

ออมนิฟู้ดส์ (OmniFoods) ผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชอเนกประสงค์ จากเครือข่ายการลงทุนกิจการร่วมเพื่อสังคม (Social Venture) สัญชาติฮ่องกงอย่างกรีนมันเดย์ (Green Monday) ประกาศจัดจำหน่าย OmniMeat Luncheon (ออมนิมีทลันชั่น) ในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารชั้นนำทั่วไทย
ด้วยการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์อย่างลงตัวของโปรตีนจากพืชที่มีความคล้ายคลึงกับเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรสชาติหรือรูปลักษณ์ OmniMeat Luncheon นำเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพมากกว่าเนื้อสัตว์แปรรูป โดยยังคงความอร่อยของรสชาติและเนื้อสัมผัสได้ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริงอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ของ OmniMeat Luncheon ประกอบไปด้วยถั่วเหลืองและข้าวสาลีที่ไม่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม (GMO) อีกทั้งยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร โปรตีน และปราศจากคอเลสเตอรอล เมื่อทำการเปรียบเทียบกับเนื้อสัตว์ที่บรรจุในกระป๋องแบบดั้งเดิมแล้ว OmniMeat Luncheon มีแคลอรี่ต่ำกว่าถึง 46% โดยมีปริมาณไขมันทั้งหมดและปริมานโซเดียมต่ำกว่าถึง 64% นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังปราศจากฮอร์โมนเสริม ยาปฏิชีวนะ สารกันเสีย และผงชูรสอีกด้วย
นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากพืช OmniMeat Luncheon คือความสำเร็จทางการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีอาหารเป็นเวลาหลายปีของ OmniFoods โดยผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวเอเชียที่โหยหารสชาติที่คุ้นเคยและความสะดวกสบายของเนื้อสัตว์แปรรูป ในขณะเดียวกันก็นำเสนอทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นด้วยการกำจัดสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยนำ OmniMeat Luncheon ไปทอดบนกระทะด้านละ 1-2 นาที เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถเพลิดเพลินกับอาหารจานด่วนแสนเฮลท์ตี้ได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า มื้อของว่าง หรือช่วงจิบน้ำชายามบ่าย
“บริษัทรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะนำ OmniMeat Luncheon มาสู่ตลาดประเทศไทยสำหรับคนที่กำลังมองหาทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม OmniMeat Luncheon ของเราเป็นอาหารที่ผลิตจากพืชที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเชฟและนักชิมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเนื่องจากคนไทยกำลังเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เรามั่นใจว่าพวกเขาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของเราที่จะนำเสนออาหารทางเลือกที่อร่อยและมีความยั่งยืนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และน่าอยู่สำหรับทุกคน” เดวิด ยัง ผู้ก่อตั้ง กรีนมันเดย์ และ OmniFoods กล่าว
ตามการคาดการณ์ระบุว่า ความต้องการต่อการบริโภคเนื้อจากพืชในประเทศไทยจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 200% ในช่วงปีพ.ศ. 2564-2568 เนื่องจากผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกมีมุมมองและวิสัยทัศที่เป็นเชิงบวกเกี่ยวกับทางเลือกของเนื้อสัตว์ โดย 75% ของผู้บริโภคยินดีที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากพืชในราคาใกล้เคียงกัน และ 78% มั่นใจว่าเทรนด์ที่ดีต่อสุขภาพนี้จะเป็นที่นิยมและสามารถเติบโตได้ในอนาคต เมื่อพูดถึงปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจต่อความสมดุลของรสชาติ โภชนาการ และความสะดวกสบาย1 ตามลำดับ
การระบาดของโรคโควิด-19 ยังเป็นอีกองค์ประกอบที่จุดประกายต่อเรื่องการรักษาสุขภาพและความปลอดภัย ผู้คนได้มีการตระหนักถึงสิ่งที่บริโภคมากขึ้น รวมถึงผลกระทบที่มีต่อร่างกายและสภาพแวดล้อม การตระหนักครั้งนี้จึงทำให้ผู้คนมากมายเริ่มหันมาลองบริโภคแบบ flexitarian หรือ กินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น โดยเปลี่ยนมาใช้อาหารจากพืชเป็นหลักพร้อมกับการบริโภคเนื้อสัตว์เป็นครั้งคราว ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการทานมังสวิรัติเป็นส่วน 2 ใน 3 ของมื้ออาหาร สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับอาหารได้เกือบ 60%2 และยังเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย
OmniMeat Luncheon กำลังจะถูกวางจำหน่ายในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ที่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ มาร์เก็ต บางสาขาทั่วประเทศไทย หลังจากล่าสุดที่มีการเปิดตัวอย่างประสบความสำเร็จในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
