[REVIEW] ALL MY SKINCARE รวมเยอะมากๆ

เป็นโทนเนอร์ตัวโปรดของออนเลยยยยย ช๊อบบบ ชอบบบบบ
ถ้าคนที่เคยอ่าน review เก่าของออนไป ที่ออนใช้ Loreal รุ่น Hydrafresh
คงจะพอเดาออกว่าออนชอบอะไรประมาณนี้ แบบสีเขียวๆ ฟ้าๆ เจลๆ หยุ่นๆ ดุ๋ยๆ เด๋งๆ ฮ่าๆๆ
แต่ตัวนี้ชอบมากกว่า Loreal เพราะว่าแอลกอฮอลล์น้อยกว่า คือเวลาทาไปที่หน้าแล้วรู้สึกได้
รู้สึก ว่ามันจะชุ่มชื่นกว่า และรู้สึกว่าแบบว่า mineral มากกว่า ( อันนี้ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า T_T" สงสัยเห่อลูกร้กอยู่ ฮ่าๆ )

ออนเป็นคนติดโทนเนอร์มากๆ เพราะว่าเวลาใช้แล้วรู้สึกว่าครีมซึมลงเร็ว
ไม่งั้นเหมือนครีมจะไม่ซึม หรือต่อให้ครีมซึม ออนก็จะไม่รุ้สึก รู้สึกอะไรขาดๆหายๆ
ตัวนี้ออนใช้เทกับสำลีค่ะ เพราะโทนเน่อร์เป็นน้ำใสๆเลย ไม่ได้เป็นน้ำข้นๆเหมือนของเกาหลี
ที่จะเทใส่มือแล้วแปะๆหน้าได้

- Biotherm Aquasource Non-Stop Hydrating Rebalancing Aligo-Thermal Milky Lotion 125ml.
( ไม่ทราบราคาที่ช็อปไทยค่ะ เพราะซื้อจาก duty free แล้วเว็บ Biotherm Thai ยังไม่มีตัวนี้ลงไว้ )

ตัวนี้ตอนแรกก็ไม่ได้กะจะซื้ออะไร ไปลองเล่นๆที่ดิวตี้ฟรีคั่นเวลา ( นิสัยเสียย !! - -" ) ฮ่าๆ
แต่ลองทากับมือแล้วซึมเร็วมากกกกกกกก แบบเนียนไปเลย แล้วมือจะนุ่มๆ สบายๆ หยุยๆ ชอบๆ
แล้วออนชอบกลิ่นอะไรแบบนี้ด้วย อธิบายไม่ถูก ออนชอบกลิ่นมันมากกก รู้สึกเหมือนมีน้ำแร่มาชโลมผิวยังไม่รู้ ( เว่อร์อีกแล้ว )
ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าแอร์ที่แอร์พอร์ทมันเย็นทำให้ซึมเร็ว บอกกับอากาศที่จีนมันแห้งๆด้วยรึเปล่า

แต่พอออนคำนวนราคาแล้ว .. โทนเนอร์กับตัวนี้รวมกับ 2,000 บาท ก็ซื้อเลยทันทีทันใด
เพราะจำได้ว่าตัวม๊อยเจอร์ของของ Biotherm จะแพงกว่าโทนเนอร์ บวกลบแล้วคุ้ม ฮ่าๆๆ

สรุปว่าปลื้มทั้งสองตัวมากกกกค่ะ
4.5/5 เลยยยยย

ปล. ถ้า milky lotion หมด ( แล้วถ้าที่ไทยไม่มีขาย ) สงัสยต้องฝากซื้ออีกแล้วววว

อันนี้ซูมๆให้ดูน้อง Milky Lotion ที่พูดถึง
เนื้อมันจะหยุ่นๆ นิ่มๆ หยุยๆ ดึ๋งๆ เด๋งๆ อ่านคำอธิบายแล้วฮา แต่ชอบบบ
ออนไม่รู้ว่าคนอื่นชอบกลิ่นแบบนี้รึเปล่า แต่ออนชอบม๊ากกกกกกกกกกก ชอบๆๆ ๆ ๆ ๆ

