(..อยากให้ทุกคนอ่าน..) เจอแล้ว!! หมอฟันที่ตามหามานาน ทัศนคติกับคนไข้ดีเลิศมากๆ (จริงๆนะคะ)

เราจัดฟันเสร็จเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว จะมาสรุปข้อดีและข้อเสียให้อ่านนะคะ (edited : 27/12/2015)

ข้อดี

- เลือกหมอได้ว่าต้องการทำกับท่านไหน

- หมอมีใบอนุญาตจริง

- มีการนัดตรวจเช็ครีเทนเนอร์และขูดหินปูนทุก 6 เดือน ค่าเช็ครีเทนเนอร์ครั้งละ 100 ค่าขูดหินปูนตามราคาคลินิก

- จัดฟันเสร็จแล้ว 3 ปี ฟันเรายังสวยเหมือนเดิม คงเพราะเชื่อหมอด้วย ใส่รีเทนเนอร์ตอนนอนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งตลอด ไปเช็ครีตามนัดและขูดหินปูน

ข้อเสีย

- เราถอดเครื่องมือตอนครบกำหนดการ 2 ปีพอดี แต่เรายังรู้สึกว่าฟันล่างเรามันบิ่นนิดๆ คือยังไม่เข้าที่ดี แต่หมอก็ถอดแล้ว

- คนไข้เยอะมากกกกกกกกก ต้องทำใจ เค้าให้ไปก่อนเวลาประมาณ 15-30 นาที (ไม่แน่ใจนานแล้ว ลืม) เราไปก่อนเวลาแต่ต้องนั่งรอตลอด บางครั้งรอเป็นชม.

- ราคาทำฟน อุดฟัน อะไรพวกนี้ค่อนข้างแพงกว่าที่่อื่นนิดหน่อย แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ก็ให้ไปเคลียร์ช่องปากจากที่อื่นมาก่อน จะได้ไม่ต้องรอคิวนานด้วย

- หมอไม่ผ่าฟันคุดให้เราตั้งแต่แรก ทำให้เราต้องมาแก้ปัญหาที่หลัง ต้องมาลุ้นว่ามันจะดันออกมาไหม ฟันจะเคลื่อนไหม แต่ตอนนี้ไปผ่าออกแล้ว

- หมอไปต่างประเทศบ่อยมากกกกกก ต้องเลือกวันดีๆจะได้เจอหมอ

ไม่แน่ใจว่าข้อดีหรือข้อเสีย

- หมอจะเป็นคนเปลี่ยนเครื่องมือให้เรา แต่คนใส่โอริง ใส่เชน จะเป็นผู้ช่วยหมอ ซึ่งรู้สึกว่าจะเป็นคนธรรมดานี่แหละ เพราะเคยเห็นหมอประกาศรับสมัคร ไม่เห็นระบุคุณสมบัติว่าต้องจบด้านนี้มา เราเข้าใจว่าคนไข้เยอะ แต่ความรู้สึกเราคืออยากให้หมอดูแลมากกว่า

โดยรวมถือว่าโอเค พอใจกับผลลัพท์ เพราะฟันของเราเข้าที่เร็วมาก ถ้าไม่นับเรื่องค่าใช้จ่ายที่แพงกับรอคิวนาน เราว่าที่นี่ก็อยู่ในระดับที่โอเค

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่เราได้ตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับการจัดฟันแบบ Damon ว่าดีไหม อะไรยังไง (ซึ่งค่าใช้จ่ายสูง ถึง สูงมากก)

ก็มีคุณ Cutieleveret นี่แหละค่ะ ที่ชี้ทางสว่างให้ ว่ามันขึ้นอยู่กับคุณหมอด้วย ไม่ว่าวิธีจัดฟันจะดีแค่ไหนแต่ถ้าคุณหมอไม่มีฝีมือก็เท่านั้น (อันหลังนี่คิดเอง 555)