OmniMeat Luncheon เปิดตัวในร้านอาหารชั้นนำของกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ
กรีนมันเดย์ได้พาร์ทเนอร์กับร้านอาหารชั้นนำหลายแห่งเพื่อคิดค้นสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆกับ OmniMeat Luncheon เพื่อนักชิมทั้งหลายทั่วกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทุกท่านสามารถสัมผัสประสบการณ์อาหารที่ทำจากพืชได้ที่ Lao Teng, Vistro, Bangkok City Diner, Salada Organic Kitchen และ Fitmeal
● ร้านเหล่าเต๊ง (Laoteng) ภัตตาคารอาหารที่ใครๆ ต่างกล่าวถึงในย่านไชน่าทาวน์ (เยาวราช) ได้ให้บริการติ่มซำแบบวีแกนที่ทำจากOmniMeat Luncheon รวมทั้ง ถุงเงินถุงทองลันชั่น (ราคา 110 บาท) และ ฟองเต้าหู้ใส้ลันชั่นทอด (ราคา 110 บาท) ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจมาจากร้านอาหารจีนสไตล์ร่วมสมัยที่มีชื่อเสียง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพในขณะที่ยังคงความเป็นกวางตุ้งแท้ๆ อีกด้วย
● Vistro ร้านอาหารวีแกนและคาเฟ่สไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 พร้อมนำเสนอเมนู Shawarma Mia (ราคา 340 บาท) โดยเป็นอาหารกลางวันที่มีส่วนผสมของ OmniMeat Luncheon ไว้ในจานของพวกเขา เพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่จากพืชสำหรับกลุ่มวีแกนในกรุงเทพฯ
● Bangkok City Diner ร้านอาหารวีแกนสไตล์อเมริกันที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางสาทร มีเมนูอย่าง OmniMeat Luncheon Classic Mac & Cheese (ราคา 200 บาท) ซึ่งนอกจากนี้ ร้านนี้ยังมีอีกหลากหลายเมนูที่ใช้ผลิตภัณฑ์ออมนิมีท
● ร้าน Salada Organic Kitchen ทั้ง 5 สาขานำเสนอ ข้าวผัดพริกขี้หนูสดออมนิมีทลันชั่น (ราคา 199 บาท) เพื่อแนะนำอาหารจากพืชในรสชาติที่คนไทยคุ้นเคย การสร้างสรรค์อาหารจานนี้เป็นหนึ่งในสิบรายการอาหารจากพืชที่มีออมนิมีทอยู่ในเมนูของ Salada Organic Kitchen
● ร้าน Fitmeal ตั้งอยู่ในทองหล่อซอย 11 โดยเสิร์ฟ OmniMeat English Club Sandwich (ราคา 230 บาท) และซุปเกี๊ยวจีน OmniMeat (ราคา 230 บาท) สำหรับลูกค้าที่แวะมาเยือนคาเฟ่ที่มีความเป็นมิตรกับมังสวิรัติอันทรงเสน่ห์แห่งนี้ และนอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการจัดส่งอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารที่บ้าน OmniMeat Luncheon (240 กรัม/ 170 บาท) มีจำหน่ายเฉพาะที่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ มาร์เก็ต บางสาขา ในบรรจุภัณฑ์ขายปลีกควบคู่ไปกับส่วนผสมโปรตีนจากพืชอื่นๆ ที่เตรียมได้ง่ายอย่าง OmniMeat Strip ออมนิมีทสตริป (150 กรัม/ 115 บาท) เหมาะสำหรับอาหารเกือบทุกจาน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเนื้อสัตว์ ที่ปราศจากสารฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ และผงชูรส โดยวัตถุดิบหลักเหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจในสุขภาพ สามารถสร้างสรรค์มื้ออาหารของตนเองด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพืช ปราศจากการเบียดเบียนสัตว์ และไม่ใช่จีเอ็มโอแทนส่วนผสมที่ทำจากเนื้อสัตว์ ในขณะที่อยู่บ้านอย่างปลอดภัย
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ยึดกลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ขยายจุดให้บริการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน “Krungsri i-CONFIRM” ที่สาขาธนาคารฯและสาขาของพันธมิตร รวมกว่า 14,000 แห่งทั่วประเทศ มุ่งสร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเงินฝากได้ง่ายๆผ่านช่องทางออนไลน์ตอบโจทย์ยุค New Normal โดยในอนาคตจะเพิ่มบริการสมัครสินเชื่อออนไลน์ด้วย
บริการ Krungsri i-CONFIRM เป็นบริการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน ให้ความสะดวกในการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากออนไลน์ผ่าน กรุงศรี โมบาย แอปพลิเคชั่น (KMA) และ KEPT by Krungsri ซึ่งในอนาคตลูกค้าจะสามารถสมัครสินเชื่อ Krungsri iFIN ผ่าน KMA และยืนยันตัวตนที่ Krungsri i-CONFIRM ได้ โดยปัจจุบัน กรุงศรีได้ร่วมกับพันธมิตรขยายจุดให้บริการ “Krungsri i-CONFIRM” เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ได้แก่ สาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สาขากรุงศรีออโต้ ศูนย์บริการบัตรเครดิตฯ ที่โฮมโปร สาขากรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ สาขาเงินติดล้อ สาขาโกลบอลเฮ้าส์ และเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-Eleven รวมกว่า 14,000 แห่งทั่วประเทศ
