[REVIEW] รวมสุดยอด Skin Care + Items ของปี 2010

1. Cleansing Express Sebum
ขนาด 300 ml ราคาประมาณ 350-380 บาท

ข้อดี

- ใช้ล้างเครื่องสำอางค์ได้หมดจด สะอาด
- ใช้ได้นาน ขวดนึงใช้ได้ 2-3 เดือนขึ้นไป ( ออนใช้เช็ดหน้าทุกวันตอนเย็น )
- หาซื้อง่ายตามร้าน Boots หรือ Watsons มี
- ราคาไม่แพง
- พกพาไปไหนสะดวก เพราะสามารถล๊อกตรงหัวปั้มได้ ทำให้ไม่หกเลอะเทะ

ข้อเสีย

- แอบไม่ค่อยชอบกลิ่น

2. Peach Miki Fresh Yogurt Foam
ขนาด 120ml ราคา 390 บาท

ข้อดี

- ใช้แล้วมีกลิ่นโยเกิร์ตอ่อนๆ หอมมากกกก
- หน้าดูสดใสขึ้น ( เพราะมีโยเกิร์ตช่วย เหมือนล้างหน้าด้วยโยเกิร์ตทุกวัน )
- นวดนานเท่าไหร่หน้าก็ไม่แห้ง ไม่ตึง
- ทำความสะดาดได้ดี ใช้คู่กับตัวอื่นๆแล้วหน้าไม่ค่อยมีสิวอุดตัน

ข้อเสีย

- ต้องสั่งซื้อในเว็บเท่านั้น ( หา google เองนะคะ พิมพ์ชื่อผลิตภัณฑ์เอา )
- มีร้านรับไปขายแยก แต่ไม่แน่ใจว่าราคาจะเพิ่มรึเปล่า กลัวของปลอมด้วย
- ไม่มีหน้าร้าน

3. Biotherm Aquasource Non-Stop Oligo Thermal Milky Lotion
ขนาด 125 ml ราคาประมาณ 1000 บาท ( ราคาใน Duty Free ประเทศจีน )

4. Biotherm Aquasource Hydra-Mineral Lotion Tonin Water
ขนาด 200 ml ราคา 990 บาท

ข้อดีของตัว Milky Lotion

- เนื้อโลชั่นหยุยๆ ไม่เหลว ไม่ข้นเกินไป
- ซึมง่าย ไม่เหนียว เหนอะ
- ปรับสมดุลของผิวได้ดี ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือขาดน้ำเกินไป
- ขวดพกพาสะดวก สามารถหมุนล็อกตรงหัว เวลาเดินทางได้ ทำให้ไม่หกเลอะเทอะ
- ใช้ได้นาน ขวดนึงใช้ได้นานประมาณเกือบๆ 1 ปี เฉลี่ยแล้วเดือนละ 100 บาทได้
- ราคาไม่แพง เพราะระยะเวลาในการใช้ได้นาน ไม่ใช่หมดทุก 3 เดือน

ข้อเสียของตัว Milky Lotion

- ไม่มีขายในเมืองไทย ต้องฝากคนซื้อจากจีน

ข้อดีของตัว Toning Water

- ชอบกลิ่นอ่อนๆ สไตล์ Biotherm
- ใช้ตัวนี้แล้วรู้สึกหน้าสะดาด สดชื่น
- ใช้แล้วทำให้โลชั่นที่ทาทีหลังซึมเร็วขึ้น ( ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า )

ข้อเสียของตัว Toning Water

- หมดเร็วกว่าโลชั่น ขวดนึงใช้ได้ประมาณ 4-5 เดือน เต็มที่ 6 เดือน

5. Biotherm Aquasource Non-Stop Oligo Thermal Gel Intense
Moisturizer for Normal/Combination Skin ขนาด 50 ml ราคา 1,800 บาท

( แต่กระปุกนี้ได้มาฟรี เพราะว่าไปร่วมเล่นเกมส์กับทาง Biotherm ผ่าน Facebook
เพื่อลุ้นรับ Moisturizer ตัวโปรดจาก Biotherm เพราะเคยใช้ตัวนี้มาก่อนอยู่แล้ว )

