ลองไปบ่นไป ver.ก่อนเปิดเทอม

สวัสดีค่ะพ่อแม่พี่น้องชาวจีบัน
หายหน้าหายตาไปพักใหญ่จนหลาย ๆ คนคงลืมไปแล้ว เอ๊ะ!!อีนี่ใครกัน
ช่วงหลัง ๆ ไม่ได้เล่นบอร์ดจีบันเลยตั้งแต่ช่วงสอบกลางภาคยันปลายภาค
ตอนแรกก็ว่าปิดเทอมจะกลับมาอัพบอร์ด แต่ก็ดั๊นนนนนนติดซีรี่ย์
นั่งไล่บี้ดูทีละเรื่องสองเรื่องจนตอนนี้งงไปหมดแล้วเรื่องไหนเป็นเรื่องไหนกันแน่(วะ)
ตลอดปิดเทอมที่ผ่านมาก็มีช็อปบ้างอะไรบ้างพอให้ชุ่มชื้นใจ
วันนี้เลยจะมารีวิวของที่เคยลองว่ามีดีหรือไม่อย่างไรคร่ะ

ชิ้นแรกค่า Hadalabo Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion โอ๊ย!!ชื่อยาวไปโลกพระจันทร์เลยทีเดียว
ตัวนี้เห็นโฆษณาบ่อยเกินเกิดกิเลศทนไม่ไหวเลยแอบไปด้อม ๆ มอง ๆ พอไปถึงโดนคุณ BA จับล็อกตัว
คุณน้องมาลองซะดี ๆ เหอ ๆ ๆ ๆ แบบว่าคุณพี่ BA สงสัยเป็น BA มือใหม่เห็นพูดติด ๆ ขัด ๆ ไม่ค่อยคล่อง
แต่ความพยายามเต็มเปี่ยมมาก มีวัดความชุ่มชื้นของผิวให้ด้วย แล้วก็ซื้อวันนี้แถมฟรีไซส์ทดลองเอาไว้ติดกระเป๋าอีก
ฮ่า ๆ ๆ ๆ อีตอนสุดท้ายนี่แหละ กิเลศครอบงำทันทีเลย ของแถมเราชอบ (มากกกกกกกกกกกกกกกก)
ก็เลยควักกระเป๋าสูญทรัพย์ไปเป็นเงิน 455 บาท เรียบร้อยโรงเรียนจีบัน

ตอนแรกก็ไม่ได้อยากได้ตัวนี้หรอก จริง ๆ อยากได้ Aqualabel ที่มันลดราคาอยู่
แต่พอลองเทสปรากฎว่ามันซึมง่ายมั่กกกกกกก แล้วใช้แล้วผิวชุ่มชื้นอย่างแรง
ตอนที่พี่ BA เค้าวัดค่าความชุ่มชื้นผิวตอนแรกค่าประมาณ 32% แต่หลังจากใช้ ๆ ตบ ๆ ลงผิว เลขก็พุ่งเป็น 50%
โอ้!! บร๊ะเจ้า ของเค้าแหล่มเจรง (แต่เพิ่งใช้โลชั่นหมาดๆแล้ววัดถ้ามันไม่ขึ้นก็แย่แระ)
ตอนนี้ใช้ไป 2 - 3 วันแล้ว ผลลัพท์ที่เกิดขึ้น...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฮ่า ๆ ๆ ๆ (ถ้าเปลี่ยนนี่ขั้นเทพ)
แต่หลังจากใช้กับหน้าจริง ๆ แบบเต็มสตรีมก็รู้สึกว่ามันทำให้ผิวชุ่มชื้นดีจริง ๆ
ปกติหลังล้างหน้าโซนแก้มจะแห้งมากในขณะที่ T-zone จะมันภายใน 1 ชม. หลังล้างหน้า
แต่หลังจากใช้เจ้าตัวนี้หน้าจะชุ่มชื้นไม่แห้งทั้งหน้า แล้วรู้สึกพวก T-zone จะมันช้าลง
เพราะว่าตัว lotion ไปเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแล้วทำให้ผิวไม่ต้องเร่งสร้างน้ำมันมาหล่อเลี้ยงใบหน้าหลังจากล้างหน้า
ที่สำคัญรู้สึกผิวแข็งแรงขึ้น ยืดหยุ่นได้ดีขึ้น แบบบอกไม่ถูก ตอนตบให้โลชั่นซึมนี่ผิวติดมือดึ๋งๆเหมือนในโฆษณาเลย
เวลาแต่งหน้าก็ช่วยให้เกลี่ยพวกเบสเมคอัพง่ายขึ้นด้วยเพราะผิวไม่แห้ง โอ๊ย เริ่ส ๆ ๆ ๆ
เรื่องแพ้ซึ่งปกติเราไม่ค่อยกังวลอยู่แล้วเพราะไม่ค่อยแพ้อะไร ตัวนี้ยิ่งสบายใจได้ยิ่งขึ้น
เพราะไม่ผสมน้ำหอมเลย ตามสโกแกนยี่ห้อเค้า คือ PERFECT & SIMPLE
แต่ข้อเสียข้อเดียวที่ทำให้หงุดหงิดอย่างแรงคือ มัน Made in China
ตอนแรกนึกว่า Made in Japan ไม่ได้ดูฉลาก เห็นราคามันตั้งไว้สูงซะ -*-
หงุดหงิดมาก ช่วงหลัง ๆ นี้อะไร Made in China ไม่ค่อยอยากใช้เซ็งจริง ๆ
ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากซื้อต่อเลยหมดอารมณ์ ถ้าขวดนี้หมดถึงจะดีแค่ไหนก็คงบ๊ายบายอ่ะ ใสเจีย เสียใจนะน้อง

ชิ้นที่ 2 BOTANICS Soothing Eye Make Up Remover ชิ้นนี้เป็นผลพวงจากการเดินหลงเข้าไปใน ฺBoots
แล้วดันโดนมนต์ดำซื้อ 1 แถม 1 ตอนแรกนั่งนึก ๆ อืมก็ดีนะ Loreal ที่บ้านก็ใกล้หมดแล้ว อันนี้ก็ไม่แพง 250 บาทได้ตั้ง 2 ขวดแน่ะ
ประกอบกับหมั่นไส้อี Loreal ที่ตอนหลังพอมันเริ่มฮิต มันดั๊นนนนอัพราคาอีก 20 บาท แถมไม่ค่อยเอามาลดราคา
สรุปก็เลยจัดมาเลย 2 ขวดดีไม่ดีค่อยว่ากัน โฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ

ตัวนี้ลักษณะเนื้อเป็นแบบเดียวกับ Loreal คือ แยกเป็น 2 ชั้นระหว่างชั้นน้ำกับน้ำมันเวลาใช้ต้อง shake shake
แต่ตัวนี้แอบเหนื่อยเพราะมันเข้ากันยากส์มั่ก แต่ถือว่าได้ออกกำลังกาย กร๊าก ๆ ๆ ๆ
วันนี้ลองใช้เช็ดตาที่ปัดมาสคาร่าเมเบลีนอ้วนเหลืองซึ่งมันล้างยากทีเดียว น้อง ๆ เจ๊มาจอริก้าเลย
เทใส่สำลีให้ชุ่มแล้วโปะตาไว้ประมาณ 30 วิ แล้วก็ป้าดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โอ้!! ตาเถรตกหกขะมำ มานเริ่ดมากจ้ะนายจ๋าออกเกลี้ยงเร๊ยยยยยย
พวกที่เหลือติดขอบ ๆ ตาก็เก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อย ที่สำคํญไม่แสบตาแม้แต่น้อยอันนี้ปลื้มมมม
ถูกกว่า อีป้า Loreal เห็น ๆ แถมปริมาณเยอะกว่าด้วย (Loreal 125 มลฺ.  Botanics 150 มล.)
ส่วนผสมหลัก ๆ นั่งอ่านก็เหมือน ๆ กัน แต่เวลาใช้โบทานิคจะมันกว่าลอรีอัลเยอะ แต่ก็ล้างไม่ยากโฟมรอบเดียวก็เกลี้ยง
ที่สำคัญมัน Made in UK ขณะที่อีเจ๊ลอรีอัลมัน Made in China
ศึกนี้ Botanics ขณะขาดลอย ตอนนี้ขึ้นแท่นที่หนึ่งในดวงใจไปเรียบร้อยแหล่ว

