ่นนี้หรูหรายิ่งขึ้น
● รองเท้ารุ่น Arizona Gator Gleam และ รุ่น Gizeh Gator Gleam (Black & Copper) ราคา 3,690 บาท
นอกจากลายหนังงูแล้ว ในซีซั่นนี้ยังนำรองเท้าสองรุ่นคลาสสิกประจำแบรนด์อย่าง รุ่น Arizona และ Gizeh มาพิมพ์ลวดลายจระเข้ลงบนวัสดุไมโครไฟเบอร์เนื้อแวววาวสะดุดตา พร้อมพื้นรองเท้าที่ทำจากหนังกลับสีเรียบเนื้อนุ่ม และหัวเข็มขัดที่มีโทนสีกลมกลืนกับตัวรองเท้าช่วยเสริมให้รองเท้าสองรุ่นนี้มีความเรียบหรูยิ่งขึ้น
● รองเท้ารุ่น Milano (Black, Dark Brown, White) ราคา 3,590 บาท
สมาชิกรุ่นล่าสุดของครอบครัวเบอร์เคนสต๊อก อย่างรุ่น Milano ที่บอกเลยว่ารับประกันการยึดเกาะสูง และให้ความมั่นคงในทุกการเคลื่อนไหว โดยส่วนด้านหน้ารองเท้าออกแบบให้มีความกระชับขึ้นเล็กน้อย พร้อมสายรัดสองเส้น และสายรัดด้านหลังเท้ามีขนาดกว้าง ส่วนด้านบนทำจากวัสดุ Birko-Flor® เอกลักษณ์เฉพาะของเบอร์เคนสต๊อก
คลิกเข้าไปช้อปฯ รองเท้ารุ่นล่าสุดได้แล้วที่เว็ปไซต์ www.ikonthailand.com
Keds (เคดส์) ภูมิใจนำเสนอรองเท้ารุ่น Champion TRX สมาชิกเบอร์ล่าสุดของครอบครัวสนีกเกอร์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงทุกคน หากมองเผินๆ รองเท้ารุ่นใหม่นี้อาจมีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากรุ่นคลาสสิกตลอดกาลอย่าง Champion เท่าไรนัก แต่ทางทีมดีไซน์ของเคดส์ได้เพิ่มความพิเศษให้รุ่น Champion TRX ด้วยการเพิ่มความหนาช่วงพื้นรองเท้าชั้นนอกขึ้นเล็กน้อยและใส่แผ่นเสริมส้น เพื่อให้รองเท้ายังคงมีรูปทรงและความสวยงามแบบคลาสสิกของรุ่น Champion อยู่ บริเวณพื้นรองเท้าชั้นนอกทำจากยางคุณภาพดีที่มีความทนทานต่อแรงกระแทก ส่วนพื้นรองเท้าชั้นในทำจาก Dream Foam ที่มีความนุ่มกว่าเดิม ซึ่งมีคุณสมบัติในการระบายอากาศได้ดี และระงับการเกิดแบคทีเรียที่ส่งผลให้มีกลิ่นเท้าได้ด้วย รองเท้ารุ่นล่าสุดนี้มีให้เลือกด้วยกัน 3 เฉดสี ได้แก่ สี Cream, Mauve และ White
แวะไปเลือกช้อปรองเท้ารุ่นใหม่นี้ได้ที่ www.keds.co.th ทาง LINE :@KedsThailand หรือคลิกได้เลยที่ http://bit.ly/KedsLine หรือที่ร้าน Keds, เคานท์เตอร์ Keds และร้าน Ikon ทุกสาขา ติดตามข่าวสารจาก Keds Thailand ได้ที่ Facebook และ Instagram : @KedsThailand
รองเท้าไนกี้ตระกูลเบลเซอร์ (Blazer Collection) เป็นรองเท้าสารพัดประโยชน์สำหรับทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเล่นบาสเกตบอลหรือเล่นสเกตบอร์ด รองเท้าตระกูลนี้มีสไตล์ที่สะอาดและคลาสสิก เป็นเสมือนผืนผ้าใบที่คุณสามารถสร้างสรรค์สไตล์ของตัวเองลงไปได้อย่างเต็มที่
ไนกี้เบลเซอร์เป็นรองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหารองเท้าที่คลาสสิกเหนือกาลเวลาและเติมเต็มสไตล์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ รองเท้าตระกูลนี้สวมใส่ได้บ่อยครั้งและทุกโอกาส อีกทั้งยังเข้ากันได้ดีกับทุกไอเท็มในตู้เลื้อผ้าของคุณเนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายและเป็นเอกลักษณ์
รองเท้าไนกี้ตระกูลเบลเซอร์ให้คุณแต่งกายได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะจับคู่กับเครื่องแต่งกายสีเรียบหรือสีสดใส ใส่ชุดโปรดแบบจัดเต็มหรือแต่งตัวเรียบๆ สบายๆ
● รองเท้าไนกี้ เบลเซอร์ มิด '77 อินฟินิต (Nike Blazer Mid '77 Infinite) เป็นรองเท้าบาสเกตบอลสไตล์ดั้งเดิมที่ต่อมาเปลี่ยนเป็นรองเท้าแฟชั่นสไตล์สตรีท วัสดุยางบริเวณปลายเท้า ส้นเท้า และด้านข้างเท้าทนทานต่อการสวมใส่และรองรับการใช้งานทุกๆวัน รูปทรงสวูชของไนกี้ที่เป็นทรงเพรียว และมีการบิดให้ดูมีทรงโค้งนั้นเป็นลูกเล่นที่ทำให้รองเท้าดูทันสมัยมากขึ้น
รองเท้าไนกี้ เบลเซอร์ อินฟินิต เป็นรองเท้าที่สวมใส่ได้ทุกโอกาส เหมาะสมกับทุกๆ กิจกรรมสมดั่งชื่อ “อินฟินิต” รองเท้ารุ่นนี้มีแถบยางกันโคลนที่เสริมความแข็งแรงยิ่งขึ้น รูปทรงสวูช (Swoosh) ของไนกี้ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากยาง รวมไปถึงสีสันที่สะดุดตา จึงเป็นรองเท้าที่ทั้งทนทานและมีสไตล์สำหรับทุกๆ วัน
● รองเท้าไนกี้ เบลเซอร์ มิด '77 วินเทจ (Nike Blazer Mid '77 Vintage) นำเสนอรูปลักษณ์ของรองเท้าบาสเกตบอลจาก