ข้อดี

- เนื้อเจลเข้มข้น แต่ซึมค่อนข้างเร็ว
- ไม่เหนอะหน้ามากเท่าไหร่
- ให้ความชุ่มชื้นและปรับสมดุลของผิวได้ดี
- ใช้ตัวนี้รวมกับตัวอื่นๆไปได้หลายเดือน ไปเช็คสภาพผิวหน้า ทาง BA แจ้งว่า
ผิวหน้าชุ่มชื้นมาก แต่ไม่มันในระหว่างวัน สมดุลสุดๆ
- ใช้ได้ประมาณ 6 เดือน

ข้อเสีย

- ราคาแอบแพงนะ แต่ก็ไม่ได้มาก
- กระปุกเป็นกระปุกแก้ว ชอบที่ดูดี แต่มันแอบลำบากเวลาพกพา เพราะกลัวแตก
ที่สำคัญถ้าตกแตก นี่หมดเลย
- กลิ่นมันแปลกๆ ตุ่ยๆ ไม่เหมือนกระปุกแรกที่เคยใช้เลย ไม่รู้ว่าเปลี่ยนส่วนผสมหรือเปล่า

6. Etude House Collagen Moistfull Mask Sheet
ราคา ซื้อจากเกาหลีค่ะ ( มีทั้งพรีผ่านเว็บ, ฝากเพื่อนซื้อ, เพื่อนซื้อให้, ได้มาจากคนรู้จัก )

จริงๆมีมาส์กอีก 2-3 ตัวที่ออนชอบมากกกเหมือนกัน แต่เนื่องจากใช้หมดแล้ว
ไม่ได้เก็บรูปเอาไว้ ดังนั้นขอเอาตัวนี้ไว้ดีกว่า เพราะตัวนี้หน้าแย่ๆ พังๆ มาส์กแล้วดีขึ้นจริงๆ

ข้อดี

- ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้นิ้วควักในกระปุก ไม่สกปรก ( สำหรับคนไม่มี Pact Brush สำหรับทามาส์ก​)
- ราคาไม่แพง ( ยิ่งซื้อเกาหลี จะขายเป็นแพ๊ค แพ๊คละ 5 แผ่นประมาณนี้ คำนวนแล้วแผ่นละไม่กี่สิบบาท )
- ใช้แล้วหน้าดีขึ้นเห็นผล แปะมาส์กทิ้งไว้ จนกว่าครีมจะซึมหมดแล้วเอาออก หน้าที่แห้งกร้าน
จะนุุ่มขึ้นมาอัตโนมัติ
- เนื้อมาส์กค่อนข้างเยอะ ดูได้จากรูป ว่าเนื้อยหยุยๆทั้งหมดนั่น จะซึมเข้าหน้าเรา และหายเรียบไป
หมดเลย ได้ทั้งความชุ่มชื้นและ Collagen มากๆ

ข้อเสีย

- เมืองไทยขายแพงกว่า
- รู้สึกว่าไม่มีแบบแพ๊คๆเหมือนของเกาหลีด้วย

7. Loreal Gentle Lip and Eye Make-Up Remover
For Waterproof make-up
ราคา 299 ประมาณนี้จำไม่ได้แล้วค่ะ

ข้อดี

- ล้างเครื่องสำอางค์ออกได้ดี ไม่ต้องถูให้ตาเหี่ยว
- ราคาถูก
- ใช้ได้นานเป็นเดือน
- หาซื้อง่าย ตามห้าง ซุปเปอร์ทั่วๆไปมีหมด

ข้อเสีย

- ยังนึกไม่ออก

8. Maybelline Hyper Diamonds # BR-2
พาเล็ทแต่งตาโทนสโมกกี้เน้นความวิ้ง
ราคา 400 กว่าบาท

ข้อดี

- เป็นพาเล็ทที่ครบ เพราะสามารถแต่งสโมกกี้เริ่ดๆได้ด้วยพาเล็ทนี้
- มีการผสมสีที่ดี ( ดูได้จากในรูปตาเล็กๆของออน ) สีจะไม่ขัดกัน แต่ดูสวยและเข้ากัน
- หาซื้อง่าย ตามห้างและซุปเปอร์ทั่วๆไป
- ราคาไม่แพง
- สีน้ำตาลอ่อน สามารถเอามาเขียนเป็นอายแชโดว์คิ้วได้อีกด้วย คุ้มมากๆ