ชิ้นที่ 3 Estee Lauder Pure Color Eyeshadow ชิ้นนี้ไม่ได้ซื้อแต่เป็นของอภินันทนาการจากคุณน้า เย้!!
เป็ยอายแชโดว์ 7 สี โทนม่วงซึ่งไม่ค่อยจะมีในคลังแสง แอบปลิ้มใจเล็ก ๆ
ตลับนี้ถ้าไม่บอกคงไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงพองแถมเท่านั้นนนนนนนนนนน
อกอีแป้นจะแตกจริง ๆ เพราะตัวตลับแข็งแรงมาก มีกระจก+แปรงให้ด้วย ปลื้มมากกกกก
ส่วนสีก็เป็นแนวแบบอายแชโดว์ของฝรั่ง คือ วิ้งไม่เว่อร์เท่าของญี่ปุ่น เนื้อสีออกแนว silky ประกายแต่พองาม
โทนสีก็สวยดีแต่งออกมาได้หลายแบบตั้งแต่แบบ daily ยันแบบ party แล้วแต่ละเลือกใช้สี
ส่วนตัวชอบโทนสีนะ แต่ยังไงก็ไม่ค่อยชอบ eyeshadow ของฝรั่ง ทาแล้วมันไม่ขึ้นอ่ะ
ชอบของญี่ปุ่นมากกว่า (เป็นพวกนิยมเอเชียด้วยกัน 555)
เรื่องติดทนหรือไม่อันนี้ไม่ขอรีวิวค่ะเพราะอายแชโดว์มันเป็นส่วนที่เราไม่ค่อยได้ไปแตะไปโดนยังไงมันก็ไม่ค่อยมีปัญหา
เราลองแต่งแล้วก็ไปเดินเล่นมาทั้งวันกลับมาบ้านสีก็เหมือนตอนแต่งเสร็จก็โอเคละกันผ่าน ๆ

อันนี้ลองแต่งด้วยพาเลทท์นี้ค่ะ ใช้ทุกสียกเว้นสีเขียวหัวเป็ดออกมาได้โทนม่วงจ๋ามากสะใจดี อิอิ

ชิ้นที่ 4 Tiffa Hand & Nail Cream อันนี้สอยเพราะลดราคาแล้วช่วงนี้บ้าพวก Hand Cream เลยจัดมา
กลิ่นหอมมาก ๆ เป็นกลิ่นกุหลาบที่หอมสดชื่นจริง ๆ ปกติไม่ชอบกลิ่นแนวกุหลาบ ๆ เลยอ่ะ แต่ตัวนี้หอมจริง
เนื้อครีมไม่เหนอะมือ เนื้อบางเบาสุด ๆ เวลาใช้ทีนี่ซึมไวมากเวลาจับอะไรก็ไม่หนึบ ๆ ลื่น ๆ มือเลย
ใช้แล้วมือก็นุ่มนิ่ม ๆ ชอบมากมายเลย เสียอย่างเดียวหลอดเล็กราคาเทียบกับปริมาณก็โหดแบบนิดส์ ๆ ๆ
ถ้าลดราคาอีกก็คงจะสอยมาใช้ แต่ถ้าไม่ลดก็คงลองยี่ห้ออื่น 555

ชิ้นที่ 5 Ma Cherie Moisture Shampoo & Conditioner รูปจริง ๆ ไม่มีค่าเพราะซื้อเป็นรีฟิลล์มากแล้วทิ้งถุงไปแล้ว
ความจริงซื้อมาจากญี่ปุ่นตั้งแต่ไปเที่ยวเมื่อต้นปีเพิ่งได้ขุดมาใช้ค่ะ ราคามันแพงกว่าชาวบ้านเค้าด้วย
รีฟิลล์ 380 ml ราคา 600 กว่าเยน เท่าซึบากิสีขาวเลย แต่แพ้ของน่ารักเลยซื้อมา ฮ่า ๆ ๆ ๆ
วันนี้ได้ลองใช้จริง เฮ้ย!! ดีมากอ่ะ ใช้แล้วดีกว่าซึบากิขวดขาวอีก O_o
ผมกลับมานุ่มเรียบตรงแล้วก็เงาวิ้ง ๆ เหมือนเดิมแล้ว หลังจากหัวเน่าแหกกระเจิงกับยี่ห้อตัวอักษรย่อ P
ที่มันโม้ว่าผมดีขึ้นใน 14 วัน หลังจากใช้แล้วช่วงแรก ๆ ก็ดี แต่หลัง ๆ มันไปโลกพระจันทร์เลยมะเพ่
ยาสระผมก็ติดผมล้างเท่าไหร่ก็ไม่ออกผมแห้งแล้วมะแร่งเป็นก้อนเลยชาตินี้ไม่ขอใช้อีกเค่อะ -*-
กลับ ๆ ๆ เข้าเรื่อง Ma Cherie ต่อ กลิ่นก็หอมดีจ้าหอมหวาน ๆ อ่อน ๆ คล้าย ๆ ลิ้นจี่อ่ะ
เนื้อสีชมพูอ่อน ๆ น่ารักมากกกกกก ชอบมาก ๆ เลยอ้ะ ใช้ดีจริงอะไรจริง
ตอนนี้เป็นที่หนึ่งในดวงใจไปแล้ว แต่ก็ดันมีอุปสรรคร้ายกาจ -*-
มันหาซื้อยากเค่อะ ขายที่ญี่ปุ่นเท่านั้น (ฝากแม่ตอนไปฮ่องกงแต่แม่หาไม่เจอ)
แถมที่เมืองไทยมันก็ไม่ฮิตไม่เคยเห็นร้านหิ้วร้านไหนหิ้วมาเลย สั่งในเนตก็แพงโคตรถึงขั้นละลายทองมาสระผมเลยทีเีดียว
ตอนนี้ก็ต้องไปทำใจก่อน ถ้าเพื่อนไปญี่ปุ่นค่อยฝากซื้อยกลังเลยละกัน 555+

รูปนี้ไม่เกี่ยวอะไรหรอกแต่เป็น mille crepe ที่ลองทำเล่น ๆ เองที่บ้าน
ที่มันดูแบน ๆ เพราะไม่มีวิปปิ้งครีม (พี่ซื้อเข้ามาให้ไม่ได้ติดงาน T_T)
เราเลยต้องนั่งควัก ๆ ของในตู้เย็นมาทำ สรุปใช้โยเกิร์ตสตอเบอรรี่ปาดแทน
ออกมาก็อร่อยดีน๊ายิ่งราดน้ำผึ้งด้วยยิ่งอร่อยเลย แต่มันอ้วนใช่ย่อยเลยแหละ - -"

สุดท้ายก่อนไปก็แอบบ่น ๆ ละกัน ตอนนี้เครียดมากมายเลย ทำสายเชื่อมกล้องของ sony หายไป
หาพลิกบ้านแล้วก็ยังไม่เจอเลยกลุ้มใจมาก -*- พอลองโทรไปถามราคาที่ศุนย์ก็แทบกรี๊ด
เส้นละ 1460 บาท นี่มันซื้ออายแชโดว์ดี ๆ ได้ 3 ตลับเลยนะ -*-
ภาพที่เห็นในรีวิวนี้เลยแอบห่วยเพราะใช้กล้องมือถือถ่ายเอา
เซ็งมากมาย ใครมีสายเชื่อมกล้องของโซนี่เอามาให้ยืมมั่ง T^T