ขอระบาย ขอระบาย เครี้ยดเครียด อึดอัด เพื่อนบ้าน

     เข้ามาระบายเพราะมันอัดอั้นสุดใจกะเพื่อนข้างบ้าน (ซึ่งเราไม่ค่อยสนิท) เรื่องของเรื่องก็คือเค้าเพิ่งย้ายมาอยู่ข้างบ้านเราได้ประมาณ 2 ปีแล้วล่ะ เข้ามาอยู่ใหม่ๆ ก็ขายของค่ะ แบรนด์ขายตรงแบรนด์หนึ่ง ยอมรับนะคะว่าสินค้าเค้าดีซึ่งหลายๆตัวเราเองก็ใช้อยู่มาก่อนหน้าที่เราจะรู้จักกับเค้าแล้ว

     วิธีการขายมันน่ารำคาญ เราก็ซื้อแบบตัดรำคาญ แต่สิ้นเดือนมาก็กดกริ่งหน้าบ้านเราแระ เอาแคตตาลอกยัดเยียดให้ซื้อน่าดูแถมชวนเข้าไปขายอีกตะหาก ครีมยี่ห้ออะไรก็ตามที่เราใช้อยู่กระจอกหมดสู้ครีมมหาเทพของเขาไม่ได้ ฟังไม่เข้าหูเลย เราก็ขอบาย  เค้าก็ยกกรณีตัวอย่างของคนอื่นให้ฟัง  เป็นนักธุรกิจขายตรงแบรนด์นี้แต่ละคนได้ดีขนาดไหน แล้วก็เปรียบถึงบางคนที่เค้าเอาโอกาสดีๆ หยิบยื่นมาให้แต่ไม่ยอมรับปิดกั้น มันก็น่าเสียดาย เหมือนพวกบัวใต้น้ำที่ไม่ยอมผุดขึ้นมา เรางี้เซ็งและรำคาญด้วย ก็ยอกกลับไปหลายดอกจนเค้าแหยงๆ ไม่ค่อยกล้ามาขายของเท่าไหร่

     แต่ก็ไม่เข็ดนะ หลอกเราไปนวดหน้า ไอ้เราก็เข้าใจว่าชวนไปนอนนวดหน้าในห้างแถวบ้าน ก็ไปนะ ที่ไหนได้พาไปเจอพรรคพวกเดอะแกงค์ขายตรง มันเป็นสามชั่วโมงที่ทรมารมากมาย เจอคนเดียวก็อึดอัดแทบคลั่ง นี่เล่นเจอเป็นสิบ จิตไม่แข็งอาจจะสติแตกได้แล้วมันเป็นสามชั่วโมงที่ได้ยินแต่คนพูดถึงแต่ไอ้สินค้าแบรนด์นี้ ดีอย่างนี้ พี่คนนี้ซื้อไปสามหมื่นกว่าบาทเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่คนนั้นซื้อเป็นเซตให้แฟนใช้ ซึ่งแต่ละรายที่ได้ยินผ่านมาไม่ต่ำกว่าหลักหมื่น พึมพำเหมือนคนคลั่งลัทธิ แล้ววกกลับมาที่เราคะยั้นคะยอให้เราซื้อไอ้เราก็ปฎิเสธ เค้าก็บอกว่าให้รูดบัตร เราบอกไม่มีบัตร ก็บอกว่าจะรูดให้เราก่อน เราเลยขอตัวขับรถกลับบ้านเลย

     แต่เข้าเรื่องที่เซ็งแบบของจริง ในวันนี้คือการคืบมาขอยืมเงิน ครั้งแรกบอกเราขอยืม 2000 ไม่มีเงินซื้อนมลูก เราก็ให้นะ บอกเราว่าอาทิตย์หน้าจะมาคืนให้ หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ก็เงียบเฉยไม่พูดถึง ณ จนถึงเวลานี้ผ่านมา สี่เดือนแล้วก็ยังไม่พูดถึงเรื่องเงินเลย แถมยังคุยกับเรา เหมือนไม่มีอะไร เราก็ช่างมันวะ ยกให้หลานแล้วกันแล้วก็ซื้อความเกรงใจด้วย จะได้ไม่ต้องมาหยิบยืมเงินจำนวนมาก แต่เราเข้าใจผิดแบบสุดสุดเลย