กลับมาต่อกันที่

Cleansing Express Sebum
ราคา 350 กว่าบาทๆ +- ค่ะ แล้วแต่โปรโมชั่นจาก Watsons ( ที่ Boots ก็มีขายค่ะ )

อันนี้เป็น Cleansing ยอดฮิตของสาวๆในนี้ก็ว่าได้
ออนเริ่มใช้ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนโดยที่ไม่รู้อะไรเลย คือวันนั้นตาออนแพนด้ามากๆ
แพนด้าจนคุณแม่ทนไม่ไหว เลยบอกว่าจะพาไปซื้อที่เช็ดเครื่องสำอางค์ ก็เลยเดินเข้า Boots
ที่ J-Avenue กัน พนักงานก็แนะนำว่าตัวนี้ดี มีทั้งผิวผสม-ผิวมัน ( ขวดเขียว ) และผิวแห้ง
( ขวดชมพู )

คุณแม่ก็เลยลองให้พนักงานใช้คอตต้อนบัดชุบแล้วเช็ดออกข้างนึง
แบบปาดจากหัวตาไปหางตา (ขอบตาล่าง) มันก็หายปรี๊ดดดไปเลย คุณแม่กรี๊ดมากกก
เลยได้ตัวนี้มา ..

ตัวนี้ออนชอบที่ว่ามันเช็ดเครื่องสำอางค์ได้หมดดี อย่างเช็ดไปครึ่งหน้า
จะเห็นเลยว่ามันหลุดออกไปจริงๆ เหมือนครึ่งปีศาจกับครึ่งคนยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆ
แต่คงจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ใช้กันแดดกันน้ำหรือเครื่องสำอางค์แบบว่าหนักๆทั้งหลาย เช่น
กันแดดกันน้ำ ตามด้วยเบส ตามด้วยรองพื้น โบกต่อด้วยคอนซีลเลอร์ เสร็จแล้วโปะแป้งพัฟ ฯลฯ
อันนั้นใช้ Cleansing Oil ไปเลยดีกว่า จะสะอาดหมดจดกว่า เพราะ Oil จะสามารถล้าง
พวกอะไรที่กันน้ำได้ค่ะ

โอเค กลับมา review ตัวนี้ต่อ  ..  ข้อเสียของตัวนี้คือกลื่นค่ะ
ออนไม่ชอบกลิ่นมันซะเลย มันไม่ได้เหม็น แต่กลิ่นมันแปลกๆ คือออนไม่ชอบกลิ่นมันเอง
แต่นอกนั้นโอเคมากๆ .. ตัวนี้โฆษณาว่าล้างแล้วไม่ต้องล้างด้วยโฟมต่อ สามารถนอนได้เลย
แต่ออนไม่ไหวนะคะ เพราะรู้สึกหน้าเหนียวๆ ลื่นๆ เหมือนกับว่ายังไงก็ล้างยังไม่หมด
ต้องล้างด้วยโฟมซ้ำอยู่ดี .. ล้างด้วยโฟมซ้ำแล้ว ไม่ต้องถูมากค่ะ วนๆเบาๆ ก็จะสะอาดกริ๊งๆเลย

ปล. เวลาล้างเน้นตรงปีกจมูก ( ตรงซอกนั้น ) ตรงกกหู ( สะกดแบบนี้รึเปล่า ? )
และตรงใกล้ๆหู ที่มีไรผมค่ะ เพราะบางคนไม่ได้เก็บผมขึ้นเวลาล้างหน้า หรือกลัวผมเปียก
ทำให้ล้างบริเวณนั้นไม่สะอาด และมักจะเกิดสิววววว อ้ออ .. ล้างตรงจมูกด้วยค่ะ เพราะบางที
โฟมหรือเครื่องสำอางค์เข้าไปสะสมในนั้น เป็นสามารถหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวในจมุกค่า

