

กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดตัว “ไมค์ – พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” นักร้อง-นักแสดงขวัญใจมหาชน เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรก “แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์” ถ่ายทอดภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ สมาร์ท ใส่ใจสุขภาพ พร้อมดูแลตนเองและคนในครอบครัวให้สดชื่นดูดีได้ในทุกๆ วัน โดย ไมค์ – พิรัชต์ จะมาสร้างสีสันและส่งมอบประสบการณ์พิเศษให้แฟนๆ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่จะเผยเคล็บลับความสดชื่น ดูดีในแต่ละวันอย่างง่ายๆ ตามแบบฉบับของไมค์ ที่สามารถส่งต่อให้กับทุกคนได้สะดวก ทุกวัน ทุกช่วงเวลา สอดคล้องกับสโลแกน "สดชื่นเต็มที่ สิ่งดีๆ เต็มขวด”
ไมค์ – พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มธุรกิจ TCP ให้มาร่วมส่งต่อความสดชื่นให้กับทุกคน ผ่านแมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ ที่ดีต่อสุขภาพด้วยน้ำตาล 0% แคลอรี 0% ให้ความสดชื่นได้ครบจบในขวดเดียว สำหรับใครที่ชื่นชอบในการดูแลตัวเองและคนข้างกายในทุกโอกาส ผมขอฝาก แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ เป็นเครื่องดื่มประจำบ้าน มีติดตู้เย็นไว้ เพื่อความสดชื่นที่สะดวกและดีต่อสุขภาพได้ทุกวัน”
แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ บรรจุในขวดหูหิ้ว พกพาสะดวก มีทั้งหมด 2 สูตร แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ได้แก่
● สูตร Multi-vitamin ฝาเขียว กลิ่นแพนแดน สดชื่น ครั้งแรกกับน้ำดื่มผสมวิตามินหอมกลิ่นใบเตย อุดมด้วยวิตามินบี 3 และ 6 มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาท วิตามินบี 12 และ ซิงค์ มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และมีแอล-อาร์จินีน ดื่มได้ทุกวัน
● สูตร Beta-Glucan ฝาแดง หวานอ่อนๆ หอมชื่นใจ ไม่ซ้ำใคร อุดมด้วยเบต้า-กลูแคน นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ภายใต้เครื่องหมายการค้า Wellmune ซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยวิตามินซีสูง 200% และซิงค์ มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน สำหรับทุกคนและทุกโอกาส
แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ พร้อมส่งต่อความสดชื่นเต็มที่ สิ่งดีๆ เต็มขวดแล้ววันนี้ หาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
ผ่านการทดสอบมามากกว่า 11,000 ไมล์ รองเท้า UA Flow Velociti Wind เป็นรองเท้าวิ่งใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับนวัตกรรมที่ซัพพอร์ตการวิ่งผ่านการออกแบบลวดลายของรองเท้า และการใช้เทคโนโลยีโฟมชนิดใหม่ที่ตัดชิ้นส่วนยางชั้นนอกของรองเท้าออกไป
Flow state คืออะไร? Flow state คือสภาวะการลื่นไหล เป็นความรู้สึกที่สามารถสัมผัสได้หลังจากได้วิ่งไปกว่าหลายไมล์ สลัดความคิดอื่นออกเหลือเพียงแค่ความรู้สึกที่อยากจะวิ่งต่อไปเรื่อยๆ เพราะเพลิดเพลินไปกับร่างกายที่เบาและรวดเร็ว จนทิ้งไว้เพียงสายลมที่พัดผ่านแผ่นหลังของคุณ สภาวะการลื่นไหลดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่นักวิ่งหลายๆคนต่างหลงใหลและเฝ้าตามหาอยู่เสมอ
Under Armour ได้รับแรงบันดาลใจจากนักกีฬาวิ่งชั้นนำ และมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้พัฒนาตัวเอง ในโลกของกีฬาที่ทุกวินาทีล้วนมีความหมาย ทีม Under Armour มุ่งพัฒนารองเท้าที่ไม่เพียงมีน้ำหนักเบา แต่ยังมีซัพพอร์ทที่ดีที่ช่วยในการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงของนักกีฬาวิ่งระดับ elite ด้วย ภายใต้แนวคิดว่า เราจะสามารถสร้างรองเท้าที่มุ่งเพิ่มความเร็ว และทำลายขีดจำกัดได้อย่างไร? เราสามารถกำจัดพื้นชั้นนอกซึ่งเป็นส่วนที่หนักที่สุดออกไป โดยไม่เสียความทนทานหรือความสามารถในการเกาะยึดของรองเท้าได้หรือไม่?
ด้วยระยะเวลา 3 ปี กับการทดสอบกับวัสดุกว่า 17 ครั้ง การทดสอบทางชีวกลศาสตร์ 9 ครั้ง การทดสอบรองเท้า 15 ครั้ง และการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานของรองเท้าอีกกว่า 11,000 ไมล์ ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ และนับเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีพื้นชั้นกลาง UA Flow
UA Flow มีความเด้ง มีการยึดเกาะถนนที่ดี และมีซัพพอร์ทเพียงพอด้วยเทคโนโลยีโฟมเต็มแผ่นที่ไม่ต้องใช้ยางเป็นพื้นชั้นนอก ช่วยให้ Under Armour สามารถพัฒนานวัตกรรมรองเท้าวิ่ง พร้อมคุณสมบัติยึดเกาะพื้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดรองเท้า UA Flow เปิดตัวในรองเท้าวิ่งคุณภาพสูงรุ่นใหม่ UA Flow Velociti Wind นับเป็นรองเท้าวิ่งรุ่นแรกที่มีการใช้เทคโนโลยีนี้
รองเท้า UA Flow Velociti Wind ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมคุณสมบัติคืนแรงส่ง และการยึดเกาะพื้นถนน ช่วยให้คุณสามารถวิ่งได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล นอกจากนี้ด้านบนรองเท้ายังมี UA Warp เทคโนโลยีผ้าถักที่โอบกระชับเท้า เพื่อปลดล็อคประสิทธิภาพการวิ่งของผู้ใช้งาน รองเท้า UA Flow Velociti Wind ออกแบบมาโดยเพื่อการวิ่งทำความเร็วของผู้ใช้งานมากกว่าเป็นรองเท้าสำหรับวิ่งระยะไกล ให้ผู้ใช้งานวิ่งได้อย่างรวดเร็วเหมือนทิ้งสายลมหนุนอยู่เบื้องหลัง
● สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยนักวิ่งเข้าถึงสภาวะการลื่นไหล
เทคโนโลยี UA Flow เกิดจากไอเดียของทีมพัฒนานวัตกรรมรองเท้าของเราที่เมือง พอร์ตแลนด์ โอเรกอน ร่วมมือกับหนึ่งในบริษัทวิจัยวัสดุศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สู่ตลาด โดยเริ่มจากการตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ใช้งานสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วเหมือนทิ้งสายลมไว้เบื้องหลัง? นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างนอกกรอบ ด้วยการหาเทคโนโลยีมาทดแทนพื้นยางชั้นนอก แต่ยังคงไว้ซึ่งความสบาย ความยืดหยุ่น และการยึดเกาะพื้นในทุกๆ ก้าว
“Flow คือความสมูท ทั้งความสมูท องประสบการณ์ที่ได้รับขณะวิ่ง ความสมูทตั้งแต่การเดินไปจนถึงการออกตัววิ่ง เป็นความรู้สึกลื่นไหลทั้งในรอบขาและการลงเท้าไม่รู้สึกถึงสิ่งรบกวนใดๆ ไม่สามารถมีอะไรมาขัดขวางคุณได้เหมือนคุณเข้าไปอยู่ใน Flow State” ทอม ลูเดคเคอ (Tom Luedecke) ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ ฝ่ายพัฒนานวัตกรรมรองเท้า กล่าว
การพัฒนา UA Flow เกิดจากการร่วมมือระหว่าง Dow Chemical และทีม Under Armour หลากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายพัฒนานวัตกรรม ฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ ฝ่ายชีวกลศาสตร์ กลุ่มนักกีฬาและผู้บริโภค และฝ่ายอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยจำนวนคนกว่า 50 คนที่ร่วมกันพัฒนาจึงทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่นี้สู่ตลาด โดยในช่วงของการทดลองการใช้งานเทคโนโลยี UA Flow นั้น เราได้ทำการทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าวกับกลุ่มนักกีฬาชั้นนำถึง 130 คน ผ่านการวิ่งเป็นระยะทางมากกว่า 11,000 ไมล์
ก่อนหน้านี้เทคโนโลยีพื้นส่วนกลาง UA Flow เริ่มใช้งานเป็นครั้งแรกในรองเท้าบาสเกตบอล เมื่อครั้งเปิดตัวรองเท้า Curry 8 FLOW รองเท้าบาสเกตบอลยอดนิยมของสเตฟเฟ่น เคอร์รี่ (Stephen Curry) การร่วมมือกับนักกีฬาบาสเกตบอลชื่อดังระดับโลกแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ทีม Under Armour สามารถนำความรู้ที่ได้จากกีฬาประเภทอื่น มาปรับใช้และพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งนักบาสเกตบอลและนักวิ่งระดับสูงได้
“เวลาได้ใส่ UA Flow Velociti Wind ฉันรู้สึกเบาสบาย เหมือนไม่มีอะไรมารั้งฉันไว้ได้” มอร์แกน แมคโดนัลด์ (Morgan McDonald) นักวิ่งมืออาชีพ UA กล่าว
● UA FLOW คืออะไร?