     จนมาเช้าวันนี้ ซึ่งเราก็ยังไม่ได้กลับจากหัวหิน เพื่อนบ้านเราโทรมาเสียงเหมือนร้องไห้ เราก็ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เค้าบอกว่ามีเรื่องรบกวน ขอยืมเงิน หนึ่งหมื่นบาท เค้าบอกว่าเค้าไม่ได้ส่งงวดรถยนต์มา 3 เดือนแล้ว และวันนี้เค้าจะมายึดรถแล้ว เราก็อึ้งนะ ไม่ได้ตอบรับและไม่ได้ปฎิเสธเพราะยังงัวเงียเพิ่งตื่นนอน เค้าก็เร่งเรานะว่าจะโอนเข้าบัญชีเค้าเลยไม๊ หรือจะเอาเงินสดมาให้เค้าเอง เราเลยบอกให้รอเรากลับก่อนแล้วเราก็วางสายไป

     เราเลยโทรหาพี่คนที่สนิทกับเค้า (พอดีพี่เค้ารับต่อเติมบ้านให้เราอยู่ซึ่งเราเองก็ไม่เคยไปพูดเรื่องการยืมเงินก่อนหน้านี้ให้ใครฟังเลยนะแม้แต่เพื่อนสนิทที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับเรา) ถามเค้าว่าเพื่อนบ้านเราคนนี้ได้มาปรึกษาเรื่องการเงินกับพี่เค้าหรือเปล่า เค้ามีปัญหาทางการเงินอะไรมากไหม พี่เค้าเลยบอกเราว่าเพิ่งวางสายจากเพื่อนบ้านเรา เค้ามาขอยืมหมื่นหนึ่ง แต่พี่ให้เค้ายืม 5000 ไม่อยากให้หมื่นหนึ่งเพราะเค้าก็มีเรื่องต้องใช้จ่ายเยอะ เราเลยบอกว่าเราก็โดนขอยืมมาก่อนหน้านี้แล้ว และเค้ายังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอันใดที่จะรับผิดชอบทั้งสิ้น ถ้าเราให้เค้ายืมเงินจำนวนนี้ไป นั่นหมายถึงเราต้องตัดใจจากเงินตรงนี้เลยนะว่าจะไม่ได้คืนแน่ๆ พี่เค้าก็อึ้งไป และแนะนำให้เราปฎิเสธไป (นี่คือพี่ที่สนิทกับเค้านะคะแนะนำเรา)

     เราก็โทรไปบอกเค้านะว่าให้ยืมไม่ได้เพราะเราเองก็มีภาระต้องใช้จ่ายเหมือนกัน แล้วเราก็เพิ่งจะมาเที่ยวหัวหินด้วย เค้าก็นิ่งไปนะ แล้วตอบเรากลับมา จะให้เค้าทำยังไงล่ะ ก็เค้าจะมายึดรถวันนี้แล้ว เค้าเงียบไป แล้วก็ขอบใจมากนะ เราก็รู้สึกผิดนะที่ไม่ได้ให้เค้ายืม แต่อีกใจก็หงุดหงิดว่ามันความผิดชั้นเหรอเนี่ย ของเก่าไม่พูดถึง หลักพันก็ยังพอทำใจให้มันสูญได้ แต่นี่มันหลักหมื่น มันมากนะสำหรับคนที่ไม่ได้สนิทกันมากมาย แต่ถ้าเราให้เค้าไปเราก็ไม่สบายใจนอนไม่หลับแน่นอน มันเหมือนคนเซ่อที่ให้เค้าหลอก อึดอัดที่จะต้องเจอหน้าเค้าจริงจริงเลย