กลับมาที่ตัวเดิมอีกเช่นกันค่ะ ..
อะไรที่ออนชอบจริงๆ จังๆ หรือว่าแบบของดีราคาถูก
ออนก็จะไม่ค่อยเปลี่ยนยี่ห้อ จะใช้ไปเรื่อยๆ ซ้ำๆ ฮ่าๆๆ เหมือนตัวนี้นั่นเอง

Loreal Gentle Eye Make-Up Remover
ราคา 200 กว่าบาท +- แล้วแต่สถานที่ แล้วแต่โปรโมชั่น

นั่นก็คือที่เช็ดเครื่องสำอางค์บริเวณตานั่นเอง แต่เหมือนเคยเห็นบางรุ่นที่มันเป็น
Eye and Lips ด้วยนะ หรือว่าออนจำผิดก็ไม่แน่ใจ แหะๆ .. ตัวนี้สาวๆหลายคนก็คงจะชอบบ
เพราะว่าล้างได้หมดจดจริงๆ อะไรที่กันน้ำ ติดทน จะสโมกกี้อายส์ ตาดำปี๋ ก้ล้างออกค่ะ
ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วยย หาซื้อก็ง่าย ตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วๆไป ตาม Watsons และ Boots ก็มีค่ะ

ที่สำคัญตัวนี้อ่อนโยนพอสมควรเลย แบบว่าบางทีเผลอลืมตาแล้วไม่ค่อยแสบ
แต่จะแนะนำว่าถ้ามีเวลานิดนึงซัก 3-5 นาทีในการล้างหน้า อยากแนะนำว่าให้เทตัวนี้ใส่สำลี
แล้วแปะทิ้งไว้ที่ตา เราจะนอน หรือเอนหัวก็ได้ค่ะ แปะไว้ประมาณ 3-5 นาที เหมือนให้ตรงหนังตามันชุ่มชื้นขึ้นมา
แล้วเวลาเช็ดจะเช็ดออกง่ายขึ้น ไม่ต้องเช็ดซ้ำๆ ที่สำคัญช่วยยืดเวลาของรอยเหี่ยวย่นทั้งหลายที่หนังตาด้วยค่ะ
เพราะรอยเหี่ยวย่นที่หนังตาเป็นอะไรที่แก้ยากมากก ดังนั้นถนอมไว้ดีกว่านะคะ

ปล. ถ้าวันนั้นแต่งหน้าจัดหน่อย เช่นมีทั้งอายไลเนอร์ มาสคาร่ากันน้ำ อายแชโดว์
แนะนำเวลาให้เทใส่สำลีแบบชุ่มๆหน่อย อย่าประหยัดจนเกินไปแล้วต้องมาขยี้ๆหนังตาค่ะ
ให้มันชุ่มๆ และมาแตะๆ หนังตาซัก 3-5 ครั้ง แล้วค่อยๆเช็ดออก จะเช็ดง่ายขึ้นมากๆค่ะ

สองอันนี้ก็เป็นไอเท็มเก่าสองอันสุดท้ายที่เหลืออยู่
เดี๋ยวจะเริ่มไอเท็มใหม่ๆที่เหลือด้วย ( แต่ Biotherm นี่ขอยกเว้น เพราะเห่อมากค่ะ ฮ่าๆๆ เลย review ก่อนเลย )

Skinfood Rice Wash Off Mask
Skinfood Kiwi Yogurt Mask

( พี่สาวซื้อมาให้จากเกาหลีค่า .. เห็นราคาตามเว็บพรีออเดอร์อยู่ที่สองร้อยกว่าบาท
ส่วนราคาในช็อปไทย ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ )

เริ่มกันที่ตัวมาส์กข้าวสุดฮิตก่อน . ตัวนี้ก็คือมาส์กที่ทำให้หน้านุ่มๆๆๆ เนียนๆๆ ใสๆๆ
คือไม่ได้ขาวขึ้น แต่มันเหมือนกับหน้าสะอาดขึ้น นุ่มขึ้นค่ะ ตัวนี้มาส์กแล้วหน้าไม่แห้งด้วย
เหมาะมากๆสำหรับผิวแห้ง และผิวอื่นๆค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้ได้เลย

ไม่รู้จะ review อะไร เพราะคนเป็นร้อยก็ review กันหมดแล้ววว T_T"

ต่อกันที่ kiwi yogurt mask .. กระปุกนี้เป็นกระปุกที่สองที่ออนใช้ค่ะ
กระปุกแรกออนซื้อเอง เสี่ยงและสุ่มเอาเองตอนไปเกาหลี โดยถามพนักงานว่าถ้าเป็นคนที่
แต่งหน่าบ่อย เรียกว่าทุกวันหรือเกือบทุกวัน อยากจะหามาส์กที่ช่วยในเรื่องนี้ เหมือนช่วยให้หน้า
ที่ล้าจากการแต่งหน้าได้พักและได้หายใจ มาส์กแล้วให้รู้สึกสดชื่น เหมือนผิวได้พักผ่อนประมาณนั้น

พนักงานที่โน่นก็แนะนำเป็นตัวนี้มา อย่างแรกออนชอบกลื่นมากๆค่ะ เวลาดมแล้วสบายๆ ผ่อนคลาย
เนื้อก็สีเขียวๆ ( อีกแล้วว ) หยุยๆ ด้วย มีเม็ดสีเขียวๆ ค่ะ คล้ายเม็ดบีทหรืออะไรซักอย่าง
ออนชอบไปบี้เล่นๆ มันก้จะแตกออกมาเป็นสีเขียวๆ ฮ่าๆๆ เหมือนคนโรคจิตยังไงไม่รู้
แต่ตัวนี้ขาดไม่ได้เลย ช่วงไหนหน้าโทรมๆ เหนื่อยๆ ล้าๆ นอนไม่พอ ก็มาส์ก โปะเข้าไปค่ะ เริ่ดเลยย
พอล้างออกมา เหมือนหน้ามันใสๆขึ้น เหมือนหน้าได้สารอาหารประมาณนั้นค่ะ มีน้ำมีนวลขึ้น

ปล. เคล็ดลับคือการแช่มาส์กไว้ในตู้เย็นค่ะ ที่บ้านจะมีตู้เย็นเล็กๆไว้ในห้อง แช่เครื่องสำอางค์
ทำให้ยืดอายุการใช้งาน และที่สำคัญเวลาเราเอามาทาหน้า โอ๊ะโอ .. สบ้ายยสบายยย
มันจะเย็นๆ สบายๆ ผ่อนคลายมากๆค่ะ

ซูมเนื้อมาส์กชัดๆค่ะ
จะเห็นว่ามาส์กข้าวจะหยุ่นๆมากกก มีคล้ายๆกับเมล็ดข้าว หรืออะไรในนั้น
เหมาะสำหรับเป็นสครับอ่อนๆ สำหรับผิวบอบบางที่แอบอยากผลัดเซลล์ผิวด้วยการสครับ

ส่วนมาส์กกีวี่ก็จะมีเม็ดสีเขียวๆผสม ดูแบบว่า aroma theraphy สุดยอดด

ตามติดกันมาด้วย mask อีกอัน
แต่คราวนี้เป็น mask sheet ค่ะ ของ Etude House Moistfull Collagen  นั่นเอง
ตอนแรกที่ไปเกาหลี ออนเห็นว่ามันลดราคาถูกดี เหลือแผ่นละไม่กี่สิบบาท แล้วมันจะขายเป็นแพ๊คๆ
แบบแพ๊คละ 5 แผ่นหรือ 10 แผ่นเนี่ยแหละค่ะ ก็เลยคิดว่าจะซื้อกลับมาเป็นของฝาก เพื่อเจอใคร
ีที่ไม่รู้จะให้อะไรก็แจกๆไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แจก เก็บไว้เองหมด ฮ่าๆๆ ..