UA Flow ปฏิวัติการดีไซน์รองเท้าแบบเดิมด้วยการทำหน้าที่พื้นรองเท้าแทนที่พื้นยางชั้นนอก ทำให้สามารถลดน้ำหนักของรองเท้าที่เพิ่มมาจากการใช้พื้นยางได้เฉลี่ยมากถึง 2-3 ออนซ์เมื่อเทียบกับรองเท้าวิ่งทั่วไป นอกจากนี้ UA Flow ยังเป็นเทคโนโลยีพื้นส่วนกลางที่เบาที่สุดในขณะนี้ ของกลุ่มรองเท้าวิ่ง UA ที่มาพร้อมกับโฟมรับแรงกระแทกน้ำหนักเบา ช่วยเพิ่มความทนทานให้กับรองเท้าวิ่ง นอกจากนี้โฟมยังมีความสามารถในการเกาะติดพื้นผิวตามธรรมชาติ ทำให้การเสริมชั้นหนาๆหลายชั้นในอดีตจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป
เทคโนโลยี UA Flow เปิดตัวครั้งแรกในรองเท้า UA Flow Velociti Wind รองเท้าวิ่งแบบเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่มีน้ำหนักเบา ออกแบบมาเพื่อนักวิ่งที่ต้องการพื้นรองเท้าแบบธรรมชาติ สามารถเพิ่มความเร็วให้กับผู้ใช้งานได้ และด้วยน้ำหนักเพียง 8.5 ออนซ์ (รองเท้าชาย ไซส์ 9) รองเท้า UA Flow Velociti Wind จึงเป็นคำตอบสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความเร็ว และการซัพพอร์ทระหว่างการวิ่งแบบ Tempo การวิ่งระยะยาวด้วยความเร็ว หรือแม้แต่การแข่งขันระยะไกลประเภทถนน
“รองเท้าคู่นี้น้ำหนักเบามากจนเหมือนกับเราไม่ได้ใส่รองเท้า ช่วยให้สามารถเข้าสภาวะการลื่นไหลในระหว่างการออกกำลังกายได้ง่ายขึ้นเมื่อรองเท้าผสานไปกับเท้าได้อย่างพอดี ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว และมีน้ำหนักที่เบามาก จนไม่ทำให้เราเสียสมาธิ” มาเดลลิน คอปป์ (Madeline Kopp) นักวิ่งมืออาชีพ UA กล่าว
● ฟีเจอร์ใหม่เพื่อการรังสรรค์รองเท้าที่เหมาะกับตัวคุณ
UA Warp คืออัปเปอร์ หรือส่วนหน้าผ้าของรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อโอบกระชับสรีระเท้าของผู้ใช้งานเป็นอย่างดี เพื่อปลดล็อคประสิทธิภาพการวิ่งถึงขีดสุด โดยผ้าถักดังกล่าวทำหน้าที่เสมือนเข็มขัดนิรภัยให้กับเท้า ผ้าถักดังกล่าวมีการจัดวางเป็นอย่างดีในตำแหน่งที่นักชีวกลศาสตร์ของ Under Armour เชื่อมั่นว่าเป็นส่วนที่สามารถสนับสนุนนักวิ่งได้เป็นอย่างดี ผ้าถักจะตึงเมื่อคุณเริ่มเคลื่อนไหว และผ่อนลงเมื่อคุณหยุด ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากหน้าผ้ารองเท้าแบบเดิมๆ
เทคโนโลยีหน้าผ้า UA Warp นั้นจะเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวกับเท้า เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนได้ในทุกการเคลื่อนไหว และช่วยปลดล็อคประสิทธิภาพการวิ่งของผู้ใช้งาน โดยการพัฒนาให้เท้ายึดติดกับรองเท้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยี UA Warp จะช่วยล็อคเท้าของคุณให้แนบสนิทไปกับพื้นส่วนกลาง UA Flow ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ขัดกับการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของเท้า
รองเท้า UA Flow Velociti Wind ช่วยให้นักวิ่งสามารถเกาะติดกับพื้นได้ดียิ่งขึ้น วิ่งได้อย่างมั่นใจ ด้วยพื้นรองเท้าชั้นนอกที่ปราศจากยางทำให้สามารถเกาะพื้นผิวได้ดีกว่ารองเท้ารุ่นเดิม และถึงแม้รองเท้าคู่นี้จะไม่ได้ใช้ยางเป็นพื้นชั้นนอก ผู้ใช้งานก็ยังสามารถมั่นใจได้ในทุกพื้นผิวที่วิ่ง ตั้งแต่พื้นซีเมนต์ที่เปียก ไปจนถึงถนนขรุขระ
“เทคโนโลยี UA Flow นับได้ว่าเป็นอีกก้าวใหญ่ของ Under Armour และเปิดโอกาสให้กับเราในการพัฒนารองเท้ารุ่นใหม่ในอนาคต” จอช แรทเทท (Josh Rattet) รองประธานฝ่าย Global Footwear จาก Under Armour กล่าว “ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา พวกเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาแบรนด์รองเท้าวิ่งที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือมาโดยตลอด และ UA Flow Velociti Wind ก็นับเป็นข้อพิสูจน์ให้กับความมุ่งมั่นของเราที่จะพัฒนาอุปกรณ์ที่สนับสนุนให้นักวิ่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
PRODUCT DNA:
- น้ำหนักรองเท้าผู้ชาย (ไซส์ 9 us) 8.5 ออนซ์ (241 กรัม)
- น้ำหนักรองเท้าผู้หญิง (ไซส์ 7 us) 8.02 ออนซ์ (227 กรัม)
- ราคา: 4,859 บาท
- ความสูงของส้นเท้า (Heel): 26 มม.