ไนกี้ในอดีต มีจุดเด่นที่การใช้ส่วนกลางพื้นรองเท้าที่ผลิตด้วยกระบวนการแบบวินเทจ จนเหมือนกับว่าคุณเก็บรักษารองเท้าบาสเกตบอลสไตล์คลาสสิกของไนกี้เป็นอย่างดีมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าคุณจะเดินแบบชิลๆ หรือทำกิจกรรมต่างๆ อย่างสุดพลัง รองเท้าไนกี้ตระกูลเบลเซอร์นำเสนอแฟชั่นสไตล์สปอร์ตที่พร้อมจะลุยไปกับคุณในทุกๆ สถานการณ์ เป็นรองเท้าที่สวมใส่ได้ทั้งวัน อีกทั้งยังมีร่องรอยการสวมใส่หรือการใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล
รองเท้า (Nike Blazer Mid '77 Infinite) ราคา 4,200 บาท และรองเท้า Nike Blazer Mid '77 Vintage ราคา 3,600 บาท วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ทางเว็บไซต์ Nike.com และที่ร้านไนกี้บางสาขา
Daks (แด๊กซ์) แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำสัญชาติอังกฤษที่มีความเป็นมาของแบรนด์ยาวนานกว่า 126 ปี แบรนด์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการตัดเย็บ ให้คุณดูดีได้ทุกวันในลุคสไตล์พรีเมี่ยมส่งตรงจากประเทศอังกฤษ ด้วยหลากหลายดีไซน์ที่มาพร้อมลวดลายและสีสันให้คุณได้เลือกสรรตามความชอบ มีลวดลายเฮ้าส์เช็ค (House Check) อันเป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ที่โดดเด่น และความปรานีต ความละเอียดและพิถีพิถันที่แฝงอยู่ในทุกไอเทมจากแบรนด์ สมกับที่เป็นห้องเสื้อชั้นสูงที่ได้รับพระราชทานพระราชาอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์จากราชวงศ์อังกฤษ และ Daks Thailand (แด๊กซ์ ไทยแลนด์) ก็พร้อมออกแบบเพื่อมาเป็นคอมพลีทลุค สุดเพอร์เฟคให้กับทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงในทุกโอกาส
ในครั้งนี้ Daks Thailand พร้อมเปิดตัว Daks Men’s Series เพื่อเอาใจคุณผู้ชายที่ชื่อชอบสไตล์ Luxury เรียบหรู แต่สามารถให้คุณเป็นเจ้าของได้ในทุกวัย โดยถ่ายทอดผ่าน 2 ดาราหนุ่มสุดฮอต ที่บ่งบอกถึงความมีหรูหรา มีสไตล์ในแบบของ Daks Thailand คือ ไม้ วฤษฏิ์ ศิริสันธนะ กับ concept : Smart business look ในนิยามของ The Quality and Lifestyle ภายใต้ Theme ของนักธุรกิจส่วนเนี๊ยบที่เหมาะสมและลงตัวกับนักแสดงหนุ่มหล่อที่กำลังมาแรง ด้วยชุดสูทเข้าเซ็ทอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดเย็บที่ไร้ที่ติ รูปแบบที่เหมาะกับทุกรูปร่าง และนอกจากนี้ยังนำลายออริจินัล เฮ้าส์เช็ค (Original House Check) มาอยู่บนเนคไทลาย Original House Check อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ตามมาด้วยสีสูทน้ำเงินเข้าเซต ที่สามารถแมตซ์ได้ในทุกวันทำงานของคุณผู้ชายทุกท่าน ตอบโจทย์ในทุกธุรกิจและพร้อมบ่งบอกไลฟ์สไตล์ที่ Luxury ในแบบของคุณเอง
และอีก 1 หนุ่ม ที่มาพร้อมกับความมีสไตล์ luxury แต่มั่นใจ ถ่ายทอดผ่านนักแสดงหนุ่มสุดเท่ มีเสน่ห์ และยังคงความฮอตตลอดทั้งปีนี้ กับ ภณ ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ มาใน Concept The Iconic Fashion Moment ภายใต้ความ Luxury และความเนี๊ยบในตัวตนของแบรนด์ การสามารถนำมาสวมใส่ในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่หนุ่มๆต้องการ Daks Thailand จึงขอ มิกซ์แอนด์แมตซ์ให้คอลเลคชั่นล่าสุดนี้ เกิดเป็นแฟชั่นที่ไม่สิ้นสุด และสามารถเป็นแฟชั่นที่ไม่ว่าจะสวมใส่ไปที่ไหน ก็สามารถดึงดูดสายตาได้ในทุกสถานการณ์ ครั้งนี้ได้ถ่ายทอดผ่านชุดสูท Import ส่งตรงมาจากประเทศอังกฤษ อันเป็นจุดกำเนิดของแบรนด์ พร้อมกับ pocket square ลาย Original House Check อันเป็นเอกลักษณ์ของ Daks นับว่าเป็นลุค Fashion Luxury ที่ไม่ว่าใครก็สามารถดูดีได้ในทุกเวลา และ ตามมาด้วยเสื้อเชิ้ตลายสถาปัตยกรรมบาโรก จากคอลเลคชั่น Daks SS20 collection ที่ถ่ายทอดมาจากกลิ่นอายของความสวยงามจากสถาปัตยกรรม ประเทศอังกฤษ ลวดลายที่ครีเอทมาเพื่อแมตซ์เข้ากับกางเกงสแลคจาก Daks Double D ให้กลายแฟชั่น ลุคที่สามารถใส่ได้ในทุกโอกาส
ติดตามซีรีส์ Daks Men’s Series ได้ทาง Facebook & Instagram: DAKSThailand, #DAKSThailand
#DAKSThailand #DAKSMensSeries #DAKSXMAIWARIT
แค่เปิด LINE ก็ LIVE พาทัวร์ชม และ ช้อปได้เลยบนมือถือ
‘ง๊ายง่าย’ ครบ จบ ที่ LINE MyShop
แสนสิริ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ชวนคุณช้อปคอนโดฯ กับ ครั้งแรก! ประสบการณ์ใหม่ที่ ’ง๊ายง่าย’ พาทัวร์ชม-ช้อป คอนโด ผ่าน LIVE บนมือถือ พร้อมสอบถามข้อมูลกับพนักงานขายได้ทันที จะชวนเพื่อน แฟน หรือครอบครัว จากหลายที่มาทัวร์ พร้อมกันด้วยก็ได้ เหมือนมาเองที่โครงการ แค่เปิด LINE MyShop อยู่ที่ไหนก็ช้อปได้ add LINE เพิ่มเพื่อน @HAUSCONDO หรือ แสกน QR code ไว้ก่อนเลย!