มาดูหน้าตาซองกัน ..
Etude House Moistfull Collagen Mask Sheet

เป็นมาส์กแผ่นๆ ที่โปะทิ้งไว้ 10-15 นาที แต่ออนจะโปะจนกว่าครีมจากมาส์กจะซึมเข้าหน้าออนให้หมด
แล้วก็ทิ้งมาส์กไปได้เลย ตัวนี้เป็นตัวแรกที่ออนมาส์กไว้แล้วไม่ต้องล้างหน้าอีกครั้ง เพราะครีมจะซึมลงผิวออนพอดี
แล้วหน้าจะหยุ่นๆ เด้งๆ ด้วยค่ะ .. ตอนแรกหยิบออกมาจากซองคือแบบว่าครีมชุ่มมากกก ออนก็คิดว่าจะไหวมั้ยเนีย
แต่่มันซึมจริงๆค่ะ เน้นเลยยย ชอบม๊ากก ตอนนี้พรีออเดอร์ไปเพิ่มแล้ว ฮ่าๆ ของโปรด พลาดไม่ได้

ซูมๆใกล้ๆกับตัวมาส์กชีทค่ะ
จะเห็นได้เลยว่าอันนี้เป็นมาส์กชีทที่ชุ่มมากก แบบว่าเยิ้มมมมเลย
เทียบกับมาส์กชีทอื่นๆที่ไม่ได้มีอะไรเยิ้มออกมาขนาดนี้ จะเป็นมาส์กธรรมดา ..

เวลาจับไปจะรู้สึกหยุยๆค่ะ .. เพิ่งมารู้ทีหลังตอนมาส์กเสร็จแล้วว่ามันเหมือนเป็นตาข่ายๆ
ออนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีไว้ทำไม ลองเสิร์ชหาในกูเกิ้ลก็ไม่มีใครพูดถึง T_T"
แต่จะบอกว่ามันเวิร์มากๆเลยทีเดียว .. ตอนแรกออนคิดว่ามันคงจะเยิ้มๆ ไม่ซึม
เพราะดูจากมาส์กชีทแล้ว เนื้อมาส์กเยอะมากกกกกกกก แต่มันซึมหมดค่ะ หน้านี่เนียน
เรียบ ไม่เหนียว ไม่เหนอะเลย แต่จะเย็นๆ ดุ๋ยๆ กรี๊ดดด ชอบบบบ

อันนี้คือตาข่ายที่ติดกับแผ่นมาส์กที่ออนพูดถึงค่ะ
เห็นได้เลยว่าตอนที่ดูมาส์กก่อนจะมาส์กนั้น จะเห็นแต่เจลชุ่มๆๆๆ หยุ่นๆๆ หนาๆๆ
และไม่เห็นแผ่นมาส์กและตาข่ายเลย ผ่านไป 15-20 นาที ออนจับๆหน้าตัวเองดูว่าเนื้อมาส์ก
ซึมลงหมดแล้วก็ดึงออกค่ะ กลายเป็นแผ่นมาส์กแบบนี้เลย สุดยอดจริงๆ ครีมซึมหายปรื๊ดดด

มาดูสครับตัวใหม่กันดีกว่าา
บางคนอาจจะรู้จักแล้ว บางคนอาจจะยังไม่รู้จัก
อันนี้เป็นแบรนด์ของคนไทย เครือเดียวกับ Peach Miki นั่นเอง

Wanilla P Lover ค่ะ
โดยเซ็ตนี้มาด้วยกันค่ะ แยกได้เป็น 2 ไอเท็มก็คือ
( ราคาเซ็ตละ 750 บาท )