ผู้ที่ต้องการใช้บริการ Krungsri i-CONFIRM เพียงนำ QR Code ที่ได้รับจากแอปพลิเคชันที่สมัครพร้อมบัตรประชาชนมายืนยันตัวตนที่จุดบริการ Krungsri i-CONFIRM เพียงเท่านี้ก็สามารถทำธุรกรรมต่างๆทางออนไลน์ได้ง่ายไร้ขีดจำกัด สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมและจุดบริการ Krungsri i-CONFIRM ได้ที่ https://www.krungsri.com/th/personal/banking-services/i-confirm
Under Armour ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี ด้วยการออกคอลเลกชันพิเศษให้แฟนๆ Under Armour ทั้งกลุ่มเพอฟอร์มแมนซ์และกลุ่มที่ชื่นชอบไอเท็มกีฬา ร่วมจับจองเป็นเจ้าของไอเท็มสุดเอกซ์คูลซีฟที่พลาดไม่ได้
Under Armour ผู้นำนวัตกรรมด้านเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2539 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเควิน แพลงค์ (Kevin Plank) ที่แจ้งเกิดจากการผลิตเสื้อกีฬาสำหรับฝึกซ้อมที่สามารถระบายเหงื่อจากร่างกายได้ดีและแห้งเร็วกว่าเสื้อกีฬาทั่วไป ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาดจนมียอดขายที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้น Under Armour ได้มุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์ไปพร้อมๆ กับสนับสนุนนักกีฬาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดของการเป็นแบรนด์ Human Performance ที่พัฒนาและคิดค้น ผลิตภัณฑ์เพื่อดึงศักยภาพในตัวของนักกีฬาออกมาได้อย่างเต็มที่(Make All Athletes Better) ทำให้ Under Armour ครองใจหนุ่มสาวสายสปอร์ตในสหรัฐฯ ได้ภายในระยะเวลาไม่นาน เห็นได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปีพ.ศ. 2547 และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จน Under Armour ทำการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณะในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ในปีถัดมานอกจากนี้สิ่งที่สะท้อนความสำเร็จตลอด 25 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่แค่นวัตกรรมที่ล้ำสมัยเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางการตลาดที่สื่อสารผ่านอุดมการณ์อันหนักแน่น เช่น แคมเปญ THE ONLY WAY IS THROUGH แคมเปญระดับโลกที่เริ่มต้นในปีพ.ศ. 2563 ที่ตอกย้ำจุดยืนตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ของ Under Armour ในการเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันให้นักกีฬารักษาความมุ่งมั่นจนบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จผ่านนวัตกรรมอันล้ำสมัย ทำให้ Under Armour ได้ก้าวขึ้นสู่แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาระดับโลก ที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักกับสัญลักษณ์ตัว ‘U’ ไขว้กับตัว ‘A’ กันเป็นอย่างดี
Under Armour ได้พัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้แฟนๆ เป็นเจ้าของนวัตกรรมสุดล้ำ อย่าง UA HOVR™ UA RUSH™ และ UA Recover มาโดยตลอด และยังส่งความพิเศษอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาของ Under Armour ตลอด 25 ปีมานี้ โดยปล่อยคอลเลกชันสุดเอกซ์คูลซีฟมาให้แฟน Under Armour ชาวไทยร่วมเฉลิมฉลองไปกับคอลเลกชันพิเศษครบรอบ 25 ปี ของแบรนด์ Under Armour
Under Armour 25th Anniversary – คอลเลกชันสุดเอกซ์คูลซีฟที่แฟนตัวจริงต้องห้ามพลาด
Under Armour นำเสนอคอลเลกชันพิเศษนี้ผ่านโลโก้อันแสนเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา เพื่อสื่อให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวและความมุ่งมั่นที่เคียงข้างนักกีฬาและผู้ที่รักการออกกำลังกายตลอด 25 ปีที่ผ่านมาของ Under Armour โดยเลือกหยิบจับความคลาสสิคของโลโก้เหล่านี้มาผสมผสานเข้าไปในการออกแบบผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นได้อย่างลงตัว ซึ่งคอลเลกชันสุดเอกซ์คูลซีฟนี้มีแฟน Under Armour ชาวไทยเลือกสนุกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้ง
● เสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย – ที่มีทั้ง UA 25th Anniversary Short Sleeve เสื้อยืดออกกำลังกายแขนสั้นมาพร้อมจุดเด่นที่สวมใส่สบายและแห้งไวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Under Armour รวมถึงกางเกง UA RIVAL TERRY 25th Anniversary ที่มีให้เลือกทั้งทรงจ็อกเกอร์และทรงขาสั้น เพื่อตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ โดยคอลเลกชันนี้นำเสนอผ่านสีที่เรียบง่ายแต่คลาสสิคอย่าง สีเทา ดำ ขาว
● รองเท้าวิ่งและรองเท้าเทรนนิ่ง – นำดีไซน์สุดเอกซ์คูลซีฟมาผสมกับนวัตกรรมรองเท้า HOVR ที่ยังคงจุดเด่นของรองเท้านี้ไว้แต่โดดเด่นขึ้น ด้วยดีไซน์พิเศษเฉพาะคอลเลกชันนี้ กับรองเท้าวิ่งรุ่น UA HOVR Infinite 3 25th Anniversary เพื่อสายวิ่งโดยเฉพาะ รวมถึงรองเท้าเทรนนิ่ง UA HOVR Infinite Summit 2 25th Anniversary เพื่อตอบโจทย์ผู้สวมใส่ที่ต้องการความคล่องตัวในการออกกำลังกายและการใช้ชีวิตประจำวัน และในวันสบายๆ ก็สามารถเลือกใส่ UA Core Remix 25th Anniversary Slides รองเท้าสำหรับสวมใส่ในบ้าน ที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ว่าเป็น Under Armour
● ไอเท็มเสริมสำหรับสายสปอร์ต – เสริมคอลเลกชันนี้ให้เอกซ์คูลซีฟมากขึ้นด้วยไอเท็มอย่างกระเป๋า UA Flex Sling 25th Anniversary ลวดลายใหม่ แต่ยังคงความเท่ไว้ด้วยสีขาว ดำในแบบของ Under Armour และถุงเท้า UA Playmaker 25th Anniversary สีดำ โดดเด่นด้วยโลโก้รูปแบบต่างๆ ของ Under Armour และพลาดไม่ได้กับไอเท็มสุดพิเศษอย่างหมวกแก๊ป UA 25th Anniversary Hat และ Tie Headband Printed 25th Anniversary ผ้าผูกหัวที่ช่วยเสริมลุคสายสปอร์ตให้ดูครบเครื่องมากยิ่งขึ้น
พลาดแล้วพลาดเลยกับคอลเลกชันพิเศษ Under Armour ครบรอบ 25 ปี แฟนๆ Under Armour สามารถเป็นเจ้าของสินค้าคอลเลกชันพิเศษได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ underarmour.co.th หรือใครที่อยากสัมผัสกับความเอกซ์คูลซีฟมากขึ้น ก็สามารถเข้าชมสินค้าคอลเลกชันพิเศษนี้ได้ที่แบรนด์ เฮาส์ ของ Under Armour ซึ่งจะมีการตกแต่งเพื่อสะท้อนความสำเร็จของ Under Armour ที่ผ่านมาตลอด 25 ปี โดยสามารถเข้าชมได้ที่แบรนด์ เฮาส์ ทั้ง 2 สาขา สาขาศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ และสาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Under Armour และโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
- เว็บไซต์ www.underarmour.co.th
- Line Official Account @underarmourth
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Lazada
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Shopee
กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมด้วยการเปิดตัวโค้ก ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ มาพร้อมดีไซน์แพ็กเกจใหม่ ที่จะมอบความอร่อยสดชื่นใกล้เคียงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของโค้ก รสชาติออริจินัล มากขึ้นกว่าเดิม แต่ปราศจากน้ำตาล และแคลอรี ภายใต้แคมเปญการตลาดระดับโลกในชื่อ “โค้กสูตรใหม่ อร่อยซ่า…ใช่กว่าเดิม?” ซึ่งผู้บริโภคสามารถสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยใหม่ของโค้กไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่นี้ได้ผ่านกิจกรรมทางการตลาด 360 องศา
นางสาวริชา ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว กล่าวว่า “กระแสนิยมการบริโภคเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลของผู้บริโภคชาวไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 21.2 %[1] แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคต้องการเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อย แต่ไม่มีน้ำตาลและปราศจากแคลอรี โคคา-โคล่า จึงคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น และเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ส่ง โค้ก ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ที่มาพร้อมกับแพ็กเกจดีไซน์ใหม่อันโดดเด่น ให้แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย”
“ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาล ด้วยอัตราการเติบโตเป็นอันดับหนึ่ง[2] โคคา-โคล่า ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ปราศจากน้ำตาลและแคลอรี ซึ่งผู้บริโภคสามารถดื่มด่ำความอร่อยซ่าสดชื่นด้วยรสชาติที่ใกล้เคียงกับโค้ก รสชาติออริจินัล มากยิ่งขึ้น พร้อมกับสร้างความคึกคักในตลาดด้วยกิจกรรมการตลาดเต็มรูปแบบในแคมเปญ “โค้กสูตรใหม่ อร่อยซ่า…ใช่กว่าเดิม?”
สำหรับแคมเปญการตลาดนี้มาพร้อมกิจกรรมที่จะเชิญชวนให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองโค้ก ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ พร้อมเปิดด้วยคำถามง่ายๆ ว่า โค้กสูตรใหม่นี้เป็นโค้กที่ใช่กว่าเดิมสำหรับคุณหรือไม่ โดยแคมเปญ “โค้กสูตรใหม่ อร่อยซ่า…ใช่กว่าเดิม?” มาพร้อมกิจกรรมการตลาดแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ การสื่อสารผ่านสื่อนอกบ้าน ณ แลนด์มาร์คใจกลางกรุงเทพฯ การสื่อสาร ณ จุดขายและในร้านค้า ตลอดจนการพูดคุยตอบโต้กันอย่างสร้างสรรค์บนสื่อโซเชียลมีเดียผ่านช่องทางของอินฟลูเอนเซอร์ นอกจากนี้ ยังมีการแจกสินค้าตัวอย่าง 5.7 ล้านชิ้นทั่วประเทศตลอดทั้งปี เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองความอร่อยซ่ารูปแบบใหม่
นอกจากนี้ โค้ก ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ยังมาพร้อมแพ็กเกจดีไซน์ใหม่ที่ปรับใช้ในอีกหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นการปรับตามกลยุทธ “One Brand” ของบริษัท สำหรับรูปโฉมใหม่นี้จะมีรูปแบบที่เรียบง่ายและทันสมัย โดดเด่นสะดุดตาด้วยสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมการเลื่อนโลโก้ โคคา-โคล่า ขึ้นไปอยู่ด้านบนของฉลาก และข้อมูลโภชนาการของเครื่องดื่มที่ปรับมาวางด้านหน้าให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น โดยโค้ก ไม่มีน้ำตาล จะเริ่มใช้ดีไซน์ใหม่นี้ก่อนที่โค้กรสชาติอื่นๆ ทั้ง โค้ก รสชาติออริจินัล และโค้ก ไลท์ จะทยอยเปลี่ยนแพ็จเกจภายในปี 2564 นี้ โค้ก ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ มีหลากหลายขนาดให้เลือก วางจำหน่ายแล้ววันนี้ตามช่องทางการจำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และตารางกิจกรรมสุดเร้าใจของแคมเปญ “โค้กสูตรใหม่ อร่อยซ่า…ใช่กว่าเดิม?” สามารถติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/cocacolaTH
รีจอยส์ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมชั้นนำ เปิดตัวสูตรอัพเกรดใหม่ที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของเส้นผม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้พวกเขากล้าที่จะออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นแบบไม่มีดราม่า
โดย รีจอยส์ สูตรอัพเกรดใหม่ล่าสุด จะช่วยบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึกผ่านฟองที่ละเอียดนุ่มละมุน เพิ่มความสุนทรีย์ทุกครั้งที่สระ ทำให้ผมนุ่มสลวยยาวนานถึง 48 ชั่วโมง พร้อมกลิ่นหอมติดเส้นผมยาวนานยิ่งขึ้น ให้ทุกคนสามารถออกไป สะบัด #ผมสวยสยบจบดราม่า รับมือทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ ซึ่ง รีจอยส์ สูตรอัพเกรดใหม่ทั้ง 6 สูตร ได้ปรับเพิ่มส่วนผสมใหม่ที่ดีที่สุด พร้อมเปลี่ยนรูปโฉมแพคเกจจิ้งใหม่ให้ดูสนุกสดใสยิ่งขึ้น ได้แก่ รีจอยส์ ริช สมูท ผมนุ่มลื่น 48 ชั่วโมง, รีจอยส์ สูตรขจัดรังแค 3 อิน 1, รีจอยส์ สูตรบำรุงทุกวันเพื่อผมชุ่มชื้น, รีจอยส์ สูตรลดผมขาดหลุดร่วง, รีจอยส์ สูตรบำรุงเพื่อผมนุ่มลื่น ดั่งใจ, รีจอยส์ สูตรฟื้นบำรุงผมชี้ฟู
คุณศุภนิดา อดิศรมงคลกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ รีจอยส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “การปรับสูตรใหม่ครั้งนี้ของ รีจอยส์ ถือเป็นการอัพเกรดสูตรใหม่ที่ดีที่สุดที่จะมอบผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ตรงใจให้กับสาว ๆ รุ่นใหม่ที่อยากจะมีผมนุ่มสลวยดูดีตลอดทุกสถานการณ์ในแต่ละวัน โดยสูตรใหม่นี้จะช่วยให้ผู้หญิงมีผมสลวยยาวนานถึง 48 ชั่วโมง ทำให้พวกเขาสามารถออกไปสนุกกับการใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจไร้กังวล โดยเราได้ชวนตัวแทนสาวยุคใหม่ ก้อย – อรัชพร โภคินภากร มาร่วมทีมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์สาวรุ่นพี่ แต้ว – ณฐพร เตมีรักษ์ สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับการเปิดตัว รีจอยส์ สูตรใหม่ สนุก และน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น”
ทางด้านแบรนด์แอมบาสเดอร์สาว แต้ว – ณฐพร เตมีรักษ์ เผยว่า “ครั้งแรกที่ได้ลองรีจอยส์สูตรใหม่นี้ บอกเลยว่าตื่นเต้นกับผลลัพธ์มาก ๆ เพราะแต้วใช้รีจอยส์มานาน เลยสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพของสูตรนี้ เรียกว่าเป็นสูตรที่ดีที่สุดที่เคยมีมาของรีจอยส์เลย ผ่านไป 2 วันแล้ว ผมยังนุ่มสลวยตลอด แถมผมยังหอมยาวนานอีกด้วย ทำให้แต้วมั่นใจที่จะออกไปทำงาน และเจอเพื่อนได้อย่างมั่นใจสุด ๆ จะมีเรื่องเซอร์ไพรส์แค่ไหน แต้วก็ไม่กังวล พร้อมรับมือทุกเหตุการณ์ค่ะ”
สำหรับสาวสวยคนเก่ง ก้อย – อรัชพร โภคินภากร กล่าวว่า “ก้อยรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่วันนี้ได้มาเป็นครอบครัวเดียวกับ รีจอยส์ และร่วมเปิดตัวรีจอยส์สูตรใหม่ล่าสุด ก้อยเป็นคนแอคทีฟ ชอบทำงาน ทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อมกัน บางวันทำงานเสร็จ ต้องไปเจอเพื่อนต่อ ไม่มีเวลาได้เตรียมตัวสวยเลยค่ะ แต่ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะก้อยใช้รีจอยส์ ขนาดสระผมมา 2 วัน ผมยังนุ่มสลวย เป๊ะ ปัง หอมแบบสุดๆ พร้อมทุกสถานการณ์ มั่นใจ ไร้ดราม่า ใครอยากรู้ว่าปังขนาดไหน ต้องไปรอดูคอนเทนต์สนุกๆ ของก้อยกับรีจอยส์ด้วยนะคะ”
ติดตามชมความสดใสของ ก้อย – อรัชพร โภคินภากร ที่จะมาเฉิดฉายพร้อมผมนุ่มสวย ที่สยบจบทุกดราม่าผ่านภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ตัวใหม่ล่าสุดจาก รีจอยส์ ได้ที่ YouTube Rejoice Thailand
เตรียมไปสะบัด #ผมสวยสยบจบดราม่า กับรีจอยส์ ขนาด 320 มล. ราคา 99 บาท และขนาด 450 มล.
ราคา 139 บาท และขนาดอื่นๆ อีกมากมาย ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ และ ช่องทางออนไลน์
#ผมสวยสยบจบดราม่า @RejoiceThailand Facebook
MUJI เดินกลยุทธ์ นำคนไทยเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ล่าสุดเปิดตัวสาขาใหม่ ไอคอนสยาม ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ 1,300 ตร.ม. จัดหนักครบทุกกรุ๊ปไอเท็มสินค้ากว่า 6,193 รายการ ครบทุกบริการจาก MUJI อาทิ Labo สาขาที่ 3 รวมเสื้อผ้าที่ใช้ได้ทุกโอกาส โซนอาหารท้องถิ่นจัดเต็ม 154 รายการ ของดีหาทานยากทั่วประเทศไทยสาขาที่ 6 หนุนผู้ประกอบการไทยเติบโตไปด้วยกัน สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล ดึงลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น บริการปรึกษาออกแบบภายใน บริการตัดขากางเกงฟรี มี MUJI Coffee Corner สาขาที่ 4 ของประเทศไทย เผยปี 64 ขยายสาขาใหม่จำนวน 4 สาขา พร้อมปรับปรุงสาขาเดิมที่มีศักยภาพอีก 1 สาขา รองรับความนิยมบริโภคสินค้าคุณภาพจากญี่ปุ่นของผู้บริโภคคนไทย
นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุด MUJI ได้เปิดให้บริการสาขาใหม่ในศูนย์การค้าไอคอนสยาม (ICONSIAM) ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งและแลนด์มาร์กสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอีกทำเลศักยภาพ มีจุดเด่นด้านความสวยงาม สามารถดึงดูดนักช้อปปิ้งทั้งประเทศ ทำเลดังกล่าวจึงถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีในการขยายสาขา เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ MUJI ได้ง่ายยิ่งขึ้น ICONSIAM เป็นห้างที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่ง MUJI ยังไม่มีสาขาในย่านนั้น เราจึงอยากขยายสาขาใหม่เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าออกไปในย่านนั้น โดยหวังว่าลูกค้าจะเข้าถึงและมีความเข้าใจในแบรนด์ MUJI มากขึ้น
“ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่ MUJI ให้ความสำคัญและมองเห็นศักยภาพ เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทย มั่นใจต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่น ประกอบกับประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาท่องเที่ยวและช้อปปิ้ง จึงเป็นช่องทางสำคัญในการนำผลิตภัณฑ์ของ MUJI ไปสู่ผู้บริโภค โดยการเปิดสาขาใหม่ในศูนย์การค้าไอคอนสยาม จะเป็นไปตามกลยุทธ์ของ MUJI ให้คนไทยเข้าถึงสินค้า MUJI ได้ง่ายขึ้น” นายอกิฮิโร่ กล่าว
ทั้งนี้ สาขาใหม่ไอคอนสยาม มีพื้นที่ให้บริการขนาดใหญ่ถึง 1,300 ตร.ม. ตั้งอยู่ ชั้น 3 ในศูนย์การค้าไอคอนสยาม โดยคงการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและใกล้ชิดกับธรรมชาติ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองด้วยสไตล์ “มินิมัลลิสต์” จัดสรรพื้นที่เป็นสัดเป็นส่วนให้สามารถเลือกชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์พร้อมบริการของ MUJI ได้ง่ายขึ้น
MUJI Labo (มูจิ เลโบล์) MUJI Labo เป็นสินค้าที่ผลิตออกมาเพื่อทดลองตลาดว่าเสื้อผ้ารูปแบบไหนลูกค้าชอบหรือไม่ชอบ หากแบบไหนได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ก็จะถูกนำมาผลิตให้เป็นสินค้าพื้นฐาน (basic item) ในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น โดยวางขายที่สาขานี้จำนวน 20 รายการ ทั้งนี้ MUJI Labo 3 อันดับขายดี คือ 1. กางเกงขายาว STRETCH CHINO WIDE CROP PANTS UNISEX 2. เสื้อยืด EXTRA LONG CT JERSEY CREW TEE UNISEX และ 3. เสื้อเชิ้ต POPLIN REVERSIBLE S S SHIRT UNISEX
นอกจากนี้ยังมีโซน ผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่น (Local Food) มีเชลฟ์สำหรับวางสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่น 12 เชลฟ์ด้วยกัน ซึ่งมีสินค้าวางจำหน่ายทั้งหมด 154 รายการ ทั้งนี้ MUJI มีแนวคิดส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่นที่มีแนวคิดและวิสัยทัศน์เดียวกัน เป็นของหายากและเต็มไปด้วยคุณค่าที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าออร์แกนิก สินค้าที่สนับสนุนชุมชนในพื้นที่ หรือสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ที่สำคัญต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบแทนและสร้างชุมชนให้มีสายสัมพันธ์อันแข็งแรงประกอบกับการเปิดโซน Local Food นับเป็นโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้ามาจับจ่ายซื้ออาหารท้องถิ่นเพื่อรับประทานได้ง่ายขึ้นสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่สามารถเดินทางข้ามจังหวัดหรือพื้นที่ได้ในยุคไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันโซน Local Food มีเปิดให้บริการแล้ว 6 สาขา รวมสาขาใหม่ไอคอนสยาม และยังมีแผนเพิ่มโซนดังกล่าวในสาขาที่เปิดให้บริการอยู่ปัจจุบันจนครบ 20 สาขา รวมทั้งสาขาใหม่ ๆ ที่จะเปิดเพิ่มในอนาคต
โซน MUJI Coffee Corner ซึ่งเป็นร้านกาแฟ MUJI สาขาที่ 4 ของประเทศไทย ให้แฟน MUJI ได้ช้อปไปจิบไป พร้อมทั้งบริการต่าง ๆ อาทิ บริการ MUJI Interior Consultation Service ซึ่งเป็นบริการที่ปรึกษาด้านออกแบบภายใน ภายใต้แนวคิด “ความสวยงาม” และ “ความเรียบง่าย” ให้ลูกค้าสามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ หรือปัญหาด้านการจัดเก็บพื้นที่ที่จำกัด จากที่ปรึกษาด้านการตกแต่งภายในของ MUJI เพื่อการอยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย และโซนบริการตัดขากางเกงฟรี!
“MUJI มีแผนนำผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยได้มากขึ้น ผ่านกลยุทธ์ปรับราคาสินค้าให้เหมาะสม ไปพร้อมกับกลยุทธ์การขยายช่องทางการขาย ให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์หรือการขยายสาขาไปในทำเลศักยภาพทั่วประเทศ โดยในปี 2564 นี้ MUJI มีแผนขยายสาขาใหม่จำนวน 4 สาขา ล่าสุดคือสาขาไอคอนสยามที่เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป พร้อมทั้งมีแผนปรับปรุงสาขาเดิมอีกจำนวน 1 สาขา ซึ่งล่าสุดคือสาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา” นายอกิฮิโร่ กล่าวทิ้งท้าย
แฟนๆ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ (Stephen Curry) และแบรนด์ Under Armour ชาวไทยหลายคนคงได้รู้จักกับ ‘CURRY ONE DUB NATION’ กันบ้างแล้ว รองเท้าบาสเก็ตบอลรุ่นพิเศษ ที่ Under Armour ได้วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในต่างประเทศช่วงเดือนพฤษภาคม 2558 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับเหล่าสาวกทีมโกลเดน สเตท วอริเออร์ (Golden State Warriors) และสุดยอดนักบาสเก็ตบอลของทีม อย่างสเตฟเฟ่น เคอร์รี่ ที่พาทีมคว้าแชมป์ NBA เป็นครั้งแรกในการเล่นระดับอาชีพ รวมถึงชนะรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ MVP ของปี 2558
Under Armour ไม่ปล่อยให้แฟนชาวไทยรออีกต่อไป นำรองเท้าสุดไอคอนนิค ‘CURRY ONE DUB NATION’ กลับมาอีกครั้งในรอบ 6 ปี ด้วยการผลิตและจัดจำหน่ายในจำนวนจำกัด เอ็กซ์คูลซีฟสำหรับแฟนๆ โกลเดน สเตท วอริเออร์ และนักกีฬาบาสเก็ตบอลชาวไทย ที่พลาดเป็นเจ้าของจากการวางจำหน่ายรอบแรกในปี 2558 ให้ได้ร่วมระลึกถึงชัยชนะ และเป็นเจ้าของรายละเอียดการออกแบบที่สะท้อนความเป็นทีมโกลเดน สเตท วอริเออร์ ออกมาได้อย่างโดดเด่น ผ่านสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีเหลืองทองอันเป็นเอกลักษณ์ของทีม
● จุดเด่นของ CURRY ONE DUB NATION ที่ตอกย้ำความเป็น โกลเดน สเตท วอริเออร์
ด้วยความตั้งใจที่จะมอบไอเท็มชิ้นพิเศษให้กับสาวกทีมโกลเดน สเตท วอริเออร์ โดยเฉพาะ Under Armour จึงใส่ใจการออกแบบรองเท้ารุ่นพิเศษคู่นี้ในทุกๆ รายละเอียด เพื่อสื่อถึงความหมายที่แฝงไว้ในทุกชิ้นส่วนของรองเท้าไปยังกลุ่มแฟนโกลเดน สเตท วอริเออร์ และสเตฟเฟ่น เคอร์รี เริ่มจากการหยิบคำว่า ‘DUB NATION’ ที่เป็นคำนิยามของแฟนๆ บาสเก็ตบอลทีมนี้ มารังสรรค์เป็นชื่อรุ่น ‘CURRY ONE DUB NATION’ โดยรองเท้าบาสเก็ตบอลสุดพิเศษคู่นี้ ถูกพัฒนาให้มีเอกลักษณ์ด้วยการออกแบบให้ตัวรองเท้าส่วนบนเป็นสีขาว ช่วยเสริมความโดดเด่นของพื้นชั้นกลาง (Midsole) ที่เป็นสีน้ำเงินเข้มแต่งแต้มด้วยจุดขาวเล็กๆ ที่ผสานกันได้อย่างลงตัว ตัดกับพื้นรองเท้าด้านล่าง (Outsole) สีเหลืองทอง ประกอบกับเชือกรองเท้าที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากชุดยูนิฟอร์มของทีม โกลเดน สเตท วอริเออร์ ที่เข้ามาเสริมให้ CURRY ONE DUB NATION คู่นี้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
และไฮไลต์ของรองเท้าคู่นี้ที่เหล่าสาวกต้องชอบ คือ การสลักตัวอักษรไว้บนโลหะหุ้มเชือกรองเท้าว่า ‘MMTB’ ย่อมาจากประโยค ‘Make My Teammates Better’ และปักหมายเลข ‘4:13’ ไว้ที่ส่วนบนของลิ้นรองเท้า พร้อมกับประโยคปลุกใจที่ว่า ‘I can do all things’ ไว้ที่ด้านในของลิ้นรองเท้า (Interior tongue lining) โดย 4:13 คือหมายเลขที่ถอดมาจากประโยคหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลของชาวฟิลิปปินส์ เป็นประโยคที่สร้างความแข็งแกร่งและแรงผลักดันให้กับสเตฟเฟ่น เคอร์รี่ ซึ่งแฟนตัวจริงต้องจำกันได้เป็นอย่างดี
นอกจากการออกแบบแล้ว Under Armour ได้พัฒนา CURRY ONE DUB NATION คู่นี้ ให้เป็นรองเท้าบาสเก็ตบอลที่ทำให้สวมใส่ได้อย่างคล่องตัวและมั่นใจ ด้วยสองเทคโนโลยีจาก Under Armour ที่ได้รับการยอมรับ คือ
- AnaFoam โฟมชนิดพิเศษที่อยู่ในชั้นกลางของรองเท้าทำให้สวมใส่พอดีกับรูปเท้า โครงสร้างมีน้ำหนักเบาและรองรับเท้า
- Charged Cushioning™ เทคโนโลยีโฟมพิเศษเอกสิทธิ์ของ Under Armour ที่รองรับแรงกระแทกแล้วเปลี่ยนคืนกลับไปเป็นแรงส่ง ช่วยให้ทุกย่างก้าวหรือการเปลี่ยนทิศทางมีพลังแรงขึ้น
CURRY ONE DUB NATION ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5,790 บาท เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 เมษายน 2564 ที่เว็บไซต์ underarmour.co.th และร้าน Slammers Thailand (สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาศูนย์การค้าเมกา บางนา) ร้าน Hoops Station (สาขาศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน) ร้าน Dilok (สาขาสวนหลวงสแควร์ สาขาศูนย์การค้าเอ็มบีเค สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว)
สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Under Armour และโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
- เว็บไซต์ www.underarmour.co.th
- Line Official Account @underarmourth
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Lazada
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Shopee
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เอาใจนักช้อปออนไลน์ มอบโค้ดส่วนลด 100 บาท เมื่อช้อปออนไลน์ที่ร้าน ShopAt24 ผ่านบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท และ Krungsri Boarding Card โดยลูกค้าสามารถใช้โค้ด BAY21Q2 เพื่อรับส่วนลดที่แอปพลิเคชัน ShopAt24 หรือ www.ShopAt24.com จำกัด 1 สิทธิ์/หมายเลขบัตร/เดือน สำหรับใช้จ่ายขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อใบเสร็จ ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2564 โดยโค้ดส่วนลดจำกัด 1,000 สิทธิ์/เดือน รวมจำกัด 3,000 สิทธิ์ตลอดระยะเวลาส่งเสริมการขาย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.krungsri.com
เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ขอแนะนำเมนูใหม่ของร้าน MonWork ต้นตำรับมันหวานกรอบสูตรดังจากไต้หวัน กับเมนู “พุดดิ้งมันม่วงนมสดมะพร้าวอ่อน” ที่คัดสรรวัตถุดิบมันหวานสายพันธ์ญี่ปุ่นที่มีรสหวานเฉพาะตัว มาเป็นส่วนผสมของเนื้อพุดดิ้งเนียนนุ่มชุ่มฉ่ำด้วยนมสดและกรุบกริบกับเนื้อมะพร้าวอ่อนสดใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มเนื้อมันม่วงสุดหนึบหนับเป็นชิ้นๆลงไป ให้รสชาติหวานมันอร่อยลงตัว
นอกจากนี้ยังมี เมนู Take Home สุดอินเทรนด์ เหมาะสำหรับผู้ที่กำลัง work from home กับเซต “มันเวิร์ค cook at home!” มันหวาน เนื้อหนึบหนับ พร้อมผงปรุงรสสำหรับคลุกเคล้า เพียงแค่นำไปใส่หม้อทอดไร้ควัน 7 นาที (อุณหภูมิ 160-170 องศาเซลเซียส)จากนั้นนำมาพัก 1-2 นาที แล้วโรยผงปรุงรส ก็อร่อยได้แล้ว
โปรโมชั่นพิเศษ เมื่อซื้อมันหวานกรอบหรือเฟรนช์ด์ฟรายส์ size L หรือ size J รสชาติใดก็ได้ 1 ชิ้น สามารถเพิ่มเงิน 10 บาท เพื่อแลกซื้อพุดดิ้งมันม่วงนมสดมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย จากราคาปกติ 35 บาทไปได้เลย ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2564 และพบกับเมนูมันๆอีกหลายเมนูให้เลือกสรร ที่ บริเวณชั้น 6 ศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Monwork_Official
วาโก้ร่วมปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ร้านค้าอย่างเคร่งครัด ตลอดจนเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปจากผลกระทบครั้งนี้ ในฐานะผู้ผลิตชุดชั้นในอันดับ 1 ในใจผู้หญิงไทย จึงสนับสนุนให้สาวๆ ตั้งการ์ดรัดเข็มขัดใช้จ่ายอย่างประหยัดและคุ้มค่ากับสินค้าที่ได้มาตรฐาน โดยจัดแคมเปญพิเศษ “สินค้าราคาโควิด” เพื่อรณรงค์ให้ผู้หญิงอยู่บ้านก็สวยได้สบายด้วย “วาโก้” บราราคาเดียวเพียง 500 บาท กางเกงชั้นใน 100 บาท ในรุ่นที่ร่วมรายการ จัดมาให้เลือกหนักๆ หลากรุ่นหลายสไตล์ รีบช้อปรีบกลับบ้านกับราคาดับเบิ้ลคุ้ม เริ่มวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 – 30 มิถุนายน 2564 ณ ร้านค้าและเคาน์เตอร์วาโก้ทั่วประเทศ เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ อาทิ เคาน์เตอร์วาโก้ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศูนย์การค้าโรบินสัน ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ สยามพารากอน เอ็มโพเรียมและสยามทาคาชิมายะ พร้อมช่องทางออนไลน์ https://shopfb.wacoal.co.th, Shopee, Lazada, JD central และ Central online ข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 02-296- 9979 *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
เว็บไซต์นี้มีการเก็บ Cookies เพื่อปรับปรุงการให้บริการ จิ้มดู นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม