คสอ.แบรนด์ดังมีสารปนเปื้อน???
rat9คือว่า ไปอ่านเจอพอดีง่ะค่ะ
ไม่รู้ว่ารัตน์ตกข่าวเองรึเปล่า เพราะข่าวมันก็นานแล้วอะ
อ่านละมันสงสัยจริง ๆ ว่ามันยังไงกันแน่ เอามาให้ดูเผื่อมีคนไขความกระจ่างให้ได้
"ฮ่องกงพบสารโลหะในเครื่องสำอาง 4 แบรนด์ดัง
ซีน่าเน็ต 25/09/06 - สื่อฮ่องกงรายงานว่า ขณะนี้เครื่องสำอางในตลาด นอกจากผลิตภัณฑ์ของเอสเค-ทูแล้ว ยังมีเครื่องสำอางอีก 4 ยี่ห้อที่พบว่ามีสารโลหะโครเมียม และ นีโอไดเมียม ปนเปื้อนอยู่ และมีปริมาณสารปนเปื้อนมากกว่าของเครื่องสำอางเอสเค-ทู และจากผลการตรวจสอบยังชี้ให้เห็นว่า สารโลหะนี้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (เอฟดีเอ)
ทั้งนี้ ตามรายงานวันที่ 22 พบว่า ตัวอย่างเครื่องสำอางที่ได้รับการนำเข้าไปตรวจในศูนย์ทดสอบมาตรฐานของฮ่องกงหรือเอสทีซี (Standard and Testing Centre) มีสารต้องห้ามโครเมียม และนีโอไดเมียม ผสมอยู่ในเครื่องสำอาง 4 ยี่ห้อ ได้แก่ คลินิก (Clinique) ลังโคม (Lancome) เอสเต้ ลอเดอร์ (Estee luader) และ ดิออร์ (Dior) โดยคลินิก กับเอสเต้ ลอเดอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือเอสเต้ ลอเดอร์ ของสหรัฐฯ ส่วนลังโคมนั้นเป็นสินค้าในเครือลอริอัล (L'ORÉAL) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตามรายงานของเอสทีซีระบุว่า ผลิตภัณฑ์แป้งตลับของดิออร์ และ เอสเต้ ลอเดอร์ มีปริมาณของโครเมียมอยู่ 4.5 มิลลิกรัมต่อ 1,000 กรัม และ 3.9 มิลลิกรัมต่อ 1,000 กรัมตามลำดับ ซึ่งจัดว่าสูงว่าปริมาณที่ตรวจพบในเครื่องสำอางเอสเค-ทู และสูงกว่ามาตรฐานที่องค์การอาหารและยาสหรัฐกำหนดไว้ไม่ให้เกิน 1 มิลลิกรัมต่อ 1,000 กรัม ในขณะที่แป้งตลับยี่ห้อคลินิก ที่ผลิตในสหรัฐฯ และ แป้งตลับของเอสเต้ ลอเดอร์ ที่ผลิตในญี่ปุ่นนั้น มีสารนีโอไดเมียมอยู่ 1.8 มิลลิกรัมต่อ 1,000 กรัม และ 1.6 มิลลิกรัมต่อ 1,000 กรัม
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการประกาศผลออกมาเช่นนี้ แต่บริษัทลอริอัล ในประเทศจีน และ บริษัท เอสเต้ ลอเดอร์ ในประเทศจีน ก็ยังไม่มีการแสดงท่าทีแต่อย่างใด โดยอาจเป็นเพราะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของทั้ง 2 บริษัท เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ จึงยังยึดถือมาตรฐานของสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เป็นหลัก
อนึ่ง สารโลหะโครเมียม และ นีโอไดเมียมนั้น ไม่ได้เป็นสารควบคุมในเครื่องสำอางของสหภาพ ยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ โดยกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของยุโรป (COUNCIL DIRECTIVE 76/768/EEC) ได้กำหนดเพียงไม่ให้ใช้สารเหล่านี้ เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอาง แต่หากมีสารเหล่านี้ตกค้างในปริมาณที่เล็กน้อย จากขั้นตอนการผลิตอันไม่อาจหลีกเลี่ยง และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคแล้ว ก็จัดว่าอนุญาตให้มีในปริมาณนั้นได้
นักวิจัยจากบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า “โครเมียมและนีโอไดเมียม น่าจะเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนของกระบวนการผลิต แต่ถ้าไม่ใช่ บริษัทของเครื่องสำอางที่เกี่ยวข้อง ควรจะออกมาอธิบายถึงสาเหตุที่มีสารปนเปื้อนเหล่านี้เกิดขึ้น เช่นว่า มาจากน้ำในวัตถุดิบ หรือมาจากแหล่งอื่น ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถคลายความสงสัยได้” ทั้งนี้สารโครเมียม อาจจะเกิดอาการแพ้ หรือเป็นตุ่มแดงขึ้น ส่วนสารนีโอไดเมียม จะมีฤทธิ์กระตุ้นต่อดวงตาและเยื่อผิวหนัง และหากดูดซับมากๆ ก็อาจเป็นอันตรายต่อปอดกับตับได้"
โดย ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 25 กันยายน 2549
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=nanalady&id=132392 จากลิ้งค์นี้ค่ะ
สรุปว่าจะยังใช้ได้อยู่มั้ยคะเนี่ย >.<
Discussion (9)
เครื่องสำอางค์ถ้ามันมีผลอะไรมันจะไม่เห็นในทันทีอ่ะ มันเป็นผลระยะยาว
พี่ก้อเซงเหมือนกัน แง่ม