ข้อเสีย

- บางทีผงอายแชโดว์แอบร่วง ดังนั้นต้องแต่งตาก่อน แล้วค่อยลงแป้ง

9. Estee Lauder MagnaScopic Maximum Volume Mascara
ราคา 900 บาท

ข้อดี

- แพ๊คเกจจิ้งสวยหรู
- ปัดง่าย ปัดแล้วขนตาหนา เป็นช่อ และไม่ตกระหว่างวัน ( แบบในรูป )
- ช่วยเริ่มความหนา และความยาวมากๆ
- ไม่เลอะระหว่างวัน
- แต่ก็ล้างออกง่ายเช่นกัน

ข้อเสีย

- แอบแพงเหมือนกัน ( แต่ใช้ได้ประมาณ 6 เดือนกว่าๆหรือมากกว่าถ้าปิดฝาดีๆ )

10. IPSA Optimum Balance Volume Up Mascara

จำชื่อรุ่นไม่ค่อยได้ และไม่ทราบราคา เพราะได้ลองใช้ตอนไป IPSA Workshop มา

ข้อดี

- ปัดแล้วขนตาหนา และยาว
- ขนตาไม่จับตัวเป็นก้อน
- ได้ขนตาฟูๆ ปัดได้ทั้งบนท้ังล่าง
- ไม่เลอะระหว่างวัน
- ล้างออกง่าย

ข้อเสีย

- จำได้ว่าราคาแพง

11. Sephora Harmony Trio Bronzer # Apricot
ราคา 16$ ( 16*30 = 480 บาท )

อันนี้ฝากคนรู้จักซื้อมา เลยไม่ต้องเสียค่าหิ้วหรืออะไรทั้งสิ้น
จริงๆได้ฟรีด้วย เพราะเค้าซื้อให้เลย ฮ่าๆ

ข้อดี

- เป็นอะไรที่เรียกว่า 3 in 1 มากๆ
- ใช้เป็นอายแชโดว์ก็ได้ทั้งหมด 3 สี คือ ชมพู ส้ม-พีช และเหลือง-ทอง
- แต่งหน้าก็ได้ 2 โทน คือ โทนชมพู-ทอง และโทนส้มพีช-ทอง
- ใช้เป็นบรอนเซอร์หรือไฮไลท์อ่อนๆก็ได้ทั้งหมด
- เม็ดสีชัดเจน และติดทนมาก

ข้อเสีย

- ไม่มีขายในไทย ต้องสั่งจากเว็บต่างประเทศ

12. Coffret D'or เบสเจ้าหญิง
ราคา 1,150 บาท ขนาด 25 ml

ข้อดี

- ทาแล้วผ่องแบบเป็นธรรมชาติ ไม่วอก ไม่ลอย ไม่เว่อร์
- เนื้อเบสไม่เหนียวไม่ข้นจนเกินไป
- ทาแล้วไม่เหนียว เพราะซึมง่าย เนื้อเป็นคล้ายๆน้ำนมแต่ข้นกว่านิดนึง
- แพ๊คเกจจิ้งขวดน่ารัก
- หน้าไม่มันระหว่างวัน ( สำหรับผิวธรรมดา-ผสมแบบออนนะคะ )

ข้อเสีย

- ราคาแพง

13. Cle De Peau Beaute Translucent Loose Powder
ขนาด 30 กรัม ราคา 3,700 บาท

ข้อดี

- เนื้อแป้งละเอียดมากกกกกกกกกกถึงมากที่สุดดดดดดดด
- เนื้อแป้งนิ่มมม นุ่มมม น่าจับบ น่าใช้
- ใช้ได้นานหลายเดือน เพราะปริมาณค่อนข้างเยอะ
- เวลาใช้ ใช้นิดเดียวไม่ต้องมากก็ได้ทั้งหน้า

ข้อเสีย

- ราคาแพงมากกกก แพงจนน่ากลัววววว
- แพ๊คเกจจิ้งไม่สมราคา ตกหล่นได้ง่ายมากๆ เพราะไม่มีตัวล๊อก
- พกพาไปไหนลำบาก เพราะจะหกเอาแน่ๆ เปลี่ยนทีเถอะ T_T