เตรียมตัวให้พร้อม 11.11 นี้เท่านั้น! พบกับเซอร์ไพรส์ดีลสุดพิเศษ ช้อป 2 คอนโดมิเนียมแต่งพร้อมอยู่ใน HAUS series ได้แก่ oka HAUS (โอกะ เฮาส์) และ kawa HAUS (คาวะ เฮาส์) ยูนิตจำนวนจำกัด เริ่ม 3.99 ล้านบาท ข้อมูลเพิ่มเติม: http://siri.ly/gOo8snB
● ง่าย! ที่1 ช้อปคอนโดทุกยูนิตบน LINE MyShop จองเพียง 1,111 บาท และรับคะแนน The 1 ถึง 1,000,000 คะแนน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ มีแต่ได้กับได้
● ง่าย! ที่2 Big surprise!! ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษ (จำนวนจำกัด) เพียง Capture ภาพมุมที่ชอบเล็งมุมที่ใช่ จาก Virtual Private Tour และ Reply ใต้ post บนหน้า Facebook : SansiriPLC
DIOR BACKSTAGE เป็นคอลเลคชั่นเมคอัพ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากความต้องการของปีเตอร์ ฟิลิปส์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ และภาพลักษณ์ประจำแผนก DIOR MAKEUP ที่จะแบ่งปันเทคนิคเคล็ดลับต่างๆ เบื้องหลังรันเวย์แฟชั่นให้แก่ทุกคนผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ อันประกอบไปด้วยเมคอัพชิ้นสำคัญ จำเป็นต่อทุกลุคการแต่งหน้า รองรับกับทุกโทนสีผิวสากล และตอบสนองต่อทุกความต้องการด้านความงามสำหรับทุกคน เติมเต็มความพึงพอใจของเหล่าสาวกเมคอัพผู้ปรารถนาผลลัพธ์การแต่งหน้าระดับมืออาชีพด้วยวิทยาการสูตรผสมชั้นนำ กับอุปกรณ์แต่งเติมอันเป็นมิตรกับผู้ใช้
สำหรับสีสันคอลเลคชั่นใหม่ของ DIOR BACKSTAGE ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากความหลากหลายทางเฉดโทนของสีทอง หนึ่งในสีอันทรงแบบฉบับระดับไอคอนของ HOUSE OF DIOR ซึ่งปรากฏความหรูหราอย่างโดดเด่นสะกดสายตาจากเสื้อผ้าหลากคอลเลคชั่น ได้รับการถ่ายทอดมาสู่บรรดาเมคอัพชิ้นสำคัญรุ่นใหม่ อันจะขาดเสียไม่ได้สำหรับเทศกาลฮอลิเดย์ในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น GLOW FACE PALETTE สามชุด หรือ DIOR ADDICT LIP MAXIMIZER สามเฉด ล้วนอวดความงามของสีสันใหม่ผ่านผลลัพธ์เมทัลลิกทอประกายเปล่งปลั่ง เป็นเงางามเพื่อยกระดับความหรูหราเลอค่าให้การแต่งหน้าลุคต่างๆ
สีทองคือสีซึ่งมีบุคลิกหลากแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนโยนของโทนทองสุกสว่าง หรือความแข็งแกร่งจากโทนทองสดเข้ม อาจเป็นความอ่อนหวานของทองสีกุหลาบ เสน่ห์เย้ายวน ละมุนละไมของทองสีแชมเปญ หรือกระทั่งความหรูหรา สูงศักดิ์ของสีทองบรอนซ์ที่ยังสร้างความแตกต่างได้ด้วยประกายเจิดจ้า, ระยิบระยับ หรือสุกสกาวเป็นเงางาม ปีเตอร์ ฟิลิปส์หลอมรวมลีลาไล่ลำดับเฉดโทนทั้งหลายเหล่านี้มาใช้สรรค์สร้างพาเล็ตต์จรัสแสงแต่งผิวสามชุด กับกลอสสามเฉดสำหรับจับคู่มอบความกลมกลืนอย่างลงตัว: PURE GOLD 003 รังสรรค์ทองคำเหลืองอร่ามเพื่อเผยความงามในเนื้อแท้ของทองคำบริสุทธิ์ ส่วน ROSE GOLD 004 ถ่ายทอดความเลอค่าหายาก เต็มไปด้วยเสน่ห์อ่อนหวานของทองคำสีกุหลาบผ่านเนื้อสัมผัสล้อแสงทอประกายเงางาม ในขณะที่ COPPER GOLD 005 คือบทกำเนิดใหม่ของประกายทองในโทนอบอุ่นสีทองแดง “ไม่ว่าผิวของคุณจะโทนสีใด ก็สามารถเพลินใจไปกับลูกเล่นของเฉดสีต่างๆ สร้างโจทย์ท้าทายในการจับคู่สีเพื่อออกแบบลุคการแต่งหน้าตามแบบฉบับของตัวคุณเองผ่านผลลัพธ์ระดับมืออาชีพ นั่นแหละคือหัวใจสำคัญของเมคอัพทั้งหลายในคอลเลคชั่น DIOR BACKSTAGE ด้วยการแต่งเติมเพิ่มประกายแสงเร่งความสว่าง, ประกายระยิบระยับ หรือประกายเปล่งปลั่งเป็นเงางามตามตำแหน่งต่างๆ ให้แก่ลุคการแต่งหน้าประจำฤดู ผลลัพธ์ที่ได้คือบทสะท้อนถึงแง่มุมบุคลิกอันหลากหลายในตัวบุคคล และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการสำหรับเทศกาลแห่งความสนุกสนานจากการเฉลิมฉลองของปีนี้” ปีเตอร์ ฟิลิปส์ อธิบาย
เมคอัพชิ้นหลักในคอลเลคชั่นใหม่นี้ ทั้ง GLOW FACE PALETTE และ DIOR ADDICT LIP MAXIMIZER ล้วนถูกออกแบบมาสำหรับใช้ร่วมกันแบบมิกซ์ แอนด์ แม็ตช์ได้ถึงสามคู่ “คู่เมคอัพใหม่เหล่านี้ ต่างเป็นไอเท็มเด่นชิ้นสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยคุณสมบัติในการพลิกแพลงให้กลมกลืนเข้ากับทุกโทนผิว และทุกลุคการแต่งหน้าได้อย่างแนบเนียนโดยอาศัยสีทองสามเฉดเป็นจุดตั้งต้นทางการออกแบบ และพัฒนา นำมาซึ่งการจับคู่สีสรรค์สร้างลุคการแต่งหน้าได้มากมายนับไม่ถ้วน จากเช้าถึงค่ำคืน สำหรับลุคการแต่งหน้าประจำวัน และแน่นอน ต้องมีลุคฮอลิเดย์ด้วยเช่นกัน” ปีเตอร์ ฟิลิปส์กล่าวเสริม
● GLOW FACE PALETTE: หลากรูปแบบประกายทองประดับผิว (ราคา 2,050 บาท)
มอบความหลากหลายที่กลมกลืนกับทุกโทนผิวด้วยพาเล็ตต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ทั้งสามชุด สำหรับใช้เติมประกายสว่างประดับผิวในทันทีผ่านเนื้อสัมผัสหลากแบบ ซึ่งล้วนหลอมรวมเข้ากับผิวพรรณได้อย่างหมดจด และแนบเนียนเพื่อก่อลีลาไล่เฉดเหลื่อมโทนระยับแสงละมุนละไม ความลับของลูกเล่นทางเนื้อสัมผัสอยู่ที่สูตรเจลอุดมเม็ดสีประกายมุก ซึ่งกระจายตัวได้ราบรื่น สม่ำเสมอยามคลี่ตัวอย่างบางเบาเสียจนแทบมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ กระนั้น กลับอำนวยต่อการเร่งระดับความคมชัดได้ถึงขีดสุด "GLOW FACE PALETTE ทั้งสามชุดนี้ เป็นผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์ในการสะท้อนบุคลิกแง่มุมต่างๆ ของตัวบุคคลผ่านความหลากหลายทางเฉดโทน และเนื้อสัมผัสของทองคำที่เติมความอบอุ่นให้โทนผิว อีกทั้งยังช่วยเร่งระดับความเข้มแสง เพิ่มประกายสว่างตามจุดรับแสงตำแหน่งต่างๆ บนใบหน้า แค่แตะแต้มประกายทองไปตามเหลี่ยมมุมรูปหน้า และใช้เฉดสีในโทนที่อบอุ่นกว่าเพื่อก่อผลลัพธ์ประกายบรอนซ์ นอกจากนั้น ยังสามารถใช้เพิ่มความสว่างให้แก่ลุคการแต่งตา และแน่นอน อย่าลืมแตะแต้มบนเนินอก และลาดไหล่เพื่อก่อรัศมีระยับแสงสุดหรูหราให้เข้ากับเทศกาลฮอลิเดย์” ปีเตอร์ ฟิลิปส์ แนะนำ
เนื้อสัมผัส และเฉดสีต่างๆ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อมอบความสะดวก ง่ายดายในการปรับใช้ตามปรารถนาเฉพาะบุคคล มอบความเพลิดเพลินใจยามแต่งหน้าลุคต่างๆ กับความหลากหลายของผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นชิมเมอร์ระยิบระยับ หรือเมทัลลิกเงางาม ซาตินเรืองรอง จนถึงกลิตเตอร์วับวาว “สนุกไปกับการใช้สัญชาตญาณของคุณเวลาแต่งเติม พาเล็ตต์สีทองหลากเฉดเหล่านี้ทำทุกอย่างได้ตามปรารถนาจากลุคละเมียดละไม หรือหรูหราท้าทาย จากเฉดสีอ่อนโยน ดูบางเบา ไปจนถึงสดชัด สะดุดตา แต่ไม่ว่าจะแบบใด สิ่งที่ปรากฏคือความประณีต หมดจดดุจผลลัพธ์มืออาชีพ นึกถึงรูปแบบที่ต้องการ แล้วก็แค่ใช้ปลายนิ้วแตะแต้ม หรือใช้แปรงเกลี่ยไล้เร่งระดับความเข้ม ก่อประกายเมทัลลิกเงางาม กระทั่งใช้แผ่นสำลีหากต้องการเนื้อสีที่ดูเนียนละไม ต้องแสงทอประกายเรืองรองราวกับแพรซาติน คุณสามารถเลือกใช้เพียงสีเดียว หรือสอง ถึงสามสี กระทั้งทั้งสี่สีก็ไม่มีข้อจำกัด เพราะทุกลุคที่ได้คือผลงานสร้างสรรค์อันทรงเอกลักษณ์ที่คุณเป็นผู้กำหนดเอง” ปีเตอร์ ฟิลิปส์ให้คำแนะนำเพิ่มเติม
● DIOR ADDICT LIP MAXIMIZER: เติมความอิ่มเอิบ และประกายเจิดจ้าเต็มพิกัด (ราคา 1,390 บาท)
ลิปแคร์สูตรแบบฉบับในการเติมความอิ่มเอิบให้ริมฝีปาก มอบความหรูหราครบครันให้แก่ลุคการแต่งหน้าประจำฤดูด้วยสามเฉดสีใหม่ สูตรผสมอุดมกรดไฮยาลูรอนิกทรงกลม ปฏิบัติการเติมเต็มความอิ่มเอิบทางรูปทรงผ่านสัมผัสสบายผิว ทอประกายวามวาวล้อแสงจรัสตา ผิวริมฝีปากแลดูเรียบเนียน และอิ่มเอิบดูเย้ายวนในทันที แต่ละครั้งที่ใช้ บรรดาส่วนผสมปฏิบัติการร่วมกันฟื้นบำรุงความงามอย่างต่อเนื่อง เผยความงดงามตามธรรมชาติยิ่งขึ้นในแต่ละวัน ในขณะเดียวกัน เม็ดสีประกายมุกปริมาณเข้มข้นระดับสูงก็ร่วมกันสะท้อนแสงประกายทองเร่งความสว่างให้เนื้อสีทวีความคมชัดทางรูปทรง 3 มิติของโค้งผิวริมฝีปาก นี่คือสูตรทวีคูณประสิทธิภาพเติมประกายเปล่งปลั่งเป็นเงางามให้ริมฝีปากอย่างแท้จริง
“มิกซ์ แอนด์ แม็ตช์สี่เฉดสีใน GLOW FACE PALETTE แต่ละตลับกับ LIP MAXIMIZER ซึ่งเป็นเฉดสีที่เปรียบเสมือนบทเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ และด้วยประสิทธิภาพเติมความอิ่มเอิบในเชิงรูปทรง จึงไม่ต่างอะไรจากการแปรรูปแสงมาเป็นลิควิดเคลือบความงามให้ริมฝีปาก” ปีเตอร์ ฟิลิปส์กล่าวเสริม
ลุคแต่งหน้าประกายทองของปีเตอร์ ฟิลิปส์
เรียบง่ายในความหลากหลาย และครอบคลุมทุกความต้องการด้วยผลลัพธ์ระดับมืออาชีพ นี่คือบรรทัดฐานทางความคิดในการออกแบบ สร้างสรรค์ทุกผลิตภัณฑ์ของ DIOR BACKSTAGE เพียงไม่กี่ขั้นตอน ก็สามารถมอบลุคการแต่งหน้าสุดประณีต หมดจด จากดูเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด ไปจนถึงหรูหรา เย้ายวนเต็มพิกัด เพื่อทวีประกายเปล่งปลั่งเป็นเงางามให้ผิวพรรณ และบดบังบรรดาริ้วรอยข้อบกพร่อง ปีเตอร์ ฟิลิปส์แนะนำให้ลงรองพื้น FACE & BODY FOUNDATION บนผิวหน้า และเนินอกก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงใช้ FACE & BODY GLOW HIGHLIGHTER สองถึงสามหยดเพิ่มประกายสว่าง ส่วนขั้นตอนสุดท้ายก็คือเลือกเฉดสีประกายทองของ GLOW FACE PALETTE จากหนึ่งในสามชุดเพื่อจับคู่สีกับ DIOR ADDICT LIP MAXIMIZER "เผยความงดงามท่ามกลางประกายแสงแห่งวงรัศมีเรืองรอง ราวกับเป็นผิวเนื้อทองธรรมชาติ ไม่ใช่ ‘ผลลัพธ์หลอกตา’ GLOW FACE PALETTE จะช่วยเร่งความเข้มแสงสะท้อนจากเนื้อผิว ในขณะที่ LIP MAXIMIZER ช่วยเติมประกายระยิบระยับชวนฝัน" ปีเตอร์ ฟิลิปส์อธิบาย
แคมเปญใหม่ของ BACKSTAGE
เบลลา ฮาดิด, อิมาริ คาแรนญา, เฮ ก็อง และรุธ เบลล์ ต่างก็เป็นเจ้าของโฉมหน้าตัวแทนความงามให้แก่ DIOR BACKSTAGE ด้วยสไตล์การแต่งหน้าซึ่งออกแบบโดยปีเตอร์ ฟิลิปส์ พวกเธอพาเราเข้าสู่บรรยากาศเบื้องหลังรันเวย์แฟชั่น DIOR อันเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ไม่หยุดนิ่ง และจากหลังเวทีสู่ฉากแฟชั่นตระการตา สุดยอดนางแบบทั้งสี่กับสี่ลุคการแต่งหน้าจุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนได้ดึงเอาพลังงานทางความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของตนมาสนุกกับคอลเลคชั่นใหม่ของ GLOW FACE PALETTE และ DIOR ADDICT LIP MAXIMIZER สี่ดาวจรัสแสงแห่งวงการคือตัวแทนความหลากหลายในระดับสากลที่รองรับกับทุกความต้องการเฉพาะบุคคลของคอลเลคชั่นเมคอัพอันทรงเอกลักษณ์ เจ้าของผลลัพธ์ความงามระดับมืออาชีพที่ผู้หญิงทั้งหลายสามารถนำไปใช้ได้จริงอย่างง่ายดายในชีวิตประจำวัน
#DIORMAKEUP #DIORBACKSTAGE
แบบไหนที่เรียกว่า “นู้ดแนวใหม่”? นู้ดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อันเป็นความลับฉบับนู้ดที่รู้กันเฉพาะสาว YSL
แนวคิดหนึ่งจากมรดกตกทอดของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้ คือ ความเฟมมินีนที่นอกกรอบ
สองเนื้อสัมผัส - สองลิปฟินิชแบบนู้ด ที่เลือกได้ระหว่างความนู้ดแบบแวววาวกับความนู้ดแบบแม็ตต์ แต่ไม่ว่าจะเลือกความนู้ดแบบไหน เรียวปากก็ยังคงเปล่งประกายเสมอ สองแนวทางใหม่ในการแต่งริมฝีปากแบบนู้ด ทว่ามีหนทางเดียวที่จะเปล่งประกาย นั่นคือ การฉีกขนบนู้ดแบบเดิมๆ
ท่ามกลางภูมิประเทศที่ยังคงความบริสุทธิ์ของเทือกเขาแอตลาสส่วนที่อยู่ในเขตประเทศโมร็อกโก ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสภาพภูมิอากาศรุนแรงสุดขั้ว อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้ได้สร้างสวนพฤกษศาสตร์ชั้นเลิศขึ้นมา และนำพืชสมุนไพรซึ่งเก็บเกี่ยวโดยสหกรณ์สตรีในท้องถิ่นมาศึกษาเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของพืชสมุนไพรเหล่านั้นให้มากขึ้น ด้วยสูตรผสมซึ่งผสานด้วยสารสกัดรากมาร์ชเมลโลว์ (Althaea Officinalis Root Extract) จากสวนอูริกา (Ourika) ของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้ ที่ช่วยให้ริมฝีปากดูมีชีวิตชีวา
● โกลวในแบบของคุณไปกับ THE SLIM GLOW MATTE
The Slim Glow Matte กับเทรนด์ความงามแบบ “ลูมินัสแม็ตต์” (luminous matte) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมาใช้กับการแต่งริมฝีปาก ด้วยการนำเสนอความแม็ตต์ในรูปแบบใหม่ที่งามเจิดจรัส
The Slim Glow Matte จุดความเจิดจ้าให้เรียวปากของคุณในฟินิชแบบแม็ตต์ ด้วยสูตรผสมที่เสริมคุณค่าด้วยอณูประกายมุกขนาดจิ๋วสะท้อนแสง ให้ความรู้สึกราวริมฝีปากเปลือยเปล่า แต่มอบสีสันที่ดึงดูดความสนใจ และฟินิชแบบลูมินัสแม็ตต์
คอลเล็กชั่น The Slim คือการนำเสนอลิปสติกที่คุณเคยรู้จักในรูปแบบใหม่ ด้วยแท่งทรงสี่เหลี่ยมที่เพรียวบางเป็นพิเศษ เพื่อมอบความแม่นยำในการขับเน้นรูปปาก
จากปลอกสีทองและสีเงินของลิปสติกสูตรดั้งเดิมในตระกูล The Slim ที่โดดเด่นและคุ้นเคยกันดี วันนี้ The Slim Glow Matte มาในปลอกสีโรสโกลด์เลอค่าน่าปรารถนา สลักตราสัญลักษณ์อักษรย่อ YSL ซึ่งออกแบบโดยกาสซ็องดร์ (Cassandre) ปลอกเวอร์ชั่นใหม่นี้ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราทว่าในขณะเดียวกันก็ดูเท่โดยไม่ต้องพยายาม ตามแบบฉบับอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์
เพียงแค่หยิบ The Slim Glow Matte ออกมาจากกระเป๋าถือของคุณ ก็เป็นที่จับจ้องของทุกสายตาที่มองมา ด้วยลิปสติกที่หรูหราและเฉี่ยวล้ำเกินใครของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์แท่งนี้
● แต่งริมฝีปากให้แวววาว เจิดจ้า ด้วย WATER STAIN GLOW
แวววาวเตะตา สีสันโดนใจ และยังเป็นการค้นพบจุดที่ลงตัวที่สุดระหว่างความเจิดจ้ากับความติดทนนานแบบลิปสเตนอีกด้วย
เพื่อสร้างลิปสเตนที่แวววาว เปล่งประกาย เทคโนโลยีของ อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้สร้างลิปฟินิชที่เสริมส่งความงามตามธรรมชาติของริมฝีปากด้วยการแสดงสีสันบนเรียวปากที่สดชัด ในแบบที่ “ยังคงเป็นริมฝีปากของคุณ...แต่ดูดีกว่าเดิม”
โกลวสเตน (glow stain) ซึ่งอุดมด้วยน้ำ มอบความเปล่งประกายที่วาววับยิ่งขึ้น ผลลัพธ์คือความนู้ดแนวใหม่ และสีสันบนเรียวปากที่เจิดจ้า สะดุดตา
ในสูตรยังผสานส่วนผสมของผงว่านหางจระเข้ (Aloe Barbadensis Leaf Juice Powder) เพื่อความรู้สึกสบายริมฝีปากอีกด้วย
ขวดทรงเหลี่ยมโปร่งแสงและแวววาวเช่นเดียวกับเอฟเฟ็คต์ที่ลิปสเตนนี้สร้างสรรค์ขึ้นบนริมฝีปาก มาพร้อมกับฝาสีโรสโกลด์สลักตราสัญลักษณ์อักษรย่อ YSL ซึ่งออกแบบโดยกาสซองดร์ พกพา Water Stain Glow ติดตัวยามออกนอกบ้าน แล้วสร้างห้วงเวลาแห่งความเปล่งประกายได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ‘สไปรท์’ ลุคใหม่! เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากขวดพลาสติกสีเขียวเป็นพลาสติกใสเพื่อให้สามารถนำขวด ‘สไปรท์’ ไปรีไซเคิลหลังการบริโภคได้ง่ายขึ้น พร้อมประกาศความเป็นผู้นำตลาดน้ำใสซ่าซึ่งครองใจผู้บริโภคด้วยรสชาติความอร่อยซ่าสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทั้งสูตรออริจินอลและสูตรไม่มีน้ำตาล โดยในการปรับลุคครั้งนี้ ทางกลุ่มฯ ได้เตรียมจัดเต็มกิจกรรมทางการตลาดเพื่อตอกย้ำเรื่องรสชาติที่มอบความสดชื่นอร่อยซ่าไม่เปลี่ยนแปลงด้วย