และก่อนหน้านั้นเราก็ได้โทรหาคลินิกแห่งหนึ่ง เพื่อสอบถามการจัดฟันแบบดามอน ก็มีพนักงานมาตอบ ให้คำแนะนำพร้อมบอกรายละเอียดต่างๆ (ละเอียดมากๆบอกแบบแจ่มแจ้งเลย) มาทราบตอนหลังว่าคนที่รับสายน่ะไม่ใช้พนักงานเป็นคุณหมอ (ให้ตายเหอะ คุณหมอพูดเร็วมากฉันก็ถามคุณหมอหลายรอบ น่าอายชะมัด - -'')

พอคุณ Cutieleveret มาชี้ทางสว่างให้ เราก็ทำการเสิร์ทเน็ตเลย ตอนนั้นรู้จักคุณหมออยู่ไม่กี่คน แต่ก็พอจะจำได้ว่าคุณหมอที่เราเคยทำขายหน้าไว้น่ะชื่อคุณหมอสมบัติ แต่ไม่รู้นามสกุล ก็เลยเสิร์ทไปเลย ทพ.สมบัติ สระบุรี (เผื่อฟลุคเจอนามสกุลคุณหมอ จะได้นำมาตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตหรือเปล่า และมีรายชื่อในทันตแพทย์ไหม)

ฟลุค! มันฟลุคมาก เราเจอข้อความนึงที่เป็นของคุณหมอ มีทั้งชื่อและนามสกุล (ทพ.สมบัติ กิตติชัยกุลกิจ) ซึ่งประวัติของคุณหมอน่าสนใจมาก จากชีวิตเสื่อผืน หมอนใบของป๊ากับแม่คุณหมอ ส่งพี่ชาย 3 คนเรียนจบวิศวกร โดยพี่ชายคนโตจบเอก คนสองจบโท คนสามจบตรี ส่วนคุณหมอแหกกฎมาคนเดียวจบโททันตแพทย์จุฬา

คุณหมอมีทัศนคติที่ดีกับคนไข้มากๆ อยากส่งคนไข้ไปให้ถึงฝั่งฝัน คุณหมอบอกว่าการทำฟันครั้งแรกของคุณหมอคือการขูดหินปูน มันเจ็บมากๆ (น่าจะใช่นะคะจากที่แปล) แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นมันสอนให้คุณหมอรู้ว่าเมื่อคุณหมอได้เป็นหมอฟันคุณหมอจะนุ่มนวลกับคนไข้ไม่ทำให้คนไข้เจ็บ(เราชอบคำนี้มากก อ่านแล้วซึ้งน้ำตาจะไหล)

อยากให้ทุกคนได้อ่านจริงๆนะคะ คุณหมอมีทัศนคติที่ดีมากจริงๆ อ่านแล้วจะซึ้งยิ่งกว่าที่เราพูดอีก ไม่อยากจะพูด พูดแล้วมันซึ้งน้ำตาจะไหล 5555

www.dentalcouncil.or.th/public_content/essay09/email/E.3/E3.003.pdf<< เรียงความของคุณหมอค่ะ

ปล.ขอกราบขอบพระคุณ คุณ Cutieleveret งามๆสักครั้งค่ะ ที่ชี้ทางสว่างให้และก่อให้เกิดความซึ้งในครั้งนี้ ขอบคุณค่ะ

ปล.2 เช็คแล้วคุณหมอมีใบอนุญาต+มีรายชื่อในทันตแพทย์เรียบร้อยค่ะ

ปล.3 เราไม่ได้เป็นม้าของคุณหมอแน่นอน คอนร้อยเปอร์เลยค่ะ พอเราได้อ่านบทความของคุณหมอเราก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไปทำกับคุณหมอให้ได้! (ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอยู่ในช่วงเก็บข้อมูล)

สุดท้ายใครที่อ่านบทความของคุณหมอจบแล้วช่วยมาเม้นโพสทีนะคะ ว่าเราซึ้งโอเวอร์ไปเปล่ากับบทความของคุณหมอ ใครซึ้งกับเราก็ช่วยยกมือทีนะคะ ไม่อยากซึ้งคนเดียว มันเหงา 5555 ^^

รักทุกคนค่ะ จุ๊บๆ > 3< อิอิ