Wanilla P Fresh Milk Scrub
Wanilla P Strawberry Fresh Milk Scrub

เริ่มต้นที่ตัวสครับนมกันก่อนเลย

ตัวนี้จะเป็นกลิ่นนมสดๆ หอมๆ อ่อนๆ เหมาะสำหรับคนรักกลื่นนมๆ ฮ่าๆ
ส่วนสครับสตอเบอร์รี่ อันนี้เป็นเหมือนนมรสสตอเบอร์รี่ค่ะ ตามชื่อเลย จะเป็นกลิ่นนั้น

มาดูรูปเปรียบเทียบกันค่ะ
ด้านซ้ายจะเป็นมาส์กนมสด ด้านขวาเป็นมาส์กสตอเบอร์รี่นมสด ฮ่าๆ เรียกชื่อซะหวานแหววเลย

จะสังเกตุได้เลยว่าตัวมาส์กนมสด เนื้อสครับจะหยาบกว่า และเม็ดสครับจะใหญ่กว่า
ดังนั้นออนเลยพลิกแพลงตัวนี้มาขัดตัวค่ะ เพราะว่าผิวคุณแม่ออนค่อนข้างบาง ออนก็เลยไม่แน่ใจว่า
ผิวตัวเองจะบางแบบนั้นรึเปล่า เลยขอแบบเบาๆดีกว่า

ตัวนี้เอามาสครับตัวแล้วใสเนียนขึ้นมากๆค่ะ ผิวนุ่มๆด้วย เพราะมันผสมกับน้ำนม
( คล้ายๆกับที่พระนางคลีโอพัทตราอาบน้ำนมสดสมัยก่อน ) ออนจะขัดขาและแขน เน้นมากๆ
และบริเวณที่โดนแดดบ่อยๆค่ะ เพราะสีผิวในร่มผ้า ( เรียกแบบนี้รึเปล่า? ) กับสีผิวที่โดดนแดดจะต่างกัน

ส่วนสครับสตอเบอร์รี่ไว้ขัดคอ อย่าลืมนะคะ
เพราะคนเราทาแป้งที่คอ สครับบ้างก็ดีค่ะ จะได้ขัดขี้ไคลออกไป เพราะออนเคยเห็นบางคนคอดำเป็นเส้นๆเลย T_T"
หน้าขาว แต่คอดำก็ไม่ไหว ดังนั้นไหนๆทำแล้วก็ทำให้เสร็จค่ะ ตัวนี้เม็ดสครับเนียนๆ เล็กๆ ไม่บาดเลยค่ะ
สาวๆผิวบางใช้ได้โลดเลย รับรองว่าไม่มีปัญหา

กลับมาที่ Peach Miki  สุดเลิฟกันบ้างงง
ตอนนั้นใช้เป็นแบบขนาดทดลอง เพราะยังไม่แน่ใจ
ตอนนี้ถอยไซส์จริงมาแล้วค่ะ เพราะว่าพอขนาดทดลองหมด ก็เหมือนรู้สึกขาดอะไรไป T^T
ตอนนี้ใช้ไซส์จริงมาได้อาทิตย์กว่าๆ รวมกับขนาดทดลองประมาณสองอาทิตย์ ก็น่าจะเกือบๆเดือนได้ค่ะ