นางสาวมัณฑนา หล่อไกรเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “’สไปรท์’ เป็นแบรนด์เครื่องดื่มระดับโลกของเดอะโคคา-โคล่า คัมปะนี อีกแบรนด์หนึ่ง ที่สามารถครองใจผู้บริโภคชาวไทยมาได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำอัดลมกลิ่นเลมอนไลม์ตัวจริง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงมากถึง 78.4%[1] ในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำใสซ่า ซึ่งการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่จากขวดพลาสติกสีเขียวเป็นขวดใสในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ World Without Waste ที่มุ่งใช้บรรจุภัณฑ์อย่างมีความรับผิดชอบและส่งเสริมการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด แต่ถึงแม้จะมีการปรับเปลี่ยนสีของบรรจุภัณฑ์ไป ผู้บริโภคยังคงมั่นใจได้เสมอว่า ‘สไปรท์’ ทั้งสูตรออริจินอลและสูตรไม่มีน้ำตาลที่ผู้บริโภคชื่นชอบนั้น จะยังคงรสชาติส่งมอบความสดชื่นของเลมอนไลม์ผ่านความอร่อยซ่าอันเป็นเอกลักษณ์ไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”
เป้าหมายหลักของโคคา-โคล่า ภายใต้วิสัยทัศน์ระดับโลก World Without Waste คือการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์เพื่อนำกลับมารีไซเคิลในปริมาณเทียบเท่ากับปริมาณบรรจุภัณฑ์ที่จำหน่ายออกสู่ตลาดให้ได้ ก่อน พ.ศ.2573 และเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โคคา-โคล่าได้ปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของ ‘สไปรท์’ ในหลายประเทศทั่วโลก เพื่อช่วยให้มีการนำขวด ‘สไปรท์’ กลับมารีไซเคิลได้ง่ายขึ้น ซึ่งเดิมแม้ว่าขวดพลาสติกสีเขียวของ ‘สไปร์ท’ ที่ผลิตจาก Polyethylene Terephthalate หรือ PET จะสามารถรีไซเคิลได้ตามคุณสมบัติของวัสดุอยู่แล้ว แต่มักไม่เป็นที่นิยมในการนำมารีไซเคิล เพราะจะต้องมีการแยกมารีไซเคิลต่างหาก เพื่อไม่ให้มีการปะปนกับขวด PET ชนิดใส ซึ่งมีความนิยมมากกว่าและนำไปเพิ่มมูลค่าผ่านกระบวนการรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้หลากหลายกว่า ด้วยเหตุนี้ การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ ‘สไปรท์’ เป็นขวดพลาสติกใสจะช่วยเพิ่มอัตราการรีไซเคิลของบรรจุภัณฑ์ให้สูงขึ้น
นอกจากนั้น ภายใต้การเปิดตัว ‘สไปรท์’ ลุคใหม่ขวดใส ที่มาพร้อมกับรสชาติความสดชื่นเหมือนเดิมนี้ โคคา-โคล่า ประเทศไทย ยังได้เตรียมกิจกรรมทางการตลาดไว้มากมาย ทั้งโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล สื่อนอกบ้าน การสื่อสาร ณ จุดขายและในร้านค้า ไปจนถึงการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในการจัดกิจกรรมเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคถึงรสชาติอร่อยซ่าเหมือนเดิม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการตระหนักรู้ด้านการเพิ่มมูลค่าให้กับขวดพลาสติก การนำขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลด้วย
‘สไปรท์’ ลุคใหม่! ขวดใส มีวางจำหน่ายในขนาดที่หลากหลาย ผู้บริโภคสามารถเลือกเติมความสดชื่นด้วยรสชาติอร่อยซ่าอันเป็นเอกลักษณ์ของ ‘สไปรท์’ ในลุคใหม่ขวดใส ได้แล้ววันนี้ที่ช่องทางการจำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศ
แพนทีน ผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลผม เข้าใจถึงวิถีใหม่ของการดูแลผมที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญในเรื่องความสวยงามและการดูแลตัวเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีที่ผ่านมาที่หลาย ๆ คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อสุขอนามัย ทำให้เกิดวิถีใหม่ในการดูแลตัวเอง รวมถึงเส้นผม โดยหลาย ๆ คนหันมาเรียนรู้และเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้สามารถทำได้ด้วยตัวเองแต่เห็นผลลัพธ์ไม่ต่างจากการใช้บริการตามร้านเพื่อความงามต่าง ๆ
แพนทีน จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะคิดค้นนวัตกรรมการดูแลผมที่เหนือไปอีกขั้นกับผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด แพนทีน โกลด์ เพอร์เฟคชัน ซีรีส์ ที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนเข้าฟื้นฟู บำรุงเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ดูสุขภาพดี เผยผมสุดสตรองเด้งสวยมีน้ำหนักและเปล่งประกายเงางามข้ามวัน พร้อมนำเทรนด์นิยามใหม่แห่งผมสวยต้องพร้อม #สะบัดเบาซ์ ในทุกเวลาไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบทไหน แม้ข้ามวันยังคง #สะบัดเบาซ์ โชว์ผมสุดสตรองได้
มร. เฮา ทราน, ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม บริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราเข้าใจถึงวิถีชีวิตใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปทุก ๆ ปีของผู้บริโภคและต้องการที่จะนำนวัตกรรมการดูแลเส้นผมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมานำเสนอเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการดูแลเส้นผม ในปีนี้เราเห็นถึงวิถีใหม่ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่สามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง แต่ให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากการทำทรีทเม้นท์ในซาลอน แพนทีน โกลด์ เพอร์เฟคชัน ซีรีส์ ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมคอลลาเจน ไบโอติน และ วิตามิน B3 คือคำตอบของการดูแลเส้นผมที่มาพร้อมกับนิยามใหม่ของผมสวย #สะบัดเบาซ์ ที่เผยผมสวยเช้าจรดเย็นและวันถัดไป ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสาวยุคใหม่พร้อมกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย”