14. Holika Holika Brushes
Powder Brush ราคา 400 บาท, Blending Brush (ออนเรียกแปรงขนเม่น) ราคา 350 บาท

ข้อดี

- ราคาถูกถ้าเทียบกับคุณภาพที่เกินราคา
- ขนแปรงนิ่ม ไม่แข็ง ไม่แพ้แบรนด์ดังๆที่เคยใช้มา
- ใช้ได้ดีโอเคในระดับใหญ่ๆ
- หาซื้อง่าย เพราะ Holika Holika มาเปิดที่ไทยแล้ว
- ราคาไม่ต่างจากที่เกาหลีมาก ทำให้ไม่ต้องรอเว็บพรีออเดอร์อีกต่อไป เดินไปเลือกซื้อเองเลย

ข้อเสีย

- ขนหลุดร่วงบ้าง
- ยังไม่มีกระเป๋าแปรงวางจำหน่าย ( เลยต้องใส่กระเป๋าของ Beautilicious ไปก่อน )

15. Holika Holika Dark Circle Stealer
ราคา 390 บาท

ข้อดี

- ปกปิดรอยคล้ำได้ดีในระดับนึง
- ใช้แล้วใต้ตาดูสดใสขึ้นมา แต่ดูไม่หลอกตา ไม่ได้เป็นขาวๆ โพรงๆ
- เนื้อคอนซีลเล่อร์เกลี่ยง่าย ไม่แห้งเร็วไป ไม่ตกร่อง
- ราคาถูก

ข้อเสีย

- รู้สึกจะมีเฉดสีเดียว (เฉดสีน้อยไปหน่อย)

16. M.A.C Lip Stick
ราคา 750 (รึเปล่า? เวลาซื้อไม่ได้สนใจราคาเลย ลืมทุกครั้ง นิสัยเสียมากๆ )

จริงๆมีอีก 1 สีคือ Blankety ตระกูลนู้ดเหมือนกัน แต่ทำหายไปไหนไม่รู้
BA บอกว่าสีนู้ดๆตอนนี้ ออนก็มีครบแล้ว วันนั้นพยายามจะไปซื้อ แต่พี่เก๋บอกว่า ไว้ออกใหม่
แล้วค่อยซื้อนะ ตอนนี้ก็ครบแล้วหนิ หรือจะซื้อ Blankety ใหม่  ฮ่าๆ

ข้อดี

- มีเฉดสีให้เลือกเยอะมากกกกก
- มีหลายแบบมากทั้งแบบเนื้อแมท (เนื้อด้านๆ), เนื้อวิ้งๆ, เนื้อชุ่มๆ, เนื้อใสๆ, เนื้อวาวๆ
- เม็ดสีเข็มมาก ทาแล้วกลบสีปากได้สบายๆ
- สีสวยเยอะมากๆ มีคอลเลคชั่นใหม่ๆออกมา พร้อมสีใหม่ๆ
- หาซื้อง่าย (มีบัตร Diamond ได้ลดอีก 10%ด้วย)

ข้อเสีย

- บางทีใช้แล้วแอบปากแห้ง
- ราคาแอบแพง ( แต่ก็โอเค เพราะใช้ได้นาน )

17. Beautilicious Magic Spell Auto Liner
อายไลเนอร์แบบดินสอ พร้อมยางลบและกบเหลาด้านบนของแท่ง
ราคา 290 บาท (ในอินเตอร์เน็ต)

ข้อดี

- ราคาไม่แพง
- เนื้ออายไลเนอร์นิ่ม ไม่บาดตา
- เขียนง่าย เส้นคมชัด
- เป็นแพนด้าน้อยมาก
- มีกบเหลา ไว้สำหรับเหลาในกรณีอยากได้เส้นเล็กๆ
- มียางลบไว้ทำสโมกกี้ เพื่อใครอยากได้อารมณ์ฟุ้งๆ

ข้อเสีย

- หาซื้อยาก สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในกทม หรือจังหวัดที่มีขาย และคนที่สั่งของในอินเตอร์เน็ตไม่เป็น

18. Etude House Lucidarling Fantastic Gradration Cheek # 4 ( Mix&Glow )
ราคา จำไม่ได้ค่ะ ซื้อในเว็บนานมากแล้ว แต่รู้สึกว่าประมาณ 300-400 บาท

ข้อดี

- เป็นไฮไลท์วิ้งอ่อนๆ แต่ช่วยให้หน้าดูสดใสขึ้นมา โดยไม่ดูหน้ามัน
- พกพาสะดวก เพราะตลับมีทั้งกระจกและแปรงให้เรียบร้อย
- กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ชอบมาก แต่นึกไม่ออกว่าเป็นกลิ่นอะไร
- ใช้ปัดตามแก้ม ใต้ตา สันจมูกได้หมด หรือปัดทั่วหน้าเบาๆ ไม่เน้นให้รูขุมขนกว้างขึ้น
- ใช้ได้นานมากๆ และราคาไม่แพง

ข้อเสีย

- เมืองไทยขายแพงกว่า ( แต่เข้าใจว่าเป็นค่าภาษี การขนส่ง ฯลฯ )

19. Beautilciious Dessert Bar
อายแชโดว์พาเล็ท ที่มาพร้อมกับบลัชออนสีชมพู
ราคา 550 บาท ( ในอินเตอร์เน็ต​)

ข้อดี

- เม็ดสีแน่นมากก ชัดมากก ไม่แพ้ M.A.C เลย ( ที่มือ ป้ายรอบเดียวติดแบบนั้นเลยค่ะ )
- เป็นพาเล็ทที่แต่งได้หลายโทน ไม่ว่าจะสีสันแฟนซี หรือโทนพาสเทลหวานๆ เพราะผสมสีเล่นเองได้
- แพ๊คเกจจิ้งน่ารักมากกก มีวิธีบอกการแต่งตาคร่าวๆสำหรับมือใหม่แปะอยู่ในฝาพับด้านในด้วย

ข้อเสีย

- อายแชโดว์สีเหลือง เม็ดสีมันจะไม่เข้มเท่าตัวอื่น ตัวที่เข้มมากๆจะเป็นสีฟ้า

20. Beautilicious Puff-Up Souffle # Vanilla
แป้งพัฟผสมรองพื้น

ข้อดี

- ตลับน่ารักมากๆ
- แบ่งเป็นสัดเป็นส่วนคือมีกระจกให้ มีการแยกฟองน้ำให้ เพราะออนไม่ชอบที่มีแผ่นพลาสติกบางๆ
มาคั่นระหว่างแป้งกับฟองน้ำ เพราะออนทำพลาสติกหายตลอด ตรงด้านล่างของฟองน้ำ มีรูรบายอากาศเล็กๆ
- เนื้อแป้งติดทน ควบคุมความมันได้ดีพอสมควร
- ใช้แล้วหน้าจะได้ลุคธรรมชาติ ไม่เด้งเว่อร์เท่าแป้งเกาหลี จะเด้งพอประมาณ
- ปกปิดมากกว่าแป้งเกาหลี แต่ไม่เนาเท่าตระกูล M.A.C

ข้อเสีย

- เฉดสีน้อยมี 3 เฉดสี และเฉดสีที่สองค่อนข้างเหลือมากด้วย

21. The Face Shop Make-up Base # Green
หาไฟล์ original ไม่เจอ เลยต้องเอารูปที่ทำแล้วมาใช้แทน
ตอนนี้ได้ข่าวว่าเปลี่ยนแพ๊คเกจจิ้งแล้ว แต่คุณภาพยังเหมือนเดิม

ข้อดี

- ทาแล้วผ่องมากๆ
- ใช้ได้นานมากๆ
- ราคาถูก
- เนื้อเบสไม่ข้นหรือเหลวจนเกินไป ทำให้เกลี่ยค่อนข้างง่าย

ข้อเสีย

- ในช็อปราคาแพง ถ้าสั่งในเน็ตถูก แต่ก็แอบกลัวของปลอม
- บางทีทาน้อยไปก็หมอง ทามากไปก็วอกแบบเผือกๆขาวๆ

22. Maybelline Clear Smooth BB Silk Shine Free 2 Way Cake Powder
ขนาด 9 g ราคา 299 บาท ออนใช้เบอร์ 3 นะคะ เพราะค่อนข้างขาวแล้ว

ข้อดี

- เนื้อแป้งเนียนมากกกก ติดทนมากกกกก
- ปกปิดได้ระดับใหญ่ๆ ปกปิดมากกว่าตัว Beautilicious นิดนึง
- ตลับแยกเป็นสัดเป็นส่วนดี มีกระจก และช่องแยกพัฟให้
- ทากันแดด แล้วลงตัวนี้ตามได้เลย ไม่ต้องลงเบสก็ได้ค่ะ
- ราคาถูก
- หาซื้อง่าย ตามห้างและซุปเปอร์ทั่วๆไป

ข้อเสีย

- สีแป้งค่อนข้างขาวมาก เพราะปกติออนใช้แป้งเกาหลีเบอร์ 21 มาเจอตัวนี้กลายเป็นเบอร์ 3 เลย
- แป้งทำโทนเหลืองออกมาน้อยมาก ทั้งๆที่คนไทยมีผิวโทนเหลืองกันเยอะ
- แพ๊คเกจจิ้งแอบเทอะทะ แต่ทนทานก็โอเค
- อาจจะเด้งเว่อร์ ผ่องเว่อร์ไป สำหรับคนชอบแต่งแนวธรรมชาติ

23



หารูปที่ถ่ายไว้ไม่เจอ พร้อมกับ 2 ตัวนี้ใช้หมดแล้ว แต่ก็ชอบมากๆ

Dejavu Mascara Lash Knockout ราคา 490 บาท
Dejavu Lasting-Fine Eye Liner ราคา 490 บาท

ข้อดีของมาสคาร่า + อายไลเนอร์

- หาซื้อง่าย ตาม Watsons ทั่วๆไป
- ราคาไม่แพง
- คุณภาพดี .. มาสคาร่าใช้แล้วขนตาฟูๆ ยาวๆหนาๆ แบบใน VDO
อายไลเนอร์เนื้อนิ่ม (แต่ไม่เท่า Beautilicious) แต่ติดทนมาก เขียนขอบตาล่างได้สบายๆ
- มาสคาร่าใช้ได้นาน แห้งช้า และอายไลเนอร์เส้นคมสวย

ข้อเสียของมาสคาร่า + อายไลเนอร์

- สำหรับมาสคาร่า ยังนึกไม่ออก
- สำหรับอายไลเนอร์ ปริมาณแอบน้อย ใช้แป้บเดียวหมด สองเดือนหมด
เพราะเขียนทุกวัน

วันนี้ก็จบกันไปแล้วนะคะ สำหรับไอเท็มเด็ดๆประจำปีนี้ที่ออนเลือกมา
เยอะมากเลยเหมือนกัน จะบอกว่า 90% ของของที่รีวิวในครั้งนี้มาจากเงินของออนเอง
เรียกว่าสปอนเซอร์ตัวเองค่ะ นอกนั้นจะมีของที่ได้จากการไป workshop หรือเล่นเกมส์มาบ้าง
แต่ก็จะเป็นของที่ออนเคยใช้อยู่แล้วบ้าง ดังนั้นไม่มีการเขียนเว่อร์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขียนจากความรู้สึก
ที่ออนได้ลองใช้เอง เพราะถ้าออนเขียนเว่อร์ๆไป คนอืนใช้แล้วไม่ดีอย่างที่เขียน ก็เสียออนอยู่ดีค่ะ
ไม่ต้องการให้คนมาเสียเงินฟรีๆ และอยากให้มองว่า ออนใช้ดีไม่ได้หมายความว่าจะดีกับทุกคน
เพราะว่าผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้ามีเทสเตอร์หรือมีเวลาแวะไปลองที่ counter เองเลยจะดีกว่า
จะได้รู้ว่าแพ้หรือไม่แพ้ และชอบหรือไม่ชอบ จะได้ไม่เสียเงิน และเสียเวลาค่า

หวังว่าจะชอบกับกระทู้นี้กันนะคะ
ออนนั่งทำถึงตี 1 และรีบมาปั่นต่อตอนเช้าอีก 3 ชั่วโมงกว่าๆ อย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

สุขสันต์วันปีใหม่ด้วยนะคะ
ขอให้มีความสุขทุกคน ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เดินทางไปไหนมาไหนปลอดภัย
และขอให้มีแต่เรื่องดีๆเข้ามานะคะ เรื่องไม่ดีก็ออกไป