จะบอกว่าเด้งงงงงงงงง จริงๆ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หน้ามันใสเด้งขึ้นจริงๆ แล้วมีสาวๆหลายๆคนลองซื้อไปใช้ ก็พูดเหมือนกันว่ามันเด้ง
ออนว่ามันเป็นเพราะโยเกิร์ตค่ะ โยเกิร์ตที่เราเอามาพอกหน้า ( ออนใช้โยเกิร์ตธรรมชาติ ) จะมีส่วนช่วย
ให้ผิวขาวใสขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ คือนวลๆ ไม่ได้ขาวกระดาษเหมือนเวลาเราใช้ไวท์เทนนิ่ง และโยเกิร์ต
ก็ยังให้ความชุ่มชื้นกับผิวอีกด้วย ดังนั้นพอผิวหน้าเราเจอสิ่งนี้เข้าไปทุกวันๆ ก็เหมือนกับได้กินอาหารดีๆทุกวัน
ซึ่งเวิร์กมากๆค่ะ เพราะออนถือว่าถ้ารักที่จะแต่งหน้า ก็ต้องรักที่จะดูแลให้มากกว่านั้น เพราะถ้าแต่งอย่างเดียว
แต่ไม่ดูแล ปล่อยผิวไปตามเวรตามกรรม ผิวไม่มีทางใสแน่ๆค่ะ ถ้าผิวไม่ใสแล้ว ต่อให้แต่ง ให้โบกยังไง ก็ไม่มีออร่าค่า :D

อันนี้ยกเซ็ตเลย

Peach Miki Fresh Yogurt Foam 120ml
Peach Miki Fresh Yogurt Scrub Gel 120ml
Peach Miki Fresh Yogurt Mask 120ml

( ราคาทั้งเซ็ต 1,050 ค่ะ รู้สึกจะประหยัดมา 200 กว่าบาท )

อันนี้ภาพโดยรวมค่าา
จะเห็นได้ว่าออนมีมาส์กกับสครับเยอะมากเลย
จนดูเหมือนฟุ่มเฟือย แต่จะบอกว่ามันใช้ได้เป็นเดือนเป็นปีค่ะ
เรียกว่าซื้อครั้งเดียวแล้วไม่ต้องซื้ออีกนานนนนน เพราะว่าคนเรามาส์กหน้าอาทิตย์ละ
ประมาณ​ 1-2 ครั้ง สครับหน้า สครับตัวอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ก็สลับวนๆไป
รับรองว่าไม่ต้องซื้อสครับและมาส์กไปอีก 6 เดือนแน่ๆ

มาส์กจะเป็นเนื้อเจลๆ เจลใสๆ คล้ายๆโยเกิร์ตผสมน้ำผึ้งยังไงก็ไม่รู้
ตัวนี้พอกทิ้งไว้ หน้าจะชุ่มชื้นขึ้นค่ะ หรือจะนวดหน้าไปด้วยก็ได้ จะใช้เครื่องนวดหน้า
( สำหรับคนที่มีเครื่องนวดหน้าที่บ้าน ) หรือจะให้พนักงานที่ร้านนวดให้ ( สำหรับคนผิวแพ้ง่าย
และกลัวว่าจะแพ้ครีมจากร้านนวดหน้าทั้งหลาย ก็เอาไปให้นวดได้ ) เวิร์กมากค่าๆ

ช่วงไหนผิวกร้านๆ ก็ใช้ตัวนี้เลย หรือจะใช้มาส์กข้าวก็ได้

ส่วนตัวสครับ .. เป็นสครับเม็ดเล็กๆ ไม่บาดหน้า ไม่ระคายเคือง กลิ่นหอมตามแบบฉบับ
Peach Miki จริงๆออนชอบกลิ่นของ Peach Miki มากๆค่ะ เวลาล้างหน้าแล้วผ่อนคลาย
สบายๆ ยังไงไม่รู้รู้สึกดีค่ะ สครับนี้ใช้สครับเบาๆ วนๆ เน้นตรงจมูก เหนือขอบปาก
หน้าผากเล็กน้อย จะช่วยเรื่องสิวเสี้ยนได้ด้วย สครับมาแล้วหน้าใสปิ๊งๆเลยค่ะ เนียนๆ ใสๆ
ขึ้นกว่าเดิมด้วย

ส่วนตัวโฟมล้างหน้าไม่ต้องพูดถึง สุดยอดดดดดดดดด
ลด ละ เลิก จากน้อง Biotherm เจลล้างหน้ามาซบอกตัวนี้เลย
เพราะว่ามันสุดยอดจริงๆ ราคาน่าคบหากว่าตั้งหลายเท่าตัว ที่สำคัญหน้าใสขึ้นเห็นๆ
ดูผ่องๆ มีน้ำมีนวล .. ใช้ทั้งเซ็ตมาเกือบๆเดือน ตอนนี้วันสบายๆ ทาแค่กันแดดแบบน้ำ
ของ Biore กับแป้งพัฟ Beauty Credit หน้่่าก็เนียนทั้งวันค่ะ ไม่ต้องเติมแป้ง เติมอะไรเลย

ชอบมากๆ ถูกใจสุดๆ
เอาใจไปเลยยย ที่สำคัญตัวนี้ล้างแล้วหน้าไม่แห้งตึงด้วยค่ะ หน้าจะนิ่มๆ สบายๆ

ปิดท้ายกันไปด้วยลิปมันและลิปสครับค่ะ

Peach Miki Lip Scrub Apple
( 290 บาท )

เป็นลิปสครับอีกตัวที่ชอบมาก เพราะเม็ดสครับอ่อนๆ ไม่บาดปาก
ใช้สครับช่วงเช้าและเย็นค่ะ บางคนจะสครับก่อนแต่งหน้า แต่ออนว่าของออนไม่ทัน
เพราะปากออนเป็นขุยเยอะมาก ดังนั้นหลังแปรงฟัน ออนจะสครับเลย พอเริ่มลงสกินแคร์
ออนก้จะทาลิปมันโบกไว้ก่อน พอถึงขั้นตอนการทาปาก ปากก็จะนุ่ม เนียน พอดีค่ะ

ตัวนี้ช่วยให้เซลล์เก่าๆหลุดไปได้ดีเลยค่ะ แนะนำว่าตามด้วยลิปบาล์ม หรือลิปมันตัวอื่นๆ
หลังจากสครับ จะทำให้ปากนุ่มค่ะ ไม่งั้นอาจจะแห้งเกินไปได้

Kielh's Facial Fuel Non-Shine Moisturizing Lip Balm
( ซื้อจาก Dawanglu ที่จีนค่า .. น่าจะประมาณ 400 บาทไทย )

เป็นลิปมันตัวโปรดค่ะ เพราะออนไม่ชอบอะไรเยิ้มๆแบบพวกลิปกลอส
รำคาณมากๆ ที่สำคัญออนผมยาว แล้วผมจะชอบไปติดกับลิปมัน ผิวเหนียวอีก
ดังนั้นตัวนี้จะไม่เหนียว แต่จะลื่นๆ ที่สำคัญไม่วาวด้วยค่ะ แต่ให้ความชุ่มชื้นดี
ใช้ทุกวันเลย พอปากแห้งๆก็ทาใหม่ เวิร์กมากๆๆ ><

แวะมาแปะรูปเล็กๆ
เปรียบเทียบผิวก่อนแต่งกับหลังแต่ง

รูปแรกไม่ได้แต่งอะไรค่ะ ทาม๊อยเจอร์ธรรมดา
รูปที่สองใช้เบสกับแป้งพัฟค่ะ

วันนี้จบแค่นี้ก่อนนะค้าา
เดี๋ยวต้องรีบออกไปธุระแล้วค่า

มีอะไรถามทิ้งไว้ได้เลยค่า
เดี๋ยวคืนนี้จะกลับมาตอบค่ะ ^^

ขอบคุณค่า

ใครไม่คอมเม้นท์คราวนี้มีเคือง!! :'(
เพราะเป็น review ที่เขียนเยอะมากๆ อธิบายเยอะมากๆ แบบไม่หมกเม็ดเลย
เวลาเห็นคอมเม้นท์แล้วมีกำลังใจ ใจชื้นนนน

ฝาก MINI HOW TO : CLUBBING MAKE-UP แบบง่ายๆ ด้วยค่า