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแพนทีนได้นางเอกชั้นนำของเมืองไทย ญาญ่า - อุรัสยา เสปอร์บันด์ มานำทีมเผยนิยามผมสวยใหม่ #สะบัดเบาซ์ “ด้วยตารางงานที่แน่นมากในแต่ละวัน ทำให้ญาญ่าต้องเจอความร้อนจากการทำผมและเปลี่ยนทรงผม วันละหลาย ๆ ชั่วโมง แต่ญ่าก็ไม่กังวล เพราะแพนทีน คือตัวช่วยในเรื่องการดูแลผมที่ดีที่สุด ช่วยให้ญ่าสามารถดูแลสุขภาพผมให้ดูสตรอง สวยได้เองในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะ แพนทีน โกลด์ เพอร์เฟคชัน เป็น perfect solution สำหรับญ่า ที่ช่วยให้ผมดูสวย พร้อมสะบัดเบาซ์ ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้านเหมือนทำซาลอนทรีทเม้นท์ ขนาดตื่นมาอีกวันผมก็ยังสวยเด้ง ญ่าเลยมีเวลาไปทำอะไรที่สนุกๆ ได้มากขึ้น ญ่า love แพนทีนมากค่ะ และญ่าท้าให้คุณมาสะบัดเบาซ์ด้วยกันนะคะ”
แพนทีน โกลด์ เพอร์เฟคชัน ซีรีส์ มี 2 สูตรประกอบด้วย
● แพนทีน โกลด์ เพอร์เฟคชัน สูตร Weighty Bounce เพื่อผมเด้งสวยมีน้ำหนัก
ช่วยฟื้นบำรุงเส้นผมจากรากจรดปลายด้วยคอลลาเจนและไบโอติน (Biotin) เพื่อผมสวยมีน้ำหนักพร้อม #สะบัดเบาซ์ ในทุกโอกาส ให้ผมกลับมามีชีวิตชีวาเช้าจรดเย็นจนถึงวันถัดมา
แชมพูและคอนดิชันเนอร์ ขนาด 300 มล. 199 บาท และ 530 มล. 279 บาท
● แพนทีน โกลด์ เพอร์เฟคชัน สูตร Radiant Glow เพื่อผมเปล่งประกายเงางาม
ช่วยคืนประกายเงางามให้เส้นผมจนสังเกตได้ด้วยคอลลาเจนและวิตามิน B3 ให้เส้นผมเปล่งประกายในแบบโกลด์เพอร์เฟคชัน ช่วยมอบประกายสดใสให้กับเส้นผม คืนความนุ่มชุ่มชื่นให้กับปอยผมที่เสียมานาน
แชมพูและคอนดิชันเนอร์ ขนาด 300 มล. 199 บาท และ 530 มล. 279 บาท
● แพนทีน โกลด์ เพอร์เฟคชัน โพสต์ สไตลิ่ง แฮร์ รีแพร์ มาสก์ เพื่อฟื้นบำรุงผมเสียสะสมจากการจัดแต่งทรงผม
แฮร์มาสก์ที่ดีที่สุดของแพนทีนด้วยเนื้อมาสก์เข้มข้นด้วยสูตรคอลลาเจน พร้อมเข้าบำรุงล้ำลึก รู้สึกถึงความนุ่มสลวยตั้งแต่สระ มาสก์บำรงเข้มข้นแต่ไม่เหนอะหนะ ทิ้งไว้เพียงความนุ่มสลวยตั้งแต่โคนจรดปลายภายหลังสระ ให้ผมคุณมีน้ำหนักพร้อม #สะบัดเบาซ์ ได้แม้ในวันถัดมา
ขนาดกระปุก 160 กรัม 279 บาท และขนาดซอง 15 มล. 25 บาท (*ขนาดซอง 15 มล. เริ่มจำหน่ายวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป)
#สะบัดเบาซ์ #แพนทีนโกลด์
คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 สำหรับสตรีนำความร่วมสมัยที่ได้รับอิทธิพลจากช่วงเวลาในประวัติศาสตร์และสถานที่ต่างๆ โดยมีสไตล์อ้างอิงมาจากศตวรรษที่ 18 ในแถบยุโรปซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาร์ลหลงใหลผสานกับรายละเอียดงานช่างฝีมือสุดประณีต ซิลลูเอทในยุค90’s และจิตวิญญาณที่ดูสง่างามน่าเกรงขามที่ถูกตีความจากแรงบันดาลใจสุดคลาสสิคผ่านมุมมองของยุคสมัยปัจจุบัน โดยได้ผลลัพธ์คือความแปลกใหม่ในแง่มุมความเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในแบบฉบับของความชิคในยุคสมัยใหม่
หนึ่งในบุคคลทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในศตวรรษ คือพระนางมารีอ็องตัวแน็ต (Marie Antoinette) แห่งฝรั่งเศสผู้ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันด้วยรสนิยมในแฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งแบรนด์คาร์ล ลาเกอร์-เฟลด์ได้ย้อนรำลึกถึงซิลลูเอทอันโดดเด่นในยุคของพระนาง อันประกอบไปด้วย รูปทรงชุดคอร์เซ็ตลายตะเข็บแบบเพพลั่มและชายผ้าระบายจับจีบในเฉดสีชมพูคอตต้อนแคนดี้ที่ถูกนำมาผสมผสานเข้ากับเฉดสีขาวและดำอันเป็นเอกลักษณ์ของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ในขณะเดียวกันสไตล์การแต่งกายในธีม 90’s Power Dressing ก็ได้ปรากฏให้เห็นผ่านแฟชั่นไอเท็มชิ้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดสูทและกางเกงเข้าชุด เสื้อแจ็คเก็ต และกางเกง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการปรับแต่งออกมาให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น
แรงบันดาลใจทางประวัติศาสตร์ในคอลเลคชั่นนี้ยังได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษแถบตอนเหนือ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายในยุคสมัยของพระราชินีแอนน์ (Queen Anne) และคนสนิทของพระองค์อย่าง ซาราห์ เชอร์ชิล (Sarah Churchill) ดัชเชสแห่งมาร์ลโบโรห์ (Marlborough) โดยสไตล์ในยุคดังกล่าวมีรากฐานมากจากการตัดเย็บที่มีโครงสร้างอันทำให้เกิดรูปทรงบริเวณไหล่ การตัดเย็บแบบซ่อนตะเข็บผ้า การตัดเย็บแขนเสื้อที่มีขนาดขยายใหญ่ รวมไปถึงเครื่องแต่งกายที่ทำมาจากเครื่องหนังหัวจรดเท้า ในส่วนของเสื้อคลุมตัวนอกก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งประกอบไปด้วยเสื้อโค้ท โอเวอร์ไซส์ทรงโคคูน เสื้อคลุมทรงเคปผ้ากำมะหยี่ เสื้อคลุมทรงพอนโซ และเทรนช์โค้ท อีกทั้งยังได้อิทธิพลการออกแบบในสไตล์มัสคูลีนซึ่งปรากฏให้เห็นในชุดสูทลายทาง ชุดเดรสหนัง และเสื้อคลุมสเวตเตอร์ทรงเคปที่มีรายละเอียดการปักผ้าแบบโบราณ
การเดินทางในทวีปยุโรปครั้งนี้ได้มาบรรจบลงที่ประเทศเยอรมันสถานที่ซึ่งบทเพลงของอมาเดอุส โมทซาร์ท (Amadeus Mozart) ดังสะท้อนไปทั่วงานเต้นรำสวมหน้ากากในพระราชวัง เช่นเดียวกับงานออกแบบของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ในสไตล์งานปาร์ตี้ ด้วยการเลือกใช้โทนสีเข้ม และพื้นผิวเมทัลลิคผสมผสานเข้ากับเนื้อผ้าชั้นดี และเลื่อมที่เป็นประกาย โดยแฟชั่นไอเท็มชิ้นสำคัญประกอบไปด้วยเสื้อโค้ทขนเฟอร์พิมพ์ลายเสือดาว กระโปรงพู่สีเมทัลลิค และเสื้อเชิ้ตที่ได้รับ แรงบันดาลใจมาจากยุค
90’s ที่มีคอร์เซ็ตในตัว
คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 รวมไปถึงคอลเลคชั่นแคปซูลยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากการออกแบบของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ในยุค 1990s ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านการตัดเย็บบริเวณชายผ้าในรูปแบบใหม่ๆ และการเลือกสรรเนื้อผ้าที่เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการระลึกถึงผลงานสร้างสรรค์ของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์
● แอคเซอซอรี่
ภาพรวมคอลเลคชั่นนี้เต็มไปด้วยการผสมผสานระหว่างสีสันและลวดลายใหม่ๆ ซึ่งเพิ่มความน่าสนใจ และความรู้สึกแปลกใหม่ ซิลูเอทของกระเป๋า เคไอคอน (K/Ikon) ถูกนำมาปรับเปลี่ยนใหม่ด้วยเทคนิคการพิมพ์ลวดลายของหนังงู และหนังจระเข้ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีของดอกฟูเซีย (Fuchsia) และลายกราฟฟิตี้ที่ปรากฏอยู่บนกระเป๋าโท้ททรงโอเวอร์ไซส์ กระเป๋าถือขนาดกลางและเล็ก รวมไปถึงเครื่องหนังชิ้นเล็กอื่นๆ
ในฤดูกาลนี้ กระเป๋าคาร์ล เซเว่น (KARL SEVEN) ได้ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ด้วยการลายพิมพ์หนังจระเข้ในเฉดสีดำ ขาว และเทา รวมไปถึงลายพิมพ์หนังงูในเฉดสีของดอกฟูเซีย (Fuchsia) และโทนสีแบบธรรมชาติ โดยแฟชั่นแอคเซสซอรี่ประกอบไปด้วยกระเป๋าสะพายขนาดกลาง ขนาดเล็ก กระเป๋าขนาดจิ๋ว และเครื่องหนังชิ้นเล็กอีกมากมายที่มีลวดลายพิมพ์ของหนังจระเข้และหนังงู
สำหรับช่วงเทศกาลสำคัญยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมในส่วนของสีเมทัลลิคและลายปักแบบต่างๆ ซึ่งชื่อคาร์ล เซเว่น (KARL SEVEN) นั้นเป็นชื่อที่มาจากหมายเลขนำโชคของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ คือหมายเลขเจ็ด
สำหรับช่วงเทศกาลนี้ กระเป๋าในตระกูล เค ซิกเนอเจอร์ (K/Signature) ได้ถูกนำกลับมาพร้อมฟินิชชิ่งลายกากเพชรและลายปัก ระยิบระยับ ส่วนแฟชั่นแอคเซอซอรี่ที่ไม่ควรพลาดนั้น คือกระเป๋าขนเฟอร์ที่ดูนุ่มสบายแต่ยังคงความชิคในเวลาเดียวกัน
เค ออโตกราฟ (K/Autograph) เป็นกระเป๋าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลายเซ็นของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ที่ปรากฏให้เห็นบนตัวล็อคกระเป๋าโลหะ ซึ่งสอดคล้องไปกับตัวย่อของชื่อคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ตามรูปแบบที่เขาได้เคยเขียนไว้ในวัยหนุ่ม โดยประกอบไปด้วยกระเป๋าสะพายที่มีสายสะพายจากโซ่ และกระเป๋าสะพายข้างที่มีสายสะพายจากหนัง ซึ่งกระเป๋าคู่นี้ได้ถูกออกแบบมาในสามเฉดสี ได้แก่ สีแดงแบบคลาสสิคที่จับคู่เข้ากับตัวล็อคสีเงิน สีเฮเซลวู้ดที่จับคู่เข้ากับตัวล็อคสีกันเมทัล (Gun Metal) และสีดำที่จับคู่กับตัวล็อคสีทอง ซึ่งตัวล็อคสุดพิเศษนี้ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่บนกระเป๋าทรง K/Autograph Urban อีกด้วย ซึ่งเป็นกระเป๋าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเข็มขัด ประกอบไปด้วยสายกระเป๋าที่ทำมาจากโซ่เส้นใหญ่ โดยภายในกระเป๋ามีช่องเก็บของสองช่องที่มีซิปด้านบน ซึ่งสามารถเลือกถือได้สองแบบไม่ว่าจะถือจากที่จับด้านบนหรือใช้สายสะพายยาวเพื่อสะพายด้านข้าง โดยมีให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาดใหญ่และเล็ก ในโทนสีดำ สีธรรมชาติ และสีฟ้ามัลติ คัลเลอร์
กระเป๋า เค คุชั่น (K/Kushion) นั้นถูกนำมาปรับขยายให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น โดยสร้างสรรค์ขึ้นจากแผ่นนุ่นที่ให้ความรู้สึกนุ่ม มีน้ำหนักเบาและวัสดุที่มีพื้นผิวที่เกิดจากเทคนิคการอัดพลีทในสองสไตล์ คือ กระเป๋าโท้ททรงโอเวอร์ไซส์ที่สามารถพับได้ และกระเป๋าคลัทช์ที่สามารถถอดสายออกได้ โดยกระเป๋าทั้งสองแบบนี้มีให้เลือกในเฉดสีดำแบบคลาสสิค และเฉดสีเมทัลลิค ที่ถูกประดับด้วยแถบชื่อแบรนด์ Karl Lagerfeld ประทับไว้บนตัวกระเป๋าด้านนอก
ในลำดับสุดท้าย กระเป๋า เค สตูดิโอ (K/Studio) ถูกนำมาปรับเปลี่ยนและเพิ่มลูกเล่นใหม่ด้วยการประทับด้วยแพทเทิร์นตัวอักษร “K” ที่มีลักษณะใหญ่ขึ้นพร้อมทั้งเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่เพื่อให้ดูมีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น
#KARLLAGERFELD #KARLLAGERFELDTH #PATLuxuryGroup
เว็บไซต์นี้มีการเก็บ Cookies เพื่อปรับปรุงการให้บริการ จิ้มดู นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม