เห่อเล็ก เห่อใหญ่ เห่อไปเรื่อยสะเปะสะปะ

0 17

ก็ตามหัวเรื่องแหละ ซื้อของมั่วไปเรื่อย ไม่ค่อยมีหลักการอะไรมาก วันนี้แบ่งบางส่วน (ที่ถ่ายรูปเก็บไว้ในระยะหลัง) มาแบ่งให้ดู ทนดูหน่อยนะคะ

เริ่มจากอะไรดีล่ะ อันนี้แล้วกัน ซื้อเป็นชุดของขวัญตอนปีใหม่ ไม่ได้ให้ใครหรอก ให้ตัวเองเพราะพี่ใช้ Kiehl's ชุดนี้ ( Ultimate White ) อยู่แล้ว



ด้านนอกกล่องก่อนค่ะ สวยดี ทีแรกทางร้านจะไม่ให้กล่อง ต้องทวง

ต่อไปเป็นของข้างในเมื่อเปิดกล่องแล้ว ( ใครที่ซื้อชุดนี้แล้วเหมือนกัน ทนๆ ดูหน่อยนะ )



ในชุดประกอบด้วย (จากซ้ายไปขวา) 1. โฟมสครับ ใช้ล้างหน้า มีเม็ดขัดในตัวค่ะ 2.Toner น้ำนมค่ะ เช็ดหน้าสะอาดมาก 3. โฟมล้างหน้าค่ะ อันนี้สุดคุ้มเพราะฟองครีมเยอะมาก ใช้นิดเดียวฟอกได้ทั้งหน้าทั้งคอทั้งหัวไหล่ 4.Whithening Essence ค่ะ ใช้ทาหน้า 5. ลิปบาล์ม ใครๆ บอกว่าเป็นขั้นเทพ แต่พี่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ รู้สึกมันเยิ้มไปหน่อย 6. Whithening Moisturizer ค่ะ ใช้ลงหลังจากEssence ทั้งหมดนี้เป็นชุด Ultimate White

ต่อไป เป็น Eyeshdow ที่หลานซื้อมาให้ ยี่ห้อ Innisfree ของเกาหลีค่ะ


แอบมีแป้งของ ZA มาอวดโฉมอยู่ข้างบนด้วย (ขอแจม) แป้งตัวนี้คุมมันได้ดีค่ะ เป็นแป้งสีขาวๆ ธรรมดา ผสมวิตะมิน E
 



เอามาป้ายกับข้อแขนอันล่ำสัน (อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นขาหน้าของช้างพังนะคะ) ให้ดูสีกันชัดๆ
ที่จริงหลานให้สีส้มทองด้วย แต่มีเยอะแล้วเลยเอาไปให้เพื่อนต่อ ( ริมซ้ายสุดที่ดูคล้ายๆ สีส้ม จริงๆ แล้วเป็นสีน้ำตาลเนื้อๆ ค่ะ)

ทีนี้ เมื่อตอนกลางเดือนไปประชุมนานาชาติ ที่สิงคโปร์ ปกติถ้าบินระยะสั้นจะไม่ซื้อของบนเครื่องบิน แต่พอดีนึกไปนึกมา น้ำยาล้างเครื่องสำอางที่ตั้งใจจะแบ่งใส่ขวดเล็กมา เอามาแต่ขวดเปล่าค่ะ ลืมกรอกน้ำยา ( คนชราก็อย่างนี้แหละ ) เลยลองดูในหนังสือ Duty Free เจออันนี้เข้าพอดี




มันคือ Cleansing Oil ของ Shu Uemura ค่ะ หลายคนคงรู้จัก+ใช้อยู่




ข้างในเป็น 4 ขวดเล็ก ตามรูปบนกล่องเลยค่ะ เห็นว่าถูกดีด้วยเลยมิรอช้า สอยมาซะ ( 32 US$ ค่ะ ใช้ US$ จ่าย เพราะเก็บไว้ก็ปวดใจ ค่ามันลดลงเรื่อยๆ )

ไปถึงสิงคโปร์แล้ว เจ้าภาพจัดโปรแกรมแน่นมากๆๆๆ ระหว่างโรงแรมที่พักกับศูนย์ประชุม ต้องเดินผ่านทะลุห้างๆ หนึ่งทุกวัน ได้แต่ผ่านไปและผ่านกลับ มีอยู่วันนึงพอเจียดเวลาได้ครึ่งชั่วโมง สาวกจีบันหรือจะปล่อยให้เสียเปล่า ตรงดิ่งไปที่....




ร้านกระเป๋า+รองเท้าสัญชาติมาเลเซีย (ที่ใครต่อใครมักเข้าใจว่าเป็นของสิงคโปร์)  คว้ากระเป๋ามาได้ 1 ใบ





ใบโตเบ้อเริ่มตามสไตล์ Charles & Kieth แหละ กำลังลดราคา เหลือแค่ 44 เหรียญสิงคโปร์กับเศษสัก 70 เซ็นต์ เห็นจะได้ เป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,070 บาท มั้ง ไม่แน่ใจ )

อีกวันหนึง มีเวลาเดินลงไปใต้ถุน (ชั้นใต้ดินของศูนย์ประชุม) มันมีทางเดินเชื่อมไปหาห้างอีกห้างหนึ่ง มีเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงถึง 45 นาที (นานกว่าวันก่อนหน่อยนึง)  เดินๆ ดู เจอกระเป๋าใบนี้




สีสันแสบซ่าน เตะตา แบบก็แปลกๆ ดี เลยสอยมา ข้างบนคือด้านหน้า ( ไม่ใช่หน้าด้านนะ )



กลับด้านหลังแล้วเป็นแบบนี้ กระเป๋านี้ถือได้หลายลักษณะค่ะ เอาแขนลอดในช่องกลมๆ ตรงมุม แล้วคล้องไว้กับไหล่ ก็ได้



จะพับครึ่ง ถือแบบคลัตซ์ (กระเป๋าหนีบ) ก็ได้ หรือเอาสายมาร้อยแบบนี้ ถือเป็นกระเป๋าสะพายก็ได้

สีจริงออกเหลืองมะนาวนะคะ ไม่เข้าใจทำไมถ่ายรูปออกมาแล้วเป็นเหลืองอ๋อยซะขนาดนี้

จ่ายไปประมาณ 45 เหรียญกว่าๆ ค่ะ คงสัก 1,100 กว่าบาทนะคะ จริงๆ คิดว่าราคาเต็มน่าจะถูกกว่าของ Charles & Kieth แต่เปอร์เซ็นต์ที่ลดราคามันน้อยกว่าก็เลยทำให้ราคาที่เหลือแพงกว่า  อ้อ! เป็นยี่ห้อ F.L.Y. ค่ะ น่าจะของมาเลเซียเหมือนกัน ( เอ! หรือ Fly Now ของเราไปแปลงกายอยู่ที่นั่นหว่า )

อีกอันขอแทรกกระเป๋าซื้อในเมืองไทยช่วงต้นเดือนธันวาคมค่ะ เอามาไว้ตรงนี้จะได้อยู่กับกระเป๋าด้วยกัน



ที่ซื้อเพราะก่อนหน้านั้นซื้อกางเกงผ้ากำมะหยี่สีเดียวกันนี้มาจาก MNG ที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์ กำลังคิดๆ ว่าจะถือกระเป๋าสีอะไร ปรากฎว่าแค่ 5-6 วันถัดมาไปเดินตรงข้างๆ เมเจอร์ปิ่นเกล้า ตาเหลือบเห็นกระเป๋าใบนี้ โอ! พระเจ้าจอร์จ เจ้าเกิดมาเพื่อกางเกงตัวนั้นโดยแท้  ( เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปกางเกงมาเทียบจะรู้ว่ามันเนื้อคู่กันจริงๆ ) เนื่องจากเป็นของตลาดนัดเมเจอร์ ราคาเลยน่าคบหน่อย รู้สึกจะประมาณ 700 บาท ค่ะ

กลับไปสิงคโปร์ต่อ มีอยู่วันนึงพอมีเวลาเพราะประชุมเลิกเร็ว ( อย่างเร็วก็บ่ายสามล่ะค่ะ ) เลยไปถนน Orchard ตั้งใจไปห้าง Ion เพื่อเข้าร้าน Sephora ( เป็นศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม สาขาจากอเมริกาค่ะ ) ก็ตรงไปเลยโดยไม่คิดจะเดินที่อื่น สิ่งที่ได้มาก็คือ




มันคือน้ำหอมสัญชาติอเมริกัน แบรนด์ Juicy Couture ชื่อรุ่น Viva La Juicy อย่างที่เห็นน่ะค่ะ จะบอกว่ากลิ่น Sexy มากๆๆๆๆ




กำลังจะหยิบแบบขวดเดี่ยวๆ พนักงานประจำ shelf บอกว่ามันมีโปรโมชั่นอยู่ คือ น้ำหอมขนาด 50 ml แถม Body Lotion กลิ่นเดียวกัน ขนาด 125 ml. ในราคาเท่ากันกับซื้อเฉพาะน้ำหอมอย่างเดียว คือ 110 เหรียญสิงคโปร์ แล้วจะช้าอยู่ใย สอยโลด ยังได้ sample เป็นแบบขวดฉีดจิ๋วๆ ประมาณเท่านิ้วชี้  กลิ่นเดียวกันนี้ แถมมาให้อีก 3 ขวด

เห่อใหญ่ๆ ไปแล้ว คราวนี้เห่อแบบกระจุกกระจิกบ้างนะ มีทั้งของซื้อในไทยและนอก
ความที่พี่เป็นมนุษย์ที่ต้องเดินทาง ทั้งต่างจังหวัด (เช่นไปเที่ยว ไปปฏิบัติธรรม หรือไปสัมมนา) และต่างประเทศ ประมาณหนึ่ง เลยชอบที่จะซื้อของที่ใช้ในการเดินทางหรือไว้เรื่อยๆ

อย่างแรกคือ Tag ใส่นามบัตรติดกระเป๋า มีเป็นสิบๆ อัน เลือกมาให้ดูบางอันนะ ขี้เกียจรื้อลิ้นชัก



ต่อไป คือ



ผ้าเย็นที่เป็น deodorant (ยาปราบเต่า) ในตัวค่ะ ก่อนหน้านี้ใช้ของร้าน Boots แต่มันเป็นห่อรวมห่อใหญ่ เปิดมามีหลายแผ่น พอเจออันนี้ที่ Sephora ในสิงคโปร์ เป็นแบบแยกซองๆ ละ 1 แผ่น เลยคว้ามา 2 แพ็ค (แพ็คละ 4 ซอง ) ลองดูก่อน

ต่อไป...



มันคือเจลทาขา/ พ่นขา คลายกล้ามเนื้อเวลาเมื่อยค่ะ อันซ้ายเป็นของ Yves Rocher ซื้อในเมืองไทย เป็นผลิตภัณฑ์ของ Yves Rocher ที่ใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่วัยรุ่น เป็นสิบๆ ปีแล้วค่ะ เค้าจะผลิตต่อเนื่องแต่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเรื่อย เป็นครีมบ้าง เป็นสเปรย์บ้าง เป็นเจลบ้าง อันนี้รุ่นล่าสุดเป็นเนื้อเจลค่ะ ทาขาแล้วจะเย็นๆ เบาๆ สบาย รู้สึกถึงกล้ามเนื้อว่าเต้นระริกเลยค่ะ  ส่วนอันขวาเจอที่ Sephora เป็นแบบพ่น ก็คว้ามาอีก 2 ขวด แต่ลองใช้ดูแล้ว คิดว่าสู้ของ Yves Rocher ไม่ได้

ต่อไป...



ผ้าปิดตาเวลาอยากจะนอนในที่ที่มีแสงสว่างส่องได้ เช่น หลับบนเครื่องบิน หรือ ในรถ

ต่อไป...




มันคือแชมพูค่ะ เป็นแผ่นบางๆ ( เหมือนเมื่อไม่นานมานี้ที่บ้านเรามียาอมแผ่นใสฮิตอยู่ช่วงนึง )  กล่องนึงมี 30 แผ่น ใช้ครั้งละแผ่น พกพาสะดวกค่ะ เบาและไม่เปลืองพื้นที่

ต่อไป....



สบู่แบบแผ่น กล่องนึง 30 แผ่น เหมือนกัน ยี่ห้อเดียวกับข้างบน

ต่อไป...



กรวยจิ๋วค่ะ บางทีจะเดินทางระยะสั้นๆ ไม่อยากหอบอะไรที่มันขวดใหญ่ๆ ไป ก็จะแบ่งใส่ขวดจิ๋วๆ แต่มีปัญหาหากรวยไม่ได้ จะรินจากขวดใหญ่กรอกลงปากขวดเล็กๆ ก็เล็งไม่แม่น หกเลอะเทอะอีก เคยซื้อได้กรวยจิ๋วแบบพลาสติกอันนึง ก็ไม่ค่อยทน พอเจออันนี้ที่ Sephora เลยคว้ามา 2 อันเลย



เทียบในมือให้เห็นขนาดค่ะว่ามัน "จิ๋ว" จริง

ต่อไป..



งงล่ะสิ...ไม่เข้าพวกกะใครเลย มันคือ Bolo Tie หรือบางคนจะเรียกว่า เนคไทคาวบอย คือบางทีเวลาไปประชุมพี่จะใส่สูทค่ะ พอใส่เสื้อเชิร์ตข้างใน ผูกเน็คไทไม่เป็นค่ะ ก็เลยใช้แบบนี้แทน เท่ดีด้วยค่ะ ชอบมาก ถือเป็นของสะสมเลยก็ได้ ซื้อไว้หลายเส้น เพราะนานๆ จะเจอแบบที่หัวล็อคกับเชือกมันเล็กๆ สำหรับผู้หญิงซะที  ( ส่วนใหญ่เชือกเส้นโตประมาณล่ามควาย )  อันนี้ได้จากฟาร์มโชคชัย ในเมืองไทยนี่แหละ ราคาแพงน่าดูเหมือนกัน 3,500 บาท แน่ะ ตัดใจดังฉึบ กลืนน้ำลายหนืดๆ อีกสองเอื๊อก แต่ก็ซื้ออยู่ดีแหละ



นี่เป็นอีกเส้นนึง เป็นเส้นโปรดเลยก็ว่าได้ ซื้อจากอาร์เมเนีย (เป็นประเทศเล็กๆ ประเทศนึงที่แยกจากรัสเซีย ตอนระบบคอมมิวนิสต์ล่ม )  ตรงกลางหัวล็อคเป็นพลอยสีน้ำเงินอมเทาค่ะ ซื้อจากตลาดนัดวันอาทิตย์ของเขาน่ะค่ะ จำได้ว่ายืนต่อซะเกือบตาย ใช้ภาษาจนเมื่อยมือไปหมด (เค้าแทบจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลยค่ะ ทั้งตลาดมีพูดภาษาอังกฤษ "นิดโหน่ย" อยู่ไม่เกิน 2 คน ตลาดนั้นขายของที่ระลึก ชิ้นละประมาณ 300 - 500 ดราห์มส์ (เงินของเขา) เป็นส่วนใหญ่ อันนี้ตั้ง 40,000 ดราห์มส์ ( รู้สึกจะประมาณสองพันกว่าบาทไทย ) ยืนต่ออยู่เป็นครึ่งค่อนชั่วโมงแน่ะ กว่าจะได้ราคานี้

เพื่อนมาเรียกกินข้าวแล้วค่ะ จบการนำเสนอแต่เพียงเท่านี้

คงมีใครผ่านมาแวะดูกรุคนชรามั่งนะคะ

สวัสดี พี่น้องชาวไทย

 

 


yol

yol

old at age but young at heart

FULL PROFILE

Comment

เขียนความเห็นได้เลยจ้า..

Recent comments ความคิดเห็นล่าสุด