- ความสูงของปลายเท้า (Forefoot): 18 มม.
- ค่าดร็อป (Offset): 8 มม.
UA Flow Velociti Wind เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 มีนาคม 2564 ที่เว็บไซต์ UA.com และ UA Brand House ทั้ง 6 สาขา (สาขาศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สาขาศูนย์การค้าเมกา บางนา สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเวสต์เกต) และ Sports Mall สาขาศูนย์การค้าสยามพารากอน
สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Under Armour และโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
- เว็บไซต์ www.underarmour.co.th
- Line Official Account @underarmourth
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Lazada
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Shopee
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย “การเป็นสถาบันการเงินที่หนึ่งในใจลูกค้า” เดินหน้าสร้างความพอใจที่เหนือความคาดหวัง เปิดตัวบัญชีออมทรัพย์จัดให้คู่กับบัตรเดบิตใหม่ “กรุงศรี จัดให้ D” ที่มาพร้อมแนวคิด “ได้ฟรี ยังไม่ดีเท่าได้คืน” มอบสิทธิประโยชน์คืนให้แก่ลูกค้าทั้ง Welcome GIFT, Monthly GIFT และ Krungsri GIFT ทุกเดือนผ่านกรุงศรีโมบายแอปพลิเคชัน (KMA) เพิ่มเติมจากการให้ฟรีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม ฝาก ถอน โอน จ่าย ตอบโจทย์ลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ใช้งานบัญชีออนไลน์และมองหาความคุ้มค่าที่มากขึ้น พร้อมให้เปิดบัญชีและสมัครบัตรเดบิต ผ่าน Krungsri Mobile Application-KMA ได้แล้ววัน
นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินและสร้างสรรค์บริการใหม่เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเน้นสร้างความพอใจสูงสุดเหนือความคาดหวังให้กับลูกค้าของเรา ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เราพบว่าไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของคนรุ่นใหม่จำนวนมากเกิดขึ้นผ่านช่องทางดิจิทัลบนโมบายแอปพลิเคชัน และทุกคนต่างมองหาความคุ้มค่าที่เพิ่มมากขึ้นเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง New Normal นี้ ขณะที่ปัจจุบันบัญชีออมทรัพย์ในตลาดต่างมุ่งเน้นนำเสนอการให้ฟรีเรื่องค่าธรรมเนียมการให้บริการและดึงดูดลูกค้าด้วยบริการเสริมอื่นๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไปในมุมมองของผู้บริโภค ดังนั้นกรุงศรีจึงพร้อมเข้ามาต่อยอดด้วยความคุ้มค่าที่เหนือกว่า กับบัญชีเพื่อการใช้จ่ายที่ให้มากกว่าแค่คำว่าฟรี ด้วยบัญชีออมทรัพย์จัดให้และบัตรเดบิต “กรุงศรี จัดให้ D” บนแนวคิดที่ว่า “ได้ฟรี ยังไม่ดีเท่าได้คืน” สิ่งที่กรุงศรีให้ต้องเหนือกว่าความคาดหวัง มากไปกว่า “ฟรี” กรุงศรียัง “ให้คืน” ด้วย e-coupon ที่ลูกค้าสามารถนำไปใช้จ่ายได้ในร้านค้าชั้นนำที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อีกด้วย”
กรุงศรีจัดให้ D เป็นบัญชีเพื่อการใช้จ่ายที่ไม่เพียงแค่ให้ฟรีค่าธรรมเนียม แต่ยังให้สิทธิประโยชน์คืนมากมาย เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า โดยสามารถเปิดบัญชีและสมัครบัตรเดบิตได้ง่ายๆ บนแอปพลิเคชัน KMA ไม่จำเป็นต้องไปสาขา ไม่มียอดขั้นต่ำในการเปิดบัญชี สะดวกสบายกับการทำธุรกรรมต่างๆ เบิก ถอน โอน จ่าย ได้ฟรี ผ่าน KMA ช่องทางออนไลน์ เครื่องเอทีเอ็ม
เปิดบัญชีออมทรัพย์พร้อมสมัครบัตรเดบิต “กรุงศรี จัดให้ D” ค่าธรรมเนียมรายปี 400 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2564
- ได้คืนเน้นๆ ด้วย Welcome GIFT e-Coupon มูลค่ารวม 200 บาท ผ่าน KMA เมื่อเปิดบัญชีและสมัครบัตรเดบิตภายในวันเดียวกัน
- ได้คืนทุกเดือนตลอดปี กับ Monthly GIFT มูลค่า 100 บาท ทุกเดือน เมื่อทำรายการผ่านบัญชีออมทรัพย์จัดให้ D หรือบัตรเดบิตจัดให้ D ครบ 10 รายการต่อเดือน ทำทุกเดือนได้คืนทุกเดือนจนถึง 31 ธันวาคม 2564
- ได้คืน Krungsri GIFT ทุกเดือน เมื่อทำธุรกรรม ฝาก ถอน โอน จ่ายครบทั้ง 4 ประเภทในแต่ละเดือน
สิทธิประโยชน์ยังครอบคลุมทุกธุรกรรมฟรีตลอดชีพ ประกอบด้วย ฟรี! กดเงินที่ตู้ ATM ทุกธนาคาร (ทุกตู้ทั่วประเทศ ไม่จำกัดครั้ง) ฟรี! จ่ายบิลค่าสินค้าและบริการ/เติมเงิน ฟรี! โอนเงินภายในธนาคารข้ามเขต และ ฟรี! โอนเงินต่างธนาคารและโอนเงินพร้อมเพย์ผ่านช่องทาง กรุงศรีโมบายแอปพลิเคชัน (KMA) กรุงศรี ออนไลน์ (KOL) กรุงศรี บิซ ออนไลน์ (KBOL) และเครื่องเอทีเอ็ม
“เราเชื่อว่าบัญชี กรุงศรีจัดให้ D จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดบัญชีเงินฝากเพื่อการใช้จ่าย และจะสามารถดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่ ที่มองหาความคุ้มค่าที่มากกว่ามาตรฐานความฟรีแบบเดิมๆ โดยตั้งเป้าว่าจะมีการเปิดบัญชี กรุงศรีจัดให้ D และหวังว่าผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ออกมาใหม่เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จะสร้างให้เกิดความชื่นชอบในแบรนด์ สนับสนุนให้กรุงศรีเป็นธนาคารที่หนึ่งในใจของลูกค้าได้สำเร็จ” นายพงษ์อนันต์ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สนใจเปิดบัญชี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/301bvgc
Estée Lauder ประกาศวันนี้ว่า บริษัทได้เซ็นสัญญากับ Ana de Armas นักแสดงผู้เข้าชิงรางวัล Golden Globe และผู้อยู่ในรายชื่อ TIME100 Next ประจำปี 2021 เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนใหม่ โดย Ana จะปรากฏตัวตามแคมเปญต่าง ๆ ทั้งในช่องทางดิจิทัล โทรทัศน์ ร้านค้า และสื่อสิ่งพิมพ์ สำหรับแคมเปญแรกจะเป็นการเปิดตัวน้ำหอมใหม่ในเดือนมีนาคม ปี 2021 นี้ ในการนี้ Ana ได้เข้าร่วมกับทีมแอมบาสเดอร์ทั่วโลกของ Estée Lauder อย่างเช่น Anok Yai, Bianca Brandolini D'Adda, Carolyn Murphy, Diana Penty, Grace Elizabeth, Karlie Kloss และ Yang Mi
"เราตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Ana ในการร่วมงานกับแบรนด์ Estée Lauder" Stéphane de La Faverie ประธานกลุ่มบริษัท The Estée Lauder Companies และประธานแบรนด์ Estée Lauder และ AERIN กล่าว "เรื่องราวของ Ana ในการฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อไขว่คว้าความฝันในการเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลก ความสามารถ ความอบอุ่น และความงามของเธอจะนำพลังใหม่มาสู่แบรนด์ของเรา"
"ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนแบรนด์ที่โดดเด่นขนาดนี้" Ana de Armas กล่าว "ระหว่างการเติบโตของฉันในคิวบา ฉันรู้สึกชื่นชมและผูกพันกับเรื่องราวของคุณ Estée Lauder เป็นอย่างยิ่ง เธอเข้าใจว่าคนเราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้ความฝันเป็นจริง ทุกอย่างที่เธอทำได้สร้างแรงบันดาลใจในตอนนั้น และยังคงเป็นเช่นนั้นในวันนี้ ฉันภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตำนาน Estée Lauder และแบ่งปันเรื่องราวของเธอ"
ในยุคปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ตโฟนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในแทบทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่สมาร์ตโฟนเหมือนเป็นผู้ช่วยสุดพิเศษที่ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่น หรือจะเป็นเพื่อนคู่ใจในช่วงเวลาพักผ่อนระหว่างทริปท่องเที่ยว สามารถเก็บภาพถ่ายสุดประทับใจ รวมทั้งใช้เป็นเพื่อนคลายเหงาเล่นเกมสนุกๆ และรับชมวิดีโอสุดโปรดในยามว่างได้อย่างลงตัว วันนี้จะพามาส่อง 6 ฟีเจอร์สุดปังบนสมาร์ตโฟนน้องใหม่ Vivo Y31 กับความสามารถที่เติมเต็มทุกประสบการณ์การใช้งาน ท้าพิสูจน์ให้เห็นกันไปเลยว่าสมาร์ตโฟนโดนๆ ไม่ได้มาพร้อมกับราคาที่แพงเสมอไป
1. โดดเด่นด้วยกล้อง AI พร้อมเก็บภาพความประทับใจ
Vivo Y31 มาพร้อมกับกล้องหลัง AI คุณภาพถึง 3 ตัว ทั้งเลนส์กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล และ กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล ให้ภาพเซลฟีสวยเป็นธรรมชาติ รวมทั้งกล้องเลนส์โบเก้ (Bokeh) และกล้องเลนส์ Super Macro ที่พร้อมให้คุณเลือกเก็บความทรงจำได้ในหลายรูปแบบ มอบโอกาสให้คุณสามารถเลือกถ่ายภาพได้ในแบบที่ถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นการถ่าย Portrait เก๋ๆ มีโบเก้ประดับ ถ่ายวิวสวยๆ อวดเพื่อนในโซเชียล หรือถ่ายภาพกลางคืนด้วย Super Night Mode ที่อัลกอริธึมสามารถประมวลผลภาพให้คมชัดยิ่งขึ้น และยังมีฟิลเตอร์ Stylish Night ที่มาพร้อมตัวเลือกถึง 4 แบบ เรียกได้ว่างานนี้ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวที่ไหน ก็สามารถเก็บทั้งรูปภาพและวิดีโอเป็นความประทับใจได้แบบไม่มีลืม
2. แบตเตอรี่สุดอึด พร้อมให้ใช้งานได้ตลอดวัน
เคยไหมกับการที่ออกไปทำงานนอกสถานที่แล้วแบตเตอรี่มือถือหมดกระทันหัน หรือระหว่างที่กำลังเล่นเกมมันส์ๆ แต่แบตเตอรี่ลดฮวบจนทำให้หงุดหงิด แต่ใน Vivo Y31 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุถึง 5000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W พร้อมมอบประสบการณ์ให้คุณประทับใจได้อย่างไม่มีสะดุด จะออกไปเที่ยวที่ไหน ก็ไม่ต้องพกสายชาร์จแล้ว
3. จอใหญ่สะใจ พร้อมเติมเต็มทุกความบันเทิง
Vivo Y31 จัดเต็มกับหน้าจอ Halo FullView™ Display ขนาด 6.58 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ FHD+ 1080P มอบประสบการณ์การทำงานอย่างเต็มรูปแบบ จัดการทุกงานได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์สุดโปรด ทั้งเล่นเกมและรับชมวิดีโอ และยังช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ให้คุณเต็มที่กับทุกความบันเทิงได้อย่างสบายใจ
4. สไตล์เก๋ไม่ซ้ำใคร ด้วยสีสันแบบสามมิติ
กดถ่ายภาพ Mirror Selfie กันได้แบบปังๆ เพราะตัวเครื่องของ Vivo Y31 นั้นออกแบบมาด้วยดีไซน์บางเฉียบ พร้อมสีสันสามมิติ (Dazzling 3D color) ทั้งสี Racing Black ที่มากับความเรียบหรูไร้ที่ติ และสี Ocean Blue ที่มีแรงบันดาลใจจากมหาสมุทรริมชายหาด กับระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง มอบความสะดวกให้กับการปลดล็อค
5. เร็วและแรง ด้วยชิปเซ็ตทรงพลัง
เล่นเกมได้อย่างไม่สะดุด แถมยังรับชมวิดีโอได้อย่างไม่มีกระตุก ด้วยชิปเซ็ตทรงพลัง Qualcomm® Snapdragon™ 6 Series Mobile Platform พร้อม RAM 8GB เสริมความเร็วและแรงเติมเต็มประสบการณ์การทำงานและกิจกรรมสุดมันส์บนสมาร์ตโฟนได้อย่างเต็มที่ พร้อมฟีเจอร์ Multi Turbo 4.0 เล่นทุกเกมได้ลื่นไหลกว่าที่เคย
6. Funtouch OS ระบบปฏิบัติการที่เหมาะสำหรับทุกการใช้งาน
Vivo Y31 รองรับระบบปฏิบัติการ Android11 พร้อม Funtouch OS11 ที่ใช้ง่ายสำหรับผู้ใช้ทุกวัย และมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI Album ในเทมเพลต Vlog ให้คุณสามารถแชร์วิดิโอเก๋ๆ บนโซเชียลมีเดียได้อย่างโดดเด่นและมีสไตล์ อีกทั้งยังมอบผู้ช่วยสุดพิเศษอย่าง iManager ฟีเจอร์ที่พร้อมเป็นผู้ช่วยให้กับผู้ใช้งาน ในการตั้งค่าดูแลระบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดไฟล์ขยะ หรือสแกนปัญหาในเวลากลางคืน เรียกได้ว่านอกจากความจุ 128GB กับความสามารถในการอัพเกรดพื้นที่เก็บข้อมูลได้มากถึง 1TB แล้ว สมาร์ตโฟนของคุณยังจะสามารถมีพื้นที่หน่วยความจำเหลือว่าง ลดปัญหาเครื่องช้า และยืดอายุแบตเตอร์รี่ด้วยฟีเจอร์ที่มาพร้อมกันกับตัวเครื่องอีกด้วย
Vivo Y31 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ด ๆ อีกมากมาย พร้อมจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 7,499 บาท ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ Vivo Official Online Store
Under Armour (อันเดอร์ อาร์เมอร์) ผู้นำแบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา เผยกลยุทธ์ทำตลาดเอาใจผู้บริโภคชาวไทย เดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนนักกีฬาและผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะทำให้ผู้ใช้ก้าวสู่การพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจที่ดียิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำความเป็นแบรนด์ Human Performance ที่มุ่งมั่นพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพของนักกีฬาอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่วงฝึกซ้อม (Train) ช่วงการแข่งขัน (Compete) และช่วงการฟื้นฟูพละกำลัง (Recover) เพื่อเตรียมพร้อมสู่การฝึกซ้อมครั้งต่อไปสำหรับการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้น
โดยในปี 2021 นี้ Under Armour ต่อยอดแคมเปญ Through This Together แคมเปญระดับโลกจากปีที่แล้ว ที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของแรงผลักดันที่ช่วยให้นักกีฬามุ่งมั่นจะพัฒนาตนเองเพื่อก้าวผ่านขีดจำกัด ด้วยแคมเปญ Through The Mind และ Mental Strength พร้อมเปิดตัว UA Performance Academy แพลตฟอร์มดิจิทัลที่รวบรวมเทคโนโลยีและความรู้เพื่อการพัฒนาความแข็งแกร่งทางจิตใจไปพร้อมๆ กับความแข็งแกร่งทางร่างกาย ซึ่ง Under Armour เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงความรู้ แบบฝึกหัด เครื่องมือ และเทคนิกสุดล้ำที่นักกีฬาชั้นนำระดับโลกใช้ Under Armour ยังได้วางแผนร่วมมือกับนักกีฬาชื่อดังอย่างไมเคิล เฟลป์ส (Michael Phelps) นักว่ายน้ำชื่อดังชาวอเมริกันผู้คว้าเหรียญรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์, จู ถิง (Zhu Ting) นักวอลเลย์บอลผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกโอลิมปิก และแชมป์วอลเลย์บอลเวิลด์คัพ 2 สมัย และแอนโทนี โจชัว (Anthony Joshua) แชมป์โลก IBF รุ่นเฮฟวี่เวทจากสหราชอาณาจักร เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกปี 2012 มาแบ่งปันเรื่องราวเส้นทางการเอาชนะอุปสรรคภายในจิตใจผ่านทางแพลตฟอร์มดิจิทัลนี้
Under Armour ยังได้เผยโฉมผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำจากคอลเลกชัน Spring / Summer 2021 ที่จะช่วยสนับสนุนนักกีฬาและคนทั่วไปที่แสวงหาความเปลี่ยนแปลงเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่ง รวมไปถึง
● รองเท้าวิ่ง (Running Footwear)
- UA Flow Velociti Wind รองเท้าวิ่งใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นไฮไลต์สำหรับปีนี้ เป็นรองเท้าวิ่งรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีพื้นรองเท้า Flow ต่อยอดจากรองเท้าบาสเกตบอล Curry 8 Flow มาพร้อมคุณสมบัติคืนแรงส่ง ยึดเกาะถนนได้ดี และยังมีซัพพอร์ทที่เกิดจากพื้นชั้นกลางที่ทำจากโฟมชนิดใหม่ แหวกกรอบเดิมๆ กับรองเท้าวิ่งที่ไม่ต้องใช้ยางเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ทำให้มีน้ำหนักเบาแต่ยังให้ประสิทธิภาพสูงแก่นักวิ่งผู้สวมใส่ที่รักการวิ่งด้วยความเร็วสูง สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันMapMyRun ที่พัฒนาโดย Under Armour ได้
- UA HOVR Suite รองเท้าวิ่งจากซีรีส์ HOVR ที่ยังคงเทคโนโลยีรองรับแรงกระแทก HOVR ที่ทั้งนุ่มและยังคืนแรงส่งได้ดี กลับมาอีกครั้งกับการอัพเกรดใหม่ที่ประกอบไปด้วย HOVR Machina 2, HOVR Infinite 3, HOVR Sonic 4 ซึ่งทุกรุ่นสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน MapMyRun ที่พัฒนาโดย Under Armour ได้
● ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง (Women Product)
Under Armour ไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบโดยเฉพาะเพื่อผู้หญิง ด้วยการนำเสนอ สปอรต์บราและเลกกิ้งที่ถูกออกแบบด้วยนวัตกรรมผ้าที่ล้ำสมัย รองรับและกระชับทุกสรีระของผู้หญิง เพื่อสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้นให้กับสาวๆ ที่มีไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟ ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันผู้หญิงสู่เป้าหมายที่ท้าทายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- ARMOUR MID CROSSBACK Bra ที่เก็บทรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สวมใส่ง่าย มาพร้อมกับรองรับหน้าอกขณะเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น
- UA Infinity Bra สร้างด้วยนวัตกรรมผ้าของ Under Armour ที่ลํ้าหน้าที่สุด ทำให้บรานี้มีนํ้าหนักเบา ไร้รอยต่อ และแห้งเร็วที่สุดในบรรดาสปอร์ตบราของ Under Armour ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- UA Rush Bra บราดีไซน์มินิมอล ที่สามารถปรับความกระชับได้ดียิ่งขึ้น
- UA No-slip Waistband เลกกิ้งที่มาพร้อมลายปริ้นท์ซิลิโคนสองชั้นตรงช่วงเอว เพื่อเพิ่มการยึดเกาะและขจัดปัญหาขอบกางเกงม้วนตัวระหว่างออกกำลังกาย แต่ยังคงความสบายทุกครั้งที่สวมใส่
● Curry Brand
- สินค้าภายใต้แบรนด์ Curry จาก สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ (Stephen Curry) นักกีฬาบาสเกตบอลชื่อดังระดับโลก ที่มีทั้งรองเท้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่สร้างสรรค์จากนวัตกรรมการผลิตที่มีประสิทธิภาพจาก Under Armour ที่มาพร้อมเรือธงอย่าง Curry 8 FLOW รองเท้าบาสเกตบอลคู่แรกที่ไม่ใช้ยางเป็นส่วนประกอบ แต่ยังคงสามารถยึดเกาะพื้นสนามได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมกับตอบสนองด้วยแรงส่งจากโฟมชนิดใหม่ล่าสุด กลายเป็นรองเท้าบาสเกตบอลที่เปลี่ยนเกมไปตลอดกาล
● ผลิตภัณฑ์เพื่อการฝึกซ้อม (Training)
- Rush คอลเลกชันเสื้อผ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตนักกีฬาระหว่างการฝึกซ้อม ด้วยเทคโนโลยีเนื้อผ้าที่มีแร่ธาตุเป็นส่วนประกอบ ช่วยสะท้อนพลังงานที่ร่างกายปล่อยออกมาระหว่างการออกกำลังกายกลับคืนสู่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้นักกีฬาออกกำลังกายได้มากขึ้นและยาวนานยิ่งขึ้น
- Project Rock คอลเลกชันเสื้อผ้าและอุปกรณ์ออกกำลังกาย จาก ดเวย์น 'เดอะ ร็อค' จอห์นสัน ที่เป็นไลน์ซิกเนเจอร์ของ Under Armour ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราฝ่าฟันความยากลำบากต่างๆ และบรรลุทุกความสำเร็จไปให้ได้ ผ่านคติการฝึกฝนและทำงานหนัก หรือ Through The Work
● ผลิตภัณฑ์เพื่อการฟื้นฟูร่างกายหลังการออกกำลังกาย (Recover)
UA Recover คอลเลกชันเสื้อผ้าที่มีเทคโนโลยีอินฟราเรดคืนพลังงานกลับสู่ร่างกายเพื่อลดความล้าของกล้ามเนื้อ พร้อมให้ความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่
ในปีนี้ Under Armour ยังได้ร่วมมือกับนักกีฬา แอมบาสเดอร์ และอินฟลูเอนเซอร์สายแอคทีฟไลฟ์สไตล์ชาวไทยหลายท่าน เช่น ซาร่า นุศรา ต้อมคำ นักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย และ เอ็ม วุฒิชัย มาสุข นักมวยสากลสมัครเล่นเจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์ปี 2014 ที่จะมาแบ่งปันเรื่องราวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคชาวไทย ให้ก้าวผ่านทุกขีดจำกัดและมุ่งสู่เป้าหมายไปด้วยกัน
สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Under Armour และโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
- เว็บไซต์ www.underarmour.co.th
- Line Official Account @underarmourth
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Lazada
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Shopee
วันแห่งความรักปีนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ รวมพลังสร้างสรรค์กับ Aristotle (อริสโตเติ้ล) แบรนด์กระเป๋าชื่อดังสัญชาติไทย แบ่งปันความงามที่สัมผัสได้และอีกความหมายที่ลึกซึ้งของ ดอกกุหลาบ ผ่านผลงานการออกแบบบนแรงบันดาลใจจาก คำว่าให้ … ไม่สิ้นสุด พร้อมชวนคนไทยส่งต่อของที่ระลึกคอลเลคชั่นดอกกุหลาบไร้หนาม ให้ความสุขผลิบานและงอกงามในสังคมไทย
● อีกแง่งามของศิลปะและแฟชั่น
Aristotle แบรนด์กระเป๋าที่เกิดจากความตั้งใจและการปลุกปั้นของสองหัวเรือใหญ่ เติ้ล-ภณ รักสกุลนิตย์ และ โตโต้-อัฏฐนัน หงส์มณี ที่ผลิดอกอวดโฉมและสร้างความโดดเด่นในแวดวงแฟชั่นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2550 นอกจาก
ความงดงามของลวดลายดอกกุหลาบและเทคนิคเย็บนูนอันเป็นเอกลักษณ์ ยังมีอีกแง่งามที่ Aristotle ยึดถือและซึมซับ จนเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมของแบรนด์ อย่าง “การเป็นผู้ให้” ที่หยิบยื่นความช่วยเหลือและแบ่งปันความสุขตอบแทนกลับคืนสู่สังคมในหลากหลายรูปแบบเสมอมา
“เติ้ล” ภณ รักสกุลนิตย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง พร้อมด้วย “พล” ภูไท อสิพงษ์ ดีไซเนอร์คนเก่งของแบรนด์ เล่าให้ฟังถึงโปรเจคการกุศลล่าสุดของ Aristotle ร่วมกับ มูลนิธิรามาธิบดีฯ เป็นครั้งแรก และอีกบทบาทในฐานะศิลปินจิตอาสาของทั้งคู่ว่า “วัฒนธรรมแห่งการให้ เป็นสิ่งที่พวกเราปลูกฝังในครอบคร้ว Aristotle เสมอมา เราเองเชื่อในพลังของความร่วมมือและต้องการมีส่วนช่วยสนับสนุนพันธกิจของมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสาธารณสุข และช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพให้กับคนไทยทุกคนในทุกระดับชั้น ซึ่งทีมงานทุกคนรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีที่ได้นำงานศิลปะและความรู้เรื่องแฟชั่นที่เราทำอยู่มาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก”
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ Aristotle มีส่วนในการออกแบบกระเป๋าที่ระลึกการกุศลจำนวน 6 แบบ ผ่านการนำศิลปะและลายเส้นดอกกุหลาบสีแดงมาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่าที่มีความหมาย โดยรายได้จากการจัดจำหน่ายจะนำไปสมทบทุนกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในหลากหลายภารกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การแก้ปัญหาความขาดแคลนของเครื่องมือแพทย์ การสร้างโอกาสในการรักษาให้กับผู้ป่วยยากไร้ที่ไม่สามารถรับภาระค่ารักษาได้ ไปจนถึงการช่วยเตรียมความพร้อมทางด้านบุคลากร และงานวิจัยเพื่อการรับมือต่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เป็นต้น
● ดอกกุหลาบไร้หนาม กับบางเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ในส่วนของแรงบันดาลใจในการออกแบบคอลเล็กชั่นกระเป๋าที่ระลึกการกุศลครั้งนี้สองศิลปินจิตอาสาบอกว่า “มีที่มาจากปณิธานของมูลนิธิรามาธิบดีฯ หรือคำว่าให้… ไม่สิ้นสุด เราเลือกลายเส้นเป็นดอกกุหลาบ เพราะดอกกุหลาบสีแดงเป็นสัญลักษณ์สากลที่แสดงถึงความรัก ทั้งยังเป็นลวดลายที่แสดงถึงตัวตนของ Aristotle และสอดคล้องกับสีแดงจากหัวใจอินฟินิตี้ สัญลักษณ์ของที่ระลึกของมูลนิธิ ที่สื่อถึงการให้ที่มอบความสุขใจทั้งต่อผู้ให้และผู้รับอย่างไม่สิ้นสุด”
“เราเชื่อว่า ทุกๆการให้ จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ และสร้างคุณาประโยชน์ได้อีกมากมาย
ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาที่ว่าทำไมเราถึงออกแบบลวดลายให้มีลักษณะพันเกี่ยวกันไปมา ก็เพราะว่าต้องการสื่อถึงอีกความหมายของดอกกุหลาบที่งอกงามมาจากเมล็ดพันธุ์แห่งการให้นี้ว่า ‘ความสุขจากการแบ่งปัน’ เป็นดอกกุหลาบพันธุ์เลื้อยที่แตกกิ่งก้านต่อไปได้เรื่อยๆ มอบความอิ่มเอิบใจต่อผู้ที่พบเห็นได้ตลอดเส้นทาง ที่แม้บางเส้นทางนั้นอาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบก็ตาม” คุณพล หนึ่งในศิลปินจิตอาสา ผู้มีแพชชั่นด้านศิลปะและการออกแบบ กล่าวเสริมได้อย่างเห็นภาพ
“สังเกตไหมว่า ดอกกุหลาบบนกระเป๋าทุกใบนั้นไม่มีหนาม?” คุณเติ้ล อีกศิลปินจิตอาสา กล่าวถามชวนให้คิดตาม ก่อนอธิบายปิดท้ายพร้อมรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกายว่า “ด้วยเพราะเราปรารถนาให้ผู้ใช้กระเป๋ามีความสุข และผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการต่างๆ หรือได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิรามาธิบดีฯ พ้นจากอุปสรรคขวากหนามที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ อีกความงดงามที่อยากให้เป็นรูปธรรมและจับต้องได้นี้ จึงถูกนำมาสื่อสารไว้บนกระเป๋าดอกกุหลาบไร้หนามของผู้มีจิตศรัทธาทุกคน ในโอกาสวันแห่งความรักปีนี้”
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมส่งต่อดอกกุหลาบไร้หนาม สร้างความสุขให้ผลิบานในสังคมไทย เติมเต็มความหวัง และสร้างโอกาสในการรักษาให้กับผู้ป่วยยากไร้ทั่วประเทศ ผ่านการสนับสนุนกระเป๋าที่ระลึกคอลเลคชั่นมูลนิธิรามาธิบดีฯ x Aristotle ทั้ง 6 แบบ ราคาเริ่มต้น 229 – 329 บาท ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าหรือร่วมสมทบทุนบริจาคได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ หรือทุกช่องทางของมูลนิธิรามาธิบดีฯ FB • IG • LINE @RAMAFOUNDATION และ www.ramafoundation.or.th หรือโทร 02 201 2222
ลอรีอัล ประเทศไทย เดินหน้าปลุกตลาดความงาม ส่งลิปสติกจิ้มจุ่มแบบซอง จากเมย์เบลลีน นิวยอร์ก แบรนด์เครื่องสำอางอันดับ 1 ของโลก เพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภคไทยผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อและไฮเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ
ด้วยสถานการณ์โควิดที่มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและกำลังใจของคนไทย ผลสำรวจจากอิปซอสส์รายงานว่า 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามได้รับผลกระทบดังกล่าว และรายงานจากกูเกิ้ลยังพบว่าคนไทยมีการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้ามากขึ้นถึง +37% นอกจากนี้ ที่ผ่านมายังพบว่าเครื่องสำอางเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้บริโภคใช้เสริมแต่งเพื่อสร้างอารมณ์และความรู้สึกเชิงบวก
แบรนด์เมย์เบลลีน นิวยอร์ก เป็นแบรนด์เมคอัพตัวท๊อปที่ประสบความสำเร็จและครองใจสาวไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และคุณภาพมาตรฐานระดับโลก โดยมีผลิตภัณฑ์เรือธงยอดขายอันดับ 1 หลากหลายผลิตภัณฑ์ อาทิ รองพื้นฟิตมี ลิปสติกจิ้มจุ่มขายดีหลากหลายรุ่น และ มาสคาร่าไฮเปอร์เคิร์ลยอดขายอันดับ 1 ตลอดกาล
“เมย์เบลลีน นิวยอร์ก เซนเซชั่นแนล ลิควิด แมท เป็นลิปสติกแบบจิ้มจุ่ม ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศไทย โดยเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคไทยได้มากขึ้น เราได้ขยายรูปแบบผลิตภัณฑ์ แบบแท่งสู่แบบซองเป็นครั้งแรก โดยมีดีไซน์บรรจุภัณฑ์แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นในตลาด เราต้องการทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและเพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์ที่สีสันสวยงามและคุ้มค่าได้อย่างสะดวกสบาย” นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล ประเทศไทย กล่าว
“อุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ก่อนสถานการณ์โควิดย้อนไปตั้งแต่ปี 2556 อุตสาหกรรมความงามไทยเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณกว่า 7% ทุกปี แม้ในปี 2563 จะเป็นปีที่ท้าทายที่อุตสาหกรรมความงามได้รับผลกระทบโดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องสำอางและมีผู้เล่นแข่งขันในตลาดมากมาย แต่ ลอรีอัล ประเทศไทย ยังสามารถครองตำแหน่งบริษัทยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและเครื่องสำอางในประเทศไทยในปัจจุบัน และเรามั่นใจว่าด้วยนวัตกรรม คุณภาพ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของเรา รวมถึงรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จะสามารถทำให้เราก้าวสู่ตำแหน่งบริษัทบิวตี้เทคอันดับหนึ่งในประเทศไทย” นางอินเนส คาลไดรา กล่าวเสริม
เมย์เบลลีน นิวยอร์ก เซนเซชั่นแนล ลิควิด แมท แบบซอง มาพร้อม 4 เฉดสี เนื้อแมทสีแน่น สดชัด เกลี่ยลื่น ไม่แห้ง ไม่หนักปาก สีสวยเหมาะอินเทรนด์ กับทุกลุค มีจัดจำหน่ายแล้ว ในราคาขายแนะนำ 59 บาท ที่โลตัส โลตัสเอ็กซ์เพรส มินิบิ๊กซี ซีเจ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และ ร้านค้าเครื่องสำอางทั่วไป
‘แฟนต้า’ โดย กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวแฟนต้า สูตรไม่มีน้ำตาลเป็นครั้งแรก กับ 2 รสชาติ แฟนต้า กลิ่นส้ม และแฟนต้า กลิ่นสตรอเบอร์รี่ ที่พกความสนุก ซ่า พร้อมความอร่อยของกลิ่นผลไม้ แต่ปราศจากน้ำตาล การันตีด้วยสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice)[1] ตอกย้ำความเป็นในผู้นำตลาดน้ำสี ที่มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทเครื่องดื่มเต็มรูปแบบ
นางสาวมัณฑนา หล่อไกรเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเทรนด์เครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลยังคงมาแรงต่อเนื่อง ‘แฟนต้า’ ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มอัดลมกลิ่นผลไม้ที่ครองใจผู้บริโภคชาวไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาด 67.1%[2] จึงได้คิดค้นและพัฒนาทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล และยังคงต้องการเติมสีสัน ความสนุกซ่าให้ชีวิต ตอบโจทย์ด้วยแฟนต้า ไม่มีน้ำตาล กลิ่นส้ม และกลิ่นสตรอเบอร์รี่ ความอร่อย มันส์ ซ่า ที่ต้องลอง เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทเครื่องดื่มเต็มรูปแบบ ที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ แฟนต้ายังได้จัดเตรียมกิจกรรมทางการตลาด ทั้งโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิทัล สื่อนอกบ้าน การสื่อสาร ณ จุดขายและในร้านค้า ไปจนถึงการร่วมมือกับเพจชื่อดังด้านการรีวิวขนมอย่างเพจ ‘กินหนม’ พร้อมสร้างคอนเทนต์มันส์ๆ และกิจกรรมสนุกซ่าตลอดทั้งแคมเปญ เพื่อตอกย้ำความเป็นเครื่องดื่มที่เสริมรสชาติในการดื่มควบคู่กับขนมขบเคี้ยว”
แฟนต้า กลิ่นส้ม และกลิ่นสตรอเบอร์รี่ สูตรไม่มีน้ำตาล ได้รับการรับรองสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice) จากมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการฯ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล วางจำหน่ายให้ได้ลิ้มลองความอร่อย มันส์ ซ่า หอมกลิ่นผลไม้ แบบปราศจากน้ำตาลได้แล้ววันนี้ ในบรรจุภัณฑ์และขนาดที่หลากหลาย ทั้งแบบกระป๋องขนาด 325 มิลลิลิตร ขวดพลาสติก PET ขนาด 330 มิลลิลิตร ขวดพลาสติก PET ขนาด 500 มิลลิลิตร และพบกับขวดพลาสติก PET ขนาดใหญ่ 1.5 ลิตรได้ในเดือนมีนาคม ที่ร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
***
[1] กลุ่มเครื่องดื่ม ประเภทน้ำอัดลม น้ำตาลทั้งหมด ≤ 6 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร และ ไม่เกิน 18 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบรรจุ เฉพาะเครื่องดื่มที่มีหนึ่งหน่วยบริโภคมากกว่า 150% ของหนึ่งหน่วยบริโภคอ้างอิง และขนาดบรรจุไม่เกิน 500 มิลลิลิตร โซเดียม ≤ 40 มิลลิกรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร อ้างอิงตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสัญลักษณ์โภชนาการอย่างง่าย ตามประกาศคณะอนุกรรมการพัฒนาเเละส่งเสริมการใช้สัญลักษณ์โภชนาการอย่างง่าย
[2] การคำนวณข้อมูลตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ของโคคา-โคล่า ส่วนหนึ่งอ้างอิงจากข้อมูลดัชนีค้าปลีกรายเดือน ที่รายงานโดย Nielsen สำหรับตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ในช่วงเวลา 12 เดือน สิ้นสุด ณ เดือนธันวาคม พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นข้อมูลของตลาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ Nielsen (Copyright © 2020, Nielsen)
มูจิ ประเทศไทย เปิดศักราชใหม่ ประกาศปรับราคาสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า และสินค้ากลุ่มของเครื่องใช้ในบ้าน รวม 217 รายการ สานต่อกลยุทธ์สำคัญของแบรนด์ในประเทศไทย เพื่อให้ผู้บริโภคไทยเข้าถึงสินค้ามูจิ (MUJI) ได้ง่ายและมากขึ้น หนุนแฟนคลับไทยช้อปสินค้าญี่ปุ่นให้หายคิดถึง รับสถานการณ์การเดินทางไปต่างประเทศยังมีข้อจำกัดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยสินค้าจำนวน 212 รายการจาก 217 รายการที่ปรับราคาในครั้งนี้มีจำหน่ายทั้งที่สาขาและทางออนไลน์ของ MUJI ผ่านทาง Central Online ตลอด2 ปีที่ผ่านมา MUJI ได้ปรับลดราคาสินค้ารวม 1,033 รายการ และยังคงมุ่งมั่นในการบริหารจัดการกระบวนการผลิต รวมทั้งการกระจายสินค้าให้สามารถปรับราคาสินค้าลงอย่างต่อเนื่องเพื่อผู้บริโภคไทยได้อีก
นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ MUJI คือให้สินค้า MUJI สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น ผ่านกลยุทธ์การตลาดด้านราคาและการกระจายสินค้า โดยด้านกลยุทธ์ด้านราคานั้น MUJI ได้ทยอยปรับราคาสินค้าที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยลงตั้งแต่ปี 2562 โดยเริ่มต้นจากสินค้ากลุ่มกลุ่มเสื้อผ้า และสินค้ากลุ่มของเครื่องใช้ในบ้าน ควบคู่กับการสื่อสารราคาใหม่ ณ จุดขาย ให้กับลูกค้าที่มาเลือกซื้อสินค้าที่สาขา และได้พยายามปรับราคาสินค้าอย่างต่อเนื่องในปี 2563 ที่ผ่านมา อาทิ เสื้อยืดคอกลมรุ่นเบสิก กางเกงขายาว ชุดชั้นใน ถุงเท้า เครื่องเขียน สินค้าเพื่อสุขภาพ เป็นต้น รวม 769 รายการ
ล่าสุด เปิดศักราชใหม่ ปี 2564 นี้ MUJI เดินหน้าปรับราคาสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า จำนวน 38รายการ และสินค้ากลุ่มของเครื่องใช้ในบ้าน จำนวน 179 รายการ รวมจำนวนสินค้าที่ปรับราคาลงในครั้งนี้ทั้งสิ้นกว่า 217 รายการ เพื่อให้ผู้บริโภคไทยสามารถเข้าถึงสินค้า MUJI ได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น ประกอบกับเป็นการช่วยตอบโจทย์ข้อจำกัดของการเดินทางไปต่างประเทศในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ยังคงเอื้ออำนวยให้ผู้บริโภคได้ท่องเที่ยวและซื้อสินค้าที่ชื่นชอบจากประเทศที่ไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะสินค้าจากญี่ปุ่น ทั้งนี้ สินค้าที่ปรับลดราคา ในกลุ่มเสื้อผ้า ได้แก่ รายการสินค้าเสื้อผ้าเบสิก ทั้งเสื้อเชิ้ต เสื้อยืดคอกลม กางเกงยืน กางเกงชิโน่ และสินค้ากลุ่มของเครื่องใช้ในบ้าน ทั้งผ้าคลุมเตียง (Duvet) หมอน (Pillow) ปูเตียง (Bed Linen) กล่องพลาสติกสำหรับเก็บของ (PP Storage) และ เฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ เตียง (Bed) เก้าอี้ยาว (Couches) รวมทั้ง โต๊ะและเก้าอี้ (Tables & Chairs) เป็นต้น
ทั้งนี้ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา MUJI ได้ปรับราคาขายปลีกสินค้าลง โดยในปี 2562 ได้ปรับลงราคาสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า และสินค้ากลุ่มของเครื่องใช้ในบ้าน รวม 264 รายการ และในปี 2563 ที่ผ่านมา ได้ทำการปรับราคาสินค้า MUJI ในประเทศไทยรวม 769 รายการ โดยแบ่งเป็นสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า จำนวน 127 รายการ และสินค้ากลุ่มของเครื่องใช้ในบ้าน 642 รายการ โดยในปี 2564 นี้ MUJI เริ่มต้นปีด้วยการปรับสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าและสินค้ากลุ่มของเครื่องใช้ในบ้าน รวม 217 รายการ ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ MUJI มีแผนที่จะปรับราคาอีกหลายรายการในปีนี้
“เราพบว่ากลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น คิดถึงการเดินทางท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งสินค้าตอนท่องเที่ยว แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญกับการท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยจะเห็นว่ามีผู้บริโภครีโพสต์ภาพการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ผ่านมา ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในโซเชี่ยลมีเดียต่าง ๆ MUJI ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว รวมทั้งลูกค้าที่เป็นแฟนสินค้า MUJI และผู้บริโภคทั่วไปได้ใช้สินค้า MUJI ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในทุกกลุ่มสินค้า ทั้งนี้ เรายังคงพยายามที่จะปรับราคาสินค้าลงต่อไป” นายอกิฮิโร่กล่าว
อนี่ง MUJI มุ่งมั่นในการนำเสนอสินค้าคุณภาพดี มีประโยชน์ ในราคาที่สมเหตุสมผลให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย ด้วยเป้าหมายให้ MUJI เป็นแบรนด์สินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น โดยการปรับราคาสินค้าเกิดจากการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง การลดกระบวนการการผลิตที่ไม่จำเป็น แต่ยังคงเพิ่มประสิทธิผลในการผลิตที่ได้คุณภาพ หรือแม้แต่การบริหารจัดการกระบวนการกระจายสินค้า เพื่อให้มีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนภาพรวมของสินค้าได้ดีที่สุด และนำประโยชน์จากกระบวนการดังกล่าวไปส่งต่อสู่ลูกค้า ซึ่งผู้บริโภคในประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการเข้าถึงสินค้าคุณภาพมาตรฐาน MUJI ได้ในราคาที่จับต้องได้และสมเหตุสมผล
เว็บไซต์นี้มีการเก็บ Cookies เพื่อปรับปรุงการให้บริการ จิ้